(บทความ) ลัทธิฟาสซิสต์ที่ถือกำเนิดขึ้นและล่มสลาย

กระทู้คำถาม
ลัทธิฟาสซิสต์มีจุดเริ่มที่ความเป็นชาตินิยม แต่ต่อมาได้ขยายกว้างออกไปจนกลายเป็นชาติพันธุ์นิยมอย่างเต็มตัว มีความเชื่อในเรื่องชาติพันธุ์ของตนว่าสูงส่งกว่าชาติพันธุ์อื่นๆ ดังนั้นจึงต้องขยายชาติพันธุ์ของตนให้มากที่สุด และกำจัดชาติพันธุ์อื่นที่เห็นว่าด้อยกว่าให้หมดสิ้นไป

     ลัทธิฟาสซิสต์ถูกใช้เป็นพื้นฐานสำคัญในการปกครองประเทศอิตาลี ภายใต้การนำของ เบนิโต มุสโสลินี ซึ่งถือเป็นต้นกำเนิดของลัทธิฟาสซิสต์ การปกครองเยอรมันภายใต้การนำของ อดอล์ฟ ฮิตเลอร์ และการปกครองญี่ปุ่นภายใต้การนำของ ฮิเดกิ โตโจ จึงเกิดระบบการปกครองแบบฟาสซิสต์ขึ้นใน 3 ประเทศมหาอำนาจในเวลานั้น และทั้ง 3 ประเทศก็ร่วมเป็นพันธมิตรกันในสงครามโลกครั้งที่ 2 ซึ่งเรียกว่า ฝ่ายอักษะ

     การที่ผู้นำประเทศถูกครอบงำด้วยลัทธิฟาสซิสต์ทำให้เกิดเหตุการณ์สังหารโหดชาวยิวนับล้านคน ตามความเชื่อของฮิตเลอร์ว่าชาวยิวเป็นชาติพันธุ์ด้อยต้องทำลายทิ้งให้หมด จากนั้นก็ตามมาด้วยการสถาปนาอาณาจักรไรช์ที่ 3 แห่งเยอรมัน การขยายอำนาจของอิตาลี และการสร้างจักรวรรดิญี่ปุ่นในเอเชีย จนเป็นเหตุให้เกิดสงครามโลกครั้งที่ 2 ในเวลาต่อมานั่นเอง

     ภายหลังจากที่ฝ่ายอักษะเป็นฝ่ายพ่ายแพ้ในสงครามครั้งนั้น ลัทธิฟาสซิสต์ก็ค่อยๆ เสื่อมสลายลงจนกระทั่งถึงปัจจุบัน เพราะความเป็นดาบสองคมของมัน ที่จะดีก็ได้หากผู้นำเป็นคนดี หรือจะเป็นหายนะก็ได้หากผู้นำเป็นคนไม่ดี

     แต่ในประเทศเล็กๆแห่งหนึ่งซึ่งอยู่ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ในปี 2546  ลัทธิลัทธิฟาสซิสต์ก็ได้ถูกปลุกกระแสขึ้นมาใหม่ ภายใต้เสื้อสีเหลืองและนกหวีด หวังจะให้กลับมามีบทบาทสำคัญอีกครั้งในดินแดนแห่งนี้ หลังจากล่มสลายไปในยุค จอมพล ป..พิบูลสงครามผู้นำประเทศเข้าไปเป็นลิ่วล้อของญี่ปุ่น ประกาศตัวเข้ากับพวกอักษะในสงครามโลกครั้งที่ 2

     ซึ่งบทความนี้ จะไม่ย้อนอดีตไปตรงจุดนั้น เพราะเคยเขียนถึงมาหลายบทความแล้ว แต่จะชี้ลักษณะพิเศษที่แตกต่างจากลัทธิอื่นของแนวความคิดลัทธิฟาสซิสต์ให้ท่านที่เขามาอ่านได้ลองนึกดูกันเองว่า มันใช่อย่างนั้นหรือไม่...?

ลัทธิฟาสซิสต์มีลักษณะพิเศษต่างจากลัทธิทางการเมืองอื่นๆ ดังนี้

     ลัทธิฟาสซิสต์ไม่เชื่อในหลักเหตุผล ประชาชนทั่วไปไม่มีความสามารถเพียงพอที่จะใช้เหตุผลในการตัดสินปัญหาในการดำรงชีวิตประจำวันได้ มีเพียงชนชั้นผู้นำเท่านั้นที่สามารถเข้าใจและใช้เหตุผลได้ ดังนั้นประชาชนทั่วไปจึงต้องเชื่อฟังและปฏิบัติตามที่ผู้นำสั่งอย่างไม่ต้องสงสัย และห้ามวิพากษ์วิจารณ์การกระทำของผู้นำ เพราะประชาชนไม่มีสิทธิตัดสินว่าสิ่งใดผิด สิ่งใดถูก ผู้นำทำสิ่งใดย่อมถูกเสมอ
ลองนึกดูกันเองว่า มันใช่อย่างนั้นหรือไม่...?

     ลัทธิฟาสซิสต์ไม่เชื่อในความเท่าเทียมกันของมนุษย์ แต่เชื่อว่ามนุษย์มีระดับชั้น ผู้นำต้องอยู่เหนือกว่าผู้ตาม ผู้มีกำลังต้องสูงส่งกว่าผู้อ่อนแอ ผู้ชายต้องมีฐานะเหนือกว่าผู้หญิง ชาติพันธุ์ของตนย่อมดีและเด่นกว่าชาติพันธุ์อื่นๆ
พวกไหนนะที่บอกว่า เสียงในกรุงหลักแสน มีค่ามากกว่าเสียงในชนบทหลักล้าน ลืมกันไปหรือยัง...?


     ลัทธิฟาสซิสต์นิยมการใช้กำลังและความรุนแรง ผู้ที่ไม่เห็นด้วยกับความคิดของตนคือคนชั่วร้าย คนชั่วร้ายคือศัตรู และศัตรูต้องถูกกำจัดให้สิ้นซาก ไม่ว่าจะต้องใช้ความรุนแรงเท่าใดก็ตาม
แล้วเวลาอยู่ในอำนาจ พวกไหนที่ประกาศพื้นที่ใช้กระสุนจริง กระชับพื้นที่ จนนำมาซึ่งการสูญเสีย ขณะที่อีกพวกกลับไม่ยอมใช้ความรุนแรง ปล่อยให้ยึดเคหะสถานที่ราชการ สนามบิน เลือกที่จะสูญเสียภาพลักษณ์ดีกว่าสูญเสียเลือดเนื้อคนในชาติเดียวกัน ยังจำกันได้ไหมนะ..?

     ลัทธิฟาสซิสต์ถือว่าการปกครองที่ดีที่สุดนั้นต้องมาจากการปกครองโดยชนชั้นนำ ไม่ใช่โดยประชาชน ชนชั้นนำจะมีคุณสมบัติพิเศษบางประการที่ประชาชนทั่วไปไม่มีตามความเชื่อของลัทธิฟาสซิสต์ เช่น ชาติกำเนิด การศึกษา ฐานะทางเศรษฐกิจและสังคม ความสามารถในการใช้หลักเหตุผล ดังนั้นชาติ - รัฐบาล - ผู้นำ จึงเป็นสิ่งที่แยกกันไม่ออก
ใครกันที่เสนอ สภาประชาชน ซึ่งมีแค่ชื่อเป็นของประชาชนเท่านั้น เพราะใช้การแต่งตั้งมาแทนที่การเลือกตั้งของประชาชน พวกไหนนะ..?

     ลัทธิฟาสซิสต์ถือว่าชนชาติหรือชาติพันธุ์อื่นต่ำต้อยกว่าชาติพันธุ์ตน ดังนั้นจึงต้องถูกกำจัดออกไปให้หมดสิ้น เพื่อให้โลกมีแต่ชาติพันธุ์ที่ดีและสูงส่ง คือพวกตนเท่านั้น
พวกไหนกันที่ตามล่าล้างทำลายอีกฝ่ายไม่ลดล่ะ ใช้ทุกวิธีทุกอย่างที่คิดออก ทั้งยัดเยียดความชั่วร้ายให้ ขโมยความคิดมาแล้วเปลี่ยนชื่อหวังสร้างเครดิตให้ตัวเอง ใช้กระบวนการบางอย่างที่บิดเบี้ยวจนไม่เหลือความเป็นกลาง เข้าทำลายล้าง พวกไหนกันนะจำกันได้ไหม..?

ไล่เรียงลักษณะพิเศษกันมาพอแล้ว คงพอนึกกันออกนะครับ ว่าพวกไหนคือพวกลัทธิฟาสซิสต์

     แต่ซึ่งหนึ่งที่จะลืมเขียนไม่ได้เลย คือจุดจบของลัทธินี้ มุสโสลินี เป็นอย่างไร ฮิตเลอร์อนาถแค่ไหน หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 ประวัติศาสตร์ได้จารึกไว้แล้ว ส่วนในเมืองไทยนั้น รอให้สงครามแย่งชิงอำนาจจากระชาชนสิ้นสุดก่อนเถอะ หากผู้ชนะท้ายที่สุดคือประชาชน ก็เตรียมรอรับผลที่ก่อไว้ได้เลย

กรรมเวรมีจริงหรือไม่นั้น ไม่รู้
แต่ที่รู้ๆความแค้น มันมีจริง ถ้าไม่เชื่อลองไปถาม ตั้น จิตภัสร์ดูสิ


นายพระรอง
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่