สวัสดีครับทุกท่าน เอาตอนใหม่มาให้อ่านกันแล้วครับ เนื่องจากคดีนี้ค่อนข้างยาว ตอนที่สองของคดีเลยไม่ใช่บทเฉลยอย่างเคย เป็นบทเบาะแส ให้ข้อมูลของคดีนี้แทนครับ แล้วบทที่สามจะเป็นบทเฉลยที่มาเฉลยความจริงของคดีนี้เอง อ่านเสร็จแล้วก็รอตอนเฉลยกันหน่อยนะครับ
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34194149
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34227507
Knight of Clues คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34674198
Knight of Clues คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/34698948
Knight of Clues คดีที่ 4 : สามเส้าสังหาร [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/36089173
Knight of Clues คดีที่ 4 : สามเส้าสังหาร [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/36110602
Knight of Clues คดีที่ 5 : วจีชี้เป็นตาย
https://ppantip.com/topic/36161907
Knight of Clues คดีที่ 6 : ดาบมารวิปลาส [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/36339160
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
-3-
ดาบสีดำทมิฬที่ถูกเรียกว่าดาบมารวิปลาสถูกปักที่คอของฟากัตให้เห็นอย่างชัดเจน
ใบหน้าของฟากัตแสดงอาการเจ็บปวดทิ้งไว้ก่อนตาย เลือดหลั่งไหลออกจากจุดที่ดาบแทงชโลมไปทั่วร่างกายส่วนบนและเปรอะเปื้อนไปยังเตียงที่นอน
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ได้
แม้นักสู้ทั้งหลายจะผ่านศึกผ่านการต่อสู้มามาก แต่ภาพการตายของฟากัตทำให้ทั้งหมดต่างหน้าซีดและครุ่นคิดอย่างหนัก
แต่มีเพียงแค่สองคนที่ใบหน้ายังเรียบเฉย ไม่สิ ต้องกล่าวว่าคนหนึ่งทำหน้าเงียบเฉย ส่วนอีกคนไม่ใช่แค่เรียบเฉย กลับยังอยู่ในสีหน้าปกติ คล้ายไม่ได้หวาดหวั่นกับภาพการตายตรงหน้า
เขาเหล่านั้นคือ ปิแอร์กับฮาคาน
ผู้ตรวจการณ์พิเศษมองดูภาพที่เห็นเบื้องหน้า แล้วล้วงมือหยิบป้ายมังกรสามหัวออกมาให้ทุกคนเห็น พร้อมพูดขึ้นว่า
“ข้าขอใช้สิทธิ์ผู้ตรวจการณ์พิเศษผู้ได้รับตรามังกรสามหัวจากองค์ราชา ขอเข้าควบคุมสถานการณ์นี้”
พอปิแอร์แสดงป้ายมังกรสามหัว ทั้งหลายต่างนิ่งกันหมด ไม่ว่าจะเป็นนักสู้หรือประชาชนทั่วไปในนครลัวร์ ต่างล้วนให้การยำเกรงต่อป้ายมังกรสามหัวนี้ เพราะมันเสมือนเป็นคำสั่งจากพระราชาโดยตรง
“ข้าขอเข้าไปตรวจสอบในห้องฟากัต ตอนนี้ข้าขอให้ทุกคนอยู่นอกห้องก่อน”
ปิแอร์เดินเข้าไปในห้องของฟากัต โดยให้ฮาคานยืนคุมอยู่หน้าห้อง
ห้องของฟากัตมีลักษณะเช่นเดียวกับห้องอื่น เป็นห้องพักขนาดหนึ่งคน มีหน้าต่างหนึ่งบานเป็นหน้าต่างกระจกที่มองไปภายนอกได้ แต่ไม่สามารถเปิดได้ ภายในห้องข้าวของไม่ได้กระจุยกระจายมาก มีกาน้ำชาตกอยู่ใกล้เตียง ส่วนบนถ้วยชาโลหะอยู่บนเตียงใกล้ร่างของฟากัต เชิงเทียนในห้องตกอยู่ที่พื้นด้านล่างใกล้เตียงเช่นกัน ยังดีที่มันดับไปเสียก่อนที่จะลุกเป็นเพลิงไหม้ ตู้เหล็กเก็บของเคลื่อนที่ออกจากจุดเดิมเล็กน้อยคล้ายมีการดันออกมา โดยศพของฟากัตนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงที่อยู่ทางมุมซ้ายของห้อง
ผู้ตรวจการณ์พิเศษเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ร่างของฟากัต ศพนี้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ใบหน้ามีอาการบูดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวด สภาพบนเตียงมีร่องรอยการเคลื่อนไหวไปมา ผ้าปูเตียงมีรอยยับ หมอนตกหล่นลงพื้น คาดว่าหลังจากฟากัตโดนดาบปักที่คอ คงพยายามยื้อให้ตัวเองมีชีวิตรอด แต่เนื่องจากดาบนั้นปักทะลุคอเลยไปปักติดกับเตียง ทำให้เขาที่เสียเลือดไปมาก ถูกดาบยึดติดเช่นนี้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ตายไปหลังจากนั้นไม่นาน
และคงเป็นเพราะถูกแทงที่คอ จึงไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาก่อนตายขึ้นมา
ปิแอร์จ้องมองร่างของนักดาบผู้ได้รับชัยชนะเมื่อศึกครั้งที่แล้ว นิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมายังผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นอกห้อง แล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านซานเชส ห้องนี้มีทางเข้าออกเพียงแค่ประตูหน้านี้ใช่ไหม”
ซานเชสก้าวมาข้างหน้า พูดตอบว่า “ใช่แล้วท่านปิแอร์ ทุกห้องพักของที่นี่จะมีทางเข้าออกเพียงแค่ประตูเท่านั้น”
“แล้วเมื่อคืนท่านล็อคประตูนี้ด้วยหรือไม่”
ซานเชสหันไปสอบถาม ลูกน้องในภัตตาคารได้ความว่า
“หลังจากท่านฟากัตเข้าห้องพักไป ประตูนี้เป็นประตูแบบพิเศษ จะล็อคโดยอัตโนมัติ มันจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อข้าให้กุญแจคนของข้าไปเปิดให้เท่านั้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็.. การตายของฟากัตย่อมไม่ใช่ธรรมดาแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไรท่านปิแอร์”
“ดูจากรูปการนี้แล้ว นี่มันเป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายชัด ๆ” ปิแอร์ตอบซานเชสไป
หลังจากตรวจสอบเสร็จ ปิแอร์ให้เรียกเจ้าหน้าที่ทางการเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง และนำร่างของฟากัตออกจากห้องไป ส่วนดาบมารวิปลาสตอนนี้ เขาควบคุมไว้อยู่ให้ฮาคานเก็บไว้ ก่อนจะนำส่งมอบให้กับทายาทของฟากัตในภายหลัง
โดยปิแอร์ได้แจ้งกับทุกคนว่าห้ามทุกคนออกจากภัตตาคารซีดราก้อนนี้ไปไหน เขาจะทำการสืบหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้
งานเลี้ยงยังคงมีอยู่ แต่บรรยากาศเปลี่ยนไป ความสนุกสนานลดลง เพราะจากการตายของฟากัต ทำให้เรื่องนี้อดไม่ได้จะเป็นประเด็นให้เหล่านักสู้ได้พูดคุยกัน
อเล็กซ์ ยิ้มเดียวพิฆาต ยังคงยิ้มเหมือนเดิม สำหรับการตายของฟากัต เหมือนเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ยังคงแย้มยิ้มให้กับทุกคนตามปกติ ปิแอร์ได้มาสอบถามอเล็กซ์ เพราะเห็นว่าเขานั่งกินดื่มกับฟากัตก่อนที่จะเข้าห้อง ได้ความว่า
พวกเขาสามคน ฟากัตอเล็กซ์ บาซี ได้กินดื่มกันอย่างสำราญ กินกันอย่างเต็มที่ ทำให้มีอาการเมามายอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะอย่างฟากัตที่เป็นคนคออ่านแต่แรก เขาเริ่มเมามายจนทนไม่ไหว จึงขอตัวกลับห้องไปก่อน
ซึ่งหลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ของภัตตาคารก็เพิ่มเติมก็เป็นดังที่อเล็กซ์กล่าวจริง ฟากัตเดินเข้าห้องไปคนเดียว แล้วปิดประตูห้องอยู่ภายในคนเดียว
บาซี ผู้คลั่งไคล้ดาบก็ให้การกับปิแอร์ไม่ต่างกัน เขาร่วมกินดื่มกับฟากัตและอเล็กซ์ และเมื่อฟากัตแยกตัวกลับห้องไป เขาก็ดื่มกินอีกสักครู่ ค่อยขอแยกตัวออกไป
ปิแอร์จึงไปสอบถามเทพลักซ่อน ดาเมี่ยน ซึ่งก็ไม่ได้ความอะไรมาก เขากินดื่มอยู่ชั้นล่างสักพัก แต่เข้าห้องไปก่อนฟากัตเสียอีก
รีโอน่า นักดาบหญิงอันดับหนึ่ง เธอบอกกับปิแอร์ว่า เธอนั่งพูดคุยอยู่กับมิคาเอล โดยเข้าห้องไปหลังจากฟากัตเข้าไปพอสมควร
ส่วนมิคาเอล ลูซิเฟอร์ เขานั่งพูดคุยกับรีโอน่าจริง และเข้าห้องไปตามเธอไม่นาน
หลังจากพูดคุยกับเหล่านักสู้และเจ้าหน้าที่ภัตตาคารบางส่วนเสร็จ ปิแอร์ก็มานั่งพูดคุยกับฮาคานที่โต๊ะในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง
“ข้ายังมองไม่ออกเลยฮาคาน” ปิแอร์กล่าวกับองค์รักษ์ของตน
ฮาคานมองผู้เป็นนาย เอ่ยขึ้นว่า “จากที่ท่านสอบถามแล้ว ท่านคิดว่ามีผู้ใดน่าสงสัยบ้าง”
“ยัง.. ยังไม่มี แถมตอนนี้ข้ายังไม่ล่วงรู้ว่าฟากัตถูกฆ่าตายภายในห้องปิดนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดว่าอย่างไรหรือฮาคาน”
“ข้ายังคิดไม่ออกหรอกครับ แต่ข้าเพียงคิดว่า ในที่สุดผู้ครอบครองดาบมารวิปลาสก็ตายด้วยดาบของตัวเองไปอีกคนแล้ว แบบนี้อาจจะเกี่ยวข้องดาบมารวิปลาสเล่มนี้ก็ได้นะครับ” ฮาคานบอก เขาหยิบดาบมารวิปลาสที่ปิแอร์ขอควบคุมไว้ก่อนมาวางไว้บนโต๊ะ
“ข้าไม่เชื่อในคำสาปนะฮาคาน ข้าไม่คิดว่าดาบนี้จะสังหารเจ้าของมันเองได้” ปิแอร์บอก
ฮาคานยกดาบมารวิปลาสขึ้นดู เพ่งพิจารณาครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า
“ข้าก็ไม่เชื่อครับท่านปิแอร์ หากกล่าวกันตามจริง โลหะที่ใช้สร้างดาบมารวิปลาสนี้ดูอ่อนด้อยกว่านวโลหะมาก มันไม่ได้เป็นดาบที่มีความแข็งแกร่งมากอะไร ข้าคิดว่าหากเทียบกับดาบดูแรนเดล ไม่สิ ต่อให้เป็นดาบดูแรนเดลของปลอมที่ท่านให้ช่างตีดาบสร้างขึ้นมาเมื่อครานั้น ยังดูแข็งแกร่งกว่าดาบนี้เสียอีก”
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ” ปิแอร์บอก เขาขอดาบมารวิปลาสมาดูบ้าง
“ข้าคิดเช่นนั้นครับ จริงอยู่มันเป็นศาสตราวุธที่ร้ายกาจ ข้าว่าร้ายกาจมันไม่น่าจะใช่ความคมหรือความทนทานของมัน อาจจะเป็นสิ่งอื่นมากกว่า”
“สิ่งอื่น? เจ้าคิดว่าเรื่องไหนหรือฮาคาน” ปิแอร์สงสัย
“ยังไม่ทราบครับ ข้าเพียงคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับวิชาดาบที่ฟากัตใช้ตอนประดาบกับมิคาเอล”
“วิชาที่ควบคุมดาบมารวิปลาสกลางอากาศนั่นน่ะหรือ”
“ใช่ครับ ข้าเองใช้ชีวิตอยู่ในโลกการต่อสู้มาก็มากพอสมควร ข้าไม่คิดว่าจะมีวิชาใดที่สามารถควบคุมดาบให้โจมตีกลางอากาศเองแบบนี้ได้ หากทำได้มันย่อมมีกลวิธีบางอย่างมากกว่า” ฮาคานออกความเห็น
“ถ้าเจ้ายืนยันตามนั้น มันก็อาจจะมีอะไรซ่อนเร้นก็ได้เป็นได้” ปิแอร์กล่าว เขาจับด้ามดาบ ยกขึ้นมาดู แกว่งไปมาเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า
“ดาบมารวิปลาสเอ๋ย ดาบที่ไม่มีแม้แต่ฝักดาบอย่างเจ้า เจ้ามีความลับอะไรกันแน่ คำสาปของเจ้ามันคืออะไร”
“ต่อให้มีกลไกอะไร ข้าว่าดาบมันพูดไม่ได้หรอกครับ” ฮาคานรีบบอก
“เฮ้ย ข้ารู้แล้ว แค่รำพึงรำพันเฉย ๆ เห็นบางคนชอบพูดกับดาบ เลยเอาบ้าง เจ้านี่พาข้าหลุดเลย”
“ข้าขออภัย”
“ฮ่ะ ๆ มิเป็นไร” ปิแอร์บอกสีหน้าปกติ “ข้าเพิ่งสังเกตว่าที่ปลายล่างของด้ามดาบมารวิปลาสนี้ มีรอยอะไรอยู่นิดหน่อย เจ้าลองดูสิ”
จุดที่ปิแอร์บอกคือ ตรงด้ามดาบมารวิปลาสตรงปลายด้านล่าง มีร่องรอยคล้ายโดนอะไรถูบางอย่าง มีรอยคล้ายมีสีอะไรบางอย่างติดอยู่
ฮาคานขอดาบมาดูจุดเดียวกัน แล้วถามปิแอร์ว่า “ท่านคิดว่ารอยตรงนี้คืออะไร”
“ข้าไม่รู้หรอก แต่มันคล้ายเป็นรอยที่ปลายด้ามดาบไปกระแทกกับอะไรบางอย่าง แถมมีสิ่งที่คล้ายสะเก็ดของสีติดอยู่ตรงปลายนี้ด้วย”
“สีนี่เป็นสีเดียวกับสีห้องพักที่นี่ครับ”
“นั่นแหละข้าก็เห็นว่าสีเดียวกัน ข้าว่าเราคงต้องไปตรวจสอบที่ห้องของฟากัตอีกรอบแล้วล่ะ” ผู้ตรวจการณ์พิเศษบอก
“สุดแล้วแต่ท่านปิแอร์จะบัญชา ว่าไงว่าตามกัน” ฮาคานผงกศีรษะรับ
(มีต่อครับ)
Knight of Clues คดีที่ 6 : ดาบมารวิปลาส [บทเบาะแส]
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34194149
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34227507
Knight of Clues คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34674198
Knight of Clues คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/34698948
Knight of Clues คดีที่ 4 : สามเส้าสังหาร [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/36089173
Knight of Clues คดีที่ 4 : สามเส้าสังหาร [บทเฉลย]
https://ppantip.com/topic/36110602
Knight of Clues คดีที่ 5 : วจีชี้เป็นตาย
https://ppantip.com/topic/36161907
Knight of Clues คดีที่ 6 : ดาบมารวิปลาส [บทปัญหา]
https://ppantip.com/topic/36339160
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
-3-
ดาบสีดำทมิฬที่ถูกเรียกว่าดาบมารวิปลาสถูกปักที่คอของฟากัตให้เห็นอย่างชัดเจน
ใบหน้าของฟากัตแสดงอาการเจ็บปวดทิ้งไว้ก่อนตาย เลือดหลั่งไหลออกจากจุดที่ดาบแทงชโลมไปทั่วร่างกายส่วนบนและเปรอะเปื้อนไปยังเตียงที่นอน
ไม่มีผู้ใดคาดคิดว่าจะเกิดเหตุเช่นนี้ได้
แม้นักสู้ทั้งหลายจะผ่านศึกผ่านการต่อสู้มามาก แต่ภาพการตายของฟากัตทำให้ทั้งหมดต่างหน้าซีดและครุ่นคิดอย่างหนัก
แต่มีเพียงแค่สองคนที่ใบหน้ายังเรียบเฉย ไม่สิ ต้องกล่าวว่าคนหนึ่งทำหน้าเงียบเฉย ส่วนอีกคนไม่ใช่แค่เรียบเฉย กลับยังอยู่ในสีหน้าปกติ คล้ายไม่ได้หวาดหวั่นกับภาพการตายตรงหน้า
เขาเหล่านั้นคือ ปิแอร์กับฮาคาน
ผู้ตรวจการณ์พิเศษมองดูภาพที่เห็นเบื้องหน้า แล้วล้วงมือหยิบป้ายมังกรสามหัวออกมาให้ทุกคนเห็น พร้อมพูดขึ้นว่า
“ข้าขอใช้สิทธิ์ผู้ตรวจการณ์พิเศษผู้ได้รับตรามังกรสามหัวจากองค์ราชา ขอเข้าควบคุมสถานการณ์นี้”
พอปิแอร์แสดงป้ายมังกรสามหัว ทั้งหลายต่างนิ่งกันหมด ไม่ว่าจะเป็นนักสู้หรือประชาชนทั่วไปในนครลัวร์ ต่างล้วนให้การยำเกรงต่อป้ายมังกรสามหัวนี้ เพราะมันเสมือนเป็นคำสั่งจากพระราชาโดยตรง
“ข้าขอเข้าไปตรวจสอบในห้องฟากัต ตอนนี้ข้าขอให้ทุกคนอยู่นอกห้องก่อน”
ปิแอร์เดินเข้าไปในห้องของฟากัต โดยให้ฮาคานยืนคุมอยู่หน้าห้อง
ห้องของฟากัตมีลักษณะเช่นเดียวกับห้องอื่น เป็นห้องพักขนาดหนึ่งคน มีหน้าต่างหนึ่งบานเป็นหน้าต่างกระจกที่มองไปภายนอกได้ แต่ไม่สามารถเปิดได้ ภายในห้องข้าวของไม่ได้กระจุยกระจายมาก มีกาน้ำชาตกอยู่ใกล้เตียง ส่วนบนถ้วยชาโลหะอยู่บนเตียงใกล้ร่างของฟากัต เชิงเทียนในห้องตกอยู่ที่พื้นด้านล่างใกล้เตียงเช่นกัน ยังดีที่มันดับไปเสียก่อนที่จะลุกเป็นเพลิงไหม้ ตู้เหล็กเก็บของเคลื่อนที่ออกจากจุดเดิมเล็กน้อยคล้ายมีการดันออกมา โดยศพของฟากัตนอนเสียชีวิตอยู่บนเตียงที่อยู่ทางมุมซ้ายของห้อง
ผู้ตรวจการณ์พิเศษเดินเข้าไปดูใกล้ ๆ ร่างของฟากัต ศพนี้เสียชีวิตอย่างแน่นอน ใบหน้ามีอาการบูดเบี้ยวเหมือนเจ็บปวด สภาพบนเตียงมีร่องรอยการเคลื่อนไหวไปมา ผ้าปูเตียงมีรอยยับ หมอนตกหล่นลงพื้น คาดว่าหลังจากฟากัตโดนดาบปักที่คอ คงพยายามยื้อให้ตัวเองมีชีวิตรอด แต่เนื่องจากดาบนั้นปักทะลุคอเลยไปปักติดกับเตียง ทำให้เขาที่เสียเลือดไปมาก ถูกดาบยึดติดเช่นนี้ไม่สามารถลุกขึ้นมาได้ ตายไปหลังจากนั้นไม่นาน
และคงเป็นเพราะถูกแทงที่คอ จึงไม่ได้ยินเสียงร้องของเขาก่อนตายขึ้นมา
ปิแอร์จ้องมองร่างของนักดาบผู้ได้รับชัยชนะเมื่อศึกครั้งที่แล้ว นิ่งครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นก็หันหน้ากลับมายังผู้ที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่นอกห้อง แล้วพูดขึ้นว่า
“ท่านซานเชส ห้องนี้มีทางเข้าออกเพียงแค่ประตูหน้านี้ใช่ไหม”
ซานเชสก้าวมาข้างหน้า พูดตอบว่า “ใช่แล้วท่านปิแอร์ ทุกห้องพักของที่นี่จะมีทางเข้าออกเพียงแค่ประตูเท่านั้น”
“แล้วเมื่อคืนท่านล็อคประตูนี้ด้วยหรือไม่”
ซานเชสหันไปสอบถาม ลูกน้องในภัตตาคารได้ความว่า
“หลังจากท่านฟากัตเข้าห้องพักไป ประตูนี้เป็นประตูแบบพิเศษ จะล็อคโดยอัตโนมัติ มันจะเปิดได้ก็ต่อเมื่อข้าให้กุญแจคนของข้าไปเปิดให้เท่านั้น”
“ถ้าเป็นแบบนั้นล่ะก็.. การตายของฟากัตย่อมไม่ใช่ธรรมดาแล้ว”
“หมายความว่าอย่างไรท่านปิแอร์”
“ดูจากรูปการนี้แล้ว นี่มันเป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายชัด ๆ” ปิแอร์ตอบซานเชสไป
หลังจากตรวจสอบเสร็จ ปิแอร์ให้เรียกเจ้าหน้าที่ทางการเข้ามาตรวจสอบอีกครั้ง และนำร่างของฟากัตออกจากห้องไป ส่วนดาบมารวิปลาสตอนนี้ เขาควบคุมไว้อยู่ให้ฮาคานเก็บไว้ ก่อนจะนำส่งมอบให้กับทายาทของฟากัตในภายหลัง
โดยปิแอร์ได้แจ้งกับทุกคนว่าห้ามทุกคนออกจากภัตตาคารซีดราก้อนนี้ไปไหน เขาจะทำการสืบหาความจริงของเรื่องนี้ให้ได้โดยเร็ว ก่อนที่การต่อสู้จะเริ่มต้นขึ้นในวันพรุ่งนี้
งานเลี้ยงยังคงมีอยู่ แต่บรรยากาศเปลี่ยนไป ความสนุกสนานลดลง เพราะจากการตายของฟากัต ทำให้เรื่องนี้อดไม่ได้จะเป็นประเด็นให้เหล่านักสู้ได้พูดคุยกัน
อเล็กซ์ ยิ้มเดียวพิฆาต ยังคงยิ้มเหมือนเดิม สำหรับการตายของฟากัต เหมือนเขาจะไม่ได้รู้สึกอะไรมาก ยังคงแย้มยิ้มให้กับทุกคนตามปกติ ปิแอร์ได้มาสอบถามอเล็กซ์ เพราะเห็นว่าเขานั่งกินดื่มกับฟากัตก่อนที่จะเข้าห้อง ได้ความว่า
พวกเขาสามคน ฟากัตอเล็กซ์ บาซี ได้กินดื่มกันอย่างสำราญ กินกันอย่างเต็มที่ ทำให้มีอาการเมามายอยู่หลายส่วน โดยเฉพาะอย่างฟากัตที่เป็นคนคออ่านแต่แรก เขาเริ่มเมามายจนทนไม่ไหว จึงขอตัวกลับห้องไปก่อน
ซึ่งหลังจากสอบถามเจ้าหน้าที่ของภัตตาคารก็เพิ่มเติมก็เป็นดังที่อเล็กซ์กล่าวจริง ฟากัตเดินเข้าห้องไปคนเดียว แล้วปิดประตูห้องอยู่ภายในคนเดียว
บาซี ผู้คลั่งไคล้ดาบก็ให้การกับปิแอร์ไม่ต่างกัน เขาร่วมกินดื่มกับฟากัตและอเล็กซ์ และเมื่อฟากัตแยกตัวกลับห้องไป เขาก็ดื่มกินอีกสักครู่ ค่อยขอแยกตัวออกไป
ปิแอร์จึงไปสอบถามเทพลักซ่อน ดาเมี่ยน ซึ่งก็ไม่ได้ความอะไรมาก เขากินดื่มอยู่ชั้นล่างสักพัก แต่เข้าห้องไปก่อนฟากัตเสียอีก
รีโอน่า นักดาบหญิงอันดับหนึ่ง เธอบอกกับปิแอร์ว่า เธอนั่งพูดคุยอยู่กับมิคาเอล โดยเข้าห้องไปหลังจากฟากัตเข้าไปพอสมควร
ส่วนมิคาเอล ลูซิเฟอร์ เขานั่งพูดคุยกับรีโอน่าจริง และเข้าห้องไปตามเธอไม่นาน
หลังจากพูดคุยกับเหล่านักสู้และเจ้าหน้าที่ภัตตาคารบางส่วนเสร็จ ปิแอร์ก็มานั่งพูดคุยกับฮาคานที่โต๊ะในมุมหนึ่งของงานเลี้ยง
“ข้ายังมองไม่ออกเลยฮาคาน” ปิแอร์กล่าวกับองค์รักษ์ของตน
ฮาคานมองผู้เป็นนาย เอ่ยขึ้นว่า “จากที่ท่านสอบถามแล้ว ท่านคิดว่ามีผู้ใดน่าสงสัยบ้าง”
“ยัง.. ยังไม่มี แถมตอนนี้ข้ายังไม่ล่วงรู้ว่าฟากัตถูกฆ่าตายภายในห้องปิดนั้นได้อย่างไร เจ้าคิดว่าอย่างไรหรือฮาคาน”
“ข้ายังคิดไม่ออกหรอกครับ แต่ข้าเพียงคิดว่า ในที่สุดผู้ครอบครองดาบมารวิปลาสก็ตายด้วยดาบของตัวเองไปอีกคนแล้ว แบบนี้อาจจะเกี่ยวข้องดาบมารวิปลาสเล่มนี้ก็ได้นะครับ” ฮาคานบอก เขาหยิบดาบมารวิปลาสที่ปิแอร์ขอควบคุมไว้ก่อนมาวางไว้บนโต๊ะ
“ข้าไม่เชื่อในคำสาปนะฮาคาน ข้าไม่คิดว่าดาบนี้จะสังหารเจ้าของมันเองได้” ปิแอร์บอก
ฮาคานยกดาบมารวิปลาสขึ้นดู เพ่งพิจารณาครู่หนึ่ง แล้วตอบว่า
“ข้าก็ไม่เชื่อครับท่านปิแอร์ หากกล่าวกันตามจริง โลหะที่ใช้สร้างดาบมารวิปลาสนี้ดูอ่อนด้อยกว่านวโลหะมาก มันไม่ได้เป็นดาบที่มีความแข็งแกร่งมากอะไร ข้าคิดว่าหากเทียบกับดาบดูแรนเดล ไม่สิ ต่อให้เป็นดาบดูแรนเดลของปลอมที่ท่านให้ช่างตีดาบสร้างขึ้นมาเมื่อครานั้น ยังดูแข็งแกร่งกว่าดาบนี้เสียอีก”
“เจ้าคิดเช่นนั้นหรือ” ปิแอร์บอก เขาขอดาบมารวิปลาสมาดูบ้าง
“ข้าคิดเช่นนั้นครับ จริงอยู่มันเป็นศาสตราวุธที่ร้ายกาจ ข้าว่าร้ายกาจมันไม่น่าจะใช่ความคมหรือความทนทานของมัน อาจจะเป็นสิ่งอื่นมากกว่า”
“สิ่งอื่น? เจ้าคิดว่าเรื่องไหนหรือฮาคาน” ปิแอร์สงสัย
“ยังไม่ทราบครับ ข้าเพียงคิดว่าอาจจะเกี่ยวข้องกับวิชาดาบที่ฟากัตใช้ตอนประดาบกับมิคาเอล”
“วิชาที่ควบคุมดาบมารวิปลาสกลางอากาศนั่นน่ะหรือ”
“ใช่ครับ ข้าเองใช้ชีวิตอยู่ในโลกการต่อสู้มาก็มากพอสมควร ข้าไม่คิดว่าจะมีวิชาใดที่สามารถควบคุมดาบให้โจมตีกลางอากาศเองแบบนี้ได้ หากทำได้มันย่อมมีกลวิธีบางอย่างมากกว่า” ฮาคานออกความเห็น
“ถ้าเจ้ายืนยันตามนั้น มันก็อาจจะมีอะไรซ่อนเร้นก็ได้เป็นได้” ปิแอร์กล่าว เขาจับด้ามดาบ ยกขึ้นมาดู แกว่งไปมาเล็กน้อย แล้วพูดต่อว่า
“ดาบมารวิปลาสเอ๋ย ดาบที่ไม่มีแม้แต่ฝักดาบอย่างเจ้า เจ้ามีความลับอะไรกันแน่ คำสาปของเจ้ามันคืออะไร”
“ต่อให้มีกลไกอะไร ข้าว่าดาบมันพูดไม่ได้หรอกครับ” ฮาคานรีบบอก
“เฮ้ย ข้ารู้แล้ว แค่รำพึงรำพันเฉย ๆ เห็นบางคนชอบพูดกับดาบ เลยเอาบ้าง เจ้านี่พาข้าหลุดเลย”
“ข้าขออภัย”
“ฮ่ะ ๆ มิเป็นไร” ปิแอร์บอกสีหน้าปกติ “ข้าเพิ่งสังเกตว่าที่ปลายล่างของด้ามดาบมารวิปลาสนี้ มีรอยอะไรอยู่นิดหน่อย เจ้าลองดูสิ”
จุดที่ปิแอร์บอกคือ ตรงด้ามดาบมารวิปลาสตรงปลายด้านล่าง มีร่องรอยคล้ายโดนอะไรถูบางอย่าง มีรอยคล้ายมีสีอะไรบางอย่างติดอยู่
ฮาคานขอดาบมาดูจุดเดียวกัน แล้วถามปิแอร์ว่า “ท่านคิดว่ารอยตรงนี้คืออะไร”
“ข้าไม่รู้หรอก แต่มันคล้ายเป็นรอยที่ปลายด้ามดาบไปกระแทกกับอะไรบางอย่าง แถมมีสิ่งที่คล้ายสะเก็ดของสีติดอยู่ตรงปลายนี้ด้วย”
“สีนี่เป็นสีเดียวกับสีห้องพักที่นี่ครับ”
“นั่นแหละข้าก็เห็นว่าสีเดียวกัน ข้าว่าเราคงต้องไปตรวจสอบที่ห้องของฟากัตอีกรอบแล้วล่ะ” ผู้ตรวจการณ์พิเศษบอก
“สุดแล้วแต่ท่านปิแอร์จะบัญชา ว่าไงว่าตามกัน” ฮาคานผงกศีรษะรับ
(มีต่อครับ)