ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้Knight of Clues คดีที่ 11 : ความวุ่นวายในทิศทักษิณ
https://ppantip.com/topic/38328042
=====================================================================================
คดีที่ 12 : ศาสตรามายา
-1-
ไม่ว่าเมื่อใดซีโร่ก็พกดาบติดมือของตัวเองเสมอ
ซีโร่นับเป็นนักดาบที่มีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ ของนครลัวร์ ด้วยดาบประกายแสงของเขาที่สามารถสร้างคลื่นแสงสังหาร มีนักดาบหลากหลายคนต้องพ่ายแพ้ต่อคมดาบแสงนี้
คมดาบประกายแสงของซีโร่นั้นนับว่าร้ายกาจยิ่ง ตัวคมดาบที่สรรสร้างด้วยกรรมวิธีเร้นลับที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์อย่างโทมะ เอดิสัน แล้ว มันยิ่งเป็นสิ่งการันตีความพิเศษของอาวุธชิ้นนี้ได้ชัดเจน
ซีโร่ถือเป็นหนึ่งในศิษย์ของโทมะ เอดิสัน แต่ว่าหลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิชาเทพประดิษฐ์จากเอดิสันแล้ว เขาได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มาจากยอดปรมาจารย์สร้างดาบประกายแสงขึ้นมาและเข้าตะลุยแผ่นดินนครลัวร์
ด้วยดาบประกายแสงอันลึกล้ำ ไม่นานซีโร่ก็ก้าวเป็นหนึ่งในยอดนักดาบแห่งนครลัวร์
และเมื่อเป็นยอดนักดาบแล้ว อำนาจ เงินทอง ลาภยศย่อมตามมา
สิ่งที่เดียวที่เขาไม่เปลี่ยนคือ ซีโร่ต้องพกพาดาบไปด้วยเสมอ แม้ทั่วแผ่นดินจะกล่าวกันว่ากลุ่มนักล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์ถึงตายมือก็ไม่คลายดาบ แต่ว่าถ้าเป็นซีโร่ต่อให้ตายหรือไม่ตายก็ไม่ปล่อยดาบเด็ดขาด
ดาบประกายแสงอาจเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของซีโร่เลยก็ว่าได้
อาจเพราะเป็นดาบที่สร้างขึ้นเอง
อาจเพราะเป็นดาบที่ตัวเองใช้สร้างชื่อ
ซึ่งจะเหตุใดก็ตาม ตามปกติแล้วซีโร่ไม่เคยที่ปล่อยดาบหลุดจากมือ
แต่ว่าในค่ำคืนนี้ดาบประกายแสงกลับหลุดออกจากมือของซีโร่!!!
ไม่ทราบว่ามีการโจมตีอันใดเกิดขึ้น ร่างของซีโร่โดนอาวุธบางอย่างคล้ายมีดสั้นพุ่งโจมตีเข้าใส่หลายจุด และบางจุดนั้นหมายถึงชีวิต
ซีโร่ไม่อาจแม้จะโต้ตอบใด ๆ เพราะในระยะที่เขามองเห็นนั้นไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว แล้วหากเป็นเช่นนั้นการโจมตีสังหารเหล่านี้มาจากไหน
คำถามนี้คงไม่มีคำตอบให้ซีโร่แล้ว เพราะตอนนี้ร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงพื้นไปตามดาบประกายแสงเช่นกัน
ร่างของซีโร่ยังคงนอนไร้วิญญาณอยู่ในระหว่างเส้นทางเช่นเดิม
แม้จะมีเหล่าผู้คนของนครลัวร์รายล้อมร่างนี้ แต่ก็มิมีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับศพนั้น เพราะทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์ก็รุดเข้ามาคุมพื้นที่
หัวหน้ามือปราบหลุยซ์สั่งการให้เหล่ามือปราบเข้าตรวจสอบพื้นที่ให้อยู่ในความเรียบร้อย เขายังไม่เคลื่อนย้ายร่างของซีโร่ และยังไม่เก็บดาบประกายแสงที่ตกอยู่
“อีกรายหรือ คราวนี้เป็นยอดฝีมือ ดาบประกายแสง ซีโร่ด้วย มือสังหารคราวนี้ไม่ธรรมดาแล้ว” หลุยซ์พูดขึ้นมองดูร่างของซีโร่ ซึ่งขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้าพื้นที่มา
“มาแล้วหรือขอรับท่านปิแอร์” หลุยซ์กล่าวกับหนึ่งในสองนั้นทันทีที่เห็น
ปิแอร์ ผู้ตรวจการพิเศษพยักหน้าให้ แล้วกล่าวว่า
“ถึงขั้นทำหนังสือขอตัวข้ามาช่วยในคดีนี้แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดาสินะหัวหน้าหลุยซ์”
“เช่นนั้นล่ะขอรับท่านปิแอร์ เนื่องจากเป็นรายที่สามแล้วที่พบการตายในลักษณะเดียวกันแบบนี้” หลุยซ์บอก
“แบบเดียวกัน?” ปิแอร์เลิกคิ้วในเชิงถาม “หมายถึงยังไง”
“หากเรานับตั้งแต่ศพแรกอย่าง หัตถ์คู่อัสนีบาต เทสล่า ที่ถูกสังหารโดยมีบาดแผลราวกับโดนอาวุธบินที่มีลักษณะเรียวแหลมโจมตีเข้าใส่ และทวนสื่อวิญญาณ มอร์สที่โดนสังหารด้วยอาวุธใกล้เคียงดาบแล้ว ซีโร่ ก็นับว่าโดนสังหารในลักษณะเดียวกันคือ โดนสังหารแบบไม่รู้ตัว และไม่พบร่องรอยของผู้สังหารในที่เกิดเหตุ” หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์อธิบาย
“หมายความว่าทั้งสามโดนฆ่าแบบไม่ทันรู้ตัวสินะ” ปิแอร์บอก
“อาจกล่าวได้ในเชิงนั้นขอรับ สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เราไม่พบอาวุธสังหารใด ๆ อีกด้วย ทั้งที่ทั้งสามคนนี้ต่างนับเป็นยอดฝีมือ ต่อให้ลอบสังหารอย่างไรก็ต้องพบร่องรอยหรืออาวุธบินที่ใช้ลอบสังหารตกอยู่บ้าง”
“อืม..” ปิแอร์พยักหน้าคิดตามที่หัวหน้ามือปราบกล่าว แต่เขายิ่งต้องคิดมากขึ้นอีกเมื่อเดินเข้าใกล้ร่างของซีโร่และมองเห็นบางอย่างที่พื้นบริเวณนี้
เพราะจุดที่ซีโร่โดนสังหารนี้เป็นพื้นดินที่มีความนุ่มเหนียว หากมีผู้คนเดินไปมาย่อมปรากฏรอยเท้าขึ้นบนพื้นดิน ขนาดปิแอร์เดินมาที่นี่ยังเกิดรอยเท้าขึ้นมาเช่นกัน
ทว่ารอบศพของซีโร่กลับไม่พบรอยเท้าใด ๆ ยกเว้นของตัวซีโร่เอง
“ไม่มีรอยเท้าผู้อื่นเลย” ปิแอร์พูดขึ้นมา
ซึ่งทันทีที่ปิแอร์บอกทุกคนย่อมเห็นเช่นเดียวกัน รอบศพของซีโร่ไม่พบรอยเท้าผู้ใดยกเว้นซีโร่จริง ๆ
หัวหน้ามือปราบหลุยซ์คล้ายจะทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว กล่าวขึ้นมาต่อว่า “เป็นเช่นนั้นขอรับ ทั้งสองศพที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน ไม่พบรอยเท้าหรือร่องรอยใด ๆ ของบุคคลอื่นรอบตัวศพเลย”
“เช่นนี้ก็แสดงว่าผู้สังหารก็ไม่ได้มาเก็บอาวุธที่ใช้สังหารไปด้วย แต่ว่ารายอื่นที่ผ่านมาพบอาวุธสังหารหรือไม่” ปิแอร์ถาม
“ไม่พบขอรับ อาวุธที่พบมีแค่ของผู้ตายแต่ละคน อย่างของซีโร่ครานี้ก็ยังพบดาบประกายแสงของเขาอยู่ข้างศพตัวเอง”
“เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว” ปิแอร์พูดขึ้นมา เขาหันไปหาฮาคาน องค์รักษ์ข้างกาย ที่แม้เวลานี้จะยังไม่พูดอันใด แต่ก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด “เจ้าคิดเช่นไรฮาคาน?”
ฮาคานนิ่งมองร่างของซีโร่ เขาจ้องอยู่เนินนาน แต่เมื่อมองไปยังดาบประกายแสงที่อยู่ใกล้ร่างของซีโร่ ราวกับคิดอะไรได้ เขากล่าวขึ้นมาว่า
“ข้าพเจ้าคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบเห็นดาบเล่มนั้น แต่ดาบที่ข้าพเจ้ารู้จักมันมิได้ชื่อว่า ดาบประกายแสง หากชื่อว่า ดาบแสงสุริยา”
“หือ? หมายความอย่างไร” ปิแอร์เอ่ยถาม หลุยซ์ก็นิ่งฟังด้วย เขาสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“ลักษณะของดาบนี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากดาบแสงสุริยาที่ข้าพเจ้ารู้จักเลย เพียงแต่ว่าดาบแสงสุริยานั้นมันเป็นดาบของปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์ โทมะ เอดิสัน”
“หมายความว่าแท้จริงแล้วดาบประกายแสงก็คือ ดาบแสงสุริยาของท่านโทมะ เอดิสันอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับท่านปิแอร์ ข้าเคยพบท่านปรมาจารย์โทมะ เอดิสันสมัยที่ข้ายังเยาว์วัยและได้เห็นดาบนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าดาบนี้ต้องเป็นดาบแสงสุริยันเมื่อตอนนั้น”
“แสดงว่าซีโร่เกี่ยวข้องกับท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์กล่าว
“เป็นไปได้ เพราะท่านเอดิสันก็มีศิษย์ เพียงแต่ศิษย์ของท่านส่วนใหญ่มักเป็นนักประดิษฐ์ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับแผ่นดิน” ฮาคานตอบ
ปิแอร์นิ่งคิดสักครู่ แล้วหันไปหาหลุยซ์กล่าวว่า
“ท่านหลุยซ์อาวุธของสองรายก่อนหน้านั้นยังอยู่กับทางการหรือไม่?”
“อยู่ขอรับ” หลุยซ์ตอบ
“งั้นคงต้องขอตรวจสอบอาวุธเหล่านั้นด้วย ไม่แน่ว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นอาวุธที่มาจากท่านโทมะ เอดิสันก็ได้” ปิแอร์บอก
หลังจากปิแอร์ตรวจดูพื้นที่กับร่างของซีโร่แล้ว พบว่าร่างของซีโร่นั้นถูกสังหารด้วยอาวุธในลักษณะมีดซัดในระยะไกล แต่ว่าไม่พบมีดซัดหรืออาวุธที่ใช้สังหาร และยังไม่พบร่องรอยใด ๆ จากมือสังหารในบริเวณรอบด้านนี้อีก
“ช่างเป็นเรื่องที่แปลก” ปิแอร์กล่าวขึ้นมา “การที่มือสังหารจะโจมตีในลักษณะเช่นนี้ได้ อย่างน้อย ๆ ต้องมีอาวุธบินตกหล่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้บ้าง แต่นี่ไม่พบสิ่งใดเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ใช่ขอรับ ข้าพเจ้าก็เห็นว่าแปลก แบบนี้คนที่ทำได้ต้องเป็นระดับยอดของยอดมือสังหารเท่านั้นขอรับ” ฮาคานกล่าวเสริม
“แบบนี้เจ้าคิดว่าเป็นใครได้บ้าง” ปิแอร์ถามต่อ
“ฝีมือระดับสังหารได้แบบไร้ร่องรอยเช่นนี้มีแค่มีดซัดไร้ลักษณ์ คูร่ากับกงจักรล่องหน เอเจ แต่ว่าคูร่าท่านก็เป็นคนจัดการไปแล้ว ส่วนเอเจตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ในคุกหลวง มิมีทางจะทำได้ แต่หากให้ข้าพิจารณาอีกครั้ง เห็นควรว่าอาจจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่เราเพิ่งพบเจอไม่นานนี้...”
“ผู้ใด?”
“เข็มบินทะลวงร่าง ปิโย”
“ปิโยที่เจ้าตามจับมันไม่ได้นั่นน่ะหรือ?”
“ผู้นั้นแหละขอรับ ฝีมือระดับมันข้าพเจ้าคิดว่าอาจจะเหนือชั้นยิ่งกว่าคูร่าและเอเจเสียอีก เพียงแต่มันเป็นนักล่าค่าหัว ไม่สังหารหากไม่ได้เงิน จึงไม่แน่ว่ามันจะสังหารซีโร่หรือว่าคนอื่น เพราะทั้งสามคนนี้ไม่มีค่าหัวอันใด” ฮาคานอธิบาย เขาเคยรับมือเข็มบินของปิโยมาแล้วในคดีศพอันตรธาน
“แล้วจากสภาพร่างของซีโร่ เจ้าคิดว่ามีโอกาสเป็นฝีมือของปิโยได้หรือไม่” ผู้ตรวจการพิเศษถาม
“ถ้าระดับฝีมือของเขาย่อมทำให้เกิดเช่นนี้ได้ขอรับ เพียงแต่ข้าเห็นว่าบาดแผลที่โดนสังหารนั้นแปลก ๆ เพราะไม่มีการทะลุร่างออกไปแบบเดียวกับการโดนโจมตีด้วยเข็มบินทะลวงร่างของปิโย อีกทั้งเลือดที่ไหลออกจากแผลนั้นมีมาก เลือดไหลออกมามากจนข้ารู้สึกว่ามันจางกว่าปกติเลย” ฮาคานตอบ
ปิแอร์คิดตามที่ฮาคานกล่าว ซึ่งเขาก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะหากเป็นปิโย การโจมตีด้วยอาวุธเข็มบินหากไม่ให้มีการหลงเหลืออาวุธอยู่ในที่เกิดเหตุ คงมีแต่ต้องทะลุร่างไปเท่านั้น แต่ว่าศพของซีโร่นั้นกลับมีบาดแผลราวกับโดนมีดปักร่างเท่านั้น
ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยนั้น หลุยซ์ก็นำอาวุธของผู้ตายสองรายก่อนหน้ามาให้ปิแอร์และฮาคานได้ดู มันเป็นถุงมืออัสนีบาตของเทสล่ากับหอกสื่อวิญญาณของมอร์ส
ทันทีที่ฮาคานเห็นอาวุธทั้งสองนั้น เขาก็ทราบคำตอบในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้
“นี่มันถุงมือสื่อกระแสกับหอกไร้สุ้มเสียงของท่านเอดิสัน!!”
“หือ.. งั้นหมายความว่าอาวุธทั้งหมดนี้เป็นของท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์บอก
“ย่อมเป็นเช่นนั้นขอรับ” ฮาคานพยักหน้ารับคำ
(มีต่อครับ)
Knight of Clues คดีที่ 12 : ศาสตรามายา [บทปัญหา]
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
=====================================================================================
คดีที่ 12 : ศาสตรามายา
-1-
ไม่ว่าเมื่อใดซีโร่ก็พกดาบติดมือของตัวเองเสมอ
ซีโร่นับเป็นนักดาบที่มีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ ของนครลัวร์ ด้วยดาบประกายแสงของเขาที่สามารถสร้างคลื่นแสงสังหาร มีนักดาบหลากหลายคนต้องพ่ายแพ้ต่อคมดาบแสงนี้
คมดาบประกายแสงของซีโร่นั้นนับว่าร้ายกาจยิ่ง ตัวคมดาบที่สรรสร้างด้วยกรรมวิธีเร้นลับที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์อย่างโทมะ เอดิสัน แล้ว มันยิ่งเป็นสิ่งการันตีความพิเศษของอาวุธชิ้นนี้ได้ชัดเจน
ซีโร่ถือเป็นหนึ่งในศิษย์ของโทมะ เอดิสัน แต่ว่าหลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิชาเทพประดิษฐ์จากเอดิสันแล้ว เขาได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มาจากยอดปรมาจารย์สร้างดาบประกายแสงขึ้นมาและเข้าตะลุยแผ่นดินนครลัวร์
ด้วยดาบประกายแสงอันลึกล้ำ ไม่นานซีโร่ก็ก้าวเป็นหนึ่งในยอดนักดาบแห่งนครลัวร์
และเมื่อเป็นยอดนักดาบแล้ว อำนาจ เงินทอง ลาภยศย่อมตามมา
สิ่งที่เดียวที่เขาไม่เปลี่ยนคือ ซีโร่ต้องพกพาดาบไปด้วยเสมอ แม้ทั่วแผ่นดินจะกล่าวกันว่ากลุ่มนักล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์ถึงตายมือก็ไม่คลายดาบ แต่ว่าถ้าเป็นซีโร่ต่อให้ตายหรือไม่ตายก็ไม่ปล่อยดาบเด็ดขาด
ดาบประกายแสงอาจเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของซีโร่เลยก็ว่าได้
อาจเพราะเป็นดาบที่สร้างขึ้นเอง
อาจเพราะเป็นดาบที่ตัวเองใช้สร้างชื่อ
ซึ่งจะเหตุใดก็ตาม ตามปกติแล้วซีโร่ไม่เคยที่ปล่อยดาบหลุดจากมือ
แต่ว่าในค่ำคืนนี้ดาบประกายแสงกลับหลุดออกจากมือของซีโร่!!!
ไม่ทราบว่ามีการโจมตีอันใดเกิดขึ้น ร่างของซีโร่โดนอาวุธบางอย่างคล้ายมีดสั้นพุ่งโจมตีเข้าใส่หลายจุด และบางจุดนั้นหมายถึงชีวิต
ซีโร่ไม่อาจแม้จะโต้ตอบใด ๆ เพราะในระยะที่เขามองเห็นนั้นไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว แล้วหากเป็นเช่นนั้นการโจมตีสังหารเหล่านี้มาจากไหน
คำถามนี้คงไม่มีคำตอบให้ซีโร่แล้ว เพราะตอนนี้ร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงพื้นไปตามดาบประกายแสงเช่นกัน
ร่างของซีโร่ยังคงนอนไร้วิญญาณอยู่ในระหว่างเส้นทางเช่นเดิม
แม้จะมีเหล่าผู้คนของนครลัวร์รายล้อมร่างนี้ แต่ก็มิมีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับศพนั้น เพราะทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์ก็รุดเข้ามาคุมพื้นที่
หัวหน้ามือปราบหลุยซ์สั่งการให้เหล่ามือปราบเข้าตรวจสอบพื้นที่ให้อยู่ในความเรียบร้อย เขายังไม่เคลื่อนย้ายร่างของซีโร่ และยังไม่เก็บดาบประกายแสงที่ตกอยู่
“อีกรายหรือ คราวนี้เป็นยอดฝีมือ ดาบประกายแสง ซีโร่ด้วย มือสังหารคราวนี้ไม่ธรรมดาแล้ว” หลุยซ์พูดขึ้นมองดูร่างของซีโร่ ซึ่งขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้าพื้นที่มา
“มาแล้วหรือขอรับท่านปิแอร์” หลุยซ์กล่าวกับหนึ่งในสองนั้นทันทีที่เห็น
ปิแอร์ ผู้ตรวจการพิเศษพยักหน้าให้ แล้วกล่าวว่า
“ถึงขั้นทำหนังสือขอตัวข้ามาช่วยในคดีนี้แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดาสินะหัวหน้าหลุยซ์”
“เช่นนั้นล่ะขอรับท่านปิแอร์ เนื่องจากเป็นรายที่สามแล้วที่พบการตายในลักษณะเดียวกันแบบนี้” หลุยซ์บอก
“แบบเดียวกัน?” ปิแอร์เลิกคิ้วในเชิงถาม “หมายถึงยังไง”
“หากเรานับตั้งแต่ศพแรกอย่าง หัตถ์คู่อัสนีบาต เทสล่า ที่ถูกสังหารโดยมีบาดแผลราวกับโดนอาวุธบินที่มีลักษณะเรียวแหลมโจมตีเข้าใส่ และทวนสื่อวิญญาณ มอร์สที่โดนสังหารด้วยอาวุธใกล้เคียงดาบแล้ว ซีโร่ ก็นับว่าโดนสังหารในลักษณะเดียวกันคือ โดนสังหารแบบไม่รู้ตัว และไม่พบร่องรอยของผู้สังหารในที่เกิดเหตุ” หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์อธิบาย
“หมายความว่าทั้งสามโดนฆ่าแบบไม่ทันรู้ตัวสินะ” ปิแอร์บอก
“อาจกล่าวได้ในเชิงนั้นขอรับ สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เราไม่พบอาวุธสังหารใด ๆ อีกด้วย ทั้งที่ทั้งสามคนนี้ต่างนับเป็นยอดฝีมือ ต่อให้ลอบสังหารอย่างไรก็ต้องพบร่องรอยหรืออาวุธบินที่ใช้ลอบสังหารตกอยู่บ้าง”
“อืม..” ปิแอร์พยักหน้าคิดตามที่หัวหน้ามือปราบกล่าว แต่เขายิ่งต้องคิดมากขึ้นอีกเมื่อเดินเข้าใกล้ร่างของซีโร่และมองเห็นบางอย่างที่พื้นบริเวณนี้
เพราะจุดที่ซีโร่โดนสังหารนี้เป็นพื้นดินที่มีความนุ่มเหนียว หากมีผู้คนเดินไปมาย่อมปรากฏรอยเท้าขึ้นบนพื้นดิน ขนาดปิแอร์เดินมาที่นี่ยังเกิดรอยเท้าขึ้นมาเช่นกัน
ทว่ารอบศพของซีโร่กลับไม่พบรอยเท้าใด ๆ ยกเว้นของตัวซีโร่เอง
“ไม่มีรอยเท้าผู้อื่นเลย” ปิแอร์พูดขึ้นมา
ซึ่งทันทีที่ปิแอร์บอกทุกคนย่อมเห็นเช่นเดียวกัน รอบศพของซีโร่ไม่พบรอยเท้าผู้ใดยกเว้นซีโร่จริง ๆ
หัวหน้ามือปราบหลุยซ์คล้ายจะทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว กล่าวขึ้นมาต่อว่า “เป็นเช่นนั้นขอรับ ทั้งสองศพที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน ไม่พบรอยเท้าหรือร่องรอยใด ๆ ของบุคคลอื่นรอบตัวศพเลย”
“เช่นนี้ก็แสดงว่าผู้สังหารก็ไม่ได้มาเก็บอาวุธที่ใช้สังหารไปด้วย แต่ว่ารายอื่นที่ผ่านมาพบอาวุธสังหารหรือไม่” ปิแอร์ถาม
“ไม่พบขอรับ อาวุธที่พบมีแค่ของผู้ตายแต่ละคน อย่างของซีโร่ครานี้ก็ยังพบดาบประกายแสงของเขาอยู่ข้างศพตัวเอง”
“เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว” ปิแอร์พูดขึ้นมา เขาหันไปหาฮาคาน องค์รักษ์ข้างกาย ที่แม้เวลานี้จะยังไม่พูดอันใด แต่ก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด “เจ้าคิดเช่นไรฮาคาน?”
ฮาคานนิ่งมองร่างของซีโร่ เขาจ้องอยู่เนินนาน แต่เมื่อมองไปยังดาบประกายแสงที่อยู่ใกล้ร่างของซีโร่ ราวกับคิดอะไรได้ เขากล่าวขึ้นมาว่า
“ข้าพเจ้าคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบเห็นดาบเล่มนั้น แต่ดาบที่ข้าพเจ้ารู้จักมันมิได้ชื่อว่า ดาบประกายแสง หากชื่อว่า ดาบแสงสุริยา”
“หือ? หมายความอย่างไร” ปิแอร์เอ่ยถาม หลุยซ์ก็นิ่งฟังด้วย เขาสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน
“ลักษณะของดาบนี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากดาบแสงสุริยาที่ข้าพเจ้ารู้จักเลย เพียงแต่ว่าดาบแสงสุริยานั้นมันเป็นดาบของปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์ โทมะ เอดิสัน”
“หมายความว่าแท้จริงแล้วดาบประกายแสงก็คือ ดาบแสงสุริยาของท่านโทมะ เอดิสันอย่างนั้นหรือ?”
“ใช่ขอรับท่านปิแอร์ ข้าเคยพบท่านปรมาจารย์โทมะ เอดิสันสมัยที่ข้ายังเยาว์วัยและได้เห็นดาบนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าดาบนี้ต้องเป็นดาบแสงสุริยันเมื่อตอนนั้น”
“แสดงว่าซีโร่เกี่ยวข้องกับท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์กล่าว
“เป็นไปได้ เพราะท่านเอดิสันก็มีศิษย์ เพียงแต่ศิษย์ของท่านส่วนใหญ่มักเป็นนักประดิษฐ์ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับแผ่นดิน” ฮาคานตอบ
ปิแอร์นิ่งคิดสักครู่ แล้วหันไปหาหลุยซ์กล่าวว่า
“ท่านหลุยซ์อาวุธของสองรายก่อนหน้านั้นยังอยู่กับทางการหรือไม่?”
“อยู่ขอรับ” หลุยซ์ตอบ
“งั้นคงต้องขอตรวจสอบอาวุธเหล่านั้นด้วย ไม่แน่ว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นอาวุธที่มาจากท่านโทมะ เอดิสันก็ได้” ปิแอร์บอก
หลังจากปิแอร์ตรวจดูพื้นที่กับร่างของซีโร่แล้ว พบว่าร่างของซีโร่นั้นถูกสังหารด้วยอาวุธในลักษณะมีดซัดในระยะไกล แต่ว่าไม่พบมีดซัดหรืออาวุธที่ใช้สังหาร และยังไม่พบร่องรอยใด ๆ จากมือสังหารในบริเวณรอบด้านนี้อีก
“ช่างเป็นเรื่องที่แปลก” ปิแอร์กล่าวขึ้นมา “การที่มือสังหารจะโจมตีในลักษณะเช่นนี้ได้ อย่างน้อย ๆ ต้องมีอาวุธบินตกหล่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้บ้าง แต่นี่ไม่พบสิ่งใดเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้”
“ใช่ขอรับ ข้าพเจ้าก็เห็นว่าแปลก แบบนี้คนที่ทำได้ต้องเป็นระดับยอดของยอดมือสังหารเท่านั้นขอรับ” ฮาคานกล่าวเสริม
“แบบนี้เจ้าคิดว่าเป็นใครได้บ้าง” ปิแอร์ถามต่อ
“ฝีมือระดับสังหารได้แบบไร้ร่องรอยเช่นนี้มีแค่มีดซัดไร้ลักษณ์ คูร่ากับกงจักรล่องหน เอเจ แต่ว่าคูร่าท่านก็เป็นคนจัดการไปแล้ว ส่วนเอเจตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ในคุกหลวง มิมีทางจะทำได้ แต่หากให้ข้าพิจารณาอีกครั้ง เห็นควรว่าอาจจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่เราเพิ่งพบเจอไม่นานนี้...”
“ผู้ใด?”
“เข็มบินทะลวงร่าง ปิโย”
“ปิโยที่เจ้าตามจับมันไม่ได้นั่นน่ะหรือ?”
“ผู้นั้นแหละขอรับ ฝีมือระดับมันข้าพเจ้าคิดว่าอาจจะเหนือชั้นยิ่งกว่าคูร่าและเอเจเสียอีก เพียงแต่มันเป็นนักล่าค่าหัว ไม่สังหารหากไม่ได้เงิน จึงไม่แน่ว่ามันจะสังหารซีโร่หรือว่าคนอื่น เพราะทั้งสามคนนี้ไม่มีค่าหัวอันใด” ฮาคานอธิบาย เขาเคยรับมือเข็มบินของปิโยมาแล้วในคดีศพอันตรธาน
“แล้วจากสภาพร่างของซีโร่ เจ้าคิดว่ามีโอกาสเป็นฝีมือของปิโยได้หรือไม่” ผู้ตรวจการพิเศษถาม
“ถ้าระดับฝีมือของเขาย่อมทำให้เกิดเช่นนี้ได้ขอรับ เพียงแต่ข้าเห็นว่าบาดแผลที่โดนสังหารนั้นแปลก ๆ เพราะไม่มีการทะลุร่างออกไปแบบเดียวกับการโดนโจมตีด้วยเข็มบินทะลวงร่างของปิโย อีกทั้งเลือดที่ไหลออกจากแผลนั้นมีมาก เลือดไหลออกมามากจนข้ารู้สึกว่ามันจางกว่าปกติเลย” ฮาคานตอบ
ปิแอร์คิดตามที่ฮาคานกล่าว ซึ่งเขาก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะหากเป็นปิโย การโจมตีด้วยอาวุธเข็มบินหากไม่ให้มีการหลงเหลืออาวุธอยู่ในที่เกิดเหตุ คงมีแต่ต้องทะลุร่างไปเท่านั้น แต่ว่าศพของซีโร่นั้นกลับมีบาดแผลราวกับโดนมีดปักร่างเท่านั้น
ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยนั้น หลุยซ์ก็นำอาวุธของผู้ตายสองรายก่อนหน้ามาให้ปิแอร์และฮาคานได้ดู มันเป็นถุงมืออัสนีบาตของเทสล่ากับหอกสื่อวิญญาณของมอร์ส
ทันทีที่ฮาคานเห็นอาวุธทั้งสองนั้น เขาก็ทราบคำตอบในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้
“นี่มันถุงมือสื่อกระแสกับหอกไร้สุ้มเสียงของท่านเอดิสัน!!”
“หือ.. งั้นหมายความว่าอาวุธทั้งหมดนี้เป็นของท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์บอก
“ย่อมเป็นเช่นนั้นขอรับ” ฮาคานพยักหน้ารับคำ
(มีต่อครับ)