Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]

กระทู้สนทนา
สวัสดีครับทุกท่าน ผมหายหน้าหายตาจากห้องถนนนักเขียนไปนานแล้ว

แต่ไหนๆ ก็มาแล้ว ผมก็เอานิยายมาให้อ่านกันครับ แถมยังหนีไม่พ้นแนวสืบสวนที่ตัวชอบเขียนอีกแหละ เพียงแต่งวดนี้ลองเปลี่ยนรูปแบบใหม่เสียหน่อย

ลองอ่านกันครับ ขอบคุณทุกท่าน

++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++


Knight of Clues
คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ


-1-

    นครลัวร์ถือเป็นเมืองที่มีพื้นที่กว้างขวาง ตอนเหนืออุดมสมบูรณ์ไปด้วยพืชพันธุ์ธัญหาร ตะวันออกเต็มไปเหมืองแร่นานาชนิด  ตอนใต้ติดกับทะเลติดต่อซื้อขายกับต่างแดนได้ง่าย ถือว่าเป็นเมืองที่มีจุดยุทธศาสตร์ดีเยี่ยม

    ปัญหาของนครลัวร์อยู่ที่ด้านตะวันตกที่ติดกับดินแดนใหญ่อีกแห่งที่ชื่อว่า มาร์ลากัส ถือเป็นนครที่วุ่นวายอันดับต้น ๆ ของแผ่นดิน เนื่องจากปกครองด้วยระบอบเผด็จการ ทำตามเจ้าอยู่ ปฏิเสธเจ้าตาย เน้นหนักที่แย่งชิงหัวเมืองต่าง ๆ จึงสร้างความวุ่นวายให้กับนครลัวร์ไม่น้อย

    และด้วยกฎของนครลัวร์ที่ปกครองด้วยวิธีเสรีภาพ ยกย่องความสามารถเป็นหลักมากกว่าพวกพ้อง ไม่ได้ปิดกั้นการเดินทางของนักเดินทางจากดินแดนอื่น ทำให้มีชาวมาร์ลากัสปะปนเข้ามาในเมืองลัวร์เสมอ

    ยังดีที่กองทหารและแม่ทัพของนครลัวร์มีฝีมือการกล้าแข็ง ยากที่ดินแดนอื่นอาจหาญมาชิงชัยได้โดยง่าย ยิ่งหลังจากผ่านสงครามชิงเมืองครั้งใหญ่เมื่อห้าปีที่แล้ว ขุมกำลังของนครลัวร์ยิ่งพัฒนา เพิ่มพูนความสามารถอีกหลายเท่าตัว

    ทว่าถึงปัญหาจากภายนอกเบาบาง แต่ปัญหาภายในยังมีอยู่ เพราะจากการที่พระราชาเลือกเฟ้นผู้คนจากความสามารถเป็นหลัก จึงมีนักดาบ นักสู้ ยอดฝีมือ ผู้แสวงโชค เข้ามาในเมืองมากมาย ก่อเหตุปะทะกันอยู่บ่อยครั้ง ทางการเองก็ไม่ได้นิ่งนอนใจ แต่ว่าหลายครั้งหลายคราการตัดสินปัญหาที่เกิดขึ้นยากที่สรุปและจัดการได้โดยง่าย

    เช่นเดียวกับปัญหานี้

    ในนครลัวร์ส่วนนอกเมืองมักมีร้านรวงไว้ให้นักเดินทางได้กินดื่มและพักผ่อนระหว่างทางอยู่หลายแห่ง ร้านเเอกซ์แคลิเบอร์ที่อยู่ทางตะวันตกก็ถือว่าเป็นร้านแห่งหนึ่งที่ไว้รองรับนักเดินทาง

    เวลาช่วงกลางวันถือเป็นเวลาสำคัญของทางร้านแอกซ์แคลิเบอร์ เพราะจะมีนักเดินทางมาพักและรับประทานอาหารกันมากมาย ถือว่าเป็นช่วงเวลาทำเงินของร้านที่ดีที่สุด

    ลูกค้าในร้านตอนนี้มีหลากหลาย ทั้งนักเดินทางธรรมดา กลุ่มนักดาบจากดินแดนอื่น เจ้าหน้าที่ทางการที่มาพักกลางทาง รวมทั้งพวกที่แยกไม่ออกชัดเจนว่าเป็นประเภทใด

    เหตุการณ์ยังสงบ ผู้คนในร้านต่างรับประทานอาหารอย่างไม่มีปัญหา จนกระทั่งประตูร้านถูกผลักเข้ามา

    เสียงที่ดังลอดผ่านช่องประตูดังชึ้น ผู้เข้าร้านมาเป็นกลุ่มบุรุษร่างกายกำยำ 7 คน สวมใส่สุดเกราะชั้นดี ถือดาบเล่มยาวในมือ

    ผู้คนในร้านต่างหันไปมอง หากเป็นนักดาบน่าจะพอรู้จักกลุ่มบุรุษพวกนี้ เพราะนักดาบที่ใช้ชุดเกราะสีเงินฝักดาบสีทองมีอยู่เพียงกลุ่มเดียว
กลุ่มนักดาบล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์

    กลุ่มนักดาบโกล์ดซิลเวอร์ถือว่าเป็นกลุ่มนักดาบรุ่นใหม่ที่มีชื่อขึ้นมาไม่นานนี้ หลังจากพวกเขาตั้งกลุ่มไล่ตามล่าผู้มีค่าหัวตามประกาศจับให้กับทางการมาหลายสิบคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งครั้งที่สามารถจับจอมโจรเหยียบหิมะไร้รอยเท้าอย่างลูแปงได้ ชื่อเสียงในวงการนักล่าค่าหัวหรือนักดาบก็ดังมากขึ้น ซึ่งจากคราวนั้นพวกเขาได้สูญเสียสมาชิกในกลุ่มไปสองคนจากการปะทะกับกลุ่มนักล่าค่าหัวอื่น แต่ทั้งคู่ก็สร้างตำนานให้กับโกล์ดซิลเวอร์ด้วยการต่อสู้จนตัวตาย แต่มือยังไม่ปล่อยดาบ ทำให้มีบางคนพูดกันว่านักดาบโกล์ดซิลเวอร์ถึงตายก็ไม่ยอมปล่อยดาบ

    ทว่าหลังจากที่พวกเขาจับลูแปงส่งทางการได้ไม่นาน จอมโจรผู้นี้กลับหนีออกจากคุกคุมขัง หลบเร้นกายไป จนเป็นเหตุให้นักดาบล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์ต้องตามล่าลูแปงอีกครั้ง

    คาดว่าการที่พวกเขาเดินทางมายังร้านแอกซ์แคลิเบอร์คงเกี่ยวเนื่องกับการตามล่าลูแปงนี้ด้วย

    กลุ่มนักดาบนักล่าค่าหัวเดินอาจหาญไม่เกรงกลัวใคร ลงไปนั่งยังโต๊ะใหญ่ที่สุดของทางร้านที่ว่างราวกับจองที่ไว้ก่อน

    โกล์ดอาร์ม หัวหน้ากลุ่มโกล์ดซิลเวอร์ เป็นชายร่างสูงใหญ่ ร่างกายเต็มไปด้วยมัดกล้ามเนื้อ เขาถือดาบในมือข้างขวา ลงนั่งที่เก้าอี้ตัวที่อยู่หัวมุมของโต๊ะ

    “เราคงต้องพักที่นี่ก่อน” โกล์ดอาร์มบอกกับอีกหกคนที่เหลือ ซึ่งคนที่เหลือก็นั่งด้านข้างต่อกับหัวหน้ากลุ่มของตน

    ซิลเวอร์เฮด รองหัวหน้ากลุ่มที่นั่งด้านขวาของโกล์ดอาร์มเรียกบริกรของร้านมา ตรวจสอบเมนูอาหารแล้วบอกว่า

    “เอาอาหารพวกนี้มาทั้งหมด เลือกที่ดีที่สุดของร้าน พร้อมสุราอย่างดี 7 ขวด”

    บริกรพยักศีรษะรับคำ แล้วเดินออกไป

    “มาถึงก็สั่งสุราเลยนะซิลเวอร์เฮด” บรอนซ์ รองหัวหน้ากลุ่มอีกคนพูดขึ้นมา

    “ดีแล้วแหละ” โกล์ดอาร์มพูดขึ้นมาบ้าง “ได้สุราแก้กระหายบ้างก็ดี”

    ทั้งเจ็ดนั่งรออาหารพลางพูดคุยกันเสียงดัง สักพักบรอนซ์สังเกตเห็นคนผู้หนึ่งนั่งอยู่ที่โต๊ะทางมุมขวาของร้าน เขาจ้องผู้นั้นแล้วค่อยพูดขึ้นว่า

    “นั่นมันมิคาเอล แห่งตระกูลลูซิเฟอร์”

    สายตาของพรรคพวกที่เหลือต่างมองไปยังมิคาเอล ชายหนุ่มหน้าตาหล่อเหลา ใส่เสื้อเกราะแบบบางสีขาวดำ ท่าทางสุภาพและองอาจ

    มิคาเอลคล้ายรับรู้ถึงการมาของกลุ่มนักล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์ตั้งแต่แรกแล้ว เพียงแต่ไม่ได้สนใจ รับประทานอาหารต่ออย่างประณีตบรรจง

    แต่กลุ่มโกล์ดซิลเวอร์ไม่ยอมให้เป็นเช่นนั้นต่อ ซิลเวอร์เฮดลุกขึ้นจากเก้าอี้ มุ่งตรงไปหามิคาเอลทันที

    “เจอกันอีกแล้วนะมิคาเอล” ซิลเวอร์เฮดพูดขึ้น “ครั้งก่อนที่เจอกัน แกทำไว้แสบมาก”

    นักดาบหนุ่มรูปงามทำคล้ายมองไม่เห็น ใช้มือขวาตักอาหารทานต่อ แต่ถ้าสังเกตให้ดี มือข้างซ้ายของเขากุมดาบของตัวเองไว้แล้ว

    ทว่าดาบของซิลเวอร์เฮดกลับถูกชักออกจากฝักสีทองก่อน หันปลายดาบชี้ไปยังด้านหน้าของมิคาเอล

    “หากแกไม่เข้ามาขัดขวางในตอนนั้น แบล็คแพนเทอร์ก็เป็นพวกเราจัดการแล้ว แกทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร”

    มิคาเอลหันมองหน้าเขาอย่างช้า ๆ ไม่ได้เกรงกลัวปลายดาบที่อยู่ตรงหน้า

    “ข้าแค่เพียงบังเอิญผ่านไป และจัดการเท่านั้น” เขาพูดออกมาด้วยน้ำเสียงปกติ แต่ดูหนักแน่นมิใช่น้อย

    “หนอย...” ซิลเวอร์เฮดทนไม่ไหว เงื้อดาบเข้าใส่

    ทว่าเขาไม่ทันจะได้ทำอะไร โกล์ดอาร์มหัวหน้าของตนก็พุ่งตัวเข้ามาอย่างรวดเร็ว ชักดาบในมือออกมาฟันขวางเขาไว้

    “ซิลเวอร์เฮดเราไม่ได้มาหาเรื่อง!!”

    “แต่หัวหน้า ครั้งก่อนมันขัดขวางพวกเรานะ” ซิลเวอร์เฮดบอก

    “ใช่ เรื่องครั้งนั้นข้ายังไม่ลืม แต่เวลานี้เราก็มิควรหาเรื่อง” โกล์ดอาร์มบอก

    “แต่...”

    “ไม่ต้องมาแต่อะไรทั้งนั้น อย่าลืมว่างานของเรามิใช่หาเรื่องนักดาบคนอื่น เรายังมีงานที่ต้องทำอีก”

    “ครับ” ซิลเวอร์เฮดผงกศีรษะรับคำ แล้วเดินกลับโต๊ะไป

    “ขอบคุณท่านโกล์ดอาร์มที่ช่วยเหลือข้า” คราวนี้มิคาเอลพูดขึ้นมาบ้าง

    “ข้าไม่ได้ช่วยเจ้า สำหรับเรื่องของเรา ถึงเวลาหนึ่งต้องสะสางแน่ เจ้าเตรียมตัวไว้เถอะมิคาเอล” โกล์ดอาร์มบอก

    “ข้าจะรอ”

    โกล์ดอาร์มเดินกลับโต๊ะตัวเอง ส่งดาบของตนให้ซิลเวอร์เฮดถือตามหน้าที่ แล้วพูดกับซิลเวอร์เฮดว่า

    “ซิลเวอร์เฮดเจ้านี่อารมณ์ร้อนตลอด อย่าให้เรื่องเล็กมาเป็นปัญหากับเรื่องใหญ่ที่เราจะทำสิ”

    “ขอรับหัวหน้า” ซิลเวอร์เฮดก้มหน้ารับคล้ายสำนึกผิด

    ไม่นานอาหารและสุราที่สั่งไว้ก็มาถึงโต๊ะของพวกเขา อาหารมีตั้งแต่ไก่ย่างหอมกรุ่น เนื้อแกะชั้นดี ผัดที่ประกอบด้วยพืชพันธุ์ธัญหารนานาชนิด  เนื้อวัวทอด รวมทั้งสุรารสเลิศ

    ทันทีอาหารวางที่โต๊ะ ซิลเวอร์เฮดก็ไม่พูดพล่ามทำเพลง คล้ายลืมเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ ยกขวดเหล้าขึ้นกระดกดื่มไปหลายอึก เหล้าไหลรินออกมาเปรอะเปื้อนมือและเสื้อเกราะของเขาเลย

    “เฮ้ย ๆ มาถึงก็จัดเลยนะซิลเวอร์เฮด” บรอนซ์พูดขึ้น เขาเพียงแค่ใช้มือฉีกน่องไก่ที่วางอยู่ทางขวาของตน

    “ฮ่า ๆ ปล่อยมันไปบรอนซ์ บางทีมันคงอยากจะดื่มเพื่อระบายอารมณ์บ้าง” โกล์ดอาร์มบอก เขารอให้บรอนซ์ฉีกน่องไก่ออกจากตัวไก่ย่างก่อน จากนั้นค่อยใช้มือซ้ายของตนฉีกไก่กินบ้าง รวมทั้งใช้มืออีกข้างหยิบเนื้อแกะติดกระดูกมากินด้วย

    “กินกันให้เต็มที่ ถ้าเสร็จงานนี้จะได้กินยิ่งกว่านี้อีก” หัวหน้ากลุ่มโกล์ดซิลเวอร์พูดต่อ เขาก็กินอย่างเต็มที่โดยไม่สนใจสายตาของผู้อื่นที่อยู่ที่ร้าน

    ชายสองคนที่นั่งอยู่ทางโต๊ะด้านในก็มองกลุ่มนักล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์นี้ คนหนึ่งมองดูด้วยความสนใจ ส่วนอีกคนเพียงมองอย่างเรียบเฉย ดูไม่ออกว่าคิดการใด

    ผ่านไประยะหนึ่งอาหารตรงหน้าเริ่มร่อยหรอไปบางส่วน ดูเหมือนทุกคนกินกันอย่างเอร็ดอร่อย แต่แล้วจู่ ๆ โกล์ดอาร์มกลับนิ่งเฉยคล้ายรู้สึกถึงอาการอะไรบางอย่างในร่างกาย

    เขาลุกขึ้น ขอดาบจากซิลเวอร์เฮด พร้อมชักดาบด้วยมือข้างซ้าย หันปลายดาบชี้ไปยังคนผู้หนึ่ง

    ปลายดาบไม่ได้ชี้ไปทางมิคาเอล และก็ไม่ได้ชี้ไปยังสองคนที่นั่งมองพวกเขา

    ปลายดาบกลับชี้ไปยังบริกรและเจ้าของร้านอาหารนี้

    “พวกแกเอาอะไรให้ข้ากิน” โกล์ดอาร์มพูดเสียงดังสนั่น ผู้คนในร้านต่างหันตามเสียงโดยพลัน จากนั้นเขาก็พูดต่อว่า

        “พวกแกวางยาข้าใช่ไหม!!”

    เจ้าของร้านอาหารและบริกรต่างตกใจและตื่นตระหนก คล้ายไม่รู้ไม่เข้าใจที่โกล์ดอาร์มพูด แต่ไม่ทันที่ทั้งคู่จะตอบอะไร
โกล์ดอาร์มกลับล้มลงไปก่อน

    โดยที่มือของเขายังกำดาบอยู่

(มีต่อ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่