ขอคำปรึกษาค่ะ
คือไม่รู้ตอนนี้เป็นโรคจิตหรือเปล่า คือคิดแต่เรื่องกินตลอดเวลา กินก็เครียดกลัวอ้วน คือกลัวมาก ลดความอ้วนมา 3 ปีละ น้ำหนักไม่เคยคงที่เลย ปัจจุบัน 48 กับส่วนสูง 161 ทุกคนบอกว่าผอม และหุ่นดี แต่ตัวเอง ยังไงก็คิดว่าตัวเองอ้วนตัวเองบวมอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ก็มีคนจีบเยอะ แต่ไม่พอใจในตัวเองยังอยากผอมอยู่ตลอดเวลา
************************************
ขอเล่านะคะ ยาวหน่อยนะ
ช่วงที่คิดว่าต้องลดแล้วคือช่วงที่ตรวจสุขภาพแล้วคอเลตโตรอลเกิน แต่ช่วงนั้นมีความสุขมากนะ อยากกินอะไรก็กิน บุฟเฟ่หมูกะทะ จัดหนักทุกอาทิตย์ กินกุ้งทีเป็นกิโลๆ ไม่เคยแคร์เรื่องน้ำหนักเลย เพราะเป็นคนกินอะไรก็ไม่อ้วน นิสัยส่วนตัวเป็นคนกินเยอะ กินได้ตลอด ดึกดื่นก็กิน แต่พอตรวจแล้วคอเลตโตรอลเกินเท่านั้นแหละ ตอนนั้นจิตตกมาก เพิ่งรู้ว่าตัวเองเริ่มที่จะอ้วน คือไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนัก พอชั่ง 52 ช็อคสิคะ เพราะตอนเรียนไม่เคยหนักเกิน 50 เลย จะอยู่ที่ 46-48 ตลอด
ตอนนั้นเลยตั้งเป้าเลย ว่าตรวจปีหน้าต้องกลับมาปกติ และมีเป้าไว้ว่าจะต้องหนัก 45 ให้ได้แบบเฮ้วตี้ ฟิตแอนด์เฟิม ช่วงนั้นเลิกกับแฟนด้วย มีแรงฮึด มีเป้าหมาย อยากสวยให้เขาเสียดายด้วย ช่วงแรกๆ จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็หันมาออกกำลังกาย คือเต้นแอโรบิค ตามยูทูปนี่แหละคะ ทำวันละ 30 นาที ทุกวันเลย พอเริ่มออกกำลังกาย ก็เริ่มเสพติดกลายเป็นแบบชอบออกกำลังกาย กลายเป็นผู้หญิงเฮ้วตี้ไปเลย เลือกที่จะกิน ไม่อดนะ กินปกติแต่ลดปริมาณ ลดมื้อเย็น งดพวกของหวาน ของมันของทอด น้ำอัดลม น้ำหนักค่อยๆลงแบบสุขภาพดี จาก 52 ผ่านไปเกือบปี ลงต่ำสุดเหลือ 45 ตามเป้าเลย แล้วสุขภาพดีขึ้นจริงๆ ตรวจสุขภาพปีต่อมา ก็ไม่เกินแล้ว แต่กลายเป็นผอมไปขาดสารอาหาร
แต่เราก็ไม่แคร์นะ ผอมแล้วสวย แฟนเก่าก็เสียดายจริงแหละ พยายามกลับมา ช่วงนั้นคือวินอะ รู้สึกชนะ แต่เราก็ไม่หยุด มันเหมือนไม่พอ ก็ยังคุมไปต่อ จาก 45 ลงไปอีก เหลือ 44
แล้วต่อมาก็มีแฟนใหม่คะ แล้วก็ชีวิตดีนะ จากไม่ค่อยมีคนจีบ ก็กลายเป็นสาวฮอต มีคนมาจีบเยอะ เคยลงไปถึงเกือบ 43 แต่ไม่ใช่เพราะตั้งใจลด เป็นเพราะป่วยเลยกินไรไม่ค่อยได้ ช่วงนั้นคือจะผอมมากๆ ผอมจนไม่สวย เลยกลับมากิน และพยายามคุมไว้ไม่ให้เกิน 45 พอเริ่มขึ้นไป 46 นี่เริ่มเครียดต้องหาวิธีเอาลง
จุดเปลี่ยนอีกรอบคือ เลิกกับแฟน ไม่คิดอะไรมากเลยกิน แต่คราวนี้ไม่ค่อยออกกำลังกาย พอกินเยอะก็อ้วนง่าย เพราะปรับใหม่ขี้เกียจออกกำลังกายหันมากินน้อยแทน น้ำหนักก็ลงจริงค่ะวิธีนี้ แต่พอกลับมากินเยอะ น้ำหนักขึ้นไวมาก ทีนี้หาวิธีคะ ที่จะไม่ต้องออกกำลังกายมากแต่ยังกินเยอะๆได้ ก็กินยาดักไขมันค่ะ แต่ไม่ได้กินตลอดนะ กินเฉพาะมื้อที่กินพวกบุฟเฟ่ หรือของหนักๆ พอวันไหนกินเยอะก็ดีทอกออก กินยา หรือหนักๆเลยก็สวนเลยค่ะ น้ำหนักจะสวิงอยู่ที่ 46-48 ไม่ต่ำไม่เกินไปกว่านี้จนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าช่วงไหนพังมากๆก็ขึ้นไป 50 เหมือนระบบเผาพผลาญมันพังไป ระบบขับถ่ายก็พัง หลังๆ ไม่ค่อยบ้าออกกำลัง เหมือนแต่ก่อน ช่วงไหน คิดว่าร่างพังถึงจะกลับมาออกกำลังกายค่ะ
แต่ด้วยการติดการกินน้อย สมองมันสั่งเลยค่ะว่าหลัง 6 โมงห้ามกิน กินแล้วจะอ้วน มันลงจริงค่ะ เคยกลับไป 45 ได้แต่ก็แค่แป้บๆ ช่วงสั้นมากๆค่ะ พอกินปกติมันก็กลับมา 47 เหมือนเดิม มันเหนื่อยมากกับการทำอะไรแบบนี้
ตอนนี้เรารู้สึกไม่มีความสุขเลยกับชีวิต และการกินของเรา ปัญหาตอนนี้ของเราคือ เรามีความอยากกินมาก เหมือนอาการโยโย่เอฟเฟ็ก มันอยากไปทุกอย่าง บางทีแค่อยากนะคะบางทีไม่ได้หิวเลย แต่เวลาหิวก็พยายามจะไม่กิน พอกินก็ไม่รุ้จักคำว่าอิ่ม
เวลาอยู่คนเดียวมีของอยู่ตรงหน้าไม่รู้เป็นอะไรต้องกินให้หมดแม้จะเยอะแค่ไหน แต่เวลาอยู่ที่ทำงานวันๆจะกินน้อยมากเวลาวันทำงาน เช้ากินกับข้าวปกติ เยอะ กลางวันจะกินแค่พวกสลัด เย็นจะกินแค่ผลไม้ หรือโยเกิดหรือบางทีก็ไม่กินเลย ไปออกกำลังกายต่ออีก
กลายเป็นตอนนี้ยับยั้บความอยากไม่ได้เลย แล้วก็เลยกลายเป็นคนกินเยอะ พอกินไปเยอะเห็นพุงตัวเองหน้ากระจก หรือวันไหนตื่นมาตัวบวมๆ เครียดมากจิตตกอีก ชีวิตมันวนหลูปอะคะ เหมือนคนต้องไดเอทตลอด ที่น่าเศร้าคือการไม่กินข้าวเย็นหลัง 6 โมงทำให้เราพลาดการกินข้าวกับพ่อ เพราะแต่ก่อน เราไม่กินข้าวเช้า กินเที่ยง กับเย็นหนักๆ 2 มื้อ พอมาลดน้ำหนักเราปรับชีวิตใหม่ กินช้าหนัก เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น ตามสูตรเลย มื้อเย็นเลยไม่ได้กินกับพ่อเลย T_T กลายเป็นพ่อต้องตื่นมาทำข้าวเช้าให้กินแทน
เรามาคิดดูแล้วเราฝืนอะไรที่ไม่ใช่ตัวเราได้ไม่นานหรอก วันนึงมันก็จะพังเหมือนเราตอนนี้เราควรทำยังไง เราก็ยังอยากกลับไปหนัก 45 เท่าตอนที่เราคิดว่าเราสวยอะ เรารักร่างกายตอนนั้นมากใส่อะไรก็สวยดูดี แต่เราก็ไม่อยากไม่มีความสุขในการบังคับตัวเองให้ไดเอตไปตลอดแบบนี้ มันน่าเศร้านะ ต้องฝืนตัวเองเนี่ย ตอนนี้คือแบบหวังพึ่งจิตแพทย์ หรือจะหันเข้าหาธรรมมะแล้ว แบบไม่ไหวแล้วอะ ไม่นานเราคงจะเป็นบ้า ตอนนี้เราก็ยังไม่มีแฟนนะ มีคนเข้ามาเยอะ แต่ก็ยังไม่อยากมีใคร เพราะตรงนี้ก็คงมีส่วนที่ทำให้จิตหมกมุ่นอยู่กับแต่เรื่องลดน้ำหนัก เรื่องกิน แต่เหมือนคนไม่มีเป้าหมายแล้วอะ เหมือนลดไปเรื่อยเปื่อยเพราะจิตมันสั่งว่าห้ามอ้วนๆๆๆ ห้ามกินเยอะ เราควรทำยังไงเนี่ย มันตันไปหมด มีใครเป็นเหมือนเราไหมแล้วทำยังไงถึงจะหายกลับมาเป็นคนที่มีชิวิตปกติ ที่เขาอยากกินอะไรก็กิน แล้วอิ่มเป็น หิวเป็น นอนหลับ มีความสุขบ้าง คือตอนนี้นอนก็ไม่ค่อยหลับอีก พังไปหมดเลยค่ะ
คิดว่าตอนนี้ใกล้จะเป็นโรคจิต คิดแต่เรื่องกินตลอดเวลา ขอคำปรึกษาค่ะ ไม่ไหวแล้ว T-T
คือไม่รู้ตอนนี้เป็นโรคจิตหรือเปล่า คือคิดแต่เรื่องกินตลอดเวลา กินก็เครียดกลัวอ้วน คือกลัวมาก ลดความอ้วนมา 3 ปีละ น้ำหนักไม่เคยคงที่เลย ปัจจุบัน 48 กับส่วนสูง 161 ทุกคนบอกว่าผอม และหุ่นดี แต่ตัวเอง ยังไงก็คิดว่าตัวเองอ้วนตัวเองบวมอยู่ตลอดเวลา ทั้งที่ก็มีคนจีบเยอะ แต่ไม่พอใจในตัวเองยังอยากผอมอยู่ตลอดเวลา
************************************
ขอเล่านะคะ ยาวหน่อยนะ
ช่วงที่คิดว่าต้องลดแล้วคือช่วงที่ตรวจสุขภาพแล้วคอเลตโตรอลเกิน แต่ช่วงนั้นมีความสุขมากนะ อยากกินอะไรก็กิน บุฟเฟ่หมูกะทะ จัดหนักทุกอาทิตย์ กินกุ้งทีเป็นกิโลๆ ไม่เคยแคร์เรื่องน้ำหนักเลย เพราะเป็นคนกินอะไรก็ไม่อ้วน นิสัยส่วนตัวเป็นคนกินเยอะ กินได้ตลอด ดึกดื่นก็กิน แต่พอตรวจแล้วคอเลตโตรอลเกินเท่านั้นแหละ ตอนนั้นจิตตกมาก เพิ่งรู้ว่าตัวเองเริ่มที่จะอ้วน คือไม่ค่อยได้ชั่งน้ำหนัก พอชั่ง 52 ช็อคสิคะ เพราะตอนเรียนไม่เคยหนักเกิน 50 เลย จะอยู่ที่ 46-48 ตลอด
ตอนนั้นเลยตั้งเป้าเลย ว่าตรวจปีหน้าต้องกลับมาปกติ และมีเป้าไว้ว่าจะต้องหนัก 45 ให้ได้แบบเฮ้วตี้ ฟิตแอนด์เฟิม ช่วงนั้นเลิกกับแฟนด้วย มีแรงฮึด มีเป้าหมาย อยากสวยให้เขาเสียดายด้วย ช่วงแรกๆ จากคนที่ไม่เคยออกกำลังกายเลย ก็หันมาออกกำลังกาย คือเต้นแอโรบิค ตามยูทูปนี่แหละคะ ทำวันละ 30 นาที ทุกวันเลย พอเริ่มออกกำลังกาย ก็เริ่มเสพติดกลายเป็นแบบชอบออกกำลังกาย กลายเป็นผู้หญิงเฮ้วตี้ไปเลย เลือกที่จะกิน ไม่อดนะ กินปกติแต่ลดปริมาณ ลดมื้อเย็น งดพวกของหวาน ของมันของทอด น้ำอัดลม น้ำหนักค่อยๆลงแบบสุขภาพดี จาก 52 ผ่านไปเกือบปี ลงต่ำสุดเหลือ 45 ตามเป้าเลย แล้วสุขภาพดีขึ้นจริงๆ ตรวจสุขภาพปีต่อมา ก็ไม่เกินแล้ว แต่กลายเป็นผอมไปขาดสารอาหาร
แต่เราก็ไม่แคร์นะ ผอมแล้วสวย แฟนเก่าก็เสียดายจริงแหละ พยายามกลับมา ช่วงนั้นคือวินอะ รู้สึกชนะ แต่เราก็ไม่หยุด มันเหมือนไม่พอ ก็ยังคุมไปต่อ จาก 45 ลงไปอีก เหลือ 44
แล้วต่อมาก็มีแฟนใหม่คะ แล้วก็ชีวิตดีนะ จากไม่ค่อยมีคนจีบ ก็กลายเป็นสาวฮอต มีคนมาจีบเยอะ เคยลงไปถึงเกือบ 43 แต่ไม่ใช่เพราะตั้งใจลด เป็นเพราะป่วยเลยกินไรไม่ค่อยได้ ช่วงนั้นคือจะผอมมากๆ ผอมจนไม่สวย เลยกลับมากิน และพยายามคุมไว้ไม่ให้เกิน 45 พอเริ่มขึ้นไป 46 นี่เริ่มเครียดต้องหาวิธีเอาลง
จุดเปลี่ยนอีกรอบคือ เลิกกับแฟน ไม่คิดอะไรมากเลยกิน แต่คราวนี้ไม่ค่อยออกกำลังกาย พอกินเยอะก็อ้วนง่าย เพราะปรับใหม่ขี้เกียจออกกำลังกายหันมากินน้อยแทน น้ำหนักก็ลงจริงค่ะวิธีนี้ แต่พอกลับมากินเยอะ น้ำหนักขึ้นไวมาก ทีนี้หาวิธีคะ ที่จะไม่ต้องออกกำลังกายมากแต่ยังกินเยอะๆได้ ก็กินยาดักไขมันค่ะ แต่ไม่ได้กินตลอดนะ กินเฉพาะมื้อที่กินพวกบุฟเฟ่ หรือของหนักๆ พอวันไหนกินเยอะก็ดีทอกออก กินยา หรือหนักๆเลยก็สวนเลยค่ะ น้ำหนักจะสวิงอยู่ที่ 46-48 ไม่ต่ำไม่เกินไปกว่านี้จนถึงปัจจุบันนี้ ถ้าช่วงไหนพังมากๆก็ขึ้นไป 50 เหมือนระบบเผาพผลาญมันพังไป ระบบขับถ่ายก็พัง หลังๆ ไม่ค่อยบ้าออกกำลัง เหมือนแต่ก่อน ช่วงไหน คิดว่าร่างพังถึงจะกลับมาออกกำลังกายค่ะ
แต่ด้วยการติดการกินน้อย สมองมันสั่งเลยค่ะว่าหลัง 6 โมงห้ามกิน กินแล้วจะอ้วน มันลงจริงค่ะ เคยกลับไป 45 ได้แต่ก็แค่แป้บๆ ช่วงสั้นมากๆค่ะ พอกินปกติมันก็กลับมา 47 เหมือนเดิม มันเหนื่อยมากกับการทำอะไรแบบนี้
ตอนนี้เรารู้สึกไม่มีความสุขเลยกับชีวิต และการกินของเรา ปัญหาตอนนี้ของเราคือ เรามีความอยากกินมาก เหมือนอาการโยโย่เอฟเฟ็ก มันอยากไปทุกอย่าง บางทีแค่อยากนะคะบางทีไม่ได้หิวเลย แต่เวลาหิวก็พยายามจะไม่กิน พอกินก็ไม่รุ้จักคำว่าอิ่ม
เวลาอยู่คนเดียวมีของอยู่ตรงหน้าไม่รู้เป็นอะไรต้องกินให้หมดแม้จะเยอะแค่ไหน แต่เวลาอยู่ที่ทำงานวันๆจะกินน้อยมากเวลาวันทำงาน เช้ากินกับข้าวปกติ เยอะ กลางวันจะกินแค่พวกสลัด เย็นจะกินแค่ผลไม้ หรือโยเกิดหรือบางทีก็ไม่กินเลย ไปออกกำลังกายต่ออีก
กลายเป็นตอนนี้ยับยั้บความอยากไม่ได้เลย แล้วก็เลยกลายเป็นคนกินเยอะ พอกินไปเยอะเห็นพุงตัวเองหน้ากระจก หรือวันไหนตื่นมาตัวบวมๆ เครียดมากจิตตกอีก ชีวิตมันวนหลูปอะคะ เหมือนคนต้องไดเอทตลอด ที่น่าเศร้าคือการไม่กินข้าวเย็นหลัง 6 โมงทำให้เราพลาดการกินข้าวกับพ่อ เพราะแต่ก่อน เราไม่กินข้าวเช้า กินเที่ยง กับเย็นหนักๆ 2 มื้อ พอมาลดน้ำหนักเราปรับชีวิตใหม่ กินช้าหนัก เบาเที่ยง เลี่ยงเย็น ตามสูตรเลย มื้อเย็นเลยไม่ได้กินกับพ่อเลย T_T กลายเป็นพ่อต้องตื่นมาทำข้าวเช้าให้กินแทน
เรามาคิดดูแล้วเราฝืนอะไรที่ไม่ใช่ตัวเราได้ไม่นานหรอก วันนึงมันก็จะพังเหมือนเราตอนนี้เราควรทำยังไง เราก็ยังอยากกลับไปหนัก 45 เท่าตอนที่เราคิดว่าเราสวยอะ เรารักร่างกายตอนนั้นมากใส่อะไรก็สวยดูดี แต่เราก็ไม่อยากไม่มีความสุขในการบังคับตัวเองให้ไดเอตไปตลอดแบบนี้ มันน่าเศร้านะ ต้องฝืนตัวเองเนี่ย ตอนนี้คือแบบหวังพึ่งจิตแพทย์ หรือจะหันเข้าหาธรรมมะแล้ว แบบไม่ไหวแล้วอะ ไม่นานเราคงจะเป็นบ้า ตอนนี้เราก็ยังไม่มีแฟนนะ มีคนเข้ามาเยอะ แต่ก็ยังไม่อยากมีใคร เพราะตรงนี้ก็คงมีส่วนที่ทำให้จิตหมกมุ่นอยู่กับแต่เรื่องลดน้ำหนัก เรื่องกิน แต่เหมือนคนไม่มีเป้าหมายแล้วอะ เหมือนลดไปเรื่อยเปื่อยเพราะจิตมันสั่งว่าห้ามอ้วนๆๆๆ ห้ามกินเยอะ เราควรทำยังไงเนี่ย มันตันไปหมด มีใครเป็นเหมือนเราไหมแล้วทำยังไงถึงจะหายกลับมาเป็นคนที่มีชิวิตปกติ ที่เขาอยากกินอะไรก็กิน แล้วอิ่มเป็น หิวเป็น นอนหลับ มีความสุขบ้าง คือตอนนี้นอนก็ไม่ค่อยหลับอีก พังไปหมดเลยค่ะ