💢💢💢........บอกตรงๆผมเริ่มเชื่อแล้วว่าคุณ วิษณุ คือ ศรีธนณชัย กลับชาติมาเกิด

ผมคงไม่ต้องไปอ้าง พระราชบัญญัติ วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539   หรอกครับ
ทั้งที่จริง  มันเป็นเรื่องที่ว่าด้วยเจตนารมณ์  และ หลักสําคัญ  ของการใช้กฏหมายทางปกครอง
ที่ควรนํามาพิจารณาก่อนเป็นลําดับแรก

ซึ่ง ในมาตรา.4 ของกฏหมายนี้  มันก็ชัดเจนอยู่แล้วว่า   มิให้ใช้บังคับแก่ รัฐสภา  คณะรัฐมนตรี
หากไม่ดึงดันเกินไป   มันก็ควรจะจบลงแค่นี้


แต่เมื่อคุณ วิษณุ  ยังไม่จบ  กลับพยายามเอาผิดกับคุณ ยิ่งลักษณ์ ให้ได้
และไปหยิบยกเอา พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539  มาใช้บังคับ
โดยไม่ไปดูว่ามันขัดกับ  กฏหมายตัวพ่อ  คือ  วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539  หรือไม่

ผมก็ขอเรียนชี้แจงดังนี้

เริ่มแรกคุณ วิษณุ   ไปหยิบยกเอา มาตรา 8  และ มาตรา 10  ของ พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539
มาใช้บังคับ
มาตรา8 โดยสรุป
     คือกรณีที่เจ้าหน้าที่ ไปทําละเมิดบุคคลภายนอก และหน่วยงานที่เจ้าหน้าคนนั้นสังกัดอยู่ จะต้องจ่ายค่าสินไหมทดแทนแก่ผู้ถูกละเมิด
     พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539  ก็ให้อํานาจหน่วยงานนั้นๆ
     สามารถเรียกค่าสินไหมทดแทนคืนจากเจ้าหน้าที่ภายหลัง   หากการละเมิดนั้นเกิดจาก ความประมาทเลนเล่อ อย่างร้ายแรงของเจ้าหน้าที่

มาตรา10  โดยสรุป
    ก็คล้ายๆกัน กับ  มาตรา8 เพียงแต่เป็นกรณีที่  เจ้าหน้าที่  เป็นผู้กระทําละเมิดต่อหน่วยงานเสียเอง  ไม่เกี่ยวกับบุคคลภายนอก

แต่เมื่อคํานิยามความหมาย  ของ " เจ้าหน้าที่ "  ตามมาตรา8   และ มาตรา10 มีคนแย้ง
ว่า....เจ้าหน้าที่
ตามความหมายนี้   หมายถึง  เจ้าหน้าที่ ที่สังกัดหน่วยงานของรัฐ ไม่ว่า จะเป็นกระทรวง ทบวง กรม
รัฐวิสาหกิจ ( ตามกฏหมายเฉพาะ ) หรือ  หน่วยงานอื่นตามพระราชกฤษฎีกา
ไม่ได้เกี่ยวกับตําเหน่งนายกรัฐมนตรี   แต่อย่างใด


คุณ วิษณุ  ยังคงไหลลื่น  ไปเกาะเกี่ยวยัง  มาตรา 5 ต่ออีก
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ตรงที่ว่า (ตามมาตรา5) " ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้สังกัด  หน่วยงานของรัฐแห่งใด "
ให้ถือว่ากระทรวงการคลังเป้นหน่วยงานของรัฐที่ต้องรับผิดตามวรรคหนึ่ง

" ถ้าการละเมิดเกิดจากเจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้สังกัด  หน่วยงานของรัฐแห่งใด "
นี่แหละครับที่คุณ วิษณุ  อาจคิดว่าคือแสงสว่างริบหรี่ที่ปลายอุโมงค์  ที่สามารถฟ้องทางละเมิดต่อ  คุณยิ่งลักษณ์ได้

ทั้งที่จริง  มันไม่เป็นอย่างนั้น
จริงอยู่แม้เป็น " เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้สังกัด หน่วยงานของรัฐแห่งใด "
ถึงอย่างไร  ก็ต้องเป็นหน่วยงาน   ที่ถูกจัดตั้งขึ้นมาตาม  พ.ร.บ. หรือ พระราชกฏษฎีกา  อยู่ดี
เพียงแต่มีลักษณะพิเศษคือ   เป็นหน่วยงานของรัฐที่ถูกจัดตั้งขึ้น   โดยมิให้สังกัดในส่วนราขการใดๆ

หน่วยงานเหล่านี้.........อาทิเช่น
สํานักงานคณะกรรมการกํากับหลักทรัพย์และตลาดหลักมรัพย์
สํานักงานทรัพย์สินส่วนพระมหากษัตริย์
หน่วยงานอื่นๆ หรือ องค์กรอิสระ  ที่มีสถานะเป็นหน่วยงานรัฐ แต่ไม่ได้สังกัด กระทรวง ทบวง กรม หรือ รัฐวิสาหกิจใดๆ

นี่แหละครับ คือความหมายตาม  มาตรา5 ที่ว่า " เจ้าหน้าที่รัฐที่ไม่ได้สังกัด  หน่วยงานของรัฐแห่งใด "
ตามเจตนารมณ์  หรือ  ความหมายที่แท้จริง  ของมาตรานี้

จะไปโมเม  แบบศีรธนณชัย   รวบเอาตําเหน่งนายกรัฐมนตรี   เข้าไปในนิยามความหมายนี้  คงไม่ได้
เพราะตําเหน่งนายก  ไม่ได้จัดตั้งขึ้นตาม  พ.ร.บ. หรือ พระราชกฏษฎีก  อย่างที่กล่าวมา

ไม่ว่าจะหยิบยก วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ. 2539
หรือ
พ.ร.บ. ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539

กฏหมายทั้งสองบับ   ก็นํามาใช้กับตําเหน่งนายก  ที่เป็นผู้นําสูงสุดของฝ่ายบริหารไม่ได้อยู่ดี

เรื่องนี้.....พอเถอะครับคุณ วิษณุ   มันไปไม่ได้แล้วจริงๆ



--------------------------
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่