[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้เกษราเป็นวิศวกรโดยอาชีพการทำงานเยี่ยงผู้ชายฝึกความแข็งแกร่งตามสายงาน หล่อนจะต้องเผชิญกับอะไรบ้าง 'พลอยแดง'
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้http://ppantip.com/topic/34429527 ตอนที่ 1
http://ppantip.com/topic/34444919 ตอนที่ 2
ร้านอาหารเก่าแก่มีชื่อเสียงย่านบางนา-ตราดนี้กว้างใหญ่สองชั้นเป็นแนวเรือนไทยโปร่ง มีบ่อน้ำให้ปลาคาร์ฟว่ายเล่น ส่วนปลาที่ว่ายรอความตายอยู่ในตู้กระจกบริเวณก่อนทางขึ้นบันไดชั้นสองที่มีหลายห้องและโถงโล่งรับอากาศโปร่งน่านั่ง บรรดาพนักงานออฟฟิชยี่สิบคนนั่งอยู่ตามโต๊ะที่จัดเป็นแนวยาวด้านล่างของร้าน
อาหารถูกทยอยนำมาเสิร์ฟเมื่อดีธเท่อร์มาถึงหลังเกษรานิดหน่อย ฝายบุคคลคงเป็นคุณสุนทรีย์ที่สั่งอาหารสามชุดเพื่อให้
ทั่วถึง การนั่งดูว่าทุกคนจะหลบเลี่ยงการนั่งใกล้ดีธเท่อร์ ดังนั้นเมื่อเกษรามาจึงถูกลูคัสขยับให้นั่งติดดีธเท่อร์และตัวเขาก็นั่งตรงข้ามที่มีอูโด้นั่งชิดกัน
จิตรานั่งถัดเกษราออกไป ฝ่ายการเงินและ ฝ่ายขายนั่งเรียงเป็นลำดับต่อมา เมื่อได้นั่งแล้ว เบียร์ย่อมเป็นเครื่องดื่มสำหรับชาวเยอรมัน เกษราก็ถือว่าเข้าถิ่นเบียร์ก็ต้องดื่มเบียร์ แต่ก็พยายามระมัดระวังเพราะต้องขับรถกลับบ้านได้ เมื่อทุกคนได้เครื่องดื่ม จิตราบอกดังๆว่าคุณดีธเท่อร์จะพูดแล้ว
ดีธเท่อร์จึงลุกพูดภาษาอังกฤษว่า
“ ผมขอต้อนรับคุณเกษราที่จะมาช่วยทำแผนกเอ็นจิเนียร์ให้ตื่นขึ้นมาใหม่ ขอทุกคนส่งเสริมและสนับสนุนแผนกของเรานี้ด้วย ผมหวังว่าผมมองคนไม่ผิด จึงฝากความก้าวหน้าไว้กับคุณเกษราด้วย ดื่มสำหรับเกษรา โพรส” ดีธเท่อร์ดื่มเบียร์แล้วปรบมือพร้อมกับคนอื่นๆแล้วนั่งลง เกษราจึงลุกกล่าวตอบ
“ ขอขอบคุณทุกๆคนและคุณดีธเท่อร์ตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า ทำให้แน่ใจว่าเราจะได้ทำงานร่วมกัน เป็นเวลาที่รวดเร็วเพราะความแอคทีฟของคุณดีธเท่อร์แท้ๆ พวกคุณมีนายที่เก่ง ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น ขอขอบคุณสำหรับการเลี้ยงเวลคัม ดินเนอร์วันนี้” เกษรากล่าวสรรเสริญดีธเท่อร์ไปเลย มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
อาหารที่สั่งมาดูแล้วก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า แกงส้มผักกระเฉดที่มีปลาช่อนนอนในชามรูปปลานี่น่ะหรือให้ฝรั่งกิน และอาหารที่เป็นยำต่างๆเสียส่วนมาก ดูๆไปแล้วคนไทยยังนิยมกินยำกันมากกว่า เมื่อได้โอกาสสั่งอาหารอีก เกษราเลยบอกจิตราว่าสั่งไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้หน่อยทานกับเบียร์สำหรับฝรั่ง เมื่อมีมาสามจานก็เป็นที่ต้องการหมดไปในเวลาไม่ช้านาน
การพูดคุยอูโด้ดูว่าจะรื่นเริงกับรสเบียร์เป็นพิเศษ เข้าลักษณะคนสูงอายุที่ได้ดื่ม ลูคัสคุยสนุกกับดีธเท่อร์ผ่านหน้าเกษราทื่อือออไปด้วย เนื่องจากยังใหม่นักก็ได้แต่ฟังลูคัสคุยถึงไฟส่องสว่างที่พยายามให้ได้เข้าไปติดที่วัดอรุณราชวรารามและวัดพระแก้ว เกษรานั่งนึกถึงเส้นสายและราคาที่ต้องเอาไปต่อสู้ก็นึกว่าลูคัสน่าจะเก่งพอที่จะได้ประมูลงานนี้ ดีธเท่อร์ถามว่าเกษรามีไอเดียอะไรไหม หล่อนตอบว่ายังไม่รู้ตลาดของเราเลย นั่นทำให้ลูคัสบอกทันทีว่าไว้มาคุยกับเขา แต่อูโด้กลับบอกว่าลูคัสขายหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เธอต้องระวังตัวนะ ทำเอาดีธเท่อร์หัวเราะ เกษรารู้สึกว่าอูโด้พูดเหมือนให้ความ’เอ็นดู’ หล่อนมากกว่าในอารมณ์ผสมเบียร์เช่นนี้
งานเลิกราราวสี่ทุ่ม เกษราได้พูดขอบคุณดีธเท่อร์อีกครั้งก่อนจะจากกัน และลูคัสก็มาถามว่าขับรถได้นะ ทำให้เกษรารู้สึกดีที่เขาเป็นห่วง หลายคนพักอยู่ถนนบางนา-ตราดที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานเป็นหลัก ตอนกลับพนักงานบัญชีสาวคนหนึ่งก็ขออาศัยกลับด้วย เพราะอยู่ใกล้วัดบางนาสี่แยกบางนานั้น
สัปดาห์ต่อมาเมื่อข้าวของภายในห้องเข้าที่ การประกาศรับสมัครช่างเขียนแบบก็ดำเนินไป โดยใบสมัครได้ถูกส่งมาให้เกษราคัดเลือก เด็กหนุ่มหลายคนที่ดูว่าน่าจะเข้าข่ายสัมภาษณ์ แต่การเขียนแบบระบบเยอรมันต่างกับระบบอเมริกันที่พลิกแบบม้วนตัว ซึ่งของเยอรมันพลิกแบบซ้ายที ขวาที
นี่จะเป็นสิ่งที่สับสนสำหรับคนไม่เคยชิน การเลือกเฟ้นจึงแคบเข้าเป็นสายเยอรมัน เอ็นจิเนียร์ใหม่จึงมาจากสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเท่านั้น
ส่วนดีไซเนอร์ดีธเท่อร์เลือกหาเอง ได้มาจากสถาบันเทคโนโลยี่แห่งหนึ่ง ซึ่งได้มาอย่างรวดเร็วภายในเดือนแรกที่เกษราทำงาน ส่วนการพลิก
แบบต้องมาทบทวนกันอีกที สำหรับงานออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ต้องมาเขียนในรูปงานเขียนแบบอยู่ดี
การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดีและได้หนุ่มท่าทางสะอาด เรียบร้อยพร้อมกับความพิเศษคือระดับการเรียนเกรดสามขึ้นไป ด้วยเกษรามีความคิดอยูในใจว่า
ความฉลาดช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
อานนท์ คือดีไซเน่อร์
ชีวิน คือเอ็นจิเนียร์หนุ่มสายเครื่องกล
ดีธเท่อร์ทำสิ่งที่เหมือนกิจวัตรประจำวันคือ ลงมาที่ห้องออกแบบนี้และพูดคุยเรื่องงานสักพักก็ชวนเกษราไปเดินในโรงงาน แรกเริ่มก็เป็นไปอย่างที่
เข้าใจคือเรียนรู้งาน แต่นานๆไปเกษราว่าอูโด้เป็นแค่คนคุมพนักงานทั้งหมดมากกว่า เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างดีธเท่อร์ทำคือไปซักถามการทำงานของ
พนักงานว่ามีอะไรเป็นปัญหาบ้าง นั่นคือเกษราต้องเป็นล่ามแปลและนำสิ่งที่ได้มาแก้ไข โดยทางปฎิบัติให้อูโด้ไปจัดการ ทางทฤษฎีให้เกษราหาทางแก้ปัญหา
สิ่งที่เป็นที่ยอมรับและเคยชินคือดีธเท่อร์มาตรวจงานทุกวันพร้อมเกษรา ที่เด่นชัดคือ ดีธเท่อร์บอกเกษราว่า
“ พนักงานควรจะเอาน้ำพรมไปที่พื้นโรงงานก่อนกวาดขี้ฝุ่น” นั่นทำให้เกษราต้องสั่งลงไปถึงหัวหน้าแผนกส่วนนั้นอีกทีว่าทำอย่างดีธเท่อร์บอกนะ
ความสงสัยก็หายไปเมื่อรู้ว่าอูโด้เป็นคนชำนาญงานในโรงงานที่เยอรมันของดีธเท่อร์เท่านั้น ไม่ได้มีความรู้นอกเหนือไปจากความชำนาญที่มีมา เกษรามารู้ว่าการต้องเดินในโรงงานนี่ทำเอารองเท้าญี่ปุ่นส้นสึกไปเร็วอย่างนึกไม่ถึง และซื้อมาตุนไว้อีกสองคู่ เพราะยิ่งเดินยิ่งต้องรับรู้นั่นคือรับผิดชอบนั่นเอง
“ พี่ผมอยากให้เรามาตกลงกันว่าจะแบ่งงานอย่างไร” อานนท์พูดขึ้นมาหลังจากทำงานได้สัปดาห์หนึ่ง
“ งานออกแบบพี่ว่าดีธเท่อร์คงจะเป็นคนสั่งงานให้อานนท์นะ เพราะเป็นความต้องการของเขา ส่วนการเขียนแบบเพื่อการผลิตก็ส่งต่อมาให้ชีวินเขียนแบบ “
“แล้วชิ้นงานหล่อล่ะครับ ใครเขียน” ชีวินถามขึ้น
“ อานนท์ไปคุยกับลพที่ห้องทำโมล์นะว่าจะเป็นไปได้ไหม การเทองศาต่างๆ แล้วอานนท์มา
บอกกับชีวินอีกที ส่วนสุดท้ายพี่จะดูเอง เพราะต้องเข้ามาตรฐานแผ่นเกียร์เพลทของเราด้วย”
อานนท์นิ่งนึกไป เกษราจึงบอกชีวินว่าเอาขนาดเกียร์เพลทต่างๆมาให้อานนท์ศึกษาด้วย
ไม่ทันพูดต่อ ดีธเท่อร์ก็เข้ามา เห็นเหมือนประชุมกัน จึงอธิบายให้ดีธท่อร์ฟัง นั่นทำให้ทั้งสองคนไม่เข้าใจที่เราพูดกัน ต้องเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ
และดีธเท่อร์บอกว่า Task description ของอานนท์จะออกมา เขากำลังนึกอยู่ เพราะงานอานนท์มันดิ้นได้ แต่ Lead Time ในการผลิตแต่ละ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอน ทั้งสองจึงแยกกันไปทำงาน ชีวินจะมีงานมากเพราะชิ้นส่วนต่างๆยังไม่มีแบบที่สมบูรณ์ หรือว่ามันเคยมีแล้วสูญสลายไป
“ เดชา เดชา มาดูนี่แน่ะ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงงานคนใหม่มาตรวจงานกับดีธเท่อร์อีกแล้วหละ”
“ ไหน ไหน “ อรรถพรชี้ผ่านกระจกจากห้องฝ่ายขายลงมาในโรงงานที่มองเห็นได้ชัดเจน
“ คุณดีธเท่อร์นี่ก็แปลก ไม่ไปเดินกับอูโด้ ถ้าอูโด้เป็นคนไทยคงไม่กินเส้นกับ คุณเกษราแน่ๆ”
พรเทพพนักงานขายอีกคนพูดว่า
“ อาจจะแค่ใหม่ๆมั้ง ที่เขาเรียกขี้ใหม่หมาหอม “ คำพูดทำเอาสองคนหัวเราะขึ้นมา
“ อย่าลืมนะไม่ใช่มีคนเดียว มันหอมมาถึงที่นี่เชียว” เดชาหมายถึงลูคัสด้วย ต่างก็มีเซ้นซ์ในการสังเกตกันทั้งนั้น
วันนี้ดีธเท่อร์พาเกษราไปถึงสุดโรงงานสอง โรงหลอมที่ร้อนระอุ ที่นั่น ดีธเท่อร์บอกว่า งานหลอมมีรูพรุนแยะ ต้องไล่ขี้ตะกอนออกมากๆ เกษรากลับคิดว่าอลูมีเนียมที่เอามาหลอมเกรดไม่ดีต่างหาก เท่านั้นแหละดีธเท่อร์ไปกวดขันฝ่ายจัดซื้ออย่างเข้มงวดในวันต่อมา ทำเอาชื่อเกษราไปอยู่บนปากฝ่ายจัดซื้อทันที
ชีวินมีงานเขียนแบบชิ้นงานมากมายทั้งๆที่เป็นของเก่าน่าจะมีการเขียนแบบไว้แล้ว แต่ระบบการเขียนแบบลงหมึกในกระดาษไขนั้นไม่สามารถเก็บ
ใส่ไฟล์แบบระบบออโตแคดได้ แบบทั้งหลายจึงล่มสลายไปพร้อมกับแผนก การ set up เอกสาร ข้อมูลต่างๆมากมายจนนึกไม่ถึง เมื่อแต่ละชิ้นงานมี
ขนาดสัดส่วนกำกับไว้โดยละเอียด ชีวินต้องลำดับการเขียนแบบตามลำดับความต้องการของการผลิต ซึ่งดีธเท่อร์ช่วยนำทางโดยแยกประเภทของชิ้นงานให้ คิดว่าชีวินมีงานทำต่อเนื่องได้เป็นปี โดยเขียนจากระบบ Autocad ที่สามารถเก็บใส่ไฟล์ได้ โดยจะไม่สูญหายอีก
อานนท์ศึกษาผลิตภัณฑ์โดยรวมก่อนมารับข้อมูลจากดีธเท่อร์ว่าควรผลิตโคมไฟชนิดไหนออกสู่ตลาด ซึ่งดีธเท่อร์เฝ้าคอยดูคู่แข่งซึ่งมีโรงงานอยูไม่
ไกลกันนัก นี่เป็นแผนการตลาดที่ลูคัสต้องปรึกษากับดีธเท่อร์อยู่บ่อยๆ
การเดินตรวจโรงงานของดีธเท่อร์และเกษรานับวันยิ่งรู้ปัญหามากขึ้น เพราะพนักงานสามารถบอกกับเกษราที่แปลให้ดีธเท่อร์ฟัง ด้วยไม่สามารถพูดได้ง่ายๆกับอูโด้ การนิ่งเฉยก็เหมือนไม่มีปัญหา แต่เท่ากับเก็บซุกไว้ แล้วเมื่อมีโอกาสก็พูดพรั่งพรูออกมา โดยเฉพาะแผนกหลอมที่เตาหลอมเสื่อมโทรมเพราะใช้งานหนัก การหยุดเตาจะทำได้ในตอนที่โรงงานปิดเท่านั้น แต่พนักงานก็ทำล่วงเวลา เตาเลยไม่เคยได้หยุด ดีธเท่อร์บอกจะต้องคุยกับอูโด้ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่
(มีต่อค่ะ)
๐๐๐ $ นายฝรั่ง 3 $ ๐๐๐
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ร้านอาหารเก่าแก่มีชื่อเสียงย่านบางนา-ตราดนี้กว้างใหญ่สองชั้นเป็นแนวเรือนไทยโปร่ง มีบ่อน้ำให้ปลาคาร์ฟว่ายเล่น ส่วนปลาที่ว่ายรอความตายอยู่ในตู้กระจกบริเวณก่อนทางขึ้นบันไดชั้นสองที่มีหลายห้องและโถงโล่งรับอากาศโปร่งน่านั่ง บรรดาพนักงานออฟฟิชยี่สิบคนนั่งอยู่ตามโต๊ะที่จัดเป็นแนวยาวด้านล่างของร้าน
อาหารถูกทยอยนำมาเสิร์ฟเมื่อดีธเท่อร์มาถึงหลังเกษรานิดหน่อย ฝายบุคคลคงเป็นคุณสุนทรีย์ที่สั่งอาหารสามชุดเพื่อให้
ทั่วถึง การนั่งดูว่าทุกคนจะหลบเลี่ยงการนั่งใกล้ดีธเท่อร์ ดังนั้นเมื่อเกษรามาจึงถูกลูคัสขยับให้นั่งติดดีธเท่อร์และตัวเขาก็นั่งตรงข้ามที่มีอูโด้นั่งชิดกัน
จิตรานั่งถัดเกษราออกไป ฝ่ายการเงินและ ฝ่ายขายนั่งเรียงเป็นลำดับต่อมา เมื่อได้นั่งแล้ว เบียร์ย่อมเป็นเครื่องดื่มสำหรับชาวเยอรมัน เกษราก็ถือว่าเข้าถิ่นเบียร์ก็ต้องดื่มเบียร์ แต่ก็พยายามระมัดระวังเพราะต้องขับรถกลับบ้านได้ เมื่อทุกคนได้เครื่องดื่ม จิตราบอกดังๆว่าคุณดีธเท่อร์จะพูดแล้ว
ดีธเท่อร์จึงลุกพูดภาษาอังกฤษว่า
“ ผมขอต้อนรับคุณเกษราที่จะมาช่วยทำแผนกเอ็นจิเนียร์ให้ตื่นขึ้นมาใหม่ ขอทุกคนส่งเสริมและสนับสนุนแผนกของเรานี้ด้วย ผมหวังว่าผมมองคนไม่ผิด จึงฝากความก้าวหน้าไว้กับคุณเกษราด้วย ดื่มสำหรับเกษรา โพรส” ดีธเท่อร์ดื่มเบียร์แล้วปรบมือพร้อมกับคนอื่นๆแล้วนั่งลง เกษราจึงลุกกล่าวตอบ
“ ขอขอบคุณทุกๆคนและคุณดีธเท่อร์ตั้งแต่วันแรกที่เห็นหน้า ทำให้แน่ใจว่าเราจะได้ทำงานร่วมกัน เป็นเวลาที่รวดเร็วเพราะความแอคทีฟของคุณดีธเท่อร์แท้ๆ พวกคุณมีนายที่เก่ง ฉันเชื่อว่าอย่างนั้น ขอขอบคุณสำหรับการเลี้ยงเวลคัม ดินเนอร์วันนี้” เกษรากล่าวสรรเสริญดีธเท่อร์ไปเลย มันน่าจะเป็นเรื่องที่ดี
อาหารที่สั่งมาดูแล้วก็อดนึกในใจไม่ได้ว่า แกงส้มผักกระเฉดที่มีปลาช่อนนอนในชามรูปปลานี่น่ะหรือให้ฝรั่งกิน และอาหารที่เป็นยำต่างๆเสียส่วนมาก ดูๆไปแล้วคนไทยยังนิยมกินยำกันมากกว่า เมื่อได้โอกาสสั่งอาหารอีก เกษราเลยบอกจิตราว่าสั่งไก่ผัดเม็ดมะม่วงหิมพานต์ให้หน่อยทานกับเบียร์สำหรับฝรั่ง เมื่อมีมาสามจานก็เป็นที่ต้องการหมดไปในเวลาไม่ช้านาน
การพูดคุยอูโด้ดูว่าจะรื่นเริงกับรสเบียร์เป็นพิเศษ เข้าลักษณะคนสูงอายุที่ได้ดื่ม ลูคัสคุยสนุกกับดีธเท่อร์ผ่านหน้าเกษราทื่อือออไปด้วย เนื่องจากยังใหม่นักก็ได้แต่ฟังลูคัสคุยถึงไฟส่องสว่างที่พยายามให้ได้เข้าไปติดที่วัดอรุณราชวรารามและวัดพระแก้ว เกษรานั่งนึกถึงเส้นสายและราคาที่ต้องเอาไปต่อสู้ก็นึกว่าลูคัสน่าจะเก่งพอที่จะได้ประมูลงานนี้ ดีธเท่อร์ถามว่าเกษรามีไอเดียอะไรไหม หล่อนตอบว่ายังไม่รู้ตลาดของเราเลย นั่นทำให้ลูคัสบอกทันทีว่าไว้มาคุยกับเขา แต่อูโด้กลับบอกว่าลูคัสขายหมดทุกสิ่งทุกอย่าง เธอต้องระวังตัวนะ ทำเอาดีธเท่อร์หัวเราะ เกษรารู้สึกว่าอูโด้พูดเหมือนให้ความ’เอ็นดู’ หล่อนมากกว่าในอารมณ์ผสมเบียร์เช่นนี้
งานเลิกราราวสี่ทุ่ม เกษราได้พูดขอบคุณดีธเท่อร์อีกครั้งก่อนจะจากกัน และลูคัสก็มาถามว่าขับรถได้นะ ทำให้เกษรารู้สึกดีที่เขาเป็นห่วง หลายคนพักอยู่ถนนบางนา-ตราดที่อยู่ใกล้กับที่ทำงานเป็นหลัก ตอนกลับพนักงานบัญชีสาวคนหนึ่งก็ขออาศัยกลับด้วย เพราะอยู่ใกล้วัดบางนาสี่แยกบางนานั้น
สัปดาห์ต่อมาเมื่อข้าวของภายในห้องเข้าที่ การประกาศรับสมัครช่างเขียนแบบก็ดำเนินไป โดยใบสมัครได้ถูกส่งมาให้เกษราคัดเลือก เด็กหนุ่มหลายคนที่ดูว่าน่าจะเข้าข่ายสัมภาษณ์ แต่การเขียนแบบระบบเยอรมันต่างกับระบบอเมริกันที่พลิกแบบม้วนตัว ซึ่งของเยอรมันพลิกแบบซ้ายที ขวาที
นี่จะเป็นสิ่งที่สับสนสำหรับคนไม่เคยชิน การเลือกเฟ้นจึงแคบเข้าเป็นสายเยอรมัน เอ็นจิเนียร์ใหม่จึงมาจากสถาบันเทคโนโลยี่พระจอมเกล้าเท่านั้น
ส่วนดีไซเนอร์ดีธเท่อร์เลือกหาเอง ได้มาจากสถาบันเทคโนโลยี่แห่งหนึ่ง ซึ่งได้มาอย่างรวดเร็วภายในเดือนแรกที่เกษราทำงาน ส่วนการพลิก
แบบต้องมาทบทวนกันอีกที สำหรับงานออกแบบผลิตภัณฑ์ก็ต้องมาเขียนในรูปงานเขียนแบบอยู่ดี
การสัมภาษณ์ผ่านไปด้วยดีและได้หนุ่มท่าทางสะอาด เรียบร้อยพร้อมกับความพิเศษคือระดับการเรียนเกรดสามขึ้นไป ด้วยเกษรามีความคิดอยูในใจว่า
ความฉลาดช่วยให้ทำงานได้เร็วขึ้น
อานนท์ คือดีไซเน่อร์
ชีวิน คือเอ็นจิเนียร์หนุ่มสายเครื่องกล
ดีธเท่อร์ทำสิ่งที่เหมือนกิจวัตรประจำวันคือ ลงมาที่ห้องออกแบบนี้และพูดคุยเรื่องงานสักพักก็ชวนเกษราไปเดินในโรงงาน แรกเริ่มก็เป็นไปอย่างที่
เข้าใจคือเรียนรู้งาน แต่นานๆไปเกษราว่าอูโด้เป็นแค่คนคุมพนักงานทั้งหมดมากกว่า เพราะเขาไม่ได้ทำอย่างดีธเท่อร์ทำคือไปซักถามการทำงานของ
พนักงานว่ามีอะไรเป็นปัญหาบ้าง นั่นคือเกษราต้องเป็นล่ามแปลและนำสิ่งที่ได้มาแก้ไข โดยทางปฎิบัติให้อูโด้ไปจัดการ ทางทฤษฎีให้เกษราหาทางแก้ปัญหา
สิ่งที่เป็นที่ยอมรับและเคยชินคือดีธเท่อร์มาตรวจงานทุกวันพร้อมเกษรา ที่เด่นชัดคือ ดีธเท่อร์บอกเกษราว่า
“ พนักงานควรจะเอาน้ำพรมไปที่พื้นโรงงานก่อนกวาดขี้ฝุ่น” นั่นทำให้เกษราต้องสั่งลงไปถึงหัวหน้าแผนกส่วนนั้นอีกทีว่าทำอย่างดีธเท่อร์บอกนะ
ความสงสัยก็หายไปเมื่อรู้ว่าอูโด้เป็นคนชำนาญงานในโรงงานที่เยอรมันของดีธเท่อร์เท่านั้น ไม่ได้มีความรู้นอกเหนือไปจากความชำนาญที่มีมา เกษรามารู้ว่าการต้องเดินในโรงงานนี่ทำเอารองเท้าญี่ปุ่นส้นสึกไปเร็วอย่างนึกไม่ถึง และซื้อมาตุนไว้อีกสองคู่ เพราะยิ่งเดินยิ่งต้องรับรู้นั่นคือรับผิดชอบนั่นเอง
“ พี่ผมอยากให้เรามาตกลงกันว่าจะแบ่งงานอย่างไร” อานนท์พูดขึ้นมาหลังจากทำงานได้สัปดาห์หนึ่ง
“ งานออกแบบพี่ว่าดีธเท่อร์คงจะเป็นคนสั่งงานให้อานนท์นะ เพราะเป็นความต้องการของเขา ส่วนการเขียนแบบเพื่อการผลิตก็ส่งต่อมาให้ชีวินเขียนแบบ “
“แล้วชิ้นงานหล่อล่ะครับ ใครเขียน” ชีวินถามขึ้น
“ อานนท์ไปคุยกับลพที่ห้องทำโมล์นะว่าจะเป็นไปได้ไหม การเทองศาต่างๆ แล้วอานนท์มา
บอกกับชีวินอีกที ส่วนสุดท้ายพี่จะดูเอง เพราะต้องเข้ามาตรฐานแผ่นเกียร์เพลทของเราด้วย”
อานนท์นิ่งนึกไป เกษราจึงบอกชีวินว่าเอาขนาดเกียร์เพลทต่างๆมาให้อานนท์ศึกษาด้วย
ไม่ทันพูดต่อ ดีธเท่อร์ก็เข้ามา เห็นเหมือนประชุมกัน จึงอธิบายให้ดีธท่อร์ฟัง นั่นทำให้ทั้งสองคนไม่เข้าใจที่เราพูดกัน ต้องเปลี่ยนเป็นภาษาอังกฤษ
และดีธเท่อร์บอกว่า Task description ของอานนท์จะออกมา เขากำลังนึกอยู่ เพราะงานอานนท์มันดิ้นได้ แต่ Lead Time ในการผลิตแต่ละ
ผลิตภัณฑ์ใหม่ก็ต้องมีกำหนดเวลาที่แน่นอน ทั้งสองจึงแยกกันไปทำงาน ชีวินจะมีงานมากเพราะชิ้นส่วนต่างๆยังไม่มีแบบที่สมบูรณ์ หรือว่ามันเคยมีแล้วสูญสลายไป
“ เดชา เดชา มาดูนี่แน่ะ ผู้ช่วยผู้จัดการโรงงานคนใหม่มาตรวจงานกับดีธเท่อร์อีกแล้วหละ”
“ ไหน ไหน “ อรรถพรชี้ผ่านกระจกจากห้องฝ่ายขายลงมาในโรงงานที่มองเห็นได้ชัดเจน
“ คุณดีธเท่อร์นี่ก็แปลก ไม่ไปเดินกับอูโด้ ถ้าอูโด้เป็นคนไทยคงไม่กินเส้นกับ คุณเกษราแน่ๆ”
พรเทพพนักงานขายอีกคนพูดว่า
“ อาจจะแค่ใหม่ๆมั้ง ที่เขาเรียกขี้ใหม่หมาหอม “ คำพูดทำเอาสองคนหัวเราะขึ้นมา
“ อย่าลืมนะไม่ใช่มีคนเดียว มันหอมมาถึงที่นี่เชียว” เดชาหมายถึงลูคัสด้วย ต่างก็มีเซ้นซ์ในการสังเกตกันทั้งนั้น
วันนี้ดีธเท่อร์พาเกษราไปถึงสุดโรงงานสอง โรงหลอมที่ร้อนระอุ ที่นั่น ดีธเท่อร์บอกว่า งานหลอมมีรูพรุนแยะ ต้องไล่ขี้ตะกอนออกมากๆ เกษรากลับคิดว่าอลูมีเนียมที่เอามาหลอมเกรดไม่ดีต่างหาก เท่านั้นแหละดีธเท่อร์ไปกวดขันฝ่ายจัดซื้ออย่างเข้มงวดในวันต่อมา ทำเอาชื่อเกษราไปอยู่บนปากฝ่ายจัดซื้อทันที
ชีวินมีงานเขียนแบบชิ้นงานมากมายทั้งๆที่เป็นของเก่าน่าจะมีการเขียนแบบไว้แล้ว แต่ระบบการเขียนแบบลงหมึกในกระดาษไขนั้นไม่สามารถเก็บ
ใส่ไฟล์แบบระบบออโตแคดได้ แบบทั้งหลายจึงล่มสลายไปพร้อมกับแผนก การ set up เอกสาร ข้อมูลต่างๆมากมายจนนึกไม่ถึง เมื่อแต่ละชิ้นงานมี
ขนาดสัดส่วนกำกับไว้โดยละเอียด ชีวินต้องลำดับการเขียนแบบตามลำดับความต้องการของการผลิต ซึ่งดีธเท่อร์ช่วยนำทางโดยแยกประเภทของชิ้นงานให้ คิดว่าชีวินมีงานทำต่อเนื่องได้เป็นปี โดยเขียนจากระบบ Autocad ที่สามารถเก็บใส่ไฟล์ได้ โดยจะไม่สูญหายอีก
อานนท์ศึกษาผลิตภัณฑ์โดยรวมก่อนมารับข้อมูลจากดีธเท่อร์ว่าควรผลิตโคมไฟชนิดไหนออกสู่ตลาด ซึ่งดีธเท่อร์เฝ้าคอยดูคู่แข่งซึ่งมีโรงงานอยูไม่
ไกลกันนัก นี่เป็นแผนการตลาดที่ลูคัสต้องปรึกษากับดีธเท่อร์อยู่บ่อยๆ
การเดินตรวจโรงงานของดีธเท่อร์และเกษรานับวันยิ่งรู้ปัญหามากขึ้น เพราะพนักงานสามารถบอกกับเกษราที่แปลให้ดีธเท่อร์ฟัง ด้วยไม่สามารถพูดได้ง่ายๆกับอูโด้ การนิ่งเฉยก็เหมือนไม่มีปัญหา แต่เท่ากับเก็บซุกไว้ แล้วเมื่อมีโอกาสก็พูดพรั่งพรูออกมา โดยเฉพาะแผนกหลอมที่เตาหลอมเสื่อมโทรมเพราะใช้งานหนัก การหยุดเตาจะทำได้ในตอนที่โรงงานปิดเท่านั้น แต่พนักงานก็ทำล่วงเวลา เตาเลยไม่เคยได้หยุด ดีธเท่อร์บอกจะต้องคุยกับอูโด้ในเรื่องนี้ ถือว่าเป็นปัญหาใหญ่
(มีต่อค่ะ)