คือ..เรื่องนี้เป็นเรื่องสร้างความอึดอัดมากว่าครึ่งปีแล้วค่ะ
เรื่องมีอยู่ว่า..เรากับสามีตกลงจะทำธุรกิจส่วนตัวด้วยกัน ลงทุนหมดเงินไปร่วมแสนค่ะ แต่พอดำเนินกิจการไปประมาณครึ่งปี เราคิดว่าผลกำไรที่ได้มันไม่ได้เป็นตามที่หวังไว้ จึงจะเลิกกิจการ พอดีญาติสามีทราบว่าจะเลิกกิจการ จึงจะขอมาทำต่อ โดยการตกลงในตอนแรก คือ เราเซ้งร้านให้เขาในราคา 60000 บาท เนื่องจากเป็นญาติกัน ตกลงกันว่าเขาจะผ่อนให้เราเดือนละ 5000 บาท ซึ่งเขาก็รับปากเป็นอย่างดี เราก็จัดแจงให้เขาทุกอย่าง เขาเริ่มกิจการโดยไม่ต้องมีเงินสักบาท เงินทุน เงินทอน เรายกให้เขาหมด ถือว่าอยู่ใน 60000 ที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งสัญญาเช่าตึก ค่ามัดจำตึกทุกอย่าง ยังเป็นชื่อของเรา
เดือนที่ 1 เรายังไม่ได้เงินใดๆ จากเขาสักบาท
เดือนที่ 2 ก็ยังเงียบตามเดิม
เราก็เริ่มคิดแล้วว่า ไม่คิดจะให้เราบ้างเลยหรอ เราจึงให้สามีไปให้ข้อตกลงใหม่ว่าผ่อนเดือนละ 2000 ก็ได้ เขาก็รับปากว่าจะให้
พอมาเดือนที่ 3 เราก็ยังไม่ได้รับเงินเหมือนเดิม แต่ที่แย่กว่านั้น คือ เขาจ่ายค่าเช่าตึกไม่ตรงเวลา เจ้าของตึกก็โทรมาทวงกับเราทุกวัน เราก็ต้องไปติดตามอยู่หลายวัน สรุปมีเรื่องให้เราต้องหงุดหงิดใจตามทวงค่าเช่าตึกไปเป็นสัปดาห์
และเดือนที่ 4 .. 5 .. 6 ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
คือ เราเบื่อมากอะ เราเคยถามเขานะว่าทำไมแต่ละวันไม่ดึงค่าเช่าตึกไว้ วันละ 300 ก็ได้ค่าเช่าแล้ว เขาตอบกลับมาว่า ถ้าดึงค่าเช่า เขาก็ไม่มีเงินกิน เรางงมาก ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเขาขายได้ กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยังไงก็ต้องได้เดือนละ 10000 กว่าบาท (จากเดิมเขาไม่มีรายได้อะไรเลย เมื่อก่อนสามีเขาทำงานคนเดียว เขาเป็นแม่บ้านขายของชำเล็กๆน้อยๆที่บ้าน) แต่นี่มีรายได้เพิ่มมาเดือนละเป็นหมื่น กลับไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง
เราขอปรึกษานะคะ..เราพอจะมีทางไหนที่จะได้เงิน 60000 คืนมั้ย (จริงๆ เราก็ค่อนข้างถอดใจแล้ว)
ส่วนเรื่องตึก จะหมดสัญญาเช่าสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า เราบอกให้เขาไปต่อสัญญาเอาเอง (คิดในใจว่า..ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่ามัดจำ ก็เรื่องของเขา)
เรานี่อยากจะตัดญาติไปเลยค่ะ ไม่อยากเจอหน้า หน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะเราว่า
นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาและความคิดเห็นนะคะ
ญาติโกงๆ กากๆ นี่มีวิธีจัดการยังไงคะ
เรื่องมีอยู่ว่า..เรากับสามีตกลงจะทำธุรกิจส่วนตัวด้วยกัน ลงทุนหมดเงินไปร่วมแสนค่ะ แต่พอดำเนินกิจการไปประมาณครึ่งปี เราคิดว่าผลกำไรที่ได้มันไม่ได้เป็นตามที่หวังไว้ จึงจะเลิกกิจการ พอดีญาติสามีทราบว่าจะเลิกกิจการ จึงจะขอมาทำต่อ โดยการตกลงในตอนแรก คือ เราเซ้งร้านให้เขาในราคา 60000 บาท เนื่องจากเป็นญาติกัน ตกลงกันว่าเขาจะผ่อนให้เราเดือนละ 5000 บาท ซึ่งเขาก็รับปากเป็นอย่างดี เราก็จัดแจงให้เขาทุกอย่าง เขาเริ่มกิจการโดยไม่ต้องมีเงินสักบาท เงินทุน เงินทอน เรายกให้เขาหมด ถือว่าอยู่ใน 60000 ที่ตกลงกันไว้ รวมทั้งสัญญาเช่าตึก ค่ามัดจำตึกทุกอย่าง ยังเป็นชื่อของเรา
เดือนที่ 1 เรายังไม่ได้เงินใดๆ จากเขาสักบาท
เดือนที่ 2 ก็ยังเงียบตามเดิม
เราก็เริ่มคิดแล้วว่า ไม่คิดจะให้เราบ้างเลยหรอ เราจึงให้สามีไปให้ข้อตกลงใหม่ว่าผ่อนเดือนละ 2000 ก็ได้ เขาก็รับปากว่าจะให้
พอมาเดือนที่ 3 เราก็ยังไม่ได้รับเงินเหมือนเดิม แต่ที่แย่กว่านั้น คือ เขาจ่ายค่าเช่าตึกไม่ตรงเวลา เจ้าของตึกก็โทรมาทวงกับเราทุกวัน เราก็ต้องไปติดตามอยู่หลายวัน สรุปมีเรื่องให้เราต้องหงุดหงิดใจตามทวงค่าเช่าตึกไปเป็นสัปดาห์
และเดือนที่ 4 .. 5 .. 6 ก็ยังคงเป็นเหมือนเดิม
คือ เราเบื่อมากอะ เราเคยถามเขานะว่าทำไมแต่ละวันไม่ดึงค่าเช่าตึกไว้ วันละ 300 ก็ได้ค่าเช่าแล้ว เขาตอบกลับมาว่า ถ้าดึงค่าเช่า เขาก็ไม่มีเงินกิน เรางงมาก ทั้งๆ ที่เรารู้ว่าเขาขายได้ กำไรหลังหักค่าใช้จ่ายทั้งหมด ยังไงก็ต้องได้เดือนละ 10000 กว่าบาท (จากเดิมเขาไม่มีรายได้อะไรเลย เมื่อก่อนสามีเขาทำงานคนเดียว เขาเป็นแม่บ้านขายของชำเล็กๆน้อยๆที่บ้าน) แต่นี่มีรายได้เพิ่มมาเดือนละเป็นหมื่น กลับไม่รับผิดชอบอะไรสักอย่าง
เราขอปรึกษานะคะ..เราพอจะมีทางไหนที่จะได้เงิน 60000 คืนมั้ย (จริงๆ เราก็ค่อนข้างถอดใจแล้ว)
ส่วนเรื่องตึก จะหมดสัญญาเช่าสิ้นเดือนมกราคมปีหน้า เราบอกให้เขาไปต่อสัญญาเอาเอง (คิดในใจว่า..ถ้าไม่มีเงินจ่ายค่ามัดจำ ก็เรื่องของเขา)
เรานี่อยากจะตัดญาติไปเลยค่ะ ไม่อยากเจอหน้า หน้าไม่ด้านทำไม่ได้นะเราว่า
นี่เป็นกระทู้แรกของเรา ขอบคุณล่วงหน้าสำหรับคำปรึกษาและความคิดเห็นนะคะ