แข้งกับพู่กัน

เยี่ยมกับผันเป็นคู่แข่งความรัก แย่งกันจีบบุหงา สาวงามประจำหมู่บ้าน มาตั้งนานแล้ว โดยเยี่ยมนั้นเป็นนักมวยมีชื่อระดับจังหวัด ส่วนผันนั้นเป็นจิตรกร

"แค่คนเขียนรูปอย่างเอ็งมีดีอะไรวะ ทำไมไม่หลีกทางไปวะ"
"ข้ามีร้านขายเครื่องเขียน เอ็งก็รู้ เอ็งต่างหากล่ะ จะชกมวยต่อไปได้อีกกี่ปี ถ้าขึ้นชกไม่ไหวแล้ว ต่อไปจะทำอะไร"
"มาต่อยกันมั้ยล่ะ ตัดสินกันอย่างลูกผู้ชาย"
"ถ้าจะตัดสินอย่างลูกผู้ชาย มาดวลปืนกันดีกว่ามั้ง ถ้าเอ็งไม่มีปืน ข้าจะให้ยืมก็ได้"

พ่อของผันที่เสียชีวิตไปแล้วเป็นตำรวจ สอนให้ผันยิงปืนมาตั้งแต่เด็ก ถ้าไม่ใช่เพราะโรคหอบ ผันก็คงสอบเข้าโรงเรียนตำรวจเช่นกัน

ที่เยี่ยมไม่กล้าลงไม้ลงมือกับผัน เพราะรู้ว่ามันมีปืนนี่แหละ  

ผันไม่โง่ที่จะชกกับเยี่ยม เยี่ยมก็ไม่กล้าดวลปืนด้วย  ทั้งสองฝ่ายจึงยันกัน ได้แต่โจมตีกันด้วยปาก อยู่อย่างนี้

"เอาอย่างนี้ วันพุธหน้า เอ็งไม่มีชกใช่มั้ย งั้นตอนเช้า มาตัดสินกันที่บ้านข้า" ผันเสนอขึ้นมา

"เอ็งจะทำไมวะ"

"ไว้วันนั้นเอ็งมา เอ็งก็จะรู้"

...

เมื่อถึงเวลานัด เยี่ยมพาเพื่อนในค่ายมวยเดียวกันสิบกว่าคนมาด้วย กันผันเล่นสกปรก อย่างคิดจะเอาชนะด้วยกำลังโดยการพาพวกมารุมกระทืบเขา
หรืออีกที เขาคิดว่าผันอาจจะไปหานักมวยตัวฉกาจมาชกกับเขา ให้คนอื่นเห็นว่าเขามันกระจอก

เยี่ยมกับเพื่อนๆไปถึงหน้าบ้านผัน เห็นผันยืนรออยู่หน้าบ้าน แต่ไม่ได้อยู่คนเดียว มีผู้ใหญ่เบี้ยว พ่อของบุหงากับลูกน้องอีกคนอยู่ด้วย

ผู้ใหญ่เบี้ยวพอรู้เรื่องนัดหมายท้าดวลระหว่างผันกับเยี่ยมก็ต้องมาดู ไม่ใช่มาเป็นพยาน แต่มาเพื่อป้องกัน ไม่ให้มีอะไรรุนแรงเกิดขึ้น ไม่ใช่เพราะเป็นห่วงไอ้หนุ่มสองคนนี่หรอก แต่ห่วงชื่อเสียงของนังบุหงา ถ้ามีคนตีกันตายเพราะมัน

"สวัสดีจ้ะ ผู้ใหญ่" เยี่ยมตรงเข้าไปไหว้ว่าที่พ่อตา  ผู้ใหญ่เบี้ยวไม่ได้ยกมือรับไหว้ แค่พยักหน้าให้

"ข้ามาแล้ว เอ็งจะเอาไง ไอ้ผัน" เยี่ยมหันไปถาม

"ตามข้ามาสิ"

ผันเดินนำทุกคนไปที่หลังบ้าน เมื่อมาถึง ก็ชี้มือไปยังต้นกล้วยที่ส่วนยอดถูกตัดออกไปแล้วเหลือแต่ลำต้นสูงเกินหน้าอกมาเล็กน้อย

"กล้วยต้นนี้ ถ้าเอ็งเตะมันหักได้ภายในสิบที ข้าจะไม่ยุ่งกับบุหงาอีก"

เยี่ยมขำพรืด เช่นเดียวกับเพื่อนในค่ายมวยที่มาด้วยกัน

"เป็นไง ทำไม่ได้ใช่มั้ย" ผันยังท้าทาย

เยี่ยมยกฝ่ามือขึ้นตรงหน้าผัน เหมือนจะห้ามผันไม่ให้พูดต่อ

"ไหนเอ็งว่าเป็นนักมวยที่เก่งกาจนักไม่ใช่เหรอ"

ฝ่ามือที่เยี่ยมยกขึ้นมากางออก แล้วส่ายไปมาช้าๆ

"อะไรของเอ็งวะ"

"แค่ห้าก็พอ" เยี่ยมพูด "ถ้าข้าเตะมันไม่หักหรือไม่ล้มภายใน 5 ที ข้าก็จะไม่ยุ่งกับบุหงา แล้วจะกราบตีนเอ็งด้วย แค่ถ้าข้าทำได้ภายใน 5 ทีล่ะก็..."

"ได้ ข้าก็จะกราบตีนเอ็งด้วย" ผันกอดอก ยักคิ้วตอบ

เพื่อนของเยี่ยมพากันหัวเราะลั่น โห่ฮาป่า

"เอาเลย พี่เยี่ยม โชว์ให้มันดูหน่อย"

ไอ้ผันรู้จักนักมวยน้อยไปซะแล้ว ต้นกล้วยขนาดแค่โคนขาผู้ชาย อย่าว่าแต่เยี่ยมเลย พวกมันก็เตะหักได้ใน 5 ที  เห็นชัด เยี่ยมชนะพนันแหงๆ

รอยยิ้มเหยียดอยู่บนปากเยี่ยม เขาไม่เสียเวลาพูดอีกแม้แต่น้อย เดินเข้าไปกะระยะ  

เป้านิ่งแบบนี้ เขาตั้งหลักเตะได้เต็มที่ ใช้แรงตั้งแต่ขาซ้าย ผ่านเอวบิดเสริมแรง เหวี่ยงขาขวาเต็มแรง ตั้งใจจะเตะให้ขาดสองท่อนในทีเดียว

ปลายแข้งกระทบเป้าหมายอย่างแม่นยำและหนักหน่วง

เสียงดัง  ตุบ

คนดูที่คิดว่าจะได้ยินเสียงแข้งฟาดกับต้นกล้วยดังสนั่น ต่างแปลกใจไปตามๆกัน  แต่เสียงที่ตามมาหลังจากนั้น ดังจนคนฟังคอย่น

"เเอี๊ยี้อยยยาาาากกกกกกกก!!!!"

ความเจ็บปวดจากหน้าแข้งไหลลามมาถึงสมองจนเยี่ยมร้องไม่เป็นภาษา ล้มลงไปนอนกุมขาชักดิ้นชักงอ

เพื่อนๆที่หายจากอาการตกตะลึงรีบวิ่งเข้าไปดู  ส่วนผันซึ่งคาดการณ์ได้อยู่แล้วว่าจะเป็นอย่างนี้  เดินเข้าไปเฉลยให้เยี่ยมฟัง

"เอ็งบอกว่านักมวยอย่างเอ็งดีกว่าจิตรกรอย่างข้าไง  ข้าก็เลยหล่อเสาปูน แล้ววาดเป็นต้นกล้วยให้เอ็งเตะให้ดู"

ผันตบ 'ต้นกล้วย' อย่างภูมิใจ  ขณะที่เยี่ยมยังครางหงิงอย่างกับลูกหมา

"เป็นไง ข้าวาดเหมือนมั้ย"

................................................................................................................................................................
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่