ความทุกข์ในอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้าคือความรู้สึกทรมานใจ อันได้แก่ความรู้สึกเศร้าโศก เสียใจ คับแค้นใจ แห้งเหี่ยวใจ ไม่สบายใจ เป็นต้น ที่เกิดขึ้นมาจากกิเลส (ความยึดถือร่างกายและจิตใจนี้คือตัวเรา-ของเรา)
นิพพาน คือความสงบเย็นของจิตเมื่อจิตไม่มีกิเลสและนิวรณ์ (นิวรณ์คือกิเลสอ่อนๆ) ทั้งอย่างชั่วคราวและถาวร
นิพพานมันก็มีเองได้ตามธรรมชาติเมื่อจิตมันถูกกิเลสแผดเผาจนอ่อนล้าแล้วมันก็ดับลงของมันเองได้ (ถ้าไม่ดับเราก็คงเป็นบ้าตายไปแล้ว)
แต่ถ้าเรามีปัญญา (ความเข้าใจว่ามันไม่มีตัวเราอยู่จริง) ศีล (จิตที่ปกติ) และ สมาธิ (จิตที่บริสุทธิ์ ตั้งมั่น อ่อนโยน) ตามหลักอริยมรรคพร้อมเมื่อใด กิเลสก็ดับ นิพพานก็ปรากฏ แต่ถ้าศีล หรือสมาธิหายไป ปัญญาก็จะหายตามไปด้วย จึงทำให้นิพพานพลอยหายตามไปด้วย
ปัญญาเกิดมาจากการฟังหรืออ่าน (เรื่องร่างกายและจิตใจเป็นอนัตตา) แล้วนำเอามาคิดพิจารณาจนเข้าใจแล้วนำเอาความเข้าใจมาทดลองปฏิบัติจนเกิดผลจริง จึงจะเกิดปัญญา ส่วนศีลต้องตั้งใจที่จะไม่เบียดเบีบนชีวิตและทรัพย์สินของผู่อื่น ไม่พูดคำหยาบ โกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้า ส่วนสมาธิเกิดจากการฝึกฝนมาก่อน
การมีปัญญา ศีล สมาธิ จึงทำให้เราสามารถดับทุกข์ได้ตามปรารถนา แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม แต่ถ้าเราสามารถปฏิบัติปัญญา ศีล และสมาธิได้อย่างต่อเนื่องนานๆ นิพพานก็จะปรากฏแก่จิตของเราได้อย่างถาวร (คือตลอดชีวิต)
เมื่อจิตไม่มีกิเลสมันก็นิพพาน
นิพพาน คือความสงบเย็นของจิตเมื่อจิตไม่มีกิเลสและนิวรณ์ (นิวรณ์คือกิเลสอ่อนๆ) ทั้งอย่างชั่วคราวและถาวร
นิพพานมันก็มีเองได้ตามธรรมชาติเมื่อจิตมันถูกกิเลสแผดเผาจนอ่อนล้าแล้วมันก็ดับลงของมันเองได้ (ถ้าไม่ดับเราก็คงเป็นบ้าตายไปแล้ว)
แต่ถ้าเรามีปัญญา (ความเข้าใจว่ามันไม่มีตัวเราอยู่จริง) ศีล (จิตที่ปกติ) และ สมาธิ (จิตที่บริสุทธิ์ ตั้งมั่น อ่อนโยน) ตามหลักอริยมรรคพร้อมเมื่อใด กิเลสก็ดับ นิพพานก็ปรากฏ แต่ถ้าศีล หรือสมาธิหายไป ปัญญาก็จะหายตามไปด้วย จึงทำให้นิพพานพลอยหายตามไปด้วย
ปัญญาเกิดมาจากการฟังหรืออ่าน (เรื่องร่างกายและจิตใจเป็นอนัตตา) แล้วนำเอามาคิดพิจารณาจนเข้าใจแล้วนำเอาความเข้าใจมาทดลองปฏิบัติจนเกิดผลจริง จึงจะเกิดปัญญา ส่วนศีลต้องตั้งใจที่จะไม่เบียดเบีบนชีวิตและทรัพย์สินของผู่อื่น ไม่พูดคำหยาบ โกหก ส่อเสียด เพ้อเจ้า ส่วนสมาธิเกิดจากการฝึกฝนมาก่อน
การมีปัญญา ศีล สมาธิ จึงทำให้เราสามารถดับทุกข์ได้ตามปรารถนา แม้จะเป็นเพียงชั่วคราวก็ตาม แต่ถ้าเราสามารถปฏิบัติปัญญา ศีล และสมาธิได้อย่างต่อเนื่องนานๆ นิพพานก็จะปรากฏแก่จิตของเราได้อย่างถาวร (คือตลอดชีวิต)