น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ฝนถล่มเมืองจมมิดทั้งจังหวัด ย่านเศรษฐกิจอ่วม สลดจมน้ำดับเพิ่ม
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9550040
น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ฝนถล่มเมืองจมมิดทั้งจังหวัด ย่านเศรษฐกิจอ่วม สลดจมน้ำตายเพิ่มอีกราย รวมเป็นศพที่ 4 จังหวัดประกาศเตือนประชาชน
วันที่ 16 ธ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝนตกหนัก พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ติดต่อกันหลายวัน ซึ่งแม้ฝนจะทิ้งช่วงในช่วงก่อนเที่ยงเมื่อวาน (15 ธ.ค.67) น้ำได้ลดระดับลงช่วงหนึ่ง แต่ปรากฏว่าหลังเที่ยงวันตลอดจนเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ทำให้พื้นที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลโดยเฉพาะที่บริเวณถนนพัฒนาการคูขวาง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจของ จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมสูง
โดยพบว่าตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเคหะ 1 ไปจนถึงสี่แยกคูขวาง ระยะทางประมาณ 6 กม.ระดับน้ำตั้งแต่ 50-70 ซม.รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ทำให้สถานประกอบการต้องปิดกิจการชั่วคราวแล้ว ส่วนชุมชนลุ่มต่ำต่างๆ ในเขตเทศบาลนั้นระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแล้ว
นอกจากนี้ที่ถนนราชดำเนินหน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องนำกระทรายมาปิดกั้นน้ำที่ประตูทางเข้า รถรับส่งผู้ป่วยต้องเข้าประตูอีกด้าน
ส่วนที่ ต.นาทราย อ.เมือง และพื้นที่รอบนอกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเกือบทั้งจังหวัด บางจุดระดับน้ำสูงประมาณ 100-120 ซม.
รายงานล่าสุดขณะนี้ที่บริเวณถนนสาย 401 เส้นทางนคร-สุราษฎร์ เป็นถนนสายหลัก หน้าภัตตาคารโกโตน ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ผ่านได้เพียงแต่รถ 10 ล้อเท่านั้น ในขณะความเสียหายตอนนี้ยังไม่สามารถสำรวจได้
สำหรับเส้นทางถนนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมประกอบด้วย ที่ อ.พระพรหม ถนนสาย 403 หน้า อบต.ท้ายสำเภา รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทางเข้าศูนย์ราชการนาสาร รถเล็กผ่านไม่ได้ เส้นทางนาพรุ-เบญจมะ รถผ่านไม่ได้
ที่ อ.สิชล ถนนสายนคร-สุราษฎร์ น้ำท่วมช่วงบ้านต้นเหรียง-แยกทางเข้าวัดเจดีย์ รถผ่านไม่ได้ ที่ถนนราชดำเนินน้ำท่วมหน้ารพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ประมาณ 30-50 ซม.ถนนพัฒนาการคูขวางรถเล็กผ่านไม่ได้ ส่วนที่ถนนสายสนามบินน้ำเริ่มท่วมผิวจราจรเลนซ้าย และทางเข้าสนามบินน้ำท่วมประมาณ 30 ซม.
ส่วนสถานการณ์ฝนขณะรายงาน (09.30 น.) ยังคงตกหนักตลอดเวลา ท้องฟ้ามืดครึ้มและไม่มีท่าว่าจะหยุดตก นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่าพื้นที่ ต.กำแพงเซา อ.เมือง มีคนจมน้ำเสียชีวิตอีก 1 รายด้วย รวมมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประกาศเตือนพี่น้องประชาชนให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ถนนราชดำเนินหน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ล่าสุดที่ถนนราชดำเนิน หน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ขณะนี้ (10.00 น.วันที่ 16 ธ.ค.67) พบว่ามวลน้ำมหาศาลไหลหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง พบว่าระดับน้ำเพิ่ม 50-70 ซม. โดยรถผ่านไปมาอย่างยากลำบาก ในขณะที่พื้นที่ต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช นั้นกระทบเป็นวงกว้างแล้ว ส่วนร้านสถานประกอบการในตัวเมืองนครศรีธรรมราชปิดทำการเช่นกัน
“ภัทรพงษ์-ปชน.” แนะนายกฯ เปิดใจรับฟังมากกว่านี้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_816532/
“ภัทรพงษ์-ปชน.” ชี้ รัฐบาลแพทองธาร 90 วัน ไร้การเตรียมการรับมือฝุ่น PM2.5 แนะนายกฯ เปิดใจรับฟังมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่จัดงานแถลงโดยไม่มีผลงาน
นาย
ภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ รองโฆษกพรรคประชาชน และ สส.เชียงใหม่ เขต 8 กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 90 วันของรัฐบาล
แพทองธาร ชินวัตร ในประเด็นการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ว่า เป็นอีกครั้งที่นายกฯ แสดงถึงความไม่เข้าใจในปัญหา PM2.5 เพราะช่วงเวลาที่ต้องทำงานหนักอย่างเข้มข้นที่สุด คือ การเตรียมการรับมือล่วงหน้า ดำเนินมาตรการต่างๆให้ความชัดเจนกับหน่วยงานของรัฐ ประชาชน เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการ
ให้ได้วางแผนล่วงหน้าตามมาตรการที่ชัดเจนของรัฐบาล แต่ผ่านมา 90 วัน กลับไม่มีมาตรการใดๆ เลย และยังเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลในมุมเดียวที่ว่า สามารถลดพื้นที่เผาไหม้ในจังหวัดเชียงใหม่ลงได้ โดยไม่พูดความจริงที่ว่า พื้นที่การเผาไหม้ในปี 2567 ของทั้งประเทศนั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2566 และเป็นพื้นที่เผาไหม้การเกษตรที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านไร่
หากนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับสภาฯ และรับฟังมากกว่านี้ 90 วันที่ผ่านมา ไม่มีทางสูญเปล่า เพราะในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาล
แพทองธาร ตนได้อภิปรายแนวทางการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างชัดเจนทุกๆ ด้าน
เป็นแผนปฏิบัติการอย่างชัดเจนว่า แต่ละเดือนต้องดำเนินการอะไรบ้าง นำเสนอภาพปัญหาการเผาไหม้ภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในปี 2567 ของพืชที่มีการเผาไหม้หลักๆ 3 ชนิด คือ ข้าว อ้อย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ต้องมีการประกาศมาตรการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้วางแผนปรับตัวได้ทัน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเปิดใจรับฟังและนำไปดำเนินการ วันนี้นายกฯ
แพทองธารคงมีผลงานรัฐบาล 90 วันให้แถลงจริงๆ ไม่ใช่แค่จัดงานแถลงโดยไม่มีผลงาน เพื่อหนีการตอบกระทู้ในสภาฯแบบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
“กัณวีร์” ฝากนายกฯเยือนมาเลย์ อย่าลืมสันติภาพปาตานี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_816529/
“กัณวีร์” ฝากนายกฯเยือนมาเลย์ อย่าลืมคุยแก้ปัญหาสันติภาพปาตานี ย้ำการพูดคุยก็ยังเป็นกลไกหลัก
นาย
กัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ (official visit) ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.67 นี้ โดยนายกัณวีร์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีคงมีภารกิจสำคัญหลากหลาย แต่เรื่องหนึ่งที่จะฝากถึงนายกรัฐมนตรีกับคณะ คืออย่าลืมประเด็นสำคัญเรื่องสันติภาพปาตานี
“
จริงๆ แล้วผมหวั่นใจนะครับเพราะวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาวันที่นายกฯ ได้แถลงผลงานในรอบ 90 วัน และรวมถึงงานที่จะทำต่อไปในอนาคต ซึ่งฟังแล้วหลายรอบก็ไม่เห็นว่าพูดถึงความสำคัญเร่งด่วน เรื่องการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ปาตานีแต่อย่างใด”
นาย
กัณวีร์ กล่าวว่า รู้สึกหวั่นใจและตกใจที่ว่านโยบายรัฐบาลที่มาแถลงต่อรัฐสภามีพูดถึงสันติภาพปาตานีบ้าง แต่พอผ่านมา 90 วันกลับลืมเรื่องสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่กว่า 3 ล้านชีวิตยังรอความหวัง เพราะยังได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินและอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นาย
กัณวีร์ ระบุว่า มาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการ “ร่วม” สร้างสันติภาพในพื้นที่ปาตานีเนื่องจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ทั้งพื้นที่ติดต่อกัน ความสัมพันธ์อย่างยาวนาน การอาศัยอยู่ของคู่เจรจาของรัฐไทย และปัจจัยทางมนุษยวัฒนธรรมต่างๆ รวมทั้งการเจรจาสันติภาพ ทางมาเลเซียก็ได้แสดงบทบาทสำคัญ ในการเป็นผู้อำนวยความสะดวในการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนใต้มา 10 ปีแล้ว แต่ส่วนตัวยังยืนยันว่า มาเลเซีย ไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้
นาย
กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เมื่อในปัจจุบันการพูดคุยก็ยังเป็นกลไกหลักอยู่ แต่ทำไมหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพฝั่งไทย จึงยังไม่มีการแต่งตั้ง หลังจากนายฉัตรชัย บางชวด อดีตหัวหน้าคณะพูดคุยฯในสมัยรัฐบาลเศรษฐา แล้วมารับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในรัฐบาลแพทองธาร ดูเหมือนบทบาทก็หายไป และยังไม่เห็นเริ่มกลไกการพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น
ถือเป็นปัญหาอย่างหนักของฝ่ายบริหาร ดังนั้นการเจรจานี้ที่เริ่มต้นด้วย General Concensus ตามด้วย Berlin Initiative, General Principles และตบท้ายด้วย JCPP จึงถูกลดทอนความสำคัญว่ามันจะช่วยสร้างสันติภาพได้จริงหรือ
“
อย่าลืมคุยกับนายกฯ ของมาเลเซียเรื่องสันติภาพนี้ และนายกฯ ไทยต้องแสดงท่าทีและจุดยืนของทางการไทยต่อการนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนด้วย และหากได้แสดงทิศทางกับจุดยืนไทยในเรื่องดังกล่าว มันจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญญะต่อความพยายามอย่างจริงใจและจริงจังของทางรัฐบาลในการจะสร้างสันติภาพที่แท้จริง”
นาย
กัณวีร์ กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีต้องอย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นของ “สันติภาพ” คือการแสดงออกถึงความจริงใจ และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเชื่อมั่น” ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพราะพวกเขาต่างหากที่จะร่วมสนับสนุนและนำการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนต่อไป
“
ไม่ว่าคุณจะไปเจรจาสวยหรู งดงาม และมีกลไกพรั่งพร้อมอย่างไรต่อการนำมาซึ่งสันติภาพ หากขาดความร่วมมือและความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่แล้ว คุณก็แค่สร้างความสวยงามในตัวหนังสือสำหรับสองฝ่ายที่พูดคุยกันเท่านั้น“
นาย
กัณวีร์ กล่าวอีกว่า หากนายกรัฐมนตรีเชื่อในตรรกะการสร้างสันติภาพแบบนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีต้อง สร้างความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าจากประชาชนในพื้นที่โดยการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการนำสันติภาพคืนกลับมา
นาย
กัณวีร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายกรัฐมนตรีทำได้หรือไม่ กล้าพอหรือไม่ พร้อมหรือเปล่า และตีโจทย์ออกหรือยังกับการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ปาตานี
“
คงไม่ได้หวังมากเกินไปนะครับท่านนายกฯ” นาย
กัณวีร์ กล่าว
JJNY : น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ย่านศก.อ่วม สลดดับเพิ่ม│“ภัทรพงษ์-ปชน.”แนะเปิดใจ│“กัณวีร์”ฝากนายกฯ│ที่ประชุม ‘คอป16’ ล้มเหลว
https://www.khaosod.co.th/update-news/news_9550040
น้ำท่วมนครศรีธรรมราช ฝนถล่มเมืองจมมิดทั้งจังหวัด ย่านเศรษฐกิจอ่วม สลดจมน้ำตายเพิ่มอีกราย รวมเป็นศพที่ 4 จังหวัดประกาศเตือนประชาชน
วันที่ 16 ธ.ค.2567 ผู้สื่อข่าวรายงานสถานการณ์ฝนตกหนัก พื้นที่ จ.นครศรีธรรมราช ติดต่อกันหลายวัน ซึ่งแม้ฝนจะทิ้งช่วงในช่วงก่อนเที่ยงเมื่อวาน (15 ธ.ค.67) น้ำได้ลดระดับลงช่วงหนึ่ง แต่ปรากฏว่าหลังเที่ยงวันตลอดจนเมื่อคืนที่ผ่านมาฝนตกลงมาอย่างหนัก จนถึงขณะนี้ยังไม่มีท่าทีว่าจะหยุดตก ทำให้พื้นที่ต่างๆ ในเขตเทศบาลโดยเฉพาะที่บริเวณถนนพัฒนาการคูขวาง ซึ่งเป็นย่านเศรษฐกิจของ จ.นครศรีธรรมราช ถูกน้ำท่วมสูง
โดยพบว่าตั้งแต่หน้าหมู่บ้านเคหะ 1 ไปจนถึงสี่แยกคูขวาง ระยะทางประมาณ 6 กม.ระดับน้ำตั้งแต่ 50-70 ซม.รถเล็กไม่สามารถผ่านไปมาได้ ทำให้สถานประกอบการต้องปิดกิจการชั่วคราวแล้ว ส่วนชุมชนลุ่มต่ำต่างๆ ในเขตเทศบาลนั้นระดับน้ำท่วมสูงกว่า 1 เมตรแล้ว
นอกจากนี้ที่ถนนราชดำเนินหน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ระดับน้ำเริ่มสูงขึ้น เจ้าหน้าที่ต้องนำกระทรายมาปิดกั้นน้ำที่ประตูทางเข้า รถรับส่งผู้ป่วยต้องเข้าประตูอีกด้าน
ส่วนที่ ต.นาทราย อ.เมือง และพื้นที่รอบนอกของจังหวัดนครศรีธรรมราช ได้รับผลกระทบจากน้ำท่วมเกือบทั้งจังหวัด บางจุดระดับน้ำสูงประมาณ 100-120 ซม.
รายงานล่าสุดขณะนี้ที่บริเวณถนนสาย 401 เส้นทางนคร-สุราษฎร์ เป็นถนนสายหลัก หน้าภัตตาคารโกโตน ต.สิชล อ.สิชล จ.นครศรีธรรมราช รถเล็กไม่สามารถผ่านได้ ผ่านได้เพียงแต่รถ 10 ล้อเท่านั้น ในขณะความเสียหายตอนนี้ยังไม่สามารถสำรวจได้
สำหรับเส้นทางถนนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์น้ำท่วมประกอบด้วย ที่ อ.พระพรหม ถนนสาย 403 หน้า อบต.ท้ายสำเภา รถทุกชนิดไม่สามารถผ่านได้ ทางเข้าศูนย์ราชการนาสาร รถเล็กผ่านไม่ได้ เส้นทางนาพรุ-เบญจมะ รถผ่านไม่ได้
ที่ อ.สิชล ถนนสายนคร-สุราษฎร์ น้ำท่วมช่วงบ้านต้นเหรียง-แยกทางเข้าวัดเจดีย์ รถผ่านไม่ได้ ที่ถนนราชดำเนินน้ำท่วมหน้ารพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ประมาณ 30-50 ซม.ถนนพัฒนาการคูขวางรถเล็กผ่านไม่ได้ ส่วนที่ถนนสายสนามบินน้ำเริ่มท่วมผิวจราจรเลนซ้าย และทางเข้าสนามบินน้ำท่วมประมาณ 30 ซม.
ส่วนสถานการณ์ฝนขณะรายงาน (09.30 น.) ยังคงตกหนักตลอดเวลา ท้องฟ้ามืดครึ้มและไม่มีท่าว่าจะหยุดตก นอกจากนี้ยังมีรายงานข่าวแจ้งว่าพื้นที่ ต.กำแพงเซา อ.เมือง มีคนจมน้ำเสียชีวิตอีก 1 รายด้วย รวมมีผู้เสียชีวิต 4 ราย
ขณะที่จังหวัดนครศรีธรรมราชได้ประกาศเตือนพี่น้องประชาชนให้เฝ้าระวังติดตามสถานการณ์จากกรมอุตุนิยมวิทยาอย่างใกล้ชิด
ขณะที่ถนนราชดำเนินหน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ล่าสุดที่ถนนราชดำเนิน หน้า รพ.มหาราชนครศรีธรรมราช ขณะนี้ (10.00 น.วันที่ 16 ธ.ค.67) พบว่ามวลน้ำมหาศาลไหลหลากเข้าท่วมอย่างรวดเร็ว โดยใช้เวลาเพียงไม่ถึง 1 ชั่วโมง พบว่าระดับน้ำเพิ่ม 50-70 ซม. โดยรถผ่านไปมาอย่างยากลำบาก ในขณะที่พื้นที่ต่างๆ ใน จ.นครศรีธรรมราช นั้นกระทบเป็นวงกว้างแล้ว ส่วนร้านสถานประกอบการในตัวเมืองนครศรีธรรมราชปิดทำการเช่นกัน
“ภัทรพงษ์-ปชน.” แนะนายกฯ เปิดใจรับฟังมากกว่านี้
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_816532/
“ภัทรพงษ์-ปชน.” ชี้ รัฐบาลแพทองธาร 90 วัน ไร้การเตรียมการรับมือฝุ่น PM2.5 แนะนายกฯ เปิดใจรับฟังมากกว่านี้ ไม่ใช่แค่จัดงานแถลงโดยไม่มีผลงาน
นายภัทรพงษ์ ลีลาภัทร์ รองโฆษกพรรคประชาชน และ สส.เชียงใหม่ เขต 8 กล่าวถึงการแถลงผลงานในรอบ 90 วันของรัฐบาลแพทองธาร ชินวัตร ในประเด็นการแก้ปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 ว่า เป็นอีกครั้งที่นายกฯ แสดงถึงความไม่เข้าใจในปัญหา PM2.5 เพราะช่วงเวลาที่ต้องทำงานหนักอย่างเข้มข้นที่สุด คือ การเตรียมการรับมือล่วงหน้า ดำเนินมาตรการต่างๆให้ความชัดเจนกับหน่วยงานของรัฐ ประชาชน เกษตรกร รวมถึงผู้ประกอบการ
ให้ได้วางแผนล่วงหน้าตามมาตรการที่ชัดเจนของรัฐบาล แต่ผ่านมา 90 วัน กลับไม่มีมาตรการใดๆ เลย และยังเลือกที่จะนำเสนอข้อมูลในมุมเดียวที่ว่า สามารถลดพื้นที่เผาไหม้ในจังหวัดเชียงใหม่ลงได้ โดยไม่พูดความจริงที่ว่า พื้นที่การเผาไหม้ในปี 2567 ของทั้งประเทศนั้นเพิ่มขึ้นจากปี 2566 และเป็นพื้นที่เผาไหม้การเกษตรที่เพิ่มขึ้นกว่า 4 ล้านไร่
หากนายกรัฐมนตรีให้ความสำคัญกับสภาฯ และรับฟังมากกว่านี้ 90 วันที่ผ่านมา ไม่มีทางสูญเปล่า เพราะในวันแถลงนโยบายต่อรัฐสภาของรัฐบาลแพทองธาร ตนได้อภิปรายแนวทางการเตรียมพร้อมรับมือปัญหาฝุ่นพิษ PM2.5 อย่างชัดเจนทุกๆ ด้าน
เป็นแผนปฏิบัติการอย่างชัดเจนว่า แต่ละเดือนต้องดำเนินการอะไรบ้าง นำเสนอภาพปัญหาการเผาไหม้ภาคการเกษตรที่เพิ่มขึ้นอย่างทวีคูณในปี 2567 ของพืชที่มีการเผาไหม้หลักๆ 3 ชนิด คือ ข้าว อ้อย และข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ที่ต้องมีการประกาศมาตรการล่วงหน้าเพื่อให้เกษตรกรและผู้ประกอบการได้วางแผนปรับตัวได้ทัน แต่รัฐบาลกลับไม่ดำเนินการใดๆ เลย
ทั้งนี้ หากรัฐบาลเปิดใจรับฟังและนำไปดำเนินการ วันนี้นายกฯ แพทองธารคงมีผลงานรัฐบาล 90 วันให้แถลงจริงๆ ไม่ใช่แค่จัดงานแถลงโดยไม่มีผลงาน เพื่อหนีการตอบกระทู้ในสภาฯแบบเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา
“กัณวีร์” ฝากนายกฯเยือนมาเลย์ อย่าลืมสันติภาพปาตานี
https://www.innnews.co.th/news/politics/news_816529/
“กัณวีร์” ฝากนายกฯเยือนมาเลย์ อย่าลืมคุยแก้ปัญหาสันติภาพปาตานี ย้ำการพูดคุยก็ยังเป็นกลไกหลัก
นายกัณวีร์ สืบแสง สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เปิดเผยถึงการเดินทางเยือนประเทศมาเลเซียอย่างเป็นทางการ (official visit) ของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ระหว่างวันที่ 15-16 ธ.ค.67 นี้ โดยนายกัณวีร์ ระบุว่า นายกรัฐมนตรีคงมีภารกิจสำคัญหลากหลาย แต่เรื่องหนึ่งที่จะฝากถึงนายกรัฐมนตรีกับคณะ คืออย่าลืมประเด็นสำคัญเรื่องสันติภาพปาตานี
“จริงๆ แล้วผมหวั่นใจนะครับเพราะวันพฤหัสฯ ที่ผ่านมาวันที่นายกฯ ได้แถลงผลงานในรอบ 90 วัน และรวมถึงงานที่จะทำต่อไปในอนาคต ซึ่งฟังแล้วหลายรอบก็ไม่เห็นว่าพูดถึงความสำคัญเร่งด่วน เรื่องการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ปาตานีแต่อย่างใด”
นายกัณวีร์ กล่าวว่า รู้สึกหวั่นใจและตกใจที่ว่านโยบายรัฐบาลที่มาแถลงต่อรัฐสภามีพูดถึงสันติภาพปาตานีบ้าง แต่พอผ่านมา 90 วันกลับลืมเรื่องสำคัญที่ประชาชนในพื้นที่กว่า 3 ล้านชีวิตยังรอความหวัง เพราะยังได้รับผลกระทบต่อชีวิต ทรัพย์สินและอนาคตอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
นายกัณวีร์ ระบุว่า มาเลเซียเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสำคัญต่อการ “ร่วม” สร้างสันติภาพในพื้นที่ปาตานีเนื่องจากปัจจัยภูมิรัฐศาสตร์ทั้งพื้นที่ติดต่อกัน ความสัมพันธ์อย่างยาวนาน การอาศัยอยู่ของคู่เจรจาของรัฐไทย และปัจจัยทางมนุษยวัฒนธรรมต่างๆ รวมทั้งการเจรจาสันติภาพ ทางมาเลเซียก็ได้แสดงบทบาทสำคัญ ในการเป็นผู้อำนวยความสะดวในการพูดคุยเพื่อสันติภาพชายแดนใต้มา 10 ปีแล้ว แต่ส่วนตัวยังยืนยันว่า มาเลเซีย ไม่เหมาะกับตำแหน่งนี้
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า เมื่อในปัจจุบันการพูดคุยก็ยังเป็นกลไกหลักอยู่ แต่ทำไมหัวหน้าคณะพูดคุยเพื่อสันติภาพฝั่งไทย จึงยังไม่มีการแต่งตั้ง หลังจากนายฉัตรชัย บางชวด อดีตหัวหน้าคณะพูดคุยฯในสมัยรัฐบาลเศรษฐา แล้วมารับตำแหน่งเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ หรือ สมช. ในรัฐบาลแพทองธาร ดูเหมือนบทบาทก็หายไป และยังไม่เห็นเริ่มกลไกการพูดคุยใดๆ ทั้งสิ้น
ถือเป็นปัญหาอย่างหนักของฝ่ายบริหาร ดังนั้นการเจรจานี้ที่เริ่มต้นด้วย General Concensus ตามด้วย Berlin Initiative, General Principles และตบท้ายด้วย JCPP จึงถูกลดทอนความสำคัญว่ามันจะช่วยสร้างสันติภาพได้จริงหรือ
“อย่าลืมคุยกับนายกฯ ของมาเลเซียเรื่องสันติภาพนี้ และนายกฯ ไทยต้องแสดงท่าทีและจุดยืนของทางการไทยต่อการนำมาซึ่งสันติภาพที่ยั่งยืนด้วย และหากได้แสดงทิศทางกับจุดยืนไทยในเรื่องดังกล่าว มันจะเป็นการแสดงออกเชิงสัญญะต่อความพยายามอย่างจริงใจและจริงจังของทางรัฐบาลในการจะสร้างสันติภาพที่แท้จริง”
นายกัณวีร์ กล่าวย้ำว่า นายกรัฐมนตรีต้องอย่าลืมว่าจุดเริ่มต้นของ “สันติภาพ” คือการแสดงออกถึงความจริงใจ และที่สำคัญที่สุดคือ “ความเชื่อมั่น” ของพี่น้องประชาชนในพื้นที่ เพราะพวกเขาต่างหากที่จะร่วมสนับสนุนและนำการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนต่อไป
“ไม่ว่าคุณจะไปเจรจาสวยหรู งดงาม และมีกลไกพรั่งพร้อมอย่างไรต่อการนำมาซึ่งสันติภาพ หากขาดความร่วมมือและความเชื่อมั่นจากพี่น้องประชาชนในพื้นที่แล้ว คุณก็แค่สร้างความสวยงามในตัวหนังสือสำหรับสองฝ่ายที่พูดคุยกันเท่านั้น“
นายกัณวีร์ กล่าวอีกว่า หากนายกรัฐมนตรีเชื่อในตรรกะการสร้างสันติภาพแบบนี้แล้ว นายกรัฐมนตรีต้อง สร้างความเชื่อมั่นอย่างแรงกล้าจากประชาชนในพื้นที่โดยการสร้างการมีส่วนร่วมของประชาชนในการนำสันติภาพคืนกลับมา
นายกัณวีร์ กล่าวทิ้งท้ายว่า นายกรัฐมนตรีทำได้หรือไม่ กล้าพอหรือไม่ พร้อมหรือเปล่า และตีโจทย์ออกหรือยังกับการสร้างสันติภาพที่ยั่งยืนในพื้นที่ปาตานี
“คงไม่ได้หวังมากเกินไปนะครับท่านนายกฯ” นายกัณวีร์ กล่าว