กลยุทธ์จัดพอร์ตการลงทุน ตอนที่ 4 : โดย คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม

บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม

ในบทความครั้งที่แล้วผมได้กล่าวถึงกลยุทธ์การจัดพอร์ตการลงทุนด้วย “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ที่ท่านควรจัดให้มีอยู่ในพอร์ตการลงทุนของท่านไปบางส่วนแล้ว โดยได้กล่าวถึงการตรวจสอบว่าหุ้นนั้นมีราคาแพงเกินไปแล้วหรือไม่ด้วยการประเมินหาค่า P/E อย่างคร่าวๆในหมวดอุตสาหกรรมที่เราสนใจสำหรับหุ้นที่จัดเป็นประเภท “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) เท่านั้น ซึ่งเป็นเทคนิคเฉพาะตัวที่ผมคิดค้นขึ้นมา ซี่งในบทความนั้นได้กล่าวถึงกรณีที่ค่า P/E ของ “เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” กับ “เปรียบเทียบตลาด (%)” มีค่าต่างกันมากกว่า 1 เท่าตัว

ท่านสามารถติดตามอ่านบทความก่อนหน้าได้จาก facebook หรือ blog ของผมได้ครับ

สำหรับในบทความนี้จะกล่าวถึงการประเมินหาค่า P/E อย่างคร่าวๆในหมวดอุตสาหกรรมที่เราสนใจสำหรับหุ้นที่จัดเป็นประเภท “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ในกรณีที่ค่า P/E ของ “เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” กับ “เปรียบเทียบตลาด (%)” มีค่าต่างกันไม่เกิน 1 เท่าตัว


2. กรณีที่ค่า P/E ของ “เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” กับ “เปรียบเทียบตลาด (%)” มีค่าต่างกันไม่เกิน 1 เท่าตัว

จะใช้สูตร

A = ( “P/E เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)”)
ซึ่งเมื่อได้ค่า A แล้วก็นำค่า A มาเข้าสูตรการหาค่า P/E เช่นเดียวกับกรณีกรณีที่ค่า P/E ของ “เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” กับ “เปรียบเทียบตลาด (%)” มีค่าต่างกันมากกว่า 1 เท่าตัว

ทั้งนี้ อัตราการเจริญเติบโตของกิจการที่คาดว่าจะเป็น (%) ของหุ้นเติบโตมักจะมีค่าอยู่ระหว่าง 10% ถึง 30% ดังนั้นค่ากลางที่ผมมักจะใช้คือ 20%

เพื่อให้เกิดความเข้าใจมากยิ่งขึ้นผมจะยกตัวอย่างจากข้อมูลของหุ้น FORTH ตามตารางด้านล่างนี้

จากตารางจะเห็นว่า “เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” กับ “เปรียบเทียบตลาด (%)” มีค่าแตกต่างกันไม่เกิน 1 เท่าตัว คือ 15.74 กับ 24.56 ตามลำดับ เราก็นำค่าที่ได้มาเข้าสูตรเพื่อหาค่า A ก่อน

A = ( “P/E เปรียบเทียบหมวดอุตสาหกรรม (%)” )
ซึ่งจะทำให้ได้ค่า A เท่ากับ 15.74 เมื่อได้ค่า A แล้วก็จะมาหาค่า P/E ต่อ จากสูตร

ซึ่งจะทำให้ได้ค่า P/E เท่ากับ 18.89 ได้มาจาก P/E = 15.74+ ((15.74 x 20)/100)

ผลลัพธ์ที่ได้มีความหมายว่า หุ้นที่จัดเป็น “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ในหมวดอุตสาหกรรมนี้ ควรจะมีค่า P/E ไม่เกิน 18.89

ซึ่งเมื่อทำการเปรียบเทียบค่า P/E ของหุ้น FORTH ที่ได้รับการประเมินจากโบรกเกอร์จะมีค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 19.20

ลองมาดูอีกหนึ่งตัวอย่าง จากข้อมูลของหุ้น VNG ตามตารางด้านล่างนี้

ใช้หลักการคำนวณแบบเดียวกันจะทำให้ได้ค่า P/E เท่ากับ 17.77 ได้มาจาก P/E = 14.81+ ((14.81 x 20)/100)

ผลลัพธ์ที่ได้มีความหมายว่า หุ้นที่จัดเป็น “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ในหมวดอุตสาหกรรมนี้ ควรจะมีค่า P/E ไม่เกิน 17.77

ซึ่งเมื่อทำการเปรียบเทียบค่า P/E ของหุ้น VNG ที่ได้รับการประเมินจากโบรกเกอร์จะมีค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 15.20

ลองมาดูตัวอย่างสุดท้าย จากข้อมูลของหุ้น CHG ตามตารางด้านล่างนี้

ใช้หลักการคำนวณแบบเดียวกันจะทำให้ได้ค่า P/E เท่ากับ 45.12 ได้มาจาก P/E = 37.60+ ((37.60 x 20)/100)

ผลลัพธ์ที่ได้มีความหมายว่า หุ้นที่จัดเป็น “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) ในหมวดอุตสาหกรรมนี้ ควรจะมีค่า P/E ไม่เกิน 45.12

ซึ่งเมื่อทำการเปรียบเทียบค่า P/E ของหุ้น CHG ที่ได้รับการประเมินจากโบรกเกอร์จะมีค่า P/E เฉลี่ยอยู่ที่ 48.40

จะเห็นได้ว่าผลลัพธ์ที่ได้อาจจะมีความเคลื่อนอยู่บ้างแต่ก็มีความใกล้เคียงกับค่าที่ควรจะเป็น ความคาดเคลื่อนที่เกิดขึ้นจะมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับค่าของ “อัตราการเจริญเติบโตของกิจการที่คาดว่าจะเป็น (%)” ที่เรากำหนดค่าเข้าไปในสูตรการคำนวณ

ต้องขอย้ำว่าสูตรการคำนวณที่ผมกล่าวมาข้างต้นเป็นสูตรการคำนวณที่ผมคิดขึ้นมาเพื่อหาค่า P/E อย่างคร่าวๆ ของ “หุ้นเติบโต” (Growth Stock) เท่านั้น เป็นเทคนิคที่ง่ายในการประเมินความถูกความแพงของราคาหุ้นเติบโตของหมวดอุตสาหกรรม จึงนำเสนอเพราะอาจจะเป็นประโยชน์สำหรับท่านที่ต้องการนำสูตรการคำนวณเหล่านี้ไปใช้งาน

ขอบพระคุณทุกท่านที่กรุณาติดตาม หากไม่รังเกียจกรุณาช่วยกด Like facebook หรือช่วยแชร์ ส่งต่อสิ่งดีๆเหล่านี้ให้กับสังคมด้วยนะครับ และขอเชิญมาร่วมเป็นส่วนหนึ่งของแฟนเพจ..สังคมเล็กๆที่อบอุ่น เพื่อเป็นกำลังใจในการสร้างสรรค์สิ่งดีๆคืนให้กับสังคมต่อไป.

บทความโดย : คุณชายมะนาว..กับหุ้นสายสีลม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่