สมมุติถ้าสั่งยึดทรัพย์ไปแล้ว เกิดศาลฏีกาแผนกคดีอาญานักการเมืองตัดสินว่าไม่ผิด มิต้องคืนทรัพย์ หรือครับ
หรือหากสมมุติ มีดอกเบี้ยที่รัฐจะต้องจ่ายเพิ่ม
ดอกเบี้ยส่วนเกิน ที่หน่วยงานของรัฐจะต้องจ่ายเพิ่ม
หน่วยงานนั้นๆ
สามารถฟ้องร้องทางเพ่ง ให้คุณ วิษณุ และ พวก ต้องชดใช้ ฐานกระทําละเมิด
ด้วยมาตรา 8 และ 10 เช่นเดียวกัน ได้หรือไม่ครับ
คุณ วิษณุ ต้องตอบคําถามนี้ ให้ตัวเองน่ะครับ
-----------
ทีนี้มาดูกฏหมาย ตามมาตรา 8 และ 10 ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิด ตามที่คุณ พิษณุ และ พวก พูดถึง
( รายละเอียดของแต่ละมาตรา ก็ลองไปหาอ่านกันดูน่ะครับ ผมพยายามอธิบายแบบรวบรัด ให้สั้นและ กระชับที่สุด )
มาตรา 8 ที่จริงก็ว่าด้วยเรื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ไปทําการละเมิดผู้อื่น จนเกิดความเสียหาย
ทําให้หน่วยงานของรัฐ ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนกับผู้เสียหาย
แต่หากการกระทํานั้น หน่วยงานของรัฐรู้ว่า เกิดจากความจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ของเจ้าหน้า
หน่วยงานของรัฐก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนคืน จากเจ้าหน้าที่คนนั้นๆได้
สรุปความว่า มาตรา 8 ไม่เกี่ยวกับคดี คุณยิ่งลักษณ์เลย แค่เป็นเรื่องของจ้าหน้าที่รัฐ ไปกระทําละเมิดต่อผู้อื่น
ที่นี้มาดูมาตรา10 อาจจะเข้าเค้าหน่อย
เพราะว่าด้วยเรื่อง ที่เจ้าหน้าที่รัฐ กระทําการละเมิด ต่อหน่วยงานของรัฐเสียเอง
( ถ้ากระทําผิดตามมาตรานี้ ก็ให้นํามาตรา8 มาบังคับใช้โดยอนุโลม )
เรื่องนี้ คุณ วิษณุ และ พวก คงแกะมาจาก คําพิพากษาฏีกาศาลปกครองสูงสุด อ.456/2550
เหตุเกิดที่ สรรพากรอําเภอคลองเตย
ว่าด้วยเรื่องเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ ไปยักยอกเงินภาษีในหน่วยงานตัวเอง ทําให้ผู้บังคับปัญคือหัวหน้ารับชําระภาษี
ต้องรับผิดทางเพ่งไปด้วย
ฐานปล่อยปละละเลย ไม่กํากับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่คดีนี้ ก็ไม่เห็นอธิบดีกรรมสรรพากร ต้องมารับผิดทางเพ่ง ประเด็นนี้คุณ วิษณุ และ พวก จะว่าไง
สมมุติ คุณยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามความหมายจริง
แต่คุณยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กํากับด้านนโยบาย
ไม่ใช่เป้นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐนั้นๆโดยตรง ที่หน่วยงานสามารถนําอํานาจทางปกครองมาบังคับใช้ได้
------------
แต่ถ้า คุณวิษณุ และ พวก ออกมาโต้ ก็ ปปช. ขี้มูลมาอย่างนี้ ผมจะทําเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ก็ลองไปดู มาตรา 8 และ 10 ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิด ใหม่ครับ
กฏหมายใช้คําว่า"รู้ " แต่ ปปช. ใช้คําว่า"ส่อ" ( ปล่อยปละละเลย ส่อว่ามีการทุจริต )
สองคํานี้ มันต่างกันน่ะครับ
รู้ในความหมายของมาตรา 8 และ 10 คือสรุปเป็นอันแน่ชัดแล้ว ( หรือหากรู้ไม่แน่ชัดแค่เพียงระแคะระคาย
ก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนให้รู้ให้แน่ชัดก่อน จึงเอาสองมาตรานี้มาฟ้องทางละเมิดได้ )
ส่วน........ส่อ ยังไม่แน่ชัดว่าจริง หรือ ไม่จริง อาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้
แล้วหากไปฟ้องทางละเมิดเพื่อเรียกสินไหมทดแทนเสียแล้ว ลองใช้สามัญสํานึก ( ของคนปกติ ) คิดสิครับ
มันถูกต้องหรือไม่
ผมว่าคดีนี้หาก คุณวิษณุ และ พวก เร่งรัดจนเกินงาม ปัญหาที่จะตามมามีมากมาย
ใช่เพียงแต่ในส่วนเรื่องคดีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกของชาวนาหลายล้านคนทั่วประเทศ
หากคิดแต่จะใช้คมดาบฟาดฟันผู้อื่น
ก็ใหัระวัง คมดาบอีกด้าน มันจะฟันเข้าหน้าผากตัวเองบ้างครับ
ยิ่งเงื้อแรงเท่าไหร่ มันก็จะโดนตัวเองแรงมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน
------------------------
😊😊..คุณวิษณุครับ อยากถามเกี่ยวกับการสั่งยึดทรัพย์ คุณยิ่งลักษณ์ครับ
หรือหากสมมุติ มีดอกเบี้ยที่รัฐจะต้องจ่ายเพิ่ม
ดอกเบี้ยส่วนเกิน ที่หน่วยงานของรัฐจะต้องจ่ายเพิ่ม
หน่วยงานนั้นๆ
สามารถฟ้องร้องทางเพ่ง ให้คุณ วิษณุ และ พวก ต้องชดใช้ ฐานกระทําละเมิด
ด้วยมาตรา 8 และ 10 เช่นเดียวกัน ได้หรือไม่ครับ
คุณ วิษณุ ต้องตอบคําถามนี้ ให้ตัวเองน่ะครับ
-----------
ทีนี้มาดูกฏหมาย ตามมาตรา 8 และ 10 ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิด ตามที่คุณ พิษณุ และ พวก พูดถึง
( รายละเอียดของแต่ละมาตรา ก็ลองไปหาอ่านกันดูน่ะครับ ผมพยายามอธิบายแบบรวบรัด ให้สั้นและ กระชับที่สุด )
มาตรา 8 ที่จริงก็ว่าด้วยเรื่อง เจ้าหน้าที่หน่วยงานของรัฐ ไปทําการละเมิดผู้อื่น จนเกิดความเสียหาย
ทําให้หน่วยงานของรัฐ ต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนกับผู้เสียหาย
แต่หากการกระทํานั้น หน่วยงานของรัฐรู้ว่า เกิดจากความจงใจ หรือ ประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ของเจ้าหน้า
หน่วยงานของรัฐก็สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนคืน จากเจ้าหน้าที่คนนั้นๆได้
สรุปความว่า มาตรา 8 ไม่เกี่ยวกับคดี คุณยิ่งลักษณ์เลย แค่เป็นเรื่องของจ้าหน้าที่รัฐ ไปกระทําละเมิดต่อผู้อื่น
ที่นี้มาดูมาตรา10 อาจจะเข้าเค้าหน่อย
เพราะว่าด้วยเรื่อง ที่เจ้าหน้าที่รัฐ กระทําการละเมิด ต่อหน่วยงานของรัฐเสียเอง
( ถ้ากระทําผิดตามมาตรานี้ ก็ให้นํามาตรา8 มาบังคับใช้โดยอนุโลม )
เรื่องนี้ คุณ วิษณุ และ พวก คงแกะมาจาก คําพิพากษาฏีกาศาลปกครองสูงสุด อ.456/2550
เหตุเกิดที่ สรรพากรอําเภอคลองเตย
ว่าด้วยเรื่องเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐ ไปยักยอกเงินภาษีในหน่วยงานตัวเอง ทําให้ผู้บังคับปัญคือหัวหน้ารับชําระภาษี
ต้องรับผิดทางเพ่งไปด้วย
ฐานปล่อยปละละเลย ไม่กํากับดูแลผู้ใต้บังคับบัญชา
แต่คดีนี้ ก็ไม่เห็นอธิบดีกรรมสรรพากร ต้องมารับผิดทางเพ่ง ประเด็นนี้คุณ วิษณุ และ พวก จะว่าไง
สมมุติ คุณยิ่งลักษณ์ เป็นเจ้าหน้าที่รัฐตามความหมายจริง
แต่คุณยิ่งลักษณ์ เป็นผู้กํากับด้านนโยบาย
ไม่ใช่เป้นเจ้าหน้าที่ในหน่วยงานรัฐนั้นๆโดยตรง ที่หน่วยงานสามารถนําอํานาจทางปกครองมาบังคับใช้ได้
------------
แต่ถ้า คุณวิษณุ และ พวก ออกมาโต้ ก็ ปปช. ขี้มูลมาอย่างนี้ ผมจะทําเป็นอย่างอื่นไปไม่ได้
ก็ลองไปดู มาตรา 8 และ 10 ตาม พ.ร.บ.ความผิดทางละเมิด ใหม่ครับ
กฏหมายใช้คําว่า"รู้ " แต่ ปปช. ใช้คําว่า"ส่อ" ( ปล่อยปละละเลย ส่อว่ามีการทุจริต )
สองคํานี้ มันต่างกันน่ะครับ
รู้ในความหมายของมาตรา 8 และ 10 คือสรุปเป็นอันแน่ชัดแล้ว ( หรือหากรู้ไม่แน่ชัดแค่เพียงระแคะระคาย
ก็ต้องตั้งกรรมการสอบสวนให้รู้ให้แน่ชัดก่อน จึงเอาสองมาตรานี้มาฟ้องทางละเมิดได้ )
ส่วน........ส่อ ยังไม่แน่ชัดว่าจริง หรือ ไม่จริง อาจจะจริงก็ได้ ไม่จริงก็ได้
แล้วหากไปฟ้องทางละเมิดเพื่อเรียกสินไหมทดแทนเสียแล้ว ลองใช้สามัญสํานึก ( ของคนปกติ ) คิดสิครับ
มันถูกต้องหรือไม่
ผมว่าคดีนี้หาก คุณวิษณุ และ พวก เร่งรัดจนเกินงาม ปัญหาที่จะตามมามีมากมาย
ใช่เพียงแต่ในส่วนเรื่องคดีเท่านั้น แต่เป็นเรื่องของความรู้สึกของชาวนาหลายล้านคนทั่วประเทศ
หากคิดแต่จะใช้คมดาบฟาดฟันผู้อื่น
ก็ใหัระวัง คมดาบอีกด้าน มันจะฟันเข้าหน้าผากตัวเองบ้างครับ
ยิ่งเงื้อแรงเท่าไหร่ มันก็จะโดนตัวเองแรงมากขึ้นเท่านั้นเช่นกัน
------------------------