ถ้าเชื่อว่าตายแล้วยังมีตัวตนไปเกิดใหม่ได้อีก ก็จัดเป็นความเห็นผิดพวกสัสสตทิฏฐิ
ส่วนคนที่เชื่อว่าตายแล้วตัวตนจะสูญหายไปเลย ก็จัดเป็นความเห็นผิดพวกอุจเฉททิฏฐิ
ต้องมีความเห็นว่า แม้ในขณะที่ยังมีชัวิตอยู่นี้ มันก็ยังไม่มีตัวเราอยู่จริง เพราะชีวิตนี้เป็นเพียงส่วนประกอบขึ้นมาจากส่วน ๕ ส่วน (ขันธ์ ๕) เท่านั้น ถ้าขาดส่วนใดไป ส่วนที่เหลือก็จะแตกดับ (กายแตก จิตดับ) หายไปทันที ซึ่งก็เท่ากับว่า มันไม่มีตัวเรามาเกิด ไม่มีตัวเราตาย จึงจะจัดเป็นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งนี่ก็คือหัวใจของปัญญา สำหรับนำมาคู่กับสมาธิ เพื่อใช้ปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ตามหลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า
ตายแล้วเกิดอีก ก็ผิด ตายแล้วสูญ ก็ผิด
ส่วนคนที่เชื่อว่าตายแล้วตัวตนจะสูญหายไปเลย ก็จัดเป็นความเห็นผิดพวกอุจเฉททิฏฐิ
ต้องมีความเห็นว่า แม้ในขณะที่ยังมีชัวิตอยู่นี้ มันก็ยังไม่มีตัวเราอยู่จริง เพราะชีวิตนี้เป็นเพียงส่วนประกอบขึ้นมาจากส่วน ๕ ส่วน (ขันธ์ ๕) เท่านั้น ถ้าขาดส่วนใดไป ส่วนที่เหลือก็จะแตกดับ (กายแตก จิตดับ) หายไปทันที ซึ่งก็เท่ากับว่า มันไม่มีตัวเรามาเกิด ไม่มีตัวเราตาย จึงจะจัดเป็นสัมมาทิฏฐิของพระพุทธเจ้า ซึ่งนี่ก็คือหัวใจของปัญญา สำหรับนำมาคู่กับสมาธิ เพื่อใช้ปฏิบัติเพื่อดับทุกข์ของจิตใจในปัจจุบัน ตามหลักอริยสัจ ๔ ของพระพุทธเจ้า