[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เกษราก้าวผ่านการทำงานจากบริษัทเก่าไปสู่ที่ใหม่ ทิ้งทุกอย่างเป็นความหลังและประสบการณ์..'พลอยแดง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34429527 ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34444919 ตอนที่ 2
http://ppantip.com/topic/34458669 ตอนที่ 3
http://ppantip.com/topic/34476281 ตอนที่ 4
http://ppantip.com/topic/34484239 ตอนที่ 5
การยื่นเอกสารการขอวีซ่าทำได้โดยขอรายการเงินในบัญชีกับใบรับรองการทำงานก็ผ่านไปด้วยดี ธนาคารยินดีแฟ็กซ์ใบการเงินไปทาง
สถาบัน และจิตราเป็นคนพิมพ์ใบรับรองการทำงานจึงเป็นที่ล่วงรู้ว่าเกษราจะไปญี่ปุ่น ข่าวนี้ทำให้เกิดความสงสัยในการลางานไปว่าอยู่ในกรณีไหน เกษราคิดว่าคำตอบอยู่ที่ดีธเท่อร์จะแจ้งกับฝ่ายบุคคลและการเงินเอง ในเมื่อดีธเท่อร์เป็นเจ้าของบริษัทแม้จะมีหุ้นส่วนอยู่แต่ก็มีอำนาจเต็มในการบริหาร
สิ่งที่เกษราแจ้งไปทางคุณประณตคือต้องไปดูงานที่ญี่ปุ่นก่อน ขอพักการติดต่อไปก่อน และเพื่อเป็นการถ่วงเวลาสำหรับที่ใหม่ตอบรับด้วย จึงทำ
ให้ทุกอย่างต้องหยุดไปก่อน การจะได้ไปญี่ปุ่นครั้งแรกทำให้เกษราดีใจมาก ถือว่าทดแทนการไปอเมริกาที่อยากไปแต่ก็มาได้งานที่นี่เสียก่อน
การเดินทางไปต่างประเทศถือเป็นสิ่งปรารถนาลำดับต้นๆที่เกษราให้ความสำคัญ ด้วยหมายเหตุสามประการคือ มีเวลา มีอารมณ์ และมีเงินก็ไป
เที่ยวโลด....
ลูคัสคิดว่าเขาได้คุยกับเกษราค้างคาอย่างไรไม่รู้ จึงพยายามหาโอกาสที่จะคุยในสิ่งที่อยากพูดต่อให้จบ แล้วก็คิดได้ว่า
“ เกษรา ไอจะไปดูสถานที่ติดไฟที่หน้าโครงการณ์หนึ่ง ไฟส่องป้ายใหญ่ๆเหมือนช่วยให้ Landscape ดูแกรนด์ขึ้นด้วย อยากให้ยูไปดูด้วย เผื่อมี
ไอเดียดีๆกว่าเดิมที่ไอมี อย่างน้อยความคิดผู้หญิงด้านสวยงามย่อมมีอยู่แล้ว”
”How come?” เกษรานึกตามไม่ทัน
“ ก็แค่ไอไปบอกดีธเท่อร์เท่านั้น”
“ เมื่อไหร่ล่ะ”
“ สัปดาห์หน้า ยูไปวันไหนได้ล่ะ”
“ ไปได้ทุกวันแล้วแต่ดีธเท่อร์”
“ งั้นเป็นวันศุกร์นะ ตอนสายๆค่อยออกไป”
“ บอกมาแล้วกัน” เกษรานึกถึงเวลาที่จะออกไป ไซด์ ก็คราวนี้
ลูคัสทำหน้ายินดีและคงเดินไปหาดีธเท่อร์แจ้งความประสงค์ของตนเอง
เมื่อลูคัสเดินนำเกษรามาที่รถของเขาเพื่อไปดูหน้างานที่แถวเมืองทองธานี เส้นทางอันยาวไกลทำให้ทั้งสองมีเวลาคุยกันมากเท่าที่ลูคัสอยากพูดทีเดียว
“ แถวนั้นมีอาหารอร่อยแยะ ไอถามเดชามาแล้ว เดี๋ยวไอจะพายูไปกินนะ ขอบคุณที่ยูมาด้วยได้”
“ มันเป็นงานนะลูคัส ไอว่านานๆออกมาทีก็ดี ปกติไอไม่เคยมาแถวนี้เลย”
“ วันนี้ยูต้องช่วยไอสองอย่างนะ”
“ ช่วยงานกับช่วยกินเหรอ” เกษราถามอย่างสบายใจ
“ ช่วยงานกับช่วยฟังเรื่องของไอหน่อย ไอแย่มากแล้ว ไม่รู้ทางออกเลย เรื่องกินไอต้องบริการยูอยู่แล้วนะ” เกษราคิดว่าไม่มีทางเลี่ยงไปไหนอีกแล้ว
จำต้องรับฟังลูคัสเล่าเรื่องของเขา เรื่องส่วนตัวคงไม่พ้นเรื่องความรัก นึกถึงตรงนี้แล้วก็ให้ขมในใจนัก ไม่อยากได้ยินเพราะแพ้พ่ายกับสิ่งนี้จนไม่อยากจะถามตนเองว่า เมื่อไรจะเลิกเข็ด เลิกชิงชังเสียที หล่อนก็หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ นึกแต่ว่าความรู้สึกที่เกิดกับตัวเอง จะขึ้นอยู่กับคำว่า 'อัตโนมัติ'
เสียเหลือเกิน มันเกิด มันดับอย่างรวดเร็วด้วยตัวของมันเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องไปถามหาถึงเวลาและขั้นตอน กับลูคัสความรู้สึกอื่นใดไม่มีนอกจากเป็นเพื่อนที่หน้าตาดีและคุยด้วยได้
“ ไออยากถามยูก่อนว่า คนไทยเมื่อไม่เข้าใจกัน เขาควรจะทำอย่างไรในขั้นแรก”
“ ก็รอให้ทั้งสองคนใจเย็น แล้วค่อยคุยกันนะ”เกษราไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ตอบตามความคิดเท่าที่คิดได้
“ แล้วถ้าความไม่เข้าใจมันเกิดขึ้นบ่อยๆล่ะ”
“ ก็หยุดมันเสียเพราะมันคงไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกันแล้ว” หล่อนตอบจากวิธีการที่ตนเองเคยทำมาก่อน
“ นั่นเป็นคำตอบที่ง่าย แต่การทำมันยากนะ”
“ ไม่มีอะไรยากหรอ ถ้ามันเป็นวิธีสุดท้ายที่ต้องทำ” หล่อนตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“ พูดต่อสิ” ลูคัสบอก
“ ยูเคยรู้สึกไหม ว่าบางสิ่งเราควรทำแต่แรก แต่เราก็กลับมาทำเป็นสิ่งสุดท้าย และรู้ในตอนนั้นนั่นเอง”
“............"
“ ไอพูดเกี่ยวกับคำว่า Uberlegen ไตร่ตรอง, พิจารณา ถ้าเราได้ทำแล้วก็ถือว่าถูกต้องที่สุดด้วยเหตุผลนะ ยูก็เคยได้ยินไม่ใช่หรือ Ende gut alles gut จุดจบดี ดีหมด”
“ ไอ เข้าใจแล้ว และคิดว่าจะเป็น Letzte uberlegen สุดท้ายแล้ว ขอบคุณนะเกษรา”
“ ไม่เป็นไรหรอก บางอย่างเราคิดคนเดียวอาจจะนานหน่อย พอมีเสียงนกร้องเราก็อาจคิดได้เร็วขึ้น เพราะเสียงนกกระตุ้นให้สมองเราคิดได้”
“ แล้วไอจะมาบอกยูนะ ว่าผลเป็นอย่างไร”
“ ยูไม่ต้องมาบอกไอหรอก ยูก็ทำไปเรื่องของยู”
“ แต่ไออยากมีคนฟังไอพูดแล้วเข้าใจไอด้วยนะ”
“ ใครๆก็อยากมี.....” หล่อนพูดความจริงในใจ
“ เห็นไหม ยูยังคิดเหมือนไอเลย เป็นไปได้ไหมที่เราจะมีเวลาคุยกันมากกว่านี้”
“ ไอไม่มีอะไรจะคุยนะ”
“ งั้นยูก็ฟังไอคุยก็ได้ นะเกษรานะ”
เกษราขำหัวเราะเบาๆ ที่ผู้จัดการชายอันเก่งกาจมาอ้อนหล่อนเสียแล้วหรือนี่ เออ ก็เป็นไปได้นะในบางมุมของคนเรานี่
“ ยูหัวเราะอะไร แต่ไอคิดว่าเป็นเรื่องดี คุยกับยูแล้วสบายใจ ไอรู้สึกทุกครั้งจนแปลกใจ ยูก็รับรู้ด้วยนะ”
“ ความสุขมันอยู่รอบๆตัวเรานะลูคัส ยูก็จับเอาเอง ไอไม่ได้ช่วยยูจับหรอก เพราะไอก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน”
รถแล่นมาถึงสถานที่ที่จะมาดู ลูคัสจอดรถแล้วพาเกษราเดินเข้าออฟฟิศเล็กๆสำหรับติดต่องาน เขาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งในห้องกระจกนั้น ก่อนจะมาพาเกษราเดินไปห้องข้างๆที่มีแผนผังสถานที่และอาณาเขตบริเวณทางเข้าด้านหน้าที่จะมีโครงสร้างเป็นเหมือนประตูครึ่งวงกลม ที่มีป้ายชื่อ และไฟของบริษัทส่องตรงไปยังป้ายชื่อรวมทั้งบริเวณโดยรอบให้รู้ถึงความสว่างไสวบวกความสวยงามในสีของแสงไฟด้วย ลูคัสอธิบายและกล่าวถึงโคมไฟชื่อต่างๆเกษราฟัง ข้างๆมีภาพสเก็ตการส่องของไฟ ซึ่งลูคัสบอกว่าทำเป็น Lay-out ให้ฝ่ายกราฟฟิคใส่สีและจำลอง
แสงให้แล้ว จะให้เกษราดูภายหลังที่บริษัท วันนี้มาดูโลเกชั่น
ของจริงก่อนว่ามีภูมิทัศน์อย่างไร เกษรานึกไม่ถึงว่าน่าจะมีกล้องมาถ่ายภาพด้วย
ดังนั้นจึงเก็บภาพได้เท่าที่ความจำจะจำได้ เดินๆหมุนตัวอยู่บริเวณนั้นพักใหญ่ ลูคัสก็บอกว่าไปทานข้าวก่อน สงสัยอะไรก็มาดูอีกทีก็ได้
“ ยูลองนึกภาพที่เห็นนี่ไว้ ส่วนจุดกำหนดไฟเดี๋ยวดูภาพ
กราฟฟิคแล้วค่อยออกความคิดเห็นอีกทีนะ”
ลูคัสพยายามให้เกษรามีส่วนร่วมในงานนี้ให้ได้และเพื่องานต่อๆไปด้วย เขาไม่รู้ว่าความคิดเอาแต่ได้ของเขานั้น มันไปรวมกับความคิดเดิมของเกษราที่ว่า บริษัทใช้งานทุกอย่าง!
กำหนดการเดินทางไปญี่ปุ่นก็ใกล้เข้ามาแล้ว การทำวีซ่ารวมเจ้าตัวคนเดินทางไม่ต้องไปทำด้วยตนเอง และการพบปะก่อนไปก็มีแผ่นกำหนดการแจกโดยละเอียดแต่ละวันแต่ละจุดหมายระบุไว้พร้อมสรรพ
ดีธเท่อร์ดูว่าจะเป็นผู้รับงานของแผนกดีไซน์ไว้ดูแลเอง ทำให้รู้สึกว่าหน้าที่นี้สำคัญ เอ็มดีต้องโดดเข้ามาคุมเอง
แล้ววันเดินทางไปญี่ปุ่นก็มาถึง เกษราทิ้งหน้าที่การงานไว้เบื้องหลังและรู้สึกยินดีกับการได้เดินทางครั้งนี้มากมายด้วยความรู้สึกที่บ่งบอกจนเจ้าตัวรู้ว่าเป็นความสุขแน่แท้เทียว
****
วันแรกที่กลับมาจากญี่ปุ่น เกษรามีของฝากเป็นปากกาลูกลื่นจากญี่ปุ่นฝากพนักงานออฟฟิศทุกคนและลูกน้องตนเองด้วย ส่วนภาพถ่ายโคมไฟลักษณะต่างๆในด้านการออกแบบก็อัดเป็นรูปสีให้ดีธเท่อร์ไป งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อยภายใต้การควบคุมของดีธเท่อร์ และเสมือนเป็นผลงานของเขาแทนที่จะเป็นของเกษราทำไว้ ลูคัสเดินมาหาเกษราที่ห้องเลยทีเดียวหลังจากได้รับแจกปากกาแล้ว ดูว่าลูคัสมีหน้าตาสดใสกว่าวันก่อน
คงพ้นทุกข์แล้ว เกษราคิดในทางที่ดี
“ สนุกไหม “ ลูคัสทักทายแบบสนิทขึ้นมาในน้ำเสียงทีเดียว
“ สนุกมาก” เกษราพูดจากความจริงทั้งหน้าตาและน้ำเสียง นั่นทำให้ลูคัสเห็นความสดใสและชื่นชมโดยหล่อนไม่รู้ตัว
“ ไออยากขอบคุณยู ไอทำได้แล้ว มีเวลาวันไหนไปทานข้าวนิดหน่อยกับไอนะ”
ลูคัสพูดเหมือนชวนไปกิน Imbiss ยืนกินไส้กรอกร้านริมถนนอย่างนั้นแหละ เกษราก็ขำในท่าทางของเขาอีกแล้ว ก็ทำเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นมาสำออย
กับสาว
“ เดี๋ยวให้ไอได้มีเวลาสำหรับตัวเองก่อนนะ ตอนนี้งานมาก่อนยังไม่ว่างเลย”
“ ไอรอได้” ลูคัสทำท่าดีใจยิ้มหน้าบานก่อนเดินจากไป
หลายวันต่อมาการประกอบงานโคมไฟติดกับยอดเสาก็เริ่มขึ้น โดยเสาสูงขนาดที่ตั้งริมถนนถูกรถเทรลเล่อร์บรรทุกเข้ามาในบริษัทจำนวนหนึ่ง
เพื่อนำโคมไฟส่องถนนติดตั้งก่อนนำเสาสูงนั้นไปติดตั้งยังสถานที่อีกทีหนึ่ง เกษรายืนมองดูแล้วความคิดก็แล่นได้ออกมาว่า ทำไมจึงต้องเอาเสามาที่นี่เมื่อความคิดมา คำถามก็ตามมาทันที จึงได้ถามดีธเท่อร์เมื่อมีโอกาสว่า
“ จะเป็นไปได้ไหม ถ้าจะขนเสาไปวางที่สถานที่ติดตั้งเลยในเวลาที่กำหนด Just in Time และอุปกรณ์ในการประกอบโคมไฟก็นำไปที่นั่น รวมทั้งแผนกฟินิชชิ่ง จบงานด้วย คิดว่าเครื่องไม้เครื่องมือ สีและพนักงานน่าจะขนย้ายและลดค่าใช้จ่ายกว่าการบรรทุกเสามาที่นี่และไปส่งที่โน่นอีกหน”
ดีธเท่อร์นึกตาม นึกถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ แล้วก็พูดว่า
“ ไอต้องไปปรึกษาอูโด้ก่อน ว่าเป็นไปได้ไหม”
“ คนสร้างบ้านทั้งหลัง ยังสร้างในที่ของตนเองที่อยู่ต่างๆกัน” เกษราสำทับไปอีกทีกับดีธเทอร์
คำพูดเกษราทั้งหมดถูกนำไปถ่ายทอดให้อูโด้ฟังด้วยความซื่อแบบคนเยอรมันของดีธเท่อร์ที่สนิทกับอูโด้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่ Know how จากญี่ปุ่นทั้งสิ้น
ดีธเท่อร์ก็นำคำพูดเกษรามาคิดและคิดว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้กับแค่การย้ายการประกอบโคมไฟ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อูโด้เหมือนถูกลูบคมและหักหน้า
ที่ทำงานแบบเดิมไม่พัฒนา เกษราสังเกตได้ว่าอูโด้เลี่ยงการพบหน้ากับหล่อน มันรู้อยู่แก่ใจ เป็นใครก็ย่อมรู้สึกได้ การพูดเพื่อบริษัทอย่างเดียวไม่พอต้องแบ่งครึ่งพูดให้เพื่อนร่วมงานไม่เสียหายด้วย สำนึกตรงนี้ของเกษราไม่ได้ไตร่ตรองทั้งจากตนเองและจากดีธเท่อร์ที่นำมาพูดทั้งดุ้นเลยเทียว
เกษรามานอนคิดในวันหนึ่งว่า คงจะถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจ ในขณะเดียวกันทางRecruitment ก็บอกว่าทางบริษัทยินดีรับเข้าทำงาน หากแต่เกษรายังไม่ได้ว่างไปพบกับนายคนใหม่เลย หล่อนต้องขอความกรุณาขอพบวันเสาร์ที่โรงงานได้ไหม กว่าจะได้คำตอบสถานการณ์กับอูโด้ก็ดูว่า
จะตึงเครียดจนดีธเท่อร์รู้สึกได้
เสาร์นี้เกษรามาเดินในโรงงานใหม่ที่มีห้องหลายห้องในลักษณะที่ดูภายนอกเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่เมื่อเข้าไปข้างในก็ไม่รู้สึกว่าจะแตกต่างกับ
ออฟฟิศอะไร เมื่อรอสักพัก Mister Farid ก็เดินมาหาเกษราที่นั่งอยู่ในออฟฟิศของเขา
“ กู้ดเต้นมอร์เก้น” ฟาริดส่งเสียงทัก ให้ตายสินี่มันเสียง
เยอรมันชัดๆ
“ กู้ดเต้นมอร์เก้น” เกษราลุกขึ้นจับมือด้วย
“ ยูรู้แล้วใช่ไหมว่าไอยินดีที่จะได้ร่วมงานกัน” ฟาริดถาม
“ ใช่ รู้แล้ว วันนี้ไอจะมาบอกว่าทุกอย่าง In ordnung เป็นไปตามที่ว่าหรือเปล่า”
“ ไป เดินไปดูกัน” ฟาริดเดินนำไปดูทั่วโรงงานที่มีห้องหลายห้องทำงาน ที่แปลกตาคือมีฝรั่งผู้หญิงเยอรมันสอนการแกะสลักแก้วคริสตัลด้วย งานที่
สวยงามทำให้เกษราทึ่ง หลังจากเดินดูการหลอม การล้าง การสลักและการบรรจุหีบห่อแล้ว การมองหน้าฟาริดก็เป็นสิ่งตัดสินใจสุดท้าย ด้วยใบหน้า
ขาวของฟาริดในวัยสามสิบกว่าไม่ถึงสี่สิบและมีลักษณะเป็นฝรั่งมากกว่าแขกขาว เพราะดวงตาไม่ดุ หนวดเคราไม่เขียวครึ้ม ดูๆไปราวกับพวกอิตาลี
บวกเปอร์เซียน เกษราให้คำตอบไปว่า จะมาทันทีที่การลาออกสำเร็จ คืออาจจะไม่ต้องรอครบเดือน บริษัทก็อาจจะให้รีบไปเลยกลัวเอกสารข้อมูล
หายก็เป็นได้
ฟาริดยิ้มหวานตามลักษณะของตัวเองเมื่อเกษราพูดให้ฟังแบบนี้
“ ไอจะโทรมาแจ้งวันที่จะมาอีกครั้งหนึ่ง”เกษราบอกแล้ว ฟาริดให้เกษราเซ็นเอกสารรับทราบเพื่อยื่นแก่บริษัทหางานที่จัดการเรื่องนี้ให้ เมื่อออก
มาจากบริษัทแล้วเกษราก็รู้ว่าการทำงานใกล้บ้านถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง
ทีนี้แหละยาก จะพูดกับดีธเท่อร์อย่างไรดี เกษราถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบแล้วกระมังหลังจากพบกับฟาริดวันเสาร์แล้ว การลาออกก็ต้องเป็นจริง
เป็นจังขึ้นมา
( มีต่อค่ะ)
๐๐๐ $ นายฝรั่ง 6 $ ๐๐๐ จบ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
การยื่นเอกสารการขอวีซ่าทำได้โดยขอรายการเงินในบัญชีกับใบรับรองการทำงานก็ผ่านไปด้วยดี ธนาคารยินดีแฟ็กซ์ใบการเงินไปทาง
สถาบัน และจิตราเป็นคนพิมพ์ใบรับรองการทำงานจึงเป็นที่ล่วงรู้ว่าเกษราจะไปญี่ปุ่น ข่าวนี้ทำให้เกิดความสงสัยในการลางานไปว่าอยู่ในกรณีไหน เกษราคิดว่าคำตอบอยู่ที่ดีธเท่อร์จะแจ้งกับฝ่ายบุคคลและการเงินเอง ในเมื่อดีธเท่อร์เป็นเจ้าของบริษัทแม้จะมีหุ้นส่วนอยู่แต่ก็มีอำนาจเต็มในการบริหาร
สิ่งที่เกษราแจ้งไปทางคุณประณตคือต้องไปดูงานที่ญี่ปุ่นก่อน ขอพักการติดต่อไปก่อน และเพื่อเป็นการถ่วงเวลาสำหรับที่ใหม่ตอบรับด้วย จึงทำ
ให้ทุกอย่างต้องหยุดไปก่อน การจะได้ไปญี่ปุ่นครั้งแรกทำให้เกษราดีใจมาก ถือว่าทดแทนการไปอเมริกาที่อยากไปแต่ก็มาได้งานที่นี่เสียก่อน
การเดินทางไปต่างประเทศถือเป็นสิ่งปรารถนาลำดับต้นๆที่เกษราให้ความสำคัญ ด้วยหมายเหตุสามประการคือ มีเวลา มีอารมณ์ และมีเงินก็ไป
เที่ยวโลด....
ลูคัสคิดว่าเขาได้คุยกับเกษราค้างคาอย่างไรไม่รู้ จึงพยายามหาโอกาสที่จะคุยในสิ่งที่อยากพูดต่อให้จบ แล้วก็คิดได้ว่า
“ เกษรา ไอจะไปดูสถานที่ติดไฟที่หน้าโครงการณ์หนึ่ง ไฟส่องป้ายใหญ่ๆเหมือนช่วยให้ Landscape ดูแกรนด์ขึ้นด้วย อยากให้ยูไปดูด้วย เผื่อมี
ไอเดียดีๆกว่าเดิมที่ไอมี อย่างน้อยความคิดผู้หญิงด้านสวยงามย่อมมีอยู่แล้ว”
”How come?” เกษรานึกตามไม่ทัน
“ ก็แค่ไอไปบอกดีธเท่อร์เท่านั้น”
“ เมื่อไหร่ล่ะ”
“ สัปดาห์หน้า ยูไปวันไหนได้ล่ะ”
“ ไปได้ทุกวันแล้วแต่ดีธเท่อร์”
“ งั้นเป็นวันศุกร์นะ ตอนสายๆค่อยออกไป”
“ บอกมาแล้วกัน” เกษรานึกถึงเวลาที่จะออกไป ไซด์ ก็คราวนี้
ลูคัสทำหน้ายินดีและคงเดินไปหาดีธเท่อร์แจ้งความประสงค์ของตนเอง
เมื่อลูคัสเดินนำเกษรามาที่รถของเขาเพื่อไปดูหน้างานที่แถวเมืองทองธานี เส้นทางอันยาวไกลทำให้ทั้งสองมีเวลาคุยกันมากเท่าที่ลูคัสอยากพูดทีเดียว
“ แถวนั้นมีอาหารอร่อยแยะ ไอถามเดชามาแล้ว เดี๋ยวไอจะพายูไปกินนะ ขอบคุณที่ยูมาด้วยได้”
“ มันเป็นงานนะลูคัส ไอว่านานๆออกมาทีก็ดี ปกติไอไม่เคยมาแถวนี้เลย”
“ วันนี้ยูต้องช่วยไอสองอย่างนะ”
“ ช่วยงานกับช่วยกินเหรอ” เกษราถามอย่างสบายใจ
“ ช่วยงานกับช่วยฟังเรื่องของไอหน่อย ไอแย่มากแล้ว ไม่รู้ทางออกเลย เรื่องกินไอต้องบริการยูอยู่แล้วนะ” เกษราคิดว่าไม่มีทางเลี่ยงไปไหนอีกแล้ว
จำต้องรับฟังลูคัสเล่าเรื่องของเขา เรื่องส่วนตัวคงไม่พ้นเรื่องความรัก นึกถึงตรงนี้แล้วก็ให้ขมในใจนัก ไม่อยากได้ยินเพราะแพ้พ่ายกับสิ่งนี้จนไม่อยากจะถามตนเองว่า เมื่อไรจะเลิกเข็ด เลิกชิงชังเสียที หล่อนก็หาคำตอบให้ตนเองไม่ได้ นึกแต่ว่าความรู้สึกที่เกิดกับตัวเอง จะขึ้นอยู่กับคำว่า 'อัตโนมัติ'
เสียเหลือเกิน มันเกิด มันดับอย่างรวดเร็วด้วยตัวของมันเอง เมื่อรู้อย่างนี้แล้วก็ไม่ต้องไปถามหาถึงเวลาและขั้นตอน กับลูคัสความรู้สึกอื่นใดไม่มีนอกจากเป็นเพื่อนที่หน้าตาดีและคุยด้วยได้
“ ไออยากถามยูก่อนว่า คนไทยเมื่อไม่เข้าใจกัน เขาควรจะทำอย่างไรในขั้นแรก”
“ ก็รอให้ทั้งสองคนใจเย็น แล้วค่อยคุยกันนะ”เกษราไม่มีประสบการณ์ตรงนี้ตอบตามความคิดเท่าที่คิดได้
“ แล้วถ้าความไม่เข้าใจมันเกิดขึ้นบ่อยๆล่ะ”
“ ก็หยุดมันเสียเพราะมันคงไม่เหมาะที่จะอยู่ร่วมกันแล้ว” หล่อนตอบจากวิธีการที่ตนเองเคยทำมาก่อน
“ นั่นเป็นคำตอบที่ง่าย แต่การทำมันยากนะ”
“ ไม่มีอะไรยากหรอ ถ้ามันเป็นวิธีสุดท้ายที่ต้องทำ” หล่อนตอบอย่างเด็ดเดี่ยว
“ พูดต่อสิ” ลูคัสบอก
“ ยูเคยรู้สึกไหม ว่าบางสิ่งเราควรทำแต่แรก แต่เราก็กลับมาทำเป็นสิ่งสุดท้าย และรู้ในตอนนั้นนั่นเอง”
“............"
“ ไอพูดเกี่ยวกับคำว่า Uberlegen ไตร่ตรอง, พิจารณา ถ้าเราได้ทำแล้วก็ถือว่าถูกต้องที่สุดด้วยเหตุผลนะ ยูก็เคยได้ยินไม่ใช่หรือ Ende gut alles gut จุดจบดี ดีหมด”
“ ไอ เข้าใจแล้ว และคิดว่าจะเป็น Letzte uberlegen สุดท้ายแล้ว ขอบคุณนะเกษรา”
“ ไม่เป็นไรหรอก บางอย่างเราคิดคนเดียวอาจจะนานหน่อย พอมีเสียงนกร้องเราก็อาจคิดได้เร็วขึ้น เพราะเสียงนกกระตุ้นให้สมองเราคิดได้”
“ แล้วไอจะมาบอกยูนะ ว่าผลเป็นอย่างไร”
“ ยูไม่ต้องมาบอกไอหรอก ยูก็ทำไปเรื่องของยู”
“ แต่ไออยากมีคนฟังไอพูดแล้วเข้าใจไอด้วยนะ”
“ ใครๆก็อยากมี.....” หล่อนพูดความจริงในใจ
“ เห็นไหม ยูยังคิดเหมือนไอเลย เป็นไปได้ไหมที่เราจะมีเวลาคุยกันมากกว่านี้”
“ ไอไม่มีอะไรจะคุยนะ”
“ งั้นยูก็ฟังไอคุยก็ได้ นะเกษรานะ”
เกษราขำหัวเราะเบาๆ ที่ผู้จัดการชายอันเก่งกาจมาอ้อนหล่อนเสียแล้วหรือนี่ เออ ก็เป็นไปได้นะในบางมุมของคนเรานี่
“ ยูหัวเราะอะไร แต่ไอคิดว่าเป็นเรื่องดี คุยกับยูแล้วสบายใจ ไอรู้สึกทุกครั้งจนแปลกใจ ยูก็รับรู้ด้วยนะ”
“ ความสุขมันอยู่รอบๆตัวเรานะลูคัส ยูก็จับเอาเอง ไอไม่ได้ช่วยยูจับหรอก เพราะไอก็ทำเพื่อตัวเองเหมือนกัน”
รถแล่นมาถึงสถานที่ที่จะมาดู ลูคัสจอดรถแล้วพาเกษราเดินเข้าออฟฟิศเล็กๆสำหรับติดต่องาน เขาพูดคุยกับเจ้าหน้าที่ผู้หญิงคนหนึ่งที่นั่งในห้องกระจกนั้น ก่อนจะมาพาเกษราเดินไปห้องข้างๆที่มีแผนผังสถานที่และอาณาเขตบริเวณทางเข้าด้านหน้าที่จะมีโครงสร้างเป็นเหมือนประตูครึ่งวงกลม ที่มีป้ายชื่อ และไฟของบริษัทส่องตรงไปยังป้ายชื่อรวมทั้งบริเวณโดยรอบให้รู้ถึงความสว่างไสวบวกความสวยงามในสีของแสงไฟด้วย ลูคัสอธิบายและกล่าวถึงโคมไฟชื่อต่างๆเกษราฟัง ข้างๆมีภาพสเก็ตการส่องของไฟ ซึ่งลูคัสบอกว่าทำเป็น Lay-out ให้ฝ่ายกราฟฟิคใส่สีและจำลอง
แสงให้แล้ว จะให้เกษราดูภายหลังที่บริษัท วันนี้มาดูโลเกชั่น
ของจริงก่อนว่ามีภูมิทัศน์อย่างไร เกษรานึกไม่ถึงว่าน่าจะมีกล้องมาถ่ายภาพด้วย
ดังนั้นจึงเก็บภาพได้เท่าที่ความจำจะจำได้ เดินๆหมุนตัวอยู่บริเวณนั้นพักใหญ่ ลูคัสก็บอกว่าไปทานข้าวก่อน สงสัยอะไรก็มาดูอีกทีก็ได้
“ ยูลองนึกภาพที่เห็นนี่ไว้ ส่วนจุดกำหนดไฟเดี๋ยวดูภาพ
กราฟฟิคแล้วค่อยออกความคิดเห็นอีกทีนะ”
ลูคัสพยายามให้เกษรามีส่วนร่วมในงานนี้ให้ได้และเพื่องานต่อๆไปด้วย เขาไม่รู้ว่าความคิดเอาแต่ได้ของเขานั้น มันไปรวมกับความคิดเดิมของเกษราที่ว่า บริษัทใช้งานทุกอย่าง!
กำหนดการเดินทางไปญี่ปุ่นก็ใกล้เข้ามาแล้ว การทำวีซ่ารวมเจ้าตัวคนเดินทางไม่ต้องไปทำด้วยตนเอง และการพบปะก่อนไปก็มีแผ่นกำหนดการแจกโดยละเอียดแต่ละวันแต่ละจุดหมายระบุไว้พร้อมสรรพ
ดีธเท่อร์ดูว่าจะเป็นผู้รับงานของแผนกดีไซน์ไว้ดูแลเอง ทำให้รู้สึกว่าหน้าที่นี้สำคัญ เอ็มดีต้องโดดเข้ามาคุมเอง
แล้ววันเดินทางไปญี่ปุ่นก็มาถึง เกษราทิ้งหน้าที่การงานไว้เบื้องหลังและรู้สึกยินดีกับการได้เดินทางครั้งนี้มากมายด้วยความรู้สึกที่บ่งบอกจนเจ้าตัวรู้ว่าเป็นความสุขแน่แท้เทียว
****
วันแรกที่กลับมาจากญี่ปุ่น เกษรามีของฝากเป็นปากกาลูกลื่นจากญี่ปุ่นฝากพนักงานออฟฟิศทุกคนและลูกน้องตนเองด้วย ส่วนภาพถ่ายโคมไฟลักษณะต่างๆในด้านการออกแบบก็อัดเป็นรูปสีให้ดีธเท่อร์ไป งานดำเนินไปอย่างเรียบร้อยภายใต้การควบคุมของดีธเท่อร์ และเสมือนเป็นผลงานของเขาแทนที่จะเป็นของเกษราทำไว้ ลูคัสเดินมาหาเกษราที่ห้องเลยทีเดียวหลังจากได้รับแจกปากกาแล้ว ดูว่าลูคัสมีหน้าตาสดใสกว่าวันก่อน
คงพ้นทุกข์แล้ว เกษราคิดในทางที่ดี
“ สนุกไหม “ ลูคัสทักทายแบบสนิทขึ้นมาในน้ำเสียงทีเดียว
“ สนุกมาก” เกษราพูดจากความจริงทั้งหน้าตาและน้ำเสียง นั่นทำให้ลูคัสเห็นความสดใสและชื่นชมโดยหล่อนไม่รู้ตัว
“ ไออยากขอบคุณยู ไอทำได้แล้ว มีเวลาวันไหนไปทานข้าวนิดหน่อยกับไอนะ”
ลูคัสพูดเหมือนชวนไปกิน Imbiss ยืนกินไส้กรอกร้านริมถนนอย่างนั้นแหละ เกษราก็ขำในท่าทางของเขาอีกแล้ว ก็ทำเหมือนเด็กหนุ่มวัยรุ่นมาสำออย
กับสาว
“ เดี๋ยวให้ไอได้มีเวลาสำหรับตัวเองก่อนนะ ตอนนี้งานมาก่อนยังไม่ว่างเลย”
“ ไอรอได้” ลูคัสทำท่าดีใจยิ้มหน้าบานก่อนเดินจากไป
หลายวันต่อมาการประกอบงานโคมไฟติดกับยอดเสาก็เริ่มขึ้น โดยเสาสูงขนาดที่ตั้งริมถนนถูกรถเทรลเล่อร์บรรทุกเข้ามาในบริษัทจำนวนหนึ่ง
เพื่อนำโคมไฟส่องถนนติดตั้งก่อนนำเสาสูงนั้นไปติดตั้งยังสถานที่อีกทีหนึ่ง เกษรายืนมองดูแล้วความคิดก็แล่นได้ออกมาว่า ทำไมจึงต้องเอาเสามาที่นี่เมื่อความคิดมา คำถามก็ตามมาทันที จึงได้ถามดีธเท่อร์เมื่อมีโอกาสว่า
“ จะเป็นไปได้ไหม ถ้าจะขนเสาไปวางที่สถานที่ติดตั้งเลยในเวลาที่กำหนด Just in Time และอุปกรณ์ในการประกอบโคมไฟก็นำไปที่นั่น รวมทั้งแผนกฟินิชชิ่ง จบงานด้วย คิดว่าเครื่องไม้เครื่องมือ สีและพนักงานน่าจะขนย้ายและลดค่าใช้จ่ายกว่าการบรรทุกเสามาที่นี่และไปส่งที่โน่นอีกหน”
ดีธเท่อร์นึกตาม นึกถึงอุปกรณ์ต่างๆที่ต้องใช้ แล้วก็พูดว่า
“ ไอต้องไปปรึกษาอูโด้ก่อน ว่าเป็นไปได้ไหม”
“ คนสร้างบ้านทั้งหลัง ยังสร้างในที่ของตนเองที่อยู่ต่างๆกัน” เกษราสำทับไปอีกทีกับดีธเทอร์
คำพูดเกษราทั้งหมดถูกนำไปถ่ายทอดให้อูโด้ฟังด้วยความซื่อแบบคนเยอรมันของดีธเท่อร์ที่สนิทกับอูโด้เป็นทุนเดิมอยู่แล้ว สิ่งนี้ไม่ใช่ Know how จากญี่ปุ่นทั้งสิ้น
ดีธเท่อร์ก็นำคำพูดเกษรามาคิดและคิดว่าไม่มีอะไรที่ทำไม่ได้กับแค่การย้ายการประกอบโคมไฟ นั่นเป็นสิ่งที่ทำให้อูโด้เหมือนถูกลูบคมและหักหน้า
ที่ทำงานแบบเดิมไม่พัฒนา เกษราสังเกตได้ว่าอูโด้เลี่ยงการพบหน้ากับหล่อน มันรู้อยู่แก่ใจ เป็นใครก็ย่อมรู้สึกได้ การพูดเพื่อบริษัทอย่างเดียวไม่พอต้องแบ่งครึ่งพูดให้เพื่อนร่วมงานไม่เสียหายด้วย สำนึกตรงนี้ของเกษราไม่ได้ไตร่ตรองทั้งจากตนเองและจากดีธเท่อร์ที่นำมาพูดทั้งดุ้นเลยเทียว
เกษรามานอนคิดในวันหนึ่งว่า คงจะถึงเวลาแล้วที่ต้องตัดสินใจ ในขณะเดียวกันทางRecruitment ก็บอกว่าทางบริษัทยินดีรับเข้าทำงาน หากแต่เกษรายังไม่ได้ว่างไปพบกับนายคนใหม่เลย หล่อนต้องขอความกรุณาขอพบวันเสาร์ที่โรงงานได้ไหม กว่าจะได้คำตอบสถานการณ์กับอูโด้ก็ดูว่า
จะตึงเครียดจนดีธเท่อร์รู้สึกได้
เสาร์นี้เกษรามาเดินในโรงงานใหม่ที่มีห้องหลายห้องในลักษณะที่ดูภายนอกเป็นโกดังขนาดใหญ่ แต่เมื่อเข้าไปข้างในก็ไม่รู้สึกว่าจะแตกต่างกับ
ออฟฟิศอะไร เมื่อรอสักพัก Mister Farid ก็เดินมาหาเกษราที่นั่งอยู่ในออฟฟิศของเขา
“ กู้ดเต้นมอร์เก้น” ฟาริดส่งเสียงทัก ให้ตายสินี่มันเสียง
เยอรมันชัดๆ
“ กู้ดเต้นมอร์เก้น” เกษราลุกขึ้นจับมือด้วย
“ ยูรู้แล้วใช่ไหมว่าไอยินดีที่จะได้ร่วมงานกัน” ฟาริดถาม
“ ใช่ รู้แล้ว วันนี้ไอจะมาบอกว่าทุกอย่าง In ordnung เป็นไปตามที่ว่าหรือเปล่า”
“ ไป เดินไปดูกัน” ฟาริดเดินนำไปดูทั่วโรงงานที่มีห้องหลายห้องทำงาน ที่แปลกตาคือมีฝรั่งผู้หญิงเยอรมันสอนการแกะสลักแก้วคริสตัลด้วย งานที่
สวยงามทำให้เกษราทึ่ง หลังจากเดินดูการหลอม การล้าง การสลักและการบรรจุหีบห่อแล้ว การมองหน้าฟาริดก็เป็นสิ่งตัดสินใจสุดท้าย ด้วยใบหน้า
ขาวของฟาริดในวัยสามสิบกว่าไม่ถึงสี่สิบและมีลักษณะเป็นฝรั่งมากกว่าแขกขาว เพราะดวงตาไม่ดุ หนวดเคราไม่เขียวครึ้ม ดูๆไปราวกับพวกอิตาลี
บวกเปอร์เซียน เกษราให้คำตอบไปว่า จะมาทันทีที่การลาออกสำเร็จ คืออาจจะไม่ต้องรอครบเดือน บริษัทก็อาจจะให้รีบไปเลยกลัวเอกสารข้อมูล
หายก็เป็นได้
ฟาริดยิ้มหวานตามลักษณะของตัวเองเมื่อเกษราพูดให้ฟังแบบนี้
“ ไอจะโทรมาแจ้งวันที่จะมาอีกครั้งหนึ่ง”เกษราบอกแล้ว ฟาริดให้เกษราเซ็นเอกสารรับทราบเพื่อยื่นแก่บริษัทหางานที่จัดการเรื่องนี้ให้ เมื่อออก
มาจากบริษัทแล้วเกษราก็รู้ว่าการทำงานใกล้บ้านถือเป็นโชคดีอย่างหนึ่ง
ทีนี้แหละยาก จะพูดกับดีธเท่อร์อย่างไรดี เกษราถอนหายใจเป็นครั้งที่สิบแล้วกระมังหลังจากพบกับฟาริดวันเสาร์แล้ว การลาออกก็ต้องเป็นจริง
เป็นจังขึ้นมา
( มีต่อค่ะ)