เผด็จการนี้เกิดขึ้นในประเทศอิตาลีช่วงหลังสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง และต่อมาได้ประสานกับขบวนการทางการเมืองในประเทศเยอรมนี นั่นคือ ขบวนการนาซี ซึ่งแนวความคิดและอุดมการณ์ทั้งของฟาสซิสต์และนาซีมีความคล้ายคลึงกันมาก พอจะสรุปได้ดังต่อไปนี้
เชื่อในความไม่เสมอภาคของมนุษย์ เชื่อว่าชายมีคุณสมบัติเหนือหญิง ทหารมีคุณสมบัติเหนือประชาชน ผู้นำมีสมบัติเหนือประชาชน ฉะนั้นประชาชนต้องเชื่อผู้นำ และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำโดยเคร่งครัด
เน้นความสำคัญของรัฐ โดยมองว่ารัฐเป็นที่มาของชีวิตของประชาชนทุกคน นอกจากนี้เผด็จการฟาสซิสต์ยังเชื่อว่ารัฐเป็นเสมือนสิ่งที่มีชีวิตเช่นเดียวกับคน กล่าวคือ ต้องการชื่อเสียง มีการเจริญเติบโต และมีการออกกำลังกายเพื่อพลานามัยที่สมบูรณ์ รัฐจะเจริญเติบโตได้ก็โดยการทำสงครามจักรวรรคินิยม หรือ การรบพุ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศอื่น ๆ เพื่อผนวกอาณาจักรให้กว้างไกลใหญ่โต การเข้าสู่สงครามนั้นพวกนี้ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่งด้วย
ยึดมั่นในหลักผู้นำ ในขณะที่รัฐทำหน้าที่เสมือนกลไกที่สำคัญในการบังคับใช้ ความเชื่อของฟาสซิสต์รัฐจะดำเนินไปได้ก็โดยอาศัยหลักผู้นำ เผด็จการฟาสซิสต์นั้นอ้างว่าประชาชนทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การนำของผู้นำที่มีอำนาจเด็ดขาดสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้เพราะผู้นำสูงสุดนี้จะเป็นผู้เดียวที่สามารถแปลงเจตนารมณ์ของประชาชนได้อย่างถูกต้อง
เน้นในความรักชาติหรือชาตินิยมอย่างรุนแรง เผด็จการฟาสซิสต์นั้นถือว่าชาติเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำราษฎรไปสู่ความมั่นคงปลอดภัย ฉะนั้นสมาชิกของสังคมฟาสซิสต์จะต้องจงรักภักดี และอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรัฐหรือชาติ
ไม่เชื่อว่าประชาชนเป็นผู้ที่มีเหตุผล แต่เชื่อว่าการที่จะจูงใจให้ประชาชนร่วมทำกิจกรรมใด ๆ นั้น ต้องใช้การสั่งสอน จูงใจ สร้างสภาวะทางอารมณ์ให้เกิดขึ้น
เชื่อในหลักเชื้อชาตินิยม เผด็จการนาซีจะให้ความสำคัญกับหลักการนี้มากกว่าฟาสซิสต์ พวกนี้เชื่อว่ามนุษย์แต่ละชาติพันธุ์มีความสามารถแตกต่างกัน โดยเชื่อว่าชาวอารยันเป็นชาติพันธุ์ที่ดีที่สุด พวกนี้มีความรู้ความสามารถและมีอำนาจพิเศษ มีความเข้มแข็ง จึงสมควรที่จะเป็นผู้นำ และปกครองประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
เชื่อในการใช้กำลังรุนแรง เผด็จการฟาสซิสต์นั้นจะแบ่งคนในสังคมออกเป็น 2 พวก คือ มิตรกับศัตรู และศัตรูนั้นจะต้องถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เผด็จการฟาสซิสต์จึงสร้างสถาบันต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เช่น มีค่ายกักกัน มีการล้างสมองในรูปแบบต่าง ๆ มีระบบทรมาน สร้างความสยองขวัญมากมาย มีตำรวจลับที่คอยสอดส่งจัดการกับศัตรูตลอดเวลา
ระบอบการเมืองที่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นเผด็จการฟาสซิสต์
ระบอบการเมืองหรือขบวนการทางการเมืองที่อาจวิวัฒนาการกลายเป็นเผด็จการฟาสซิสต์ได้ มีดังต่อไปนี้
ประเทศที่ได้พัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้าไปพอสมควร กล่าวคือ มีชนชั้นนายทุน กับ ชนชั้นกรรมาชีพเกิดขึ้น และมีการจัดตั้งองค์กรขนาดใหญ่โดยเฉพาะในส่วนกรรมาชีพ และพวกนี้เรียกร้องที่จะทำการปฏิวัติสังคมเสียใหม่
ประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจสังคมอย่างรุนแรง สร้างความหวาดกลัว ความไม่มั่นคงให้เกิดขึ้นโดยทั่วไป โดที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขเยียวยาได้
ประเทศสังคมนิยมที่มีพรรคการเมืองฟาสซิสต์เกิดขึ้น โดยมีมวลชนที่จงเกลียดจงชังคอมมิวนิสต์ไม่พอใจต่อความวุ่นวายจากการเรียกร้องของกรรมาชีพสนับสนุน ทั้งนี้จะมีผู้นำของชนชั้นนายทุนสนับสนุนทางการเงินอยู่เบื้องหลัง
ขบวนการฟาสซิสต์พยายามจูงใจให้มวลชนเชื่อว่าตนเป็นเหมือนอัศวินม้าขาวที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
ขบวนการฟาสซิสต์ใช้วิธีการรุนแรงดำเนินการกับศัตรู โดยเฉพาะขบวนการกรรมการ รวมทั้งศัตรูทางการเมืองอื่น ๆ สร้างความนิยมให้กับกลุ่มคนหัวก้าวหน้าที่ต้องการความรุนแรง
ขบวนการฟาสซิสต์พยายามสร้างอุดมการณ์ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้อำนาจของผู้นำให้ประชาชนยึดมั่นอยู่กับความภาคภูมิใจหรือศักดิ์ศรีของชาติหรือเชื้อชาติ เหยียดหยามชนชาติอื่นโดยการสร้างแพะรับบาป เช่น ชาวยิว และนิโกร ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความพอใจ
ระบอบฟาสซิสต์ดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบก้าวร้าว มุ่งทำสงครามจักรวรรดินิยม รุกรานเพื่อนบ้านเรือนเคียง สามารถขยายอาณาจักรออกไปได้ เป็นช่องทางให้ขบวนการฟาสซิสต์ใช้เป็น หลักในการโฆษณาชวนเชื่อ
ขบวนการฟาสซิสต์จึงมิใช้เป็นเพียงเรื่องราวของพรรคฟาสซิสต์ในอิตาลี และพรรคนาซีในเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น ขบวนการนี้คงมีอยู่ในสังคมโลกตลอดมา แม้กระทั้งปัจจุบัน เพียงแต่ว่าเมื่อสภาพการณ์ต่าง ๆ แปรเปลี่ยนไปขบวนการฟาสซิสต์อาจปรากฏให้เห็นรูปแบบที่แตกต่างไปในแต่ละประเทศ
เผด็จการฟาสซิสต์ คืออะไร?
เชื่อในความไม่เสมอภาคของมนุษย์ เชื่อว่าชายมีคุณสมบัติเหนือหญิง ทหารมีคุณสมบัติเหนือประชาชน ผู้นำมีสมบัติเหนือประชาชน ฉะนั้นประชาชนต้องเชื่อผู้นำ และปฏิบัติตามคำสั่งของผู้นำโดยเคร่งครัด
เน้นความสำคัญของรัฐ โดยมองว่ารัฐเป็นที่มาของชีวิตของประชาชนทุกคน นอกจากนี้เผด็จการฟาสซิสต์ยังเชื่อว่ารัฐเป็นเสมือนสิ่งที่มีชีวิตเช่นเดียวกับคน กล่าวคือ ต้องการชื่อเสียง มีการเจริญเติบโต และมีการออกกำลังกายเพื่อพลานามัยที่สมบูรณ์ รัฐจะเจริญเติบโตได้ก็โดยการทำสงครามจักรวรรคินิยม หรือ การรบพุ่งกับประเทศเพื่อนบ้าน หรือประเทศอื่น ๆ เพื่อผนวกอาณาจักรให้กว้างไกลใหญ่โต การเข้าสู่สงครามนั้นพวกนี้ถือว่าเป็นการออกกำลังกายที่ดีอย่างหนึ่งด้วย
ยึดมั่นในหลักผู้นำ ในขณะที่รัฐทำหน้าที่เสมือนกลไกที่สำคัญในการบังคับใช้ ความเชื่อของฟาสซิสต์รัฐจะดำเนินไปได้ก็โดยอาศัยหลักผู้นำ เผด็จการฟาสซิสต์นั้นอ้างว่าประชาชนทุกคนจะต้องอยู่ภายใต้การนำของผู้นำที่มีอำนาจเด็ดขาดสูงสุดแต่เพียงผู้เดียว ทั้งนี้เพราะผู้นำสูงสุดนี้จะเป็นผู้เดียวที่สามารถแปลงเจตนารมณ์ของประชาชนได้อย่างถูกต้อง
เน้นในความรักชาติหรือชาตินิยมอย่างรุนแรง เผด็จการฟาสซิสต์นั้นถือว่าชาติเป็นกุญแจสำคัญที่จะนำราษฎรไปสู่ความมั่นคงปลอดภัย ฉะนั้นสมาชิกของสังคมฟาสซิสต์จะต้องจงรักภักดี และอุทิศทุกสิ่งทุกอย่างเพื่อรัฐหรือชาติ
ไม่เชื่อว่าประชาชนเป็นผู้ที่มีเหตุผล แต่เชื่อว่าการที่จะจูงใจให้ประชาชนร่วมทำกิจกรรมใด ๆ นั้น ต้องใช้การสั่งสอน จูงใจ สร้างสภาวะทางอารมณ์ให้เกิดขึ้น
เชื่อในหลักเชื้อชาตินิยม เผด็จการนาซีจะให้ความสำคัญกับหลักการนี้มากกว่าฟาสซิสต์ พวกนี้เชื่อว่ามนุษย์แต่ละชาติพันธุ์มีความสามารถแตกต่างกัน โดยเชื่อว่าชาวอารยันเป็นชาติพันธุ์ที่ดีที่สุด พวกนี้มีความรู้ความสามารถและมีอำนาจพิเศษ มีความเข้มแข็ง จึงสมควรที่จะเป็นผู้นำ และปกครองประเทศต่าง ๆ ทั่วโลก
เชื่อในการใช้กำลังรุนแรง เผด็จการฟาสซิสต์นั้นจะแบ่งคนในสังคมออกเป็น 2 พวก คือ มิตรกับศัตรู และศัตรูนั้นจะต้องถูกทำลายไปโดยสิ้นเชิง ด้วยเหตุนี้เผด็จการฟาสซิสต์จึงสร้างสถาบันต่าง ๆ ขึ้นมากมาย เช่น มีค่ายกักกัน มีการล้างสมองในรูปแบบต่าง ๆ มีระบบทรมาน สร้างความสยองขวัญมากมาย มีตำรวจลับที่คอยสอดส่งจัดการกับศัตรูตลอดเวลา
ระบอบการเมืองที่อาจเปลี่ยนแปลงเป็นเผด็จการฟาสซิสต์
ระบอบการเมืองหรือขบวนการทางการเมืองที่อาจวิวัฒนาการกลายเป็นเผด็จการฟาสซิสต์ได้ มีดังต่อไปนี้
ประเทศที่ได้พัฒนาอุตสาหกรรมก้าวหน้าไปพอสมควร กล่าวคือ มีชนชั้นนายทุน กับ ชนชั้นกรรมาชีพเกิดขึ้น และมีการจัดตั้งองค์กรขนาดใหญ่โดยเฉพาะในส่วนกรรมาชีพ และพวกนี้เรียกร้องที่จะทำการปฏิวัติสังคมเสียใหม่
ประเทศที่เกิดวิกฤตการณ์ทางเศรษฐกิจสังคมอย่างรุนแรง สร้างความหวาดกลัว ความไม่มั่นคงให้เกิดขึ้นโดยทั่วไป โดที่รัฐบาลไม่สามารถแก้ไขเยียวยาได้
ประเทศสังคมนิยมที่มีพรรคการเมืองฟาสซิสต์เกิดขึ้น โดยมีมวลชนที่จงเกลียดจงชังคอมมิวนิสต์ไม่พอใจต่อความวุ่นวายจากการเรียกร้องของกรรมาชีพสนับสนุน ทั้งนี้จะมีผู้นำของชนชั้นนายทุนสนับสนุนทางการเงินอยู่เบื้องหลัง
ขบวนการฟาสซิสต์พยายามจูงใจให้มวลชนเชื่อว่าตนเป็นเหมือนอัศวินม้าขาวที่จะมาช่วยแก้ไขปัญหาของบ้านเมือง
ขบวนการฟาสซิสต์ใช้วิธีการรุนแรงดำเนินการกับศัตรู โดยเฉพาะขบวนการกรรมการ รวมทั้งศัตรูทางการเมืองอื่น ๆ สร้างความนิยมให้กับกลุ่มคนหัวก้าวหน้าที่ต้องการความรุนแรง
ขบวนการฟาสซิสต์พยายามสร้างอุดมการณ์ เพื่อสร้างความชอบธรรมให้กับการใช้อำนาจของผู้นำให้ประชาชนยึดมั่นอยู่กับความภาคภูมิใจหรือศักดิ์ศรีของชาติหรือเชื้อชาติ เหยียดหยามชนชาติอื่นโดยการสร้างแพะรับบาป เช่น ชาวยิว และนิโกร ทำให้คนส่วนใหญ่เกิดความพอใจ
ระบอบฟาสซิสต์ดำเนินนโยบายต่างประเทศแบบก้าวร้าว มุ่งทำสงครามจักรวรรดินิยม รุกรานเพื่อนบ้านเรือนเคียง สามารถขยายอาณาจักรออกไปได้ เป็นช่องทางให้ขบวนการฟาสซิสต์ใช้เป็น หลักในการโฆษณาชวนเชื่อ
ขบวนการฟาสซิสต์จึงมิใช้เป็นเพียงเรื่องราวของพรรคฟาสซิสต์ในอิตาลี และพรรคนาซีในเยอรมนีช่วงสงครามโลกครั้งที่สองเท่านั้น ขบวนการนี้คงมีอยู่ในสังคมโลกตลอดมา แม้กระทั้งปัจจุบัน เพียงแต่ว่าเมื่อสภาพการณ์ต่าง ๆ แปรเปลี่ยนไปขบวนการฟาสซิสต์อาจปรากฏให้เห็นรูปแบบที่แตกต่างไปในแต่ละประเทศ