Knight of Clues คดีที่ 12 : ศาสตรามายา [บทปัญหา]

ตอนที่ผ่านมา
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้

=====================================================================================

คดีที่ 12 : ศาสตรามายา

-1-


    ไม่ว่าเมื่อใดซีโร่ก็พกดาบติดมือของตัวเองเสมอ

    ซีโร่นับเป็นนักดาบที่มีฝีมือเป็นอันดับต้น ๆ ของนครลัวร์ ด้วยดาบประกายแสงของเขาที่สามารถสร้างคลื่นแสงสังหาร มีนักดาบหลากหลายคนต้องพ่ายแพ้ต่อคมดาบแสงนี้

    คมดาบประกายแสงของซีโร่นั้นนับว่าร้ายกาจยิ่ง ตัวคมดาบที่สรรสร้างด้วยกรรมวิธีเร้นลับที่สืบทอดมาจากปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์อย่างโทมะ เอดิสัน แล้ว  มันยิ่งเป็นสิ่งการันตีความพิเศษของอาวุธชิ้นนี้ได้ชัดเจน

    ซีโร่ถือเป็นหนึ่งในศิษย์ของโทมะ เอดิสัน แต่ว่าหลังจากที่เขาได้เรียนรู้วิชาเทพประดิษฐ์จากเอดิสันแล้ว เขาได้ใช้สิ่งที่เรียนรู้มาจากยอดปรมาจารย์สร้างดาบประกายแสงขึ้นมาและเข้าตะลุยแผ่นดินนครลัวร์

    ด้วยดาบประกายแสงอันลึกล้ำ ไม่นานซีโร่ก็ก้าวเป็นหนึ่งในยอดนักดาบแห่งนครลัวร์

    และเมื่อเป็นยอดนักดาบแล้ว อำนาจ เงินทอง ลาภยศย่อมตามมา

    สิ่งที่เดียวที่เขาไม่เปลี่ยนคือ ซีโร่ต้องพกพาดาบไปด้วยเสมอ แม้ทั่วแผ่นดินจะกล่าวกันว่ากลุ่มนักล่าค่าหัวโกล์ดซิลเวอร์ถึงตายมือก็ไม่คลายดาบ แต่ว่าถ้าเป็นซีโร่ต่อให้ตายหรือไม่ตายก็ไม่ปล่อยดาบเด็ดขาด

    ดาบประกายแสงอาจเรียกว่าเป็นส่วนหนึ่งในชีวิตของซีโร่เลยก็ว่าได้

    อาจเพราะเป็นดาบที่สร้างขึ้นเอง

    อาจเพราะเป็นดาบที่ตัวเองใช้สร้างชื่อ

    ซึ่งจะเหตุใดก็ตาม ตามปกติแล้วซีโร่ไม่เคยที่ปล่อยดาบหลุดจากมือ

    แต่ว่าในค่ำคืนนี้ดาบประกายแสงกลับหลุดออกจากมือของซีโร่!!!

    ไม่ทราบว่ามีการโจมตีอันใดเกิดขึ้น ร่างของซีโร่โดนอาวุธบางอย่างคล้ายมีดสั้นพุ่งโจมตีเข้าใส่หลายจุด และบางจุดนั้นหมายถึงชีวิต

    ซีโร่ไม่อาจแม้จะโต้ตอบใด ๆ เพราะในระยะที่เขามองเห็นนั้นไม่พบผู้ใดแม้แต่คนเดียว แล้วหากเป็นเช่นนั้นการโจมตีสังหารเหล่านี้มาจากไหน

    คำถามนี้คงไม่มีคำตอบให้ซีโร่แล้ว เพราะตอนนี้ร่างของเขาก็ร่วงหล่นลงพื้นไปตามดาบประกายแสงเช่นกัน




    ร่างของซีโร่ยังคงนอนไร้วิญญาณอยู่ในระหว่างเส้นทางเช่นเดิม

    แม้จะมีเหล่าผู้คนของนครลัวร์รายล้อมร่างนี้ แต่ก็มิมีใครกล้าเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับศพนั้น เพราะทันทีที่ได้รับแจ้งเหตุ หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์ก็รุดเข้ามาคุมพื้นที่

    หัวหน้ามือปราบหลุยซ์สั่งการให้เหล่ามือปราบเข้าตรวจสอบพื้นที่ให้อยู่ในความเรียบร้อย เขายังไม่เคลื่อนย้ายร่างของซีโร่ และยังไม่เก็บดาบประกายแสงที่ตกอยู่

    “อีกรายหรือ คราวนี้เป็นยอดฝีมือ ดาบประกายแสง ซีโร่ด้วย มือสังหารคราวนี้ไม่ธรรมดาแล้ว” หลุยซ์พูดขึ้นมองดูร่างของซีโร่ ซึ่งขณะนั้นก็มีเจ้าหน้าที่อีกสองคนเข้าพื้นที่มา

    “มาแล้วหรือขอรับท่านปิแอร์” หลุยซ์กล่าวกับหนึ่งในสองนั้นทันทีที่เห็น

    ปิแอร์ ผู้ตรวจการพิเศษพยักหน้าให้ แล้วกล่าวว่า

    “ถึงขั้นทำหนังสือขอตัวข้ามาช่วยในคดีนี้แสดงว่าไม่ใช่ธรรมดาสินะหัวหน้าหลุยซ์”

    “เช่นนั้นล่ะขอรับท่านปิแอร์ เนื่องจากเป็นรายที่สามแล้วที่พบการตายในลักษณะเดียวกันแบบนี้” หลุยซ์บอก

    “แบบเดียวกัน?” ปิแอร์เลิกคิ้วในเชิงถาม “หมายถึงยังไง”

    “หากเรานับตั้งแต่ศพแรกอย่าง หัตถ์คู่อัสนีบาต เทสล่า ที่ถูกสังหารโดยมีบาดแผลราวกับโดนอาวุธบินที่มีลักษณะเรียวแหลมโจมตีเข้าใส่ และทวนสื่อวิญญาณ มอร์สที่โดนสังหารด้วยอาวุธใกล้เคียงดาบแล้ว ซีโร่ ก็นับว่าโดนสังหารในลักษณะเดียวกันคือ โดนสังหารแบบไม่รู้ตัว และไม่พบร่องรอยของผู้สังหารในที่เกิดเหตุ” หัวหน้ามือปราบ หลุยซ์อธิบาย

    “หมายความว่าทั้งสามโดนฆ่าแบบไม่ทันรู้ตัวสินะ” ปิแอร์บอก

    “อาจกล่าวได้ในเชิงนั้นขอรับ สิ่งที่น่าแปลกอีกอย่างคือ เราไม่พบอาวุธสังหารใด ๆ อีกด้วย ทั้งที่ทั้งสามคนนี้ต่างนับเป็นยอดฝีมือ ต่อให้ลอบสังหารอย่างไรก็ต้องพบร่องรอยหรืออาวุธบินที่ใช้ลอบสังหารตกอยู่บ้าง”

    “อืม..” ปิแอร์พยักหน้าคิดตามที่หัวหน้ามือปราบกล่าว แต่เขายิ่งต้องคิดมากขึ้นอีกเมื่อเดินเข้าใกล้ร่างของซีโร่และมองเห็นบางอย่างที่พื้นบริเวณนี้

    เพราะจุดที่ซีโร่โดนสังหารนี้เป็นพื้นดินที่มีความนุ่มเหนียว หากมีผู้คนเดินไปมาย่อมปรากฏรอยเท้าขึ้นบนพื้นดิน ขนาดปิแอร์เดินมาที่นี่ยังเกิดรอยเท้าขึ้นมาเช่นกัน

    ทว่ารอบศพของซีโร่กลับไม่พบรอยเท้าใด ๆ ยกเว้นของตัวซีโร่เอง

    “ไม่มีรอยเท้าผู้อื่นเลย” ปิแอร์พูดขึ้นมา

    ซึ่งทันทีที่ปิแอร์บอกทุกคนย่อมเห็นเช่นเดียวกัน รอบศพของซีโร่ไม่พบรอยเท้าผู้ใดยกเว้นซีโร่จริง ๆ

    หัวหน้ามือปราบหลุยซ์คล้ายจะทราบเรื่องนี้อยู่แล้ว กล่าวขึ้นมาต่อว่า “เป็นเช่นนั้นขอรับ ทั้งสองศพที่ผ่านมาก็เช่นเดียวกัน ไม่พบรอยเท้าหรือร่องรอยใด ๆ ของบุคคลอื่นรอบตัวศพเลย”

    “เช่นนี้ก็แสดงว่าผู้สังหารก็ไม่ได้มาเก็บอาวุธที่ใช้สังหารไปด้วย แต่ว่ารายอื่นที่ผ่านมาพบอาวุธสังหารหรือไม่” ปิแอร์ถาม

    “ไม่พบขอรับ อาวุธที่พบมีแค่ของผู้ตายแต่ละคน อย่างของซีโร่ครานี้ก็ยังพบดาบประกายแสงของเขาอยู่ข้างศพตัวเอง”

    “เช่นนี้ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว” ปิแอร์พูดขึ้นมา เขาหันไปหาฮาคาน องค์รักษ์ข้างกาย ที่แม้เวลานี้จะยังไม่พูดอันใด แต่ก็ได้ฟังเรื่องราวทั้งหมด “เจ้าคิดเช่นไรฮาคาน?”

    ฮาคานนิ่งมองร่างของซีโร่ เขาจ้องอยู่เนินนาน แต่เมื่อมองไปยังดาบประกายแสงที่อยู่ใกล้ร่างของซีโร่ ราวกับคิดอะไรได้ เขากล่าวขึ้นมาว่า

    “ข้าพเจ้าคลับคล้ายคลับคลาว่าเคยพบเห็นดาบเล่มนั้น แต่ดาบที่ข้าพเจ้ารู้จักมันมิได้ชื่อว่า ดาบประกายแสง หากชื่อว่า ดาบแสงสุริยา”

    “หือ? หมายความอย่างไร” ปิแอร์เอ่ยถาม หลุยซ์ก็นิ่งฟังด้วย เขาสนใจในเรื่องนี้เช่นกัน

    “ลักษณะของดาบนี้ไม่ได้มีความแตกต่างจากดาบแสงสุริยาที่ข้าพเจ้ารู้จักเลย เพียงแต่ว่าดาบแสงสุริยานั้นมันเป็นดาบของปรมาจารย์ยอดนักประดิษฐ์ โทมะ เอดิสัน”    

    “หมายความว่าแท้จริงแล้วดาบประกายแสงก็คือ ดาบแสงสุริยาของท่านโทมะ เอดิสันอย่างนั้นหรือ?”

    “ใช่ขอรับท่านปิแอร์ ข้าเคยพบท่านปรมาจารย์โทมะ เอดิสันสมัยที่ข้ายังเยาว์วัยและได้เห็นดาบนี้ ข้าพเจ้าคิดว่าดาบนี้ต้องเป็นดาบแสงสุริยันเมื่อตอนนั้น”

    “แสดงว่าซีโร่เกี่ยวข้องกับท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์กล่าว

    “เป็นไปได้ เพราะท่านเอดิสันก็มีศิษย์ เพียงแต่ศิษย์ของท่านส่วนใหญ่มักเป็นนักประดิษฐ์ ไม่มายุ่งเกี่ยวกับแผ่นดิน” ฮาคานตอบ

    ปิแอร์นิ่งคิดสักครู่ แล้วหันไปหาหลุยซ์กล่าวว่า

    “ท่านหลุยซ์อาวุธของสองรายก่อนหน้านั้นยังอยู่กับทางการหรือไม่?”

    “อยู่ขอรับ” หลุยซ์ตอบ

    “งั้นคงต้องขอตรวจสอบอาวุธเหล่านั้นด้วย ไม่แน่ว่าทั้งหมดนี้อาจจะเป็นอาวุธที่มาจากท่านโทมะ เอดิสันก็ได้” ปิแอร์บอก

    หลังจากปิแอร์ตรวจดูพื้นที่กับร่างของซีโร่แล้ว พบว่าร่างของซีโร่นั้นถูกสังหารด้วยอาวุธในลักษณะมีดซัดในระยะไกล แต่ว่าไม่พบมีดซัดหรืออาวุธที่ใช้สังหาร และยังไม่พบร่องรอยใด ๆ จากมือสังหารในบริเวณรอบด้านนี้อีก

    “ช่างเป็นเรื่องที่แปลก” ปิแอร์กล่าวขึ้นมา “การที่มือสังหารจะโจมตีในลักษณะเช่นนี้ได้ อย่างน้อย ๆ ต้องมีอาวุธบินตกหล่นอยู่ในบริเวณใกล้เคียงนี้บ้าง แต่นี่ไม่พบสิ่งใดเลย มันไม่น่าจะเป็นไปได้”

    “ใช่ขอรับ ข้าพเจ้าก็เห็นว่าแปลก แบบนี้คนที่ทำได้ต้องเป็นระดับยอดของยอดมือสังหารเท่านั้นขอรับ” ฮาคานกล่าวเสริม

    “แบบนี้เจ้าคิดว่าเป็นใครได้บ้าง” ปิแอร์ถามต่อ

    “ฝีมือระดับสังหารได้แบบไร้ร่องรอยเช่นนี้มีแค่มีดซัดไร้ลักษณ์ คูร่ากับกงจักรล่องหน เอเจ แต่ว่าคูร่าท่านก็เป็นคนจัดการไปแล้ว ส่วนเอเจตอนนี้ถูกคุมตัวอยู่ในคุกหลวง มิมีทางจะทำได้ แต่หากให้ข้าพิจารณาอีกครั้ง เห็นควรว่าอาจจะเป็นอีกผู้หนึ่งที่เราเพิ่งพบเจอไม่นานนี้...”

    “ผู้ใด?”

    “เข็มบินทะลวงร่าง ปิโย”

    “ปิโยที่เจ้าตามจับมันไม่ได้นั่นน่ะหรือ?”

    “ผู้นั้นแหละขอรับ ฝีมือระดับมันข้าพเจ้าคิดว่าอาจจะเหนือชั้นยิ่งกว่าคูร่าและเอเจเสียอีก เพียงแต่มันเป็นนักล่าค่าหัว ไม่สังหารหากไม่ได้เงิน จึงไม่แน่ว่ามันจะสังหารซีโร่หรือว่าคนอื่น เพราะทั้งสามคนนี้ไม่มีค่าหัวอันใด” ฮาคานอธิบาย เขาเคยรับมือเข็มบินของปิโยมาแล้วในคดีศพอันตรธาน

    “แล้วจากสภาพร่างของซีโร่ เจ้าคิดว่ามีโอกาสเป็นฝีมือของปิโยได้หรือไม่” ผู้ตรวจการพิเศษถาม

    “ถ้าระดับฝีมือของเขาย่อมทำให้เกิดเช่นนี้ได้ขอรับ เพียงแต่ข้าเห็นว่าบาดแผลที่โดนสังหารนั้นแปลก ๆ เพราะไม่มีการทะลุร่างออกไปแบบเดียวกับการโดนโจมตีด้วยเข็มบินทะลวงร่างของปิโย อีกทั้งเลือดที่ไหลออกจากแผลนั้นมีมาก เลือดไหลออกมามากจนข้ารู้สึกว่ามันจางกว่าปกติเลย” ฮาคานตอบ

    ปิแอร์คิดตามที่ฮาคานกล่าว ซึ่งเขาก็คิดเช่นเดียวกัน เพราะหากเป็นปิโย การโจมตีด้วยอาวุธเข็มบินหากไม่ให้มีการหลงเหลืออาวุธอยู่ในที่เกิดเหตุ คงมีแต่ต้องทะลุร่างไปเท่านั้น แต่ว่าศพของซีโร่นั้นกลับมีบาดแผลราวกับโดนมีดปักร่างเท่านั้น

    ซึ่งระหว่างที่ทั้งสองพูดคุยนั้น หลุยซ์ก็นำอาวุธของผู้ตายสองรายก่อนหน้ามาให้ปิแอร์และฮาคานได้ดู มันเป็นถุงมืออัสนีบาตของเทสล่ากับหอกสื่อวิญญาณของมอร์ส

    ทันทีที่ฮาคานเห็นอาวุธทั้งสองนั้น เขาก็ทราบคำตอบในสิ่งที่ตัวเองคิดไว้

    “นี่มันถุงมือสื่อกระแสกับหอกไร้สุ้มเสียงของท่านเอดิสัน!!”

    “หือ.. งั้นหมายความว่าอาวุธทั้งหมดนี้เป็นของท่านโทมะ เอดิสัน” ปิแอร์บอก

    “ย่อมเป็นเช่นนั้นขอรับ” ฮาคานพยักหน้ารับคำ


(มีต่อครับ)
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่