นิพพานชั่วคราวของท่านพุทธทาสนั้นต่างจากนิพพานในคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะเป็นคำที่ท่านพุทธทาสตั้งขึ้นมาและนิยามขึ้นมาเอง
ทั้งนี้เจตนาเพื่อสิ่งใด เสียดายที่ท่านมรณภาพไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจักได้ถามให้กระจ่างชัด
แต่ทั้งนี้หากมองในแง่ที่ดี ก็คงเป็นเจตนาดีของท่าน (ท่านคงเล็งเห็นแต่ผลดี แต่ผลเสียอาจไม่ได้คิดถึง)
เพื่อจะให้คนทั่วไปเห็นว่านิพพานนั้นเป็นของง่าย ไม่ยาก สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
เพียงแค่ทำใจให้สงบปราศจากโลภะ โทสะ (แต่โมหะยังอยู่เต็ม) ใจเฉยๆเป็นอุเบกขา ก็ถือว่านิพพานชั่วคราวแล้ว
(ซึ่งทำให้คนมากมายเข้าใจผิดในนิพพานที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า)
แล้วถ้ากระทำให้นิพพานชั่วคราวเกิดขึ้นบ่อยๆ จนกระทั่งเกิดความเคยชิน จะกลายเป็นนิพพานถาวร
(ซึ่งทำให้คนมากมายเข้าใจผิดในนิพพานที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะนิพพานที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนนั้นเป็นจิตที่ปราศจากโลภะ โทสะ และโมหะ อย่างสิ้นเชิง)
คำสอนของท่านพุทธทาสได้แค่กระตุ้นให้คนทำใจให้สงบ
แต่เพื่อให้ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ให้คนรู้สึกดีที่จะกระทำ
นิพพานถาวรของท่านพุทธทาสไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้เลย
หากไม่เข้าใจจนกระทั่งเกิดปัญญารู้แจ้งซึ่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ใช่เพียงทำจิตทำใจให้สงบ หรือว่างบ่อยๆ เพราะแม้จิตสงบ จากนิวรณ์ แต่ปัญญายังไม่เกิด
เป็นการสงบเพียงชั่วคราว เมื่อมีสิ่งกระทบภายนอกหรือภายใน ย่อมยังให้จิตหวั่นไหว
ไม่สามารถที่จะสงบได้อย่างถาวร ซึ่งต่างจากนิพพานตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นจิตที่ปราศจากกิเลสทั้ง โลภะ โทสะ โมหะ อย่างสิ้นเชิง
แม้มีสิ่งมากระทบก็ไม่หวั่นไหว ยังคงสงบอยู่เป็นปกติ
การที่จะมีปัญญารู้แจ้งนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านพุทธทาสเข้าใจ
การที่จะนิพพานตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ดังที่พระพุทธเจ้าพิจารณาหลังจากตรัสรู้ใหม่ๆว่าเป็นของยาก
แต่ก็ไม่ได้เป็นของที่ยากจนเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ที่ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติ
การจะถึงซึ่งพระนิพพานนั้นควรจะศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกซึ่งได้ผ่านการสังคายนาเพื่อความสมบูรณ์และถูกต้องมากที่สุด
ตามที่ปรากฏอยู่ในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
หรือศึกษาจากครูบาอาจารย์ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติจริง โดยที่คำสอนนั้นไม่ขัดแย้งกับพระไตรปิฎก
เพิ่มเติมครับ เห็นมีสมาชิกต้องการให้เอาคำกล่าวของท่านมาลงทั้งหมด
http://www.buddhadasa.com/shortbook/nippanforall.html
นิพพานชั่วคราวของท่านพุทธทาส
เพราะเป็นคำที่ท่านพุทธทาสตั้งขึ้นมาและนิยามขึ้นมาเอง
ทั้งนี้เจตนาเพื่อสิ่งใด เสียดายที่ท่านมรณภาพไปแล้ว ไม่เช่นนั้นจักได้ถามให้กระจ่างชัด
แต่ทั้งนี้หากมองในแง่ที่ดี ก็คงเป็นเจตนาดีของท่าน (ท่านคงเล็งเห็นแต่ผลดี แต่ผลเสียอาจไม่ได้คิดถึง)
เพื่อจะให้คนทั่วไปเห็นว่านิพพานนั้นเป็นของง่าย ไม่ยาก สามารถเข้าถึงได้ทุกคน
เพียงแค่ทำใจให้สงบปราศจากโลภะ โทสะ (แต่โมหะยังอยู่เต็ม) ใจเฉยๆเป็นอุเบกขา ก็ถือว่านิพพานชั่วคราวแล้ว
(ซึ่งทำให้คนมากมายเข้าใจผิดในนิพพานที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า)
แล้วถ้ากระทำให้นิพพานชั่วคราวเกิดขึ้นบ่อยๆ จนกระทั่งเกิดความเคยชิน จะกลายเป็นนิพพานถาวร
(ซึ่งทำให้คนมากมายเข้าใจผิดในนิพพานที่เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้า
เพราะนิพพานที่พระพุทธเจ้าตรัสสอนนั้นเป็นจิตที่ปราศจากโลภะ โทสะ และโมหะ อย่างสิ้นเชิง)
คำสอนของท่านพุทธทาสได้แค่กระตุ้นให้คนทำใจให้สงบ
แต่เพื่อให้ฟังดูแล้วยิ่งใหญ่ให้คนรู้สึกดีที่จะกระทำ
นิพพานถาวรของท่านพุทธทาสไม่มีทางจะเกิดขึ้นได้เลย
หากไม่เข้าใจจนกระทั่งเกิดปัญญารู้แจ้งซึ่งพระธรรมคำสอนของพระพุทธเจ้า
ใช่เพียงทำจิตทำใจให้สงบ หรือว่างบ่อยๆ เพราะแม้จิตสงบ จากนิวรณ์ แต่ปัญญายังไม่เกิด
เป็นการสงบเพียงชั่วคราว เมื่อมีสิ่งกระทบภายนอกหรือภายใน ย่อมยังให้จิตหวั่นไหว
ไม่สามารถที่จะสงบได้อย่างถาวร ซึ่งต่างจากนิพพานตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งเป็นจิตที่ปราศจากกิเลสทั้ง โลภะ โทสะ โมหะ อย่างสิ้นเชิง
แม้มีสิ่งมากระทบก็ไม่หวั่นไหว ยังคงสงบอยู่เป็นปกติ
การที่จะมีปัญญารู้แจ้งนั้นไม่ได้ง่ายอย่างที่ท่านพุทธทาสเข้าใจ
การที่จะนิพพานตามคำสอนของพระพุทธเจ้านั้นไม่ใช่เรื่องง่ายๆ
ดังที่พระพุทธเจ้าพิจารณาหลังจากตรัสรู้ใหม่ๆว่าเป็นของยาก
แต่ก็ไม่ได้เป็นของที่ยากจนเป็นไปไม่ได้สำหรับผู้ที่ตั้งใจมั่นในการปฏิบัติ
การจะถึงซึ่งพระนิพพานนั้นควรจะศึกษาและปฏิบัติตามคำสอนของพระพุทธเจ้า
ซึ่งมีปรากฏอยู่ในพระไตรปิฎกซึ่งได้ผ่านการสังคายนาเพื่อความสมบูรณ์และถูกต้องมากที่สุด
ตามที่ปรากฏอยู่ในพุทธศาสนานิกายเถรวาท
หรือศึกษาจากครูบาอาจารย์ที่ได้ศึกษาและปฏิบัติจริง โดยที่คำสอนนั้นไม่ขัดแย้งกับพระไตรปิฎก
เพิ่มเติมครับ เห็นมีสมาชิกต้องการให้เอาคำกล่าวของท่านมาลงทั้งหมด
http://www.buddhadasa.com/shortbook/nippanforall.html