HELLO SOULMATE || โดย Ni_นิว || ตอนที่ 1 : ชมพูแพร

กระทู้สนทนา


PROLOGUE


    “ไอ้ติณณ์! เอ็งยังมีหน้ามากินข้าวอีกเหรอ!”

    พลั่ก!

    ส้อมที่ตักก๋วยเตี๋ยวคั่วไก่กำลังจะเข้าปากลอยละลิ่ว คนที่นั่งใกล้ๆ กับฉันตะโกนอีกชื่อของตัวเงินตัวทองออกมาเสียเสียงดัง ฉันหันขวับไปมองคนที่เป็นต้นเหตุของแรงปะทะบนหัวของฉันทันที

    ต้องขอทวนเล็กน้อย เมื่อวินาทีเมื่อกี้ฉันนั่งกินข้าวอยู่ที่โรงอาหารคณะเงียบๆ คนเดียว ไม่ใช่ว่าไม่มีเพื่อนแต่คนอื่นกำลังไปซื้อข้าวมาทานกันอยู่เท่านั้นและฉันไปซื้อร้านที่แถวสั้นที่สุดเลยได้มาเร็วก็แค่นั้น และเมื่อกี้ ตอนที่ฉันกำลังจะเอามันเข้าปากในคำแรกมันก็มีอะไรก็ไม่รู้มาฟาดที่หัวของฉัน! หัวของฉันเลยนะ!

    “เฮ้ย!” คนที่น่าจะเป็นต้นเหตุของแรงกระแทกนั้นร้องเสียงดัง มือของเขาถูกยกไว้ตำแหน่งเหนือหัวของฉันอย่างพอดิบพอดี มันแปลกๆ หรือเปล่า เขามาตบหัวฉันเองนะ ทำไมมาร้องเฮ้ยได้เล่า

    ฉันเงยหน้ามองอีกฝ่าย ผู้ชายที่น่าจะเป็นรุ่นพี่ (สำหรับเด็กปีหนึ่งแล้วมองยังไงๆ ก็เห็นคนรอบตัวเป็นรุ่นพี่ไปหมด) หัวเกรียน ไว้เคราแพะแบบหน้าโคตรจะเถื่อน ตัวประมาณร้อยเจ็ดสิบ ผิวเกรียมแดดเล็กน้อย

    “ไม่ใช่ติณณ์เหรอ”เขาถาม

    ฉันขมวดคิ้ว “อะไรนะ...คะ” คำสุดท้ายถูกยกมาช้าหน่อยเพราะเพิ่งสำเหนียกได้ว่าเขาเป็นพี่ อันที่จริงฉันไม่ต้องสุภาพกับคนที่ทำตัวไร้มารยาทกับฉันก็ได้

    “พี่ว่าพี่ทักคนผิด” เขาโค้งหัวให้ทันที พูดด้วยน้ำเสียงตื่นๆ “ขอโทษด้วยจริงๆ”

    ฉันนิ่วหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไร พยักหน้าเออๆ ออๆ อย่างงงๆ

    พี่เขาโค้งไม่หยุด ทำท่าจะเดินไปอีกทาง แต่จู่ๆ ก็หันหลังกลับมาเอามือสองข้างจับไหล่ฉัน “เดี๋ยว ขอถามหน่อย”

    “คะ?”

    “มีพี่ชายใช่รึเปล่า”

    ฉันขมวดคิ้วผูกกันเป็นโบว์บนกล่องของขวัญมากกว่าเก่าก่อนที่จะพยักหน้าตอบกลับไปอย่างงงๆ “มี”

    เขาเอามือสองข้างตบหากันเสียงดัง “ว่าแล้ว!” แถมยังพูดเสียงดังพอๆ กับตบมืออีกต่างหาก “เข้าใจแล้วๆ ขอโทษจริงๆ นะ” รอบนี้พี่เขาถึงกับยกมือสองข้างไหว้ ฉันผงะอย่างตกใจ เดี๋ยวสิ ปกติถึงเขาผิดจริง แต่รุ่นพี่เขาไหว้รุ่นน้องปีหนึ่งกันหรือยังไง “อย่าบอกพี่ชายน้องนะว่าพี่ตบหัวน้อง”

    “ฮะ?” ฉันร้องออกมาเสียงหลง ก่อนที่จะพยักหน้าอย่างงุนงง

    ...เดี๋ยวนะ ฉันจะบอกพี่ทำไม กะไอ้แค่โดนคนทักผิดแล้วตบหัวนี่ฉันต้องไปแจ้งพี่ชายที่อยู่กรุงเทพฯ เลยหรือนี่

    พี่เขายิ้ม “ดีมากๆ” เอามือตบไหล่ฉันเบาๆ แบบใส่แรงเล็กน้อย “ขอบคุณมากนะ พี่ไปล่ะ”

    “เดี๋ยวค่ะ!” ฉันร้องห้ามเมื่อนึกอะไรขึ้นมาได้

    พี่คนนั้นหันมายิ้ม แต่เป็นรอยยิ้มที่ดูเจื่อนๆ เหมือนกับกลัวอะไรบางอย่าง “อะไรเหรอจ๊ะ?”

    “รบกวนไปขอส้อมใหม่ให้หน่อยได้มั้ยคะ”



    
    ผมกอดอก รอไอ้ดุ่ยที่ไม่รู้หายหัวไปไหนด้วยความหงุดหงิดพลางเหลือบมองนาฬิกา อีกไม่ถึงสามนาทีมันเป็นเวลานัดของผม และหมายความว่าผมต้องวิ่งไปที่ลานประชุมภายในสามนาที ซึ่งนั่นหมายถึงมันจะโผล่มาที่นี่ในวินาทีนี้ แต่มันก็ยังไม่มา

    สองนาทีสี่สิบเอ็ดวิ... สองนาทีสี่สิบวิ...

    “ไอ้ติณณ์! ข้ามาแล้วๆๆ”

    ผมหันขวับ ไอ้ดุ่ยหอบแฮ่กๆ “เอ็งไปตกถังขี้ที่ไหนมา เร็วๆ” ทันทีที่เห็นมันก็สตาร์ทตัววิ่งทันที ชักช้าจะไปไม่ทัน เสียภาพลักษณ์อีกต่างหาก

    “น้องเอ็งนั่นแหละ!” มันโวยวายเสียงดังเพราะยังไม่ทันปล่อยให้มันหายใจก็ต้องวิ่งต่อแล้ว

    ผมขมวดคิ้ว “ฮะ?”

    “ก็ที่มาเอ็งสายเพราะน้องสาวเอ็งนี่แหละโว้ย” มันย้ำ “คิดหรือว่าคนอย่างไอ้ดุ่ยจะมาสาย ถ้าน้องเอ็งไม่...”

    “น้องข้า?” ผมทวนเสียงฉงน “น้องไหน? ไอ้เจย์...”คิดชื่อน้องรหัสออกมาเป็นคนแรก

    “น้องสาวเอ็งไง!”

    ผมหยุดวิ่งทันที ถามย้ำอีกครั้งด้วยความงุนงง “น้องข้าเนี่ยนะ?”

    “น้องสาวเอ็งน่ะสิ!” มันพยักหน้ายืนยัน “มีน้องก็ไม่บอก ถึงอย่างงั้นไอ้ดุ่ย ไม่ดิ.. ใครๆ ก็รู้ล่ะวะว่าเป็นน้องเอ็ง หน้าเหมือนกันอย่างกับแกะ ดีเอ็นเอก๊อปปี้กันมาชัดๆ” มันส่ายหน้าไปมา “น่ากลัวชิบเป๋งที่ต้องเจอคนหน้าเหมือนเอ็งตั้งสองคนในโลก”

    ผมยังไม่หายงง “ไปเจอน้องที่ไหน”

    “ที่โรงอาหารคณะ”

    “ฮะ?”

    “ยังจะมางงอะไรอีกเล่า! จะรีบไปมั้ย ถ้าไปว้ากน้องสายจะ...”

    “น้องจะมาอยู่ที่นี่ได้ยังไง ตาลเพิ่งป. สี่” ผมพูดออกมาในที่สุดหลังจากไอ้ดุ่ยพล่ามจนไม่ยอมให้ผมพูดเลย

    คราวนี้เป็นไอ้ดุ่ยทำหน้างง “อะไรนะ?”

    “เออ น้องข้าเพิ่งอยู่ป. สี่ อยู่กรุงเทพฯ ด้วย มันจะโผล่มาที่นี่ได้ยังไง”

    ไอ้ดุ่ยนิ่งไปเลย ตาของมันแทบจะถลนออกมาจากเบ้าอยู่แล้ว สุดท้ายมันก็โวยวายออกมาเสียงดัง “จะเป็นไปได้ยังไง นั่นมันน้องเอ็งแน่ๆ เขาบอกว่ามีพี่ชายด้วย!”

    “แล้วเขาบอกเหรอว่าพี่ชายเขาชื่ออะไร”

    “...” มันเงียบ เหมือนกับเพิ่งนึกขึ้นได้ “ไม่ว่ะ”

    “เออ แล้วมันจะเป็นน้องข้าได้ยังไง บ้าเรอะ”

    “แต่น้องเขาหน้าเหมือนเอ็งจริงๆ นะเว้ยยย เหมือนแบบเป็นน้องสาวข้ายังทักผิด” มันเถียง แต่ผมส่ายหน้า คิดในใจเองว่ามันประสาทไปแล้วรึเปล่า เรียนมากไปอะไรอย่างนี้ ก่อนหน้านี้มีควิซแบบไม่บอกไม่กล่าว อาจจะทำให้มันเบลอๆ ก็เป็นได้ “เอ็งต้องเชื่อข้าดิติณณ์”

    “ปัญญาอ่อน เอ็งเบลอเอง”

    “ไม่ใช่!” มันว่าเสียงแข็ง “ใครๆ เห็นก็ต้องคิดว่าเป็นพี่น้องเอ็งแน่ หน้าเหมือนเอ็งมาก อย่างกับฝาแฝด”

    “ไม่มีทาง ข้าว่าเอ็งประสาทกิน”

    “จริงๆ!” มันยังเถียงไม่หยุด “น้องเขาเหมือนเอ็งมากๆๆๆๆๆ เลยเว้ย”

    ผมกลอกตาไปมาอย่างปวดหัวกับมัน จะบ้ารึ... ผู้หญิงกับผู้ชายที่ไหนมันจะหน้าเหมือนกันได้ขนาดนั่นกันเล่า ยังไงๆ ผมก็คิดออกแค่ไอ้ดุ่ยมันตาเพี้ยนไปเท่านั้น

    แต่มันยังไม่ยอมแพ้ ประกาศออกมาเสียเสียงดังลั่นในขณะที่ผมสายหน้า “ถ้าน้องเขาไม่ได้มีสายเลือดเดียวกับแกจริงๆ น้องเขาก็เป็นคงเนื้อคู่แกแล้วล่ะวะ!”
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่