เรื่องของผมคือถูกแฟนบอกเลิกแล้วทิ้งไปแบบไม่ใยดี ตอนนั้นเสียใจมาก ร่างกายโทรม สุขภาพจิตแย่อยู่คนเดียวไม่ได้ พ่อแม่ต้องบินมาอยู่ด้วยเป็นอาทิตย์ กว่าจะฟื้นสภาพจิตใจได้ใช้เวลาเป็นปี
สามเดือนแรกที่อกหัก ผมเครียดหนักมาก น้ำหนักหายไป5กิโล หลังจากนั้นไปอยู่อังกฤษอีก7เดือนน้ำหนักลดลงไปอีก10โล เบ็ดเสร็จน้ำหนักลงจาก85เหลือ70โลโดยไม่ต้องเข้าฟิตเน็ตเลย
ชีวิตลุ่มๆดอนๆอยู่เกือบปีครับ หลังจากตั้งหลักได้ตั้งตัวได้ผมก็กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ตอนนี้พุงพลุ้ยๆไม่มีแล้ว น้ำหนักตัวจาก85ตอนนี้เหลือ70นิดๆ รอบเอวจาก36เหลือ32 ใส่เสื้อแนวสลิมฟิตได้แบบสบายใจเลย
ส่วนเรื่องงาน ผมได้งานใหม่ มาอยู่ในกทม. ที่ใหม่จ่ายให้ผมสองเท่าจากที่เคยได้จากที่เก่า แถมงานไม่หนัก อยู่ออฟฟิศ บริหารงาน ไม่ต้องลงไลน์การผลิตแล้ว ได้เพื่อนร่วมงานดี สังคมดี คุณภาพชีวิตดีขึ้น
เงินเก็บเยอะขึ้น เงินเหลือเยอะขึ้น เพราะรายรับเยอะขึ้น แต่รายจ่ายน้อยลง กินอยู่ใช้คนเดียว สุขภาพจิตดีขึ้น ผมสวดมนต์ทุกเช้าก่อนไปทำงาน กรวดน้ำอุทศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ให้อภัยกับคนรักเก่าที่เขาทำให้เราเสียใจ
ที่รุ่งขึ้นอีกอย่างคือตอนนี้สอบติดป.โทจุฬา (MBA executive) สำเร็จ ได้เรียนต่ออย่างที่ใจตั้งไว้ ได้มีโอกาสรู้จักคนมากขึ้น สังคมมากขึ้น
ผมมานั่งคิดย้อนหลัง บางทีชีวิตเราอาจถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ มันเหมือนฟ้าหลังฝน วันที่แฟนขอเลิกผมคิดว่าทุกอย่างคงจบแล้ว เหมือนชีวิตล้มเหลวทุกอย่าง ร้องไห้ เสียใจมากๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย เวลาที่ผ่านไปมันสอนให้เราเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ผมโชคดีมีกำลังใจที่สำคัญคือพ่อแม่ครอบครัวที่ทำให้ลุกขึ้นยืนได้เร็วขึ้น
ส่วนแฟนเก่าที่เขาขอเลิกผมไม่เคยโกรธเขาเลย แต่กลับคิดว่าอยากให้เขาประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและความรัก เขามีแฟนใหม่ไหม อันนี้ผมไม่เคยรู้และไม่คิดอยากจะรู้ เรื่องบางเรื่องรู้ไปไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับตัวเอง ไม่ได้แกล้งเล่นบทพระเอกนะครับ แต่คิดว่าโกรธเขาไป อาฆาตเขาไป เขาก็ไม่รู้หลอก สุดท้ายก็มีแต่เราที่จมอยู่กับความทุกข์นั้นเอง
ฝากคนที่กำลังเสียใจ พึ่งอกหักทุกคนครับ คนเราเสียใจได้ เศร้าใจได้ แต่ต้องมีระยะเวลาที่จำกัด อย่าให้ความทุกข์นั้นทำลายตัวเราเอง ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ทุกข์มาเดี๋ยวมันก็ไป
เป็นกำลังใจให้คนที่อกหักเสียใจทุกคนครับ
มีใครบ้างที่เคยอกหัก แฟนทิ้ง แต่หลังจากนั้นชีวิตกลับรุ่งยิ่งกว่าเดิมบ้างครับ
สามเดือนแรกที่อกหัก ผมเครียดหนักมาก น้ำหนักหายไป5กิโล หลังจากนั้นไปอยู่อังกฤษอีก7เดือนน้ำหนักลดลงไปอีก10โล เบ็ดเสร็จน้ำหนักลงจาก85เหลือ70โลโดยไม่ต้องเข้าฟิตเน็ตเลย
ชีวิตลุ่มๆดอนๆอยู่เกือบปีครับ หลังจากตั้งหลักได้ตั้งตัวได้ผมก็กลับมาดูแลตัวเองมากขึ้น ออกกำลังกาย ทานอาหารที่มีประโยชน์ ตอนนี้พุงพลุ้ยๆไม่มีแล้ว น้ำหนักตัวจาก85ตอนนี้เหลือ70นิดๆ รอบเอวจาก36เหลือ32 ใส่เสื้อแนวสลิมฟิตได้แบบสบายใจเลย
ส่วนเรื่องงาน ผมได้งานใหม่ มาอยู่ในกทม. ที่ใหม่จ่ายให้ผมสองเท่าจากที่เคยได้จากที่เก่า แถมงานไม่หนัก อยู่ออฟฟิศ บริหารงาน ไม่ต้องลงไลน์การผลิตแล้ว ได้เพื่อนร่วมงานดี สังคมดี คุณภาพชีวิตดีขึ้น
เงินเก็บเยอะขึ้น เงินเหลือเยอะขึ้น เพราะรายรับเยอะขึ้น แต่รายจ่ายน้อยลง กินอยู่ใช้คนเดียว สุขภาพจิตดีขึ้น ผมสวดมนต์ทุกเช้าก่อนไปทำงาน กรวดน้ำอุทศส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวร ให้อภัยกับคนรักเก่าที่เขาทำให้เราเสียใจ
ที่รุ่งขึ้นอีกอย่างคือตอนนี้สอบติดป.โทจุฬา (MBA executive) สำเร็จ ได้เรียนต่ออย่างที่ใจตั้งไว้ ได้มีโอกาสรู้จักคนมากขึ้น สังคมมากขึ้น
ผมมานั่งคิดย้อนหลัง บางทีชีวิตเราอาจถูกกำหนดให้เป็นแบบนี้ มันเหมือนฟ้าหลังฝน วันที่แฟนขอเลิกผมคิดว่าทุกอย่างคงจบแล้ว เหมือนชีวิตล้มเหลวทุกอย่าง ร้องไห้ เสียใจมากๆ แต่จริงๆแล้วมันไม่ใช่เลย เวลาที่ผ่านไปมันสอนให้เราเข้มแข็งขึ้นเรื่อยๆ ผมโชคดีมีกำลังใจที่สำคัญคือพ่อแม่ครอบครัวที่ทำให้ลุกขึ้นยืนได้เร็วขึ้น
ส่วนแฟนเก่าที่เขาขอเลิกผมไม่เคยโกรธเขาเลย แต่กลับคิดว่าอยากให้เขาประสบความสำเร็จทั้งเรื่องงานและความรัก เขามีแฟนใหม่ไหม อันนี้ผมไม่เคยรู้และไม่คิดอยากจะรู้ เรื่องบางเรื่องรู้ไปไม่ได้มีประโยชน์อะไรกับตัวเอง ไม่ได้แกล้งเล่นบทพระเอกนะครับ แต่คิดว่าโกรธเขาไป อาฆาตเขาไป เขาก็ไม่รู้หลอก สุดท้ายก็มีแต่เราที่จมอยู่กับความทุกข์นั้นเอง
ฝากคนที่กำลังเสียใจ พึ่งอกหักทุกคนครับ คนเราเสียใจได้ เศร้าใจได้ แต่ต้องมีระยะเวลาที่จำกัด อย่าให้ความทุกข์นั้นทำลายตัวเราเอง ไม่มีอะไรอยู่กับเราตลอดไป ทุกข์มาเดี๋ยวมันก็ไป
เป็นกำลังใจให้คนที่อกหักเสียใจทุกคนครับ