[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เกษราทำงานได้ไม่นานก็เริ่มมีสิ่งแปลกใหม่เข้ามาในชีวิตประจำวัน หล่อนจัดการกับสิ่งเหล่านี้ด้วยวิธีไหน?.'พลอยแดง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34429527 ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34444919 ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34458669 ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34476281 ตอนที่ 4
เมื่อเกษราพูดโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็นึกได้ว่าดีธเท่อร์ไปไหนแล้ว ลูคัสก็หายไปด้วย อ้าวนี่เกษราอยู่บูธคนเดียวหรือนี่ มองสายตาสอดส่ายไปยังบูธข้างๆก็ไม่เห็นวี่แววใครสักคน ใกล้จะถึงเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พนักงานฝ่ายขายก็ยังไม่เข้ามาสักคน แต่ลูคัสก็เดินเข้ามาในเวลาเกือบห้าโมงครึ่ง ทำให้เกษราไม่พอใจอยู่บ้างและคิดว่าลูคัสน่าจะรักษาเวลาแบบคนเยอรมันที่เป็นคนตรงเวลาอย่างแท้จริง
“ ดีธเท่อร์ไปกับยูหรือ” หล่อนถามทันทีที่เห็นหน้า
“ เปล่าหรอก ดีธเท่อร์ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ไอเดินอยู่แถวนี้แหละ”
“ยูรู้นะว่าไอต้องไป ไอมีนัด” หล่อนไม่อยากต่อว่าลูคัส
“ ไอคิดว่าเดี๋ยวเดชาหรืออรรถพรก็มาแล้ว”
“ ยูรอไปเถอะ ถ้านัดแบบคนไทย ไอต้องไปก่อนละ” หล่อนเดินมาคว้ากระเป๋าในตู้ด้านใน
“ Tschuess!” ลูคัสกล่าวคำจากลา
เกษราเดินมาที่รถ รู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงที่ล่าช้าไป เมื่อขึ้นรถขับได้ก็ตรงแน่วไปทางด่วนบางนา ลงถนนพระรามสี่ไม่นานก็ถึงโรงแรมที่นัด เดินปรับอารมณ์ให้เข้าที่ และรู้ว่าไม่ได้มาสายไป เมื่อมีคนสี่คนเท่านั้นที่มาถึงก่อน ทุกคนเป็นเพื่อนของปุ๋มที่ทำงานด้วยกันและไปไหนต่อไหนด้วยกันจนคุ้นเคยกันหมดแล้ว ที่โต๊ะนั่งยังไม่มีผู้คนมากนัก จึงนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อนิดเจ้าของวันเกิดวันนี้มาถึง ก็ทำให้หลายคน
แปลกใจ เพราะมีชายหนุ่มติดตามมาด้วยหนึ่งคน ที่สำคัญคือเป็นฝรั่งเยอรมันทำงานรถไฟฟ้านี่เอง นิดเคยไปเยอรมันด้วยทำงานบริษัทชื่อเป็นเยอรมันที่เก่าแก่และดังในไทย เมื่อแนะนำตัวกันแล้ว ก็ต้องควักภาษาอังกฤษออกมาใช้สนทนาสำหรับแขกคนเดียวคนนี้
“ นิดเอาใครมา” ปุ๋มถามขึ้นมา
“ ดาเนียล ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้าที่นี่แหละ” นิดตอบสั้นหน่อย
“ ก็เห็นเขาว่างๆก็เลยชวนมา เพราะพวกเราก็พูดภาษากันได้ อีกอย่างพี่หนูก็คงช่วยได้แยะ” นิดพูดแล้วมองพี่หนูของหล่อนทันที พี่หนูเกษรานึกในใจว่า เอางานมาให้ละซิ อยากสนุกมากกว่านะ
“ ดาเนียล ยูจะดื่มอะไร” นิดหันไปถามเพื่อนที่ดูว่าท่าทางน่าจะเป็นหัวหน้าเสียมากกว่าด้วยวัยมันฟ้อง
“ ไอขอเบียร์นะ” ดาเนียลบอก ในขณะที่คนอื่นๆก็สั่งแตกต่างกันไป และเมื่อเกษราได้น้ำเปล่ามาเพื่อทานอาหารก่อน หลังจากนั้นการทานอาหารที่ปุ๋มจัดการก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ดูว่าดาเนียลที่มีหน้าตาคมคายอายุน่าจะสี่สิบกว่าความสูงแบบฝรั่งที่สูงกว่าชายไทยก็ดูเหมาะสมกับนิดที่จัดว่าสูงร้อยหกสิบสี่เซ็นติเมตรนิดสูงกว่าเพื่อนๆที่เฉลี่ยสูงราวร้อยหกสิบเซ็นติเมตร ดาเนียลก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไรในการร่วมรับประทานอาหาร
เมื่อทานอาหารเสร็จปุ๋มจัดการจุดเทียนเพื่อตัดเค้ก การร้อง
เพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ก็ย่อมดังไปถึงโต๊ะอื่นๆ และมีคนโต๊ะอื่นปรบมือผสมด้วย ทำให้ต้องหันไปมองกัน
“ โต๊ะนั้นเขาปรบมือให้ นิดเอาเค้กไปให้เขาหน่อยมั้ย” ปุ๋มพูดขึ้น
“ ตัวเอาไปสิ” นิดเกี่ยงปุ๋ม
“ พี่หนูช่วยเอาไปให้หน่อยนะ นั่งใกล้กว่าเพื่อน” ปุ๋มเอ่ยขึ้นมา
“ คนเกิดนั่นแหละต้องเอาไปให้เขา มาใช้พี่ใช้เชื้อได้อย่างไร” เกษราอ้างถึงความอาวุโส
“ ปุ๋มไปเองก็ได้ “ ปุ๋มหยิบจานมีขนมหนึ่งชิ้นเอาไปให้โต๊ะนั้น แน่ละมีแต่ผู้ชายวัยทำงานนั่งอยู่สี่คน
“ ขอบคุณนะคะ เอาขนมมาให้ค่ะ” ปุ๋มบอกพวกเขาเมื่อวางจานขนมลงบนโต๊ะ
“ ขอบคุณครับ เอาอะไรไปทานบ้างไหมครับ” คนที่หน้าตาดีที่สุดถามกลับด้วยไมตรี ปุ๋มขี้เล่นอยู่แล้วก็เลยบอกว่า
“คุณมีอะไรทานบ้างล่ะ”
“ผมไม่ค่อยรู้ว่าที่นี่อะไรอร่อยครับ”
“ เดี๋ยวนะ” ปุ๋มเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ เขาจะให้อาหารเราแน่ะ” ปุ๋มมาบอกเพื่อนๆ
“ คุณจะให้อะไรก็ให้มา หอยไม่ต้อง มีแล้ว” จอยส่งเสียงไป เท่านั้นแหละทุกคนหัวเราะกันใหญ่ รวมทั้งโต๊ะชายหนุ่มนี้ด้วย
“ อ้าว ทำไมล่ะ ก็หอยอบเนยมีแล้ว แล้วทำไมหัวเราะ” จอยแย้งในเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ จอยเพิ่งมาให้เพื่อนเรียกตอนมาอยู่กรุงเทพ เพราะชื่อเดิมจากใต้คือ หอย ที่ชาวกรุงยอมรับไม่ได้ หอยเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันไม่ดีตรงไหน ชื่อนี้มาแต่เกิดแล้ว แต่เอาเถอะ จอยก็จอยแต่จอยก็พูดถึงหอยโดยไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
“ ผมชอบนะครับ อร่อยดี “ คนหนึ่งในโต๊ะส่งเสียงตอบกลับมา
ดาเนียลไม่เข้าใจแต่ก็เฉยอยู่ เมื่อทุกคนทานอาหารเสร็จก็สั่งเครื่องดื่มกันใหม่ และพร้อมที่จะออกเต้นตามเสียงดนตรีที่เริ่มขึ้น มันแน่นอนอยู่แล้วที่หนุ่มๆโต๊ะข้างๆสร้างไมตรีไว้ก่อนและได้เต้นรำกับปุ๋ม นิด จอย และกับก้อยในเวลาต่อมา เสียง
เพลงวันเวย์ทิคเก็ต ที่ร้องไปมาหลายเที่ยวสนุกสะใจผู้เต้นอย่างเมามันมาก มาการิต้าที่เกษราดื่มเพราะชอบขอบแก้วเค็มๆนั้นก็ยิ่งทำให้อารมณ์มันขึ้นมาจนรู้สึกถึงการรีแลคซ์อย่างแท้จริงในคืนนี้
การโทรศัพท์ตามที่ปรากฎในนามบัตรเกษราคิดว่าการทำธุระให้เสร็จสิ้นเร็วถือเป็นการจบธุระนั้นได้เร็ว หล่อนโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่ที่ระบุว่าชื่อประณต ในนามบริษัท Recruitment แห่งหนึ่ง
“ สวัสดีค่ะ ดิฉันเกษราที่คุณให้นามบัตรมาจากงานไล้ติ้งแฟร์ค่ะ”
“ สวัสดีครับ อ้อ ครับ ผมขอบคุณนะครับที่โทรมา คือผมอยากได้ คือหาคนที่มีคุณสมบัติทางช่างและพูดภาษาต่างประเทศได้ คือ ภาษาเยอรมัน
ผมคิดว่าถ้าพูดเยอรมันได้แล้ว ภาษาอังกฤษก็น่าจะพูดได้อยู่แล้วนะครับ บังเอิ้น บังเอิญไปพบคุณเข้าพอดี ไม่ทราบว่าคุณทำที่บริษัทนั้นนานหรือยังครับ”
“ อ๋อ ทำไม่นานดอกค่ะ “
“ คือผมอยู่บริษัทจัดหางานนะครับ และก็จำเป็นที่จะต้องหาจากแวดวงการวิศวกรด้วย ไม่ได้รอจากการติดต่อมาสมัคร งานจากประกาศทางการทั่วไป ส่วนจะได้รับความสนใจไหมนี่ต้องเป็นทางคุณตัดสินใจและลองดูข้อเสนอของผมดูก่อนครับ”
“ ดิฉันไม่ทราบว่าบริษัทที่ว่านั้นทำกิจการอะไรคะ”
“ ทำประเภทไฟเหมือนกันครับ จึงได้สนใจคุณไงครับ ถ้าคุณจะกรุณาว่างมาคุยกันกอ่นดีไหมครับ”
“ เป็นการคุยรายละเอียดหรือคะ”
“ครับ ให้คุณได้สอบถามจนกว่าจะพอใจละครับ”
“ คุยกี่ครั้งคะ กับใครบ้างคะ”
“ เอาอย่างนี้ผมจะให้เจ้าของบริษัทคุยกับคุณโดยตรงเลย เขามีอำนาจตัดสินใจได้เลยครับ คุณก็ตัดสินใจตามที่ได้คุยกันครับ”
“ คงต้องเป็นเย็นวันไหนสักเย็นหนึ่งนะคะ กลางวันไม่สะดวกค่ะ”
“ ครับ ผมจะโทรมานัดอีกทีนะครับ ขอบคุณนะครับ”
“ ค่ะ สวัสดีค่ะ” เกษราสนใจในการหางานของคุณประณต ในวันอาทิตย์หล่อนจึงไปเปิดหา Classified ในตำแหน่งต่างๆของบริษัทจัดหางานในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ และมีอยู่บริษัทหนึ่งความต้องการช่างตรงกับคุณสมบัติที่หล่อนมี เมื่อคิดว่าหล่อนไม่ได้เสียอะไร ซ้ำยังจะเป็นการรู้ตลาดงานของตนเองด้วย หล่อนจึงเริ่มสมัครโดยส่งรีซูเม่ของตนเองไปทางอีเมล์
สมัยนี้อะไรก็ช่างรวดเร็วตามความทันสมัยของระบบสื่อสาร หล่อนได้รับโทรศัพท์ตอบกลับมาว่าสนใจและขอนัดพบหล่อนโดยให้ไปที่บริษทในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ในช่วงเดียวกันหล่อนก็นัดกับคุณประณตว่ายินดีพบคุณวิศาลที่จะขอคุยหรือสัมภาษณ์หล่อนที่ โรงแรมใกล้สี่แยกบางนาตัดถนนศรีนครินทร์ตามที่หล่อนระบุไป เมื่อมาถึงโรงแรมหล่อนก็มองหาลักษณะคนผู้ชายที่อยู่วัยกลางคนจะนั่งรอที่ล็อบบี้ แต่หล่อนไปถึงเร็วจึงกลายเป็นหล่อนนั่งรอคุณวิศาลแทน เมื่อสังเกตกันแล้ว ต่างก็แน่ใจว่าเป็นคนที่นัดไว้
“ คุณวิศาลใช่ไหมคะ” เกษราทักก่อน จึงยกมือไหว้ ด้วยว่าคุณวิศาลอาวุโสกว่าและด้วยตำแหน่งที่เหนือกว่า
“ สวัสดีครับ” คุณวิศาลทักตอบ
“ ไปหาที่นั่งกันก่อนนะครับคุณเกษรา” คุณวิศาลหน้าตาเป็นจีนจนรู้ได้ชัดและรูปร่างท้วมนิดหน่อย เขามองเกษราเช่นกันในขณะเดินนำไปห้องอาหารจีนของโรงแรม เมื่อนั่งแล้วพนักงานก็นำน้ำมาเสิร์ฟให้ คุณวิศาลยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนวางแก้วแล้วพูดว่า
“ ผมได้ฟังจากคุณประณตเรื่องไปพบคุณที่งานไล้ติ้งแฟร์ ผมก็สนใจ งานผมก็แบบเดียวกันแหละครับ หากแต่ขาดคนรู้ด้านภาษาและทางเทคนิคคุณช่วยบอกผมหน่อยว่าจบมาจากที่ไหน และเคยทำงานด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าครับ”
เกษราคิดอยู่ในหัวว่า อันดับแรกคนหน้าตาที่นั่งตรงหน้านี้ ตนเองควรจะทำงานด้วยไหม
ข้อต่อไปคือ สภาพการทำงานเป็นระบบจีนแบบหน้าตาเจ้าของนี่หรือเปล่า
ข้อที่สามหล่อนจะต้องทำอะไร และขอบข่ายมากขนาดไหน ด้วยว่าหล่อนชักกลัวบริษัทเล็กที่ดูว่าจะต้องทำไปเสียทั้งหมดตามที่เจ้าของบริษัทสั่ง
คุณวิศาลยกมือขอเบรคสั่งอาหารก่อน เมื่อบริกรมายืนรอ เขาสั่งอาหารสองสามอย่างพร้อมข้าว เกษราบอกว่าสั่งอะไรก็ได้ ทานได้หมด เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็ได้ทานไปคุยไปเรื่อยๆ
“ ดิฉันทำงานทางด้านเครื่องจักรกลมานาน แต่ไม่ตรงแนวไฟฟ้าแบบนี้มาก่อน ส่วนภาษาก็ได้จากการเรียนและใช้ในที่ทำงานเก่าค่ะ”
“คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไรครับ”
“ เพิ่งเริ่มได้สามเดือนค่ะ”
“ ทำอะไรนักครับ”
“ ทำแทบทุกอย่าง คุมฝ่ายดีไซน์และโปรดักต์ดีเวลล็อปเม้นต์ค่ะ”
“ คุณได้เริ่มทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่แล้วหรือยังครับ” คุณวิศาลอยากรู้ความเป็นไปของบริษัท
“ กำลังทำค่ะ”
“ คิดว่าทำงานได้หมดใช่ไหมครับ”
“ คงทำได้หมด การออกแบบงานที่ทิ้งไปนานเช่นการเขียน แบบรีเฟล็กเตอร์ ภาพคลี่ก็ยากแต่ก็เปิดตำราทำได้ค่ะ”
“ ไม่มีช่างเขียนแบบหรือ”
“ มีค่ะ แต่เราก็ต้องทำให้ลูกน้องเห็น หรือสอนลูกน้องได้ค่ะ”
“ ผมว่าคงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องงาน เรื่องภาษาล่ะครับ”
“ ก็พูดได้หมด เรื่องเขียนยากหน่อย เหมือนต้องถูกแกรมม่า คงต้องเปิดตำราเหมือนกันค่ะ”
“อ่านสบายไหมครับ”
“ อ่านง่ายกว่า ถนัดทางศัพย์ช่างศัพย์กฏหมาย หรืออย่างอื่นไม่ได้เรียนมาหรอกค่ะ”
“ เข้าใจครับ”
“ ดิฉันขอถามคุณบ้างได้ไหมคะ”
“ ครับ ได้ครับ”
“ บริษัทมีพนักงานกี่คนคะ มีชาวต่างชาติที่ต้องทำงานด้วยไหมคะ และขึ้นอยู่กับใครคะ”
“ มีพนักงานราวสองร้อยคน ไม่มีต่างชาติ และขึ้นอยู่กับผมครับ”
จบกัน เกษราคิดขึ้นมาทันทีในใจ
“ ถ้าเป็นงานสายเดียวกันดิฉันขอไปคิดดู ว่าเปลี่ยนแล้วจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง นอกจากเปลี่ยนสถานที่ทำงาน อยู่ไกลไหมคะ”
“ ไกลไปอีกหน่อย แต่เราก็มีค่าน้ำมันให้นะครับ”
“ ดิฉันอยากไปเห็นบริษัทอีกก่อนตัดสินใจ ดิฉันจะแจ้งไปทางคุณประณตได้ไหมคะ”
“ อ๋อ ได้ครับ ผมจะพาดูเอง แล้วนัดคุณประณตมานะครับ”
“ ขอบคุณนะคะที่สนใจดิฉัน และจะรีบติดต่อไปค่ะ”
การพูดคุยจบสิ้นลงแล้ว เกษรารู้ว่าไม่มีอะไรจะเสียและไม่มีอะไรจะได้ในการย้ายงาน ถึงแม้ว่าเงินเดือนอาจจะมากเหมือนซื้อตัว นั่นไม่ทำให้หล่อน
เกิดความสนใจแต่อย่างใด ดีที่ได้ถามข้อสงสัยไปหมด หล่อนคงมีที่จะต้องไปบริษัทRecruitment อีกแห่งหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่ได้เจตนามาก่อน
( มีต่อ)
๐๐๐ $ นายฝรั่ง 5 $ ๐๐๐
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
เมื่อเกษราพูดโทรศัพท์เสร็จแล้ว ก็นึกได้ว่าดีธเท่อร์ไปไหนแล้ว ลูคัสก็หายไปด้วย อ้าวนี่เกษราอยู่บูธคนเดียวหรือนี่ มองสายตาสอดส่ายไปยังบูธข้างๆก็ไม่เห็นวี่แววใครสักคน ใกล้จะถึงเวลาห้าโมงเย็นแล้ว พนักงานฝ่ายขายก็ยังไม่เข้ามาสักคน แต่ลูคัสก็เดินเข้ามาในเวลาเกือบห้าโมงครึ่ง ทำให้เกษราไม่พอใจอยู่บ้างและคิดว่าลูคัสน่าจะรักษาเวลาแบบคนเยอรมันที่เป็นคนตรงเวลาอย่างแท้จริง
“ ดีธเท่อร์ไปกับยูหรือ” หล่อนถามทันทีที่เห็นหน้า
“ เปล่าหรอก ดีธเท่อร์ออกไปก่อนหน้านี้แล้ว ไอเดินอยู่แถวนี้แหละ”
“ยูรู้นะว่าไอต้องไป ไอมีนัด” หล่อนไม่อยากต่อว่าลูคัส
“ ไอคิดว่าเดี๋ยวเดชาหรืออรรถพรก็มาแล้ว”
“ ยูรอไปเถอะ ถ้านัดแบบคนไทย ไอต้องไปก่อนละ” หล่อนเดินมาคว้ากระเป๋าในตู้ด้านใน
“ Tschuess!” ลูคัสกล่าวคำจากลา
เกษราเดินมาที่รถ รู้สึกอารมณ์ขุ่นมัวอย่างน้อยก็ครึ่งชั่วโมงที่ล่าช้าไป เมื่อขึ้นรถขับได้ก็ตรงแน่วไปทางด่วนบางนา ลงถนนพระรามสี่ไม่นานก็ถึงโรงแรมที่นัด เดินปรับอารมณ์ให้เข้าที่ และรู้ว่าไม่ได้มาสายไป เมื่อมีคนสี่คนเท่านั้นที่มาถึงก่อน ทุกคนเป็นเพื่อนของปุ๋มที่ทำงานด้วยกันและไปไหนต่อไหนด้วยกันจนคุ้นเคยกันหมดแล้ว ที่โต๊ะนั่งยังไม่มีผู้คนมากนัก จึงนั่งคุยกันไปเรื่อยๆ เมื่อนิดเจ้าของวันเกิดวันนี้มาถึง ก็ทำให้หลายคน
แปลกใจ เพราะมีชายหนุ่มติดตามมาด้วยหนึ่งคน ที่สำคัญคือเป็นฝรั่งเยอรมันทำงานรถไฟฟ้านี่เอง นิดเคยไปเยอรมันด้วยทำงานบริษัทชื่อเป็นเยอรมันที่เก่าแก่และดังในไทย เมื่อแนะนำตัวกันแล้ว ก็ต้องควักภาษาอังกฤษออกมาใช้สนทนาสำหรับแขกคนเดียวคนนี้
“ นิดเอาใครมา” ปุ๋มถามขึ้นมา
“ ดาเนียล ทำงานเกี่ยวกับรถไฟฟ้าที่นี่แหละ” นิดตอบสั้นหน่อย
“ ก็เห็นเขาว่างๆก็เลยชวนมา เพราะพวกเราก็พูดภาษากันได้ อีกอย่างพี่หนูก็คงช่วยได้แยะ” นิดพูดแล้วมองพี่หนูของหล่อนทันที พี่หนูเกษรานึกในใจว่า เอางานมาให้ละซิ อยากสนุกมากกว่านะ
“ ดาเนียล ยูจะดื่มอะไร” นิดหันไปถามเพื่อนที่ดูว่าท่าทางน่าจะเป็นหัวหน้าเสียมากกว่าด้วยวัยมันฟ้อง
“ ไอขอเบียร์นะ” ดาเนียลบอก ในขณะที่คนอื่นๆก็สั่งแตกต่างกันไป และเมื่อเกษราได้น้ำเปล่ามาเพื่อทานอาหารก่อน หลังจากนั้นการทานอาหารที่ปุ๋มจัดการก็ถูกนำมาเสิร์ฟ ดูว่าดาเนียลที่มีหน้าตาคมคายอายุน่าจะสี่สิบกว่าความสูงแบบฝรั่งที่สูงกว่าชายไทยก็ดูเหมาะสมกับนิดที่จัดว่าสูงร้อยหกสิบสี่เซ็นติเมตรนิดสูงกว่าเพื่อนๆที่เฉลี่ยสูงราวร้อยหกสิบเซ็นติเมตร ดาเนียลก็ไม่ได้ทำตัวมีปัญหาอะไรในการร่วมรับประทานอาหาร
เมื่อทานอาหารเสร็จปุ๋มจัดการจุดเทียนเพื่อตัดเค้ก การร้อง
เพลงแฮปปี้เบิร์ทเดย์ก็ย่อมดังไปถึงโต๊ะอื่นๆ และมีคนโต๊ะอื่นปรบมือผสมด้วย ทำให้ต้องหันไปมองกัน
“ โต๊ะนั้นเขาปรบมือให้ นิดเอาเค้กไปให้เขาหน่อยมั้ย” ปุ๋มพูดขึ้น
“ ตัวเอาไปสิ” นิดเกี่ยงปุ๋ม
“ พี่หนูช่วยเอาไปให้หน่อยนะ นั่งใกล้กว่าเพื่อน” ปุ๋มเอ่ยขึ้นมา
“ คนเกิดนั่นแหละต้องเอาไปให้เขา มาใช้พี่ใช้เชื้อได้อย่างไร” เกษราอ้างถึงความอาวุโส
“ ปุ๋มไปเองก็ได้ “ ปุ๋มหยิบจานมีขนมหนึ่งชิ้นเอาไปให้โต๊ะนั้น แน่ละมีแต่ผู้ชายวัยทำงานนั่งอยู่สี่คน
“ ขอบคุณนะคะ เอาขนมมาให้ค่ะ” ปุ๋มบอกพวกเขาเมื่อวางจานขนมลงบนโต๊ะ
“ ขอบคุณครับ เอาอะไรไปทานบ้างไหมครับ” คนที่หน้าตาดีที่สุดถามกลับด้วยไมตรี ปุ๋มขี้เล่นอยู่แล้วก็เลยบอกว่า
“คุณมีอะไรทานบ้างล่ะ”
“ผมไม่ค่อยรู้ว่าที่นี่อะไรอร่อยครับ”
“ เดี๋ยวนะ” ปุ๋มเดินกลับมาที่โต๊ะ
“ เขาจะให้อาหารเราแน่ะ” ปุ๋มมาบอกเพื่อนๆ
“ คุณจะให้อะไรก็ให้มา หอยไม่ต้อง มีแล้ว” จอยส่งเสียงไป เท่านั้นแหละทุกคนหัวเราะกันใหญ่ รวมทั้งโต๊ะชายหนุ่มนี้ด้วย
“ อ้าว ทำไมล่ะ ก็หอยอบเนยมีแล้ว แล้วทำไมหัวเราะ” จอยแย้งในเสียงหัวเราะของเพื่อนๆ จอยเพิ่งมาให้เพื่อนเรียกตอนมาอยู่กรุงเทพ เพราะชื่อเดิมจากใต้คือ หอย ที่ชาวกรุงยอมรับไม่ได้ หอยเองก็ไม่ค่อยเข้าใจนักว่ามันไม่ดีตรงไหน ชื่อนี้มาแต่เกิดแล้ว แต่เอาเถอะ จอยก็จอยแต่จอยก็พูดถึงหอยโดยไม่รู้สึกอะไรทั้งนั้น
“ ผมชอบนะครับ อร่อยดี “ คนหนึ่งในโต๊ะส่งเสียงตอบกลับมา
ดาเนียลไม่เข้าใจแต่ก็เฉยอยู่ เมื่อทุกคนทานอาหารเสร็จก็สั่งเครื่องดื่มกันใหม่ และพร้อมที่จะออกเต้นตามเสียงดนตรีที่เริ่มขึ้น มันแน่นอนอยู่แล้วที่หนุ่มๆโต๊ะข้างๆสร้างไมตรีไว้ก่อนและได้เต้นรำกับปุ๋ม นิด จอย และกับก้อยในเวลาต่อมา เสียง
เพลงวันเวย์ทิคเก็ต ที่ร้องไปมาหลายเที่ยวสนุกสะใจผู้เต้นอย่างเมามันมาก มาการิต้าที่เกษราดื่มเพราะชอบขอบแก้วเค็มๆนั้นก็ยิ่งทำให้อารมณ์มันขึ้นมาจนรู้สึกถึงการรีแลคซ์อย่างแท้จริงในคืนนี้
การโทรศัพท์ตามที่ปรากฎในนามบัตรเกษราคิดว่าการทำธุระให้เสร็จสิ้นเร็วถือเป็นการจบธุระนั้นได้เร็ว หล่อนโทรศัพท์ไปตามหมายเลขที่ที่ระบุว่าชื่อประณต ในนามบริษัท Recruitment แห่งหนึ่ง
“ สวัสดีค่ะ ดิฉันเกษราที่คุณให้นามบัตรมาจากงานไล้ติ้งแฟร์ค่ะ”
“ สวัสดีครับ อ้อ ครับ ผมขอบคุณนะครับที่โทรมา คือผมอยากได้ คือหาคนที่มีคุณสมบัติทางช่างและพูดภาษาต่างประเทศได้ คือ ภาษาเยอรมัน
ผมคิดว่าถ้าพูดเยอรมันได้แล้ว ภาษาอังกฤษก็น่าจะพูดได้อยู่แล้วนะครับ บังเอิ้น บังเอิญไปพบคุณเข้าพอดี ไม่ทราบว่าคุณทำที่บริษัทนั้นนานหรือยังครับ”
“ อ๋อ ทำไม่นานดอกค่ะ “
“ คือผมอยู่บริษัทจัดหางานนะครับ และก็จำเป็นที่จะต้องหาจากแวดวงการวิศวกรด้วย ไม่ได้รอจากการติดต่อมาสมัคร งานจากประกาศทางการทั่วไป ส่วนจะได้รับความสนใจไหมนี่ต้องเป็นทางคุณตัดสินใจและลองดูข้อเสนอของผมดูก่อนครับ”
“ ดิฉันไม่ทราบว่าบริษัทที่ว่านั้นทำกิจการอะไรคะ”
“ ทำประเภทไฟเหมือนกันครับ จึงได้สนใจคุณไงครับ ถ้าคุณจะกรุณาว่างมาคุยกันกอ่นดีไหมครับ”
“ เป็นการคุยรายละเอียดหรือคะ”
“ครับ ให้คุณได้สอบถามจนกว่าจะพอใจละครับ”
“ คุยกี่ครั้งคะ กับใครบ้างคะ”
“ เอาอย่างนี้ผมจะให้เจ้าของบริษัทคุยกับคุณโดยตรงเลย เขามีอำนาจตัดสินใจได้เลยครับ คุณก็ตัดสินใจตามที่ได้คุยกันครับ”
“ คงต้องเป็นเย็นวันไหนสักเย็นหนึ่งนะคะ กลางวันไม่สะดวกค่ะ”
“ ครับ ผมจะโทรมานัดอีกทีนะครับ ขอบคุณนะครับ”
“ ค่ะ สวัสดีค่ะ” เกษราสนใจในการหางานของคุณประณต ในวันอาทิตย์หล่อนจึงไปเปิดหา Classified ในตำแหน่งต่างๆของบริษัทจัดหางานในหนังสือพิมพ์ภาษาอังกฤษ และมีอยู่บริษัทหนึ่งความต้องการช่างตรงกับคุณสมบัติที่หล่อนมี เมื่อคิดว่าหล่อนไม่ได้เสียอะไร ซ้ำยังจะเป็นการรู้ตลาดงานของตนเองด้วย หล่อนจึงเริ่มสมัครโดยส่งรีซูเม่ของตนเองไปทางอีเมล์
สมัยนี้อะไรก็ช่างรวดเร็วตามความทันสมัยของระบบสื่อสาร หล่อนได้รับโทรศัพท์ตอบกลับมาว่าสนใจและขอนัดพบหล่อนโดยให้ไปที่บริษทในวันเสาร์ที่จะถึงนี้ ในช่วงเดียวกันหล่อนก็นัดกับคุณประณตว่ายินดีพบคุณวิศาลที่จะขอคุยหรือสัมภาษณ์หล่อนที่ โรงแรมใกล้สี่แยกบางนาตัดถนนศรีนครินทร์ตามที่หล่อนระบุไป เมื่อมาถึงโรงแรมหล่อนก็มองหาลักษณะคนผู้ชายที่อยู่วัยกลางคนจะนั่งรอที่ล็อบบี้ แต่หล่อนไปถึงเร็วจึงกลายเป็นหล่อนนั่งรอคุณวิศาลแทน เมื่อสังเกตกันแล้ว ต่างก็แน่ใจว่าเป็นคนที่นัดไว้
“ คุณวิศาลใช่ไหมคะ” เกษราทักก่อน จึงยกมือไหว้ ด้วยว่าคุณวิศาลอาวุโสกว่าและด้วยตำแหน่งที่เหนือกว่า
“ สวัสดีครับ” คุณวิศาลทักตอบ
“ ไปหาที่นั่งกันก่อนนะครับคุณเกษรา” คุณวิศาลหน้าตาเป็นจีนจนรู้ได้ชัดและรูปร่างท้วมนิดหน่อย เขามองเกษราเช่นกันในขณะเดินนำไปห้องอาหารจีนของโรงแรม เมื่อนั่งแล้วพนักงานก็นำน้ำมาเสิร์ฟให้ คุณวิศาลยกแก้วน้ำขึ้นดื่มก่อนวางแก้วแล้วพูดว่า
“ ผมได้ฟังจากคุณประณตเรื่องไปพบคุณที่งานไล้ติ้งแฟร์ ผมก็สนใจ งานผมก็แบบเดียวกันแหละครับ หากแต่ขาดคนรู้ด้านภาษาและทางเทคนิคคุณช่วยบอกผมหน่อยว่าจบมาจากที่ไหน และเคยทำงานด้านนี้มาก่อนหรือเปล่าครับ”
เกษราคิดอยู่ในหัวว่า อันดับแรกคนหน้าตาที่นั่งตรงหน้านี้ ตนเองควรจะทำงานด้วยไหม
ข้อต่อไปคือ สภาพการทำงานเป็นระบบจีนแบบหน้าตาเจ้าของนี่หรือเปล่า
ข้อที่สามหล่อนจะต้องทำอะไร และขอบข่ายมากขนาดไหน ด้วยว่าหล่อนชักกลัวบริษัทเล็กที่ดูว่าจะต้องทำไปเสียทั้งหมดตามที่เจ้าของบริษัทสั่ง
คุณวิศาลยกมือขอเบรคสั่งอาหารก่อน เมื่อบริกรมายืนรอ เขาสั่งอาหารสองสามอย่างพร้อมข้าว เกษราบอกว่าสั่งอะไรก็ได้ ทานได้หมด เมื่ออาหารมาเสิร์ฟก็ได้ทานไปคุยไปเรื่อยๆ
“ ดิฉันทำงานทางด้านเครื่องจักรกลมานาน แต่ไม่ตรงแนวไฟฟ้าแบบนี้มาก่อน ส่วนภาษาก็ได้จากการเรียนและใช้ในที่ทำงานเก่าค่ะ”
“คุณทำงานที่นี่มานานเท่าไรครับ”
“ เพิ่งเริ่มได้สามเดือนค่ะ”
“ ทำอะไรนักครับ”
“ ทำแทบทุกอย่าง คุมฝ่ายดีไซน์และโปรดักต์ดีเวลล็อปเม้นต์ค่ะ”
“ คุณได้เริ่มทำผลิตภัณฑ์ตัวใหม่แล้วหรือยังครับ” คุณวิศาลอยากรู้ความเป็นไปของบริษัท
“ กำลังทำค่ะ”
“ คิดว่าทำงานได้หมดใช่ไหมครับ”
“ คงทำได้หมด การออกแบบงานที่ทิ้งไปนานเช่นการเขียน แบบรีเฟล็กเตอร์ ภาพคลี่ก็ยากแต่ก็เปิดตำราทำได้ค่ะ”
“ ไม่มีช่างเขียนแบบหรือ”
“ มีค่ะ แต่เราก็ต้องทำให้ลูกน้องเห็น หรือสอนลูกน้องได้ค่ะ”
“ ผมว่าคงไม่มีปัญหาอะไรในเรื่องงาน เรื่องภาษาล่ะครับ”
“ ก็พูดได้หมด เรื่องเขียนยากหน่อย เหมือนต้องถูกแกรมม่า คงต้องเปิดตำราเหมือนกันค่ะ”
“อ่านสบายไหมครับ”
“ อ่านง่ายกว่า ถนัดทางศัพย์ช่างศัพย์กฏหมาย หรืออย่างอื่นไม่ได้เรียนมาหรอกค่ะ”
“ เข้าใจครับ”
“ ดิฉันขอถามคุณบ้างได้ไหมคะ”
“ ครับ ได้ครับ”
“ บริษัทมีพนักงานกี่คนคะ มีชาวต่างชาติที่ต้องทำงานด้วยไหมคะ และขึ้นอยู่กับใครคะ”
“ มีพนักงานราวสองร้อยคน ไม่มีต่างชาติ และขึ้นอยู่กับผมครับ”
จบกัน เกษราคิดขึ้นมาทันทีในใจ
“ ถ้าเป็นงานสายเดียวกันดิฉันขอไปคิดดู ว่าเปลี่ยนแล้วจะได้อะไรขึ้นมาบ้าง นอกจากเปลี่ยนสถานที่ทำงาน อยู่ไกลไหมคะ”
“ ไกลไปอีกหน่อย แต่เราก็มีค่าน้ำมันให้นะครับ”
“ ดิฉันอยากไปเห็นบริษัทอีกก่อนตัดสินใจ ดิฉันจะแจ้งไปทางคุณประณตได้ไหมคะ”
“ อ๋อ ได้ครับ ผมจะพาดูเอง แล้วนัดคุณประณตมานะครับ”
“ ขอบคุณนะคะที่สนใจดิฉัน และจะรีบติดต่อไปค่ะ”
การพูดคุยจบสิ้นลงแล้ว เกษรารู้ว่าไม่มีอะไรจะเสียและไม่มีอะไรจะได้ในการย้ายงาน ถึงแม้ว่าเงินเดือนอาจจะมากเหมือนซื้อตัว นั่นไม่ทำให้หล่อน
เกิดความสนใจแต่อย่างใด ดีที่ได้ถามข้อสงสัยไปหมด หล่อนคงมีที่จะต้องไปบริษัทRecruitment อีกแห่งหนึ่ง ทั้งๆที่ไม่ได้เจตนามาก่อน
( มีต่อ)