“ข่าวล่าสุดกรณีธัมมชโยตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน...
นี่เป็นอีกครั้งที่ดิฉันจะขอร้องให้ท่านทั้งหลายที่อ่านจบและเห็นด้วยกับดิฉัน ช่วยกดไลค์ และช่วยดิฉันโดยการแชร์ต่อ ๆ กันไปให้มากที่สุด เพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีทราบว่า พวกเราชาวพุทธเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ยังรอฟังการตัดสินใจ และการดำเนินการเรื่องนี้ อย่างใจจรดใจจ่อ และหวังว่า เรื่องนี้จะมีข้อยุติก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ เราหวังว่า ท่านจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปโดยไม่ทำอะไรเลย
ที่ผ่านมาดิฉันสนับสนุนท่านนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด และเข้าใจว่าท่านมีภารกิจเรื่องบ้านเมืองมากมาย จำต้องลำดับความสำคัญ และใคร่ครวญรอบคอบในทุกประเด็น ดิฉันได้ติดตามดูการทำงานของรัฐบาล และเห็นว่า ช่วงก่อนหน้านี้ กระแสสนับสนุนรัฐบาลอ่อนลงมาก เริ่มมีเสียงไม่พอใจ ระคนไม่ไว้ใจรัฐบาลที่ดูเหมือนว่าจะทำงานอืดอาด ไม่ทำจริง หรือไม่กล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะในประเด็นที่ประชาชนสนใจติดตามจำนวนมาก เช่นเรื่องการถอดยศ และเรื่องจำนำข้าว เป็นต้น
แต่ทันทีหลังจากที่ท่านนายกฯ ได้ตัดสินใจถอดยศ.... และเรื่องคดีจำนำข้าวมีความคืบหน้ามากขึ้น กระแสตอบรับรัฐบาลกลับดีดขึ้นสูง เป็นที่รักพี่พอใจของคนไทยมากจนถึงกับพร้อมใจกันสนับสนุนให้ท่านนายกฯ อยู่นาน ๆ โดยไม่สนใจเรื่องว่า ประเทศจะปกครองโดยระบอบใด
วันนี้.... ดิฉันก็ยังสนับสนุนท่านนายกฯ เช่นเดิม ดิฉันเห็นว่า การที่รัฐบาล ไม่ดำเนินการในเรื่องที่ควรทำให้เป็นไปอย่างถูกต้องสมควรและตามกฎหมาย ในเวลาที่ควรทำนั้น... ได้ทำให้สังคมเคลือบแคลง และไม่มั่นใจเป็นเวลานานพอสมควร การที่กระแสสนับสนุนท่านนายก และ รัฐบาลดีดกลับมาเป็นดีมากเช่นทุกวันนี้ ก็เพราะท่านนายกฯ ได้ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ท่านรักษากฎหมาย ทำให้คนไทยอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันโดยเท่าเทียมกัน นั้นคือการถอดยศ.....
ดิฉันคิดว่า นี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า เมื่อท่านนายกได้ทำเหตุที่ดี คือได้ตัดสินใจกระทำตามกฎหมายตามอำนาจหน้าที่แล้ว ท่านจึงได้รับผลที่ดี คือประชาชนให้ความรัก ให้ความเคารพ ให้ความเชื่อถือ ให้ความไว้ใจ และเสถียรภาพของรัฐบาลมั่นคง เพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างเต็มเปี่ยม
เรื่องกรณีธัมมชโยก็เช่นกัน
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งคำวินิจฉัยและกราบเรียนเสนอข้อแนะนำยังท่านายกฯ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นับจนถึงวันนี้รวมเวลาเกือบ ๒ เดือนครึ่ง และดิฉันได้ส่งจดหมายถึงท่านนายกฯ ลงวันที่ วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อกราบเรียนถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องกลับเงียบหายไป ไม่ปรากฏว่า จะมีการชี้แจงใด ๆ ทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกัน กลับมีข่าวที่น่าจะดีแต่กลับไม่ดี ซึ่งส่งผลเสียต่อศรัทธาต่อท่านนายกฯ และความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังนี้
๑. ข่าวดีคือ...ดีเอสไอได้สรุปผลการตรวจสอบกรณีธัมมชโยเรียบร้อยนานแล้ว และเป็นไปตามหลักกฎหมาย บนพื้นฐานของข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน แต่กลับไม่ค่อยดีคือ....ขณะนี้เรื่องน่าจะติดอยู่ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในดีเอสไอที่ไม่ดำเนินเรื่องต่อ โดยได้เก็บสำนวนเข้าลิ้นชักลงกลอนเรียบร้อยเพราะ...เพราะอะไรก็ให้คิดมโนกันเอาเองตามใจชอบก็แล้วกันนะคะ...ถ้าให้ดิฉันเขียนเดี๋ยวต้องย้ายไปนอนมุ้งสายบัว....จึงดูท่าว่า ดีเอสไอน่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบหายไปเหมือนที่เป็นมาสิบกว่าปี.......นี้คือข่าวที่ได้ยินมา....
หากข่าวนี้ไม่เป็นความจริง...ดิฉันก็กราบขออภัยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทุกท่าน.... ขอดีเอสไออย่าฟ้องร้องดิฉันเพราะดิฉันมีเจตนาที่จะขอทราบความจริงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่กระทบต่อศรัทธาและคำสอนตามหลักศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่นับถือ ไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และมิได้มีเจตนาอื่นใดที่จะใส่ร้ายดีเอสไอให้เสียหาย
แต่ถ้าผลการตรวจสอบเสร็จแล้วจริง ก็ขอกราบเรียนท่านอธิบดีดีเอสไอไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ท่านแถลงต่อสาธารณะ เพื่อที่จะได้ดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดตามกฎหมาย เพราะความล่าช้าของดีเอสไอ คือความไม่ยุติธรรม ทำให้สังคมเกิดความสับสน เคลือบแคลง และถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ ก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
๒. ข่าวดีอีกข่าวหนึ่งคือ คำวินิจฉัยที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งถึงท่านนายกฯ และหัวหน้าคสช. ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นั้น สำนักข่าวกรองภาคประชาชนได้สืบทราบมาว่า ท่านนายกฯ มิได้นิ่งดูดาย ได้มีหนังสือสั่งการให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมาย และมอบอำนาจให้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแทนนายกฯ เป็นผู้ดำเนินการขั้นต่อไปตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีธัมมชโย โดยทั้งนี้ ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาเพื่อเสนอต่อท่านนายกฯ สำนักข่าวกรองภาคประชาชนยังรายงานต่อไปว่า ท่านนายกฯได้สั่งการมาเดือนกว่าแล้วคะ.....
หากข่าวกรองภาคประชาชนแม่นยำถูกต้อง ดิฉัน เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปปท.) เครือข่ายพุทธศาสนิกไทยเพื่อสังคม และและคณะญาติธรรมชาวพุทธที่ได้เคยร่วมลงชื่อทวงถามเรื่องนี้ต่อท่านนายกฯ ขอกราบขอบพระคุณท่านนายกฯ เป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้จัดลำดับให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และได้แสดงเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนที่จะดำเนินเรื่องธัมมชโยอย่างยุติธรรม ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายดังที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้กราบเรียนเสนอไว้
และถ้าข่าวดีนี้เป็นความจริง ก็เป็นข่าวที่ดีแต่กลับไม่ดี....ดิฉันขอกราบเรียนทวงถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าท่านได้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้ตามคำบัญชาท่านนายกฯ แล้วหรือไม่ มีปัญหาติดขัดอย่างไร เรื่องจึงติดค้างอยู่ที่ท่านทั้งสองนานแล้วไม่หือไม่อือแต่ประการใด ประชาชนรอฟังอยู่
แต่หากว่าท่านกำลังดำเนินการอยู่ ก็ขออภัย และขอให้ท่านได้โปรดปฏิรูปการทำงานของหน่วยงานท่านให้รวดเร็วกว่านี้ ในนามพุทธมามกะ..... ถ้าข่าวกรองภาคประชาชนทั้งสองข่าวเป็นความจริง กล่าวคือ มีการดองยื้อเรื่องไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งทำให้ชาวพุทธอาจเข้าใจได้ว่ามีเจตนาที่จะให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนที่แล้วมา.... ประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีดีเอสไอให้สิ้นเปลืองงบประมาณ หรือควรต้องเปลี่ยนผู้บริหารและดำเนินการทางกฎหมาย
ทั้งนี้รวมถึง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และรองนายฯ ที่กล่าวนามข้างต้น....เนื่องจากท่านทั้งหลายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เช่นเคย... เหมือนที่กล่าวมาแล้วรอบหนึ่งคือ.......ขอท่านอย่าฟ้องร้องดิฉัน
เพราะดิฉันมีเจตนาที่จะขอทราบความจริงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่กระทบต่อศรัทธา และคำสอนตามหลักศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่นับถือ ไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และมิได้มีเจตนาอื่นใดที่จะใส่ร้ายท่านเป็นการส่วนตัวให้ได้รับความเสียหาย (
ขีดเส้นใต้สามเส้นคะ)
สุดท้ายนี้ ขอกราบเรียนท่านนายกฯ ว่า ได้โปรดเร่งรัดเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้ขยับเขยื้อนกันบ้าง เพื่อให้ คดีทั้งทางโลกและคดีทางธรรมกรณีธัมมชโย ได้มีการชำระให้เสร็จสิ้นก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ดิฉันเชื่อว่าท่านนายกฯ ยึดมั่นในความถูกต้องและต้องการการทำเรื่องนี้ให้ยุติอย่างโปร่งใส่เสร็จในสมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ซึ่งจะนำพาความมั่นคงสถาพรต่อบวรพระพุทธศานาอันเป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งของชาติ.... เช่นเดียวกันกับเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา เมื่อจะมีการจัดการเรื่องใด ๆ ให้ถูกต้อง ก็จะมีผู้ออกมาร้องว่า ไม่ควรทำเพราะจะก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่สามัคคี ไม่ปรองดอง แต่การปรองดองกับความไม่ถูกต้องนั้นเหมือนการให้อาหารมะเร็ง ปรองดองกับเนื้อร้ายเมื่อใดก็จะต้องตายแน่นอนเพราะจะถูกกัดกร่อนจากเชื้อร้ายภายในที่เน่าเฟะจนสิ้นลม....ไม่มีใครทำร้าย ทำลายพระพุทธศาสนาให้เสื่อมลง หรือเกิดความแตกแยกได้ถ้าพุทบริษัทเจริญงอกงามในพระธรรมวินัย จะมีประโยชน์อันใดที่ประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธเพียงแค่ชื่อ.....มีความเจริญในศาสนสถานวัตถุแต่ไม่รักษาพระธรรมวินัยไว้ เพราะนั้นจะกลายเป็นอื่นที่ไม่ใช่คำสอน ไม่ใช่พระพุทธศาสนา.....
ดิฉันเชื่อว่า เมื่อเรื่องนี้ได้รับการชำระอย่างตรงตามพระธรรมวินัย จะมีเสียงแซ่ซ้องให้กำลังใจท่านนายกฯ และรัฐบาล ดังกว่าที่ท่านได้ตัดสินใจจัดการเด็ดขาดเรื่องการถอดยศ.....แต่หากว่าท่านนายกฯ จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ดำเนินการใด ๆ ก็ขอให้ท่านได้ประกาศผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยเร็ว เพื่อที่พวกเราชาวพุทธจะได้ทราบโดยทั่วกันไม่ต้องคลุมเคลือ หรือวิพากษ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ท่านที่เห็นด้วยกับบทความนี้ขอความกรุณาช่วยแชร์กันต่อ ๆ ไปให้มาก ๆ คะ เพื่อเป็นการช่วยกันส่งเสียงขอให้ท่านนายกฯ เร่งรัดการดำเนินการ และเพื่อให้ท่านทราบว่าพวกเรากำลังรอฟังข่าวเรื่องนี้จากท่านก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ค่ะ.....”
เพื่อน ๆ ชาวเฟส ชาวไลน์
ขอช่วยแชร์... ขอช่วยไลค์...
ขอมากไปหรือเปล่า ?????...
วิรังรอง ทัพพะรังสี
Lionne Noire class 30
๓ ตุลาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/Wirangrong.Dabbaransi/posts/909850302433510:0
ความคืบหน้ากรณี การดำเนินการกับธัมมชโย ตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน
“ข่าวล่าสุดกรณีธัมมชโยตามคำวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน...
นี่เป็นอีกครั้งที่ดิฉันจะขอร้องให้ท่านทั้งหลายที่อ่านจบและเห็นด้วยกับดิฉัน ช่วยกดไลค์ และช่วยดิฉันโดยการแชร์ต่อ ๆ กันไปให้มากที่สุด เพื่อให้ท่านนายกรัฐมนตรีทราบว่า พวกเราชาวพุทธเห็นว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ ยังรอฟังการตัดสินใจ และการดำเนินการเรื่องนี้ อย่างใจจรดใจจ่อ และหวังว่า เรื่องนี้จะมีข้อยุติก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ เราหวังว่า ท่านจะไม่ปล่อยให้เรื่องเงียบหายไปโดยไม่ทำอะไรเลย
ที่ผ่านมาดิฉันสนับสนุนท่านนายกรัฐมนตรีมาโดยตลอด และเข้าใจว่าท่านมีภารกิจเรื่องบ้านเมืองมากมาย จำต้องลำดับความสำคัญ และใคร่ครวญรอบคอบในทุกประเด็น ดิฉันได้ติดตามดูการทำงานของรัฐบาล และเห็นว่า ช่วงก่อนหน้านี้ กระแสสนับสนุนรัฐบาลอ่อนลงมาก เริ่มมีเสียงไม่พอใจ ระคนไม่ไว้ใจรัฐบาลที่ดูเหมือนว่าจะทำงานอืดอาด ไม่ทำจริง หรือไม่กล้าตัดสินใจ โดยเฉพาะในประเด็นที่ประชาชนสนใจติดตามจำนวนมาก เช่นเรื่องการถอดยศ และเรื่องจำนำข้าว เป็นต้น
แต่ทันทีหลังจากที่ท่านนายกฯ ได้ตัดสินใจถอดยศ.... และเรื่องคดีจำนำข้าวมีความคืบหน้ามากขึ้น กระแสตอบรับรัฐบาลกลับดีดขึ้นสูง เป็นที่รักพี่พอใจของคนไทยมากจนถึงกับพร้อมใจกันสนับสนุนให้ท่านนายกฯ อยู่นาน ๆ โดยไม่สนใจเรื่องว่า ประเทศจะปกครองโดยระบอบใด
วันนี้.... ดิฉันก็ยังสนับสนุนท่านนายกฯ เช่นเดิม ดิฉันเห็นว่า การที่รัฐบาล ไม่ดำเนินการในเรื่องที่ควรทำให้เป็นไปอย่างถูกต้องสมควรและตามกฎหมาย ในเวลาที่ควรทำนั้น... ได้ทำให้สังคมเคลือบแคลง และไม่มั่นใจเป็นเวลานานพอสมควร การที่กระแสสนับสนุนท่านนายก และ รัฐบาลดีดกลับมาเป็นดีมากเช่นทุกวันนี้ ก็เพราะท่านนายกฯ ได้ทำกฎหมายให้เป็นกฎหมาย ท่านรักษากฎหมาย ทำให้คนไทยอยู่ภายใต้กฎหมายเดียวกันโดยเท่าเทียมกัน นั้นคือการถอดยศ.....
ดิฉันคิดว่า นี้น่าจะเป็นข้อพิสูจน์แล้วว่า เมื่อท่านนายกได้ทำเหตุที่ดี คือได้ตัดสินใจกระทำตามกฎหมายตามอำนาจหน้าที่แล้ว ท่านจึงได้รับผลที่ดี คือประชาชนให้ความรัก ให้ความเคารพ ให้ความเชื่อถือ ให้ความไว้ใจ และเสถียรภาพของรัฐบาลมั่นคง เพราะได้รับการสนับสนุนจากประชาชนอย่างเต็มเปี่ยม
เรื่องกรณีธัมมชโยก็เช่นกัน
ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งคำวินิจฉัยและกราบเรียนเสนอข้อแนะนำยังท่านายกฯ ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นับจนถึงวันนี้รวมเวลาเกือบ ๒ เดือนครึ่ง และดิฉันได้ส่งจดหมายถึงท่านนายกฯ ลงวันที่ วันที่ ๑๔ กันยายน ๒๕๕๘ เพื่อกราบเรียนถามความคืบหน้าเรื่องดังกล่าว แต่เรื่องกลับเงียบหายไป ไม่ปรากฏว่า จะมีการชี้แจงใด ๆ ทั้งสิ้น
ในขณะเดียวกัน กลับมีข่าวที่น่าจะดีแต่กลับไม่ดี ซึ่งส่งผลเสียต่อศรัทธาต่อท่านนายกฯ และความเชื่อมั่นในการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องนี้เป็นอย่างมาก ดังนี้
๑. ข่าวดีคือ...ดีเอสไอได้สรุปผลการตรวจสอบกรณีธัมมชโยเรียบร้อยนานแล้ว และเป็นไปตามหลักกฎหมาย บนพื้นฐานของข้อมูลหลักฐานที่ชัดเจน แต่กลับไม่ค่อยดีคือ....ขณะนี้เรื่องน่าจะติดอยู่ที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงในดีเอสไอที่ไม่ดำเนินเรื่องต่อ โดยได้เก็บสำนวนเข้าลิ้นชักลงกลอนเรียบร้อยเพราะ...เพราะอะไรก็ให้คิดมโนกันเอาเองตามใจชอบก็แล้วกันนะคะ...ถ้าให้ดิฉันเขียนเดี๋ยวต้องย้ายไปนอนมุ้งสายบัว....จึงดูท่าว่า ดีเอสไอน่าจะปล่อยเรื่องนี้ให้เงียบหายไปเหมือนที่เป็นมาสิบกว่าปี.......นี้คือข่าวที่ได้ยินมา....
หากข่าวนี้ไม่เป็นความจริง...ดิฉันก็กราบขออภัยเจ้าหน้าที่ดีเอสไอทุกท่าน.... ขอดีเอสไออย่าฟ้องร้องดิฉันเพราะดิฉันมีเจตนาที่จะขอทราบความจริงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่กระทบต่อศรัทธาและคำสอนตามหลักศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่นับถือ ไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และมิได้มีเจตนาอื่นใดที่จะใส่ร้ายดีเอสไอให้เสียหาย
แต่ถ้าผลการตรวจสอบเสร็จแล้วจริง ก็ขอกราบเรียนท่านอธิบดีดีเอสไอไว้ ณ ที่นี้ ขอให้ท่านแถลงต่อสาธารณะ เพื่อที่จะได้ดำเนินเรื่องให้ถึงที่สุดตามกฎหมาย เพราะความล่าช้าของดีเอสไอ คือความไม่ยุติธรรม ทำให้สังคมเกิดความสับสน เคลือบแคลง และถ้าไม่ดำเนินการใด ๆ ก็จะเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ หรือเป็นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
๒. ข่าวดีอีกข่าวหนึ่งคือ คำวินิจฉัยที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้ส่งถึงท่านนายกฯ และหัวหน้าคสช. ตั้งแต่วันที่ ๒๐ กรกฎาคม ๒๕๕๘ นั้น สำนักข่าวกรองภาคประชาชนได้สืบทราบมาว่า ท่านนายกฯ มิได้นิ่งดูดาย ได้มีหนังสือสั่งการให้นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ได้รับมอบหมาย และมอบอำนาจให้กำกับดูแลสำนักงานพระพุทธศาสนาแทนนายกฯ เป็นผู้ดำเนินการขั้นต่อไปตามข้อเสนอแนะของผู้ตรวจการแผ่นดินกรณีธัมมชโย โดยทั้งนี้ ให้นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ เป็นผู้ให้ความเห็นประกอบการพิจารณาเพื่อเสนอต่อท่านนายกฯ สำนักข่าวกรองภาคประชาชนยังรายงานต่อไปว่า ท่านนายกฯได้สั่งการมาเดือนกว่าแล้วคะ.....
หากข่าวกรองภาคประชาชนแม่นยำถูกต้อง ดิฉัน เครือข่ายมหาวิทยาลัยเพื่อการปฏิรูปประเทศไทย(มปปท.) เครือข่ายพุทธศาสนิกไทยเพื่อสังคม และและคณะญาติธรรมชาวพุทธที่ได้เคยร่วมลงชื่อทวงถามเรื่องนี้ต่อท่านนายกฯ ขอกราบขอบพระคุณท่านนายกฯ เป็นอย่างยิ่งที่ท่านได้จัดลำดับให้ความสำคัญในเรื่องนี้ และได้แสดงเจตนารมณ์ ที่ชัดเจนที่จะดำเนินเรื่องธัมมชโยอย่างยุติธรรม ตามหลักพระธรรมวินัยและกฎหมายดังที่ผู้ตรวจการแผ่นดินได้กราบเรียนเสนอไว้
และถ้าข่าวดีนี้เป็นความจริง ก็เป็นข่าวที่ดีแต่กลับไม่ดี....ดิฉันขอกราบเรียนทวงถาม นายวิษณุ เครืองาม รองนายกฯ และ นายสุวพันธุ์ ตันยุวรรธนะ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าท่านได้ดำเนินการจัดการเรื่องนี้ตามคำบัญชาท่านนายกฯ แล้วหรือไม่ มีปัญหาติดขัดอย่างไร เรื่องจึงติดค้างอยู่ที่ท่านทั้งสองนานแล้วไม่หือไม่อือแต่ประการใด ประชาชนรอฟังอยู่
แต่หากว่าท่านกำลังดำเนินการอยู่ ก็ขออภัย และขอให้ท่านได้โปรดปฏิรูปการทำงานของหน่วยงานท่านให้รวดเร็วกว่านี้ ในนามพุทธมามกะ..... ถ้าข่าวกรองภาคประชาชนทั้งสองข่าวเป็นความจริง กล่าวคือ มีการดองยื้อเรื่องไม่ดำเนินการให้ถูกต้อง ซึ่งทำให้ชาวพุทธอาจเข้าใจได้ว่ามีเจตนาที่จะให้เรื่องเงียบหายไปเหมือนที่แล้วมา.... ประเทศไทยก็ไม่จำเป็นต้องมีดีเอสไอให้สิ้นเปลืองงบประมาณ หรือควรต้องเปลี่ยนผู้บริหารและดำเนินการทางกฎหมาย
ทั้งนี้รวมถึง รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ และรองนายฯ ที่กล่าวนามข้างต้น....เนื่องจากท่านทั้งหลายละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย
เช่นเคย... เหมือนที่กล่าวมาแล้วรอบหนึ่งคือ.......ขอท่านอย่าฟ้องร้องดิฉันเพราะดิฉันมีเจตนาที่จะขอทราบความจริงเกี่ยวกับการทำงานของเจ้าหน้าที่รัฐในเรื่องที่กระทบต่อศรัทธา และคำสอนตามหลักศาสนาพุทธอันเป็นศาสนาที่ประชาชนไทยส่วนใหญ่นับถือ ไม่ได้เขียนเรื่องนี้เพื่อประโยชน์ส่วนตน และมิได้มีเจตนาอื่นใดที่จะใส่ร้ายท่านเป็นการส่วนตัวให้ได้รับความเสียหาย (ขีดเส้นใต้สามเส้นคะ)
สุดท้ายนี้ ขอกราบเรียนท่านนายกฯ ว่า ได้โปรดเร่งรัดเจ้าหน้าที่รัฐทุกหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องนี้ให้ขยับเขยื้อนกันบ้าง เพื่อให้ คดีทั้งทางโลกและคดีทางธรรมกรณีธัมมชโย ได้มีการชำระให้เสร็จสิ้นก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ดิฉันเชื่อว่าท่านนายกฯ ยึดมั่นในความถูกต้องและต้องการการทำเรื่องนี้ให้ยุติอย่างโปร่งใส่เสร็จในสมัยที่ท่านเป็นนายกฯ ซึ่งจะนำพาความมั่นคงสถาพรต่อบวรพระพุทธศานาอันเป็นสถาบันหลักสถาบันหนึ่งของชาติ.... เช่นเดียวกันกับเรื่องอื่น ๆ ที่ผ่านมา เมื่อจะมีการจัดการเรื่องใด ๆ ให้ถูกต้อง ก็จะมีผู้ออกมาร้องว่า ไม่ควรทำเพราะจะก่อให้เกิดความแตกแยก ไม่สามัคคี ไม่ปรองดอง แต่การปรองดองกับความไม่ถูกต้องนั้นเหมือนการให้อาหารมะเร็ง ปรองดองกับเนื้อร้ายเมื่อใดก็จะต้องตายแน่นอนเพราะจะถูกกัดกร่อนจากเชื้อร้ายภายในที่เน่าเฟะจนสิ้นลม....ไม่มีใครทำร้าย ทำลายพระพุทธศาสนาให้เสื่อมลง หรือเกิดความแตกแยกได้ถ้าพุทบริษัทเจริญงอกงามในพระธรรมวินัย จะมีประโยชน์อันใดที่ประเทศไทยจะเป็นเมืองพุทธเพียงแค่ชื่อ.....มีความเจริญในศาสนสถานวัตถุแต่ไม่รักษาพระธรรมวินัยไว้ เพราะนั้นจะกลายเป็นอื่นที่ไม่ใช่คำสอน ไม่ใช่พระพุทธศาสนา.....
ดิฉันเชื่อว่า เมื่อเรื่องนี้ได้รับการชำระอย่างตรงตามพระธรรมวินัย จะมีเสียงแซ่ซ้องให้กำลังใจท่านนายกฯ และรัฐบาล ดังกว่าที่ท่านได้ตัดสินใจจัดการเด็ดขาดเรื่องการถอดยศ.....แต่หากว่าท่านนายกฯ จะปล่อยเรื่องนี้ให้ผ่านไปโดยไม่ดำเนินการใด ๆ ก็ขอให้ท่านได้ประกาศผ่านรายการคืนความสุขให้คนในชาติ โดยเร็ว เพื่อที่พวกเราชาวพุทธจะได้ทราบโดยทั่วกันไม่ต้องคลุมเคลือ หรือวิพากษ์ไปต่าง ๆ นา ๆ ดังเช่นที่เป็นอยู่ในขณะนี้
ท่านที่เห็นด้วยกับบทความนี้ขอความกรุณาช่วยแชร์กันต่อ ๆ ไปให้มาก ๆ คะ เพื่อเป็นการช่วยกันส่งเสียงขอให้ท่านนายกฯ เร่งรัดการดำเนินการ และเพื่อให้ท่านทราบว่าพวกเรากำลังรอฟังข่าวเรื่องนี้จากท่านก่อนงานพระราชทานเพลิงพระศพสมเด็จพระสังฆราชฯ ค่ะ.....”
เพื่อน ๆ ชาวเฟส ชาวไลน์
ขอช่วยแชร์... ขอช่วยไลค์...
ขอมากไปหรือเปล่า ?????...
วิรังรอง ทัพพะรังสี
Lionne Noire class 30
๓ ตุลาคม ๒๕๕๘
https://www.facebook.com/Wirangrong.Dabbaransi/posts/909850302433510:0