สวัสดีครับ ต้องขออภัยที่หายไปนานสำหรับเรื่องนี้ (จริงๆก็หายไปนานทุกเรื่อง) วันนี้เอาตอนใหม่มาให้อ่านกันครับ
คดีนี้อาจจะไม่ใช่คดีฆาตกรรมหรือสืบสวนแต่อย่างใด ลองเปลี่ยนสไตล์สักหน่อย
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34194149
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34227507
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง
-1-
นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่บุรุษของตระกูลลูซิเฟอร์ได้แสดงความสามารถให้ผู้คนได้ประจักษ์
ด้วยวิชาดาบสมาธิของตระกูลที่เป็นการชักดาบด้วยความเร็วสูง สังหารด้วยดาบเดียว ซึ่งบุรุษในตระกูลลูซิเฟอร์ต้องฝึกฝนวิชาดาบสมาธินี้ตั้งแต่กำเนิด ฝึกใช้การชักดาบเป็นการทำสมาธิจนดาบกลายเป็นเครื่องตรวจสอบภาวะต่าง ๆ รอบกาย จนเมื่อสมาธิหลอมรวมกับดาบเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จึงสามารถฟันออกโจมตีในดาบเดียว
ทว่าจากคดีฆ่าล้างยอดขุนพลเมื่อยี่สิบปีก่อน บุรุษของตระกูลได้เสียชีวิตไปเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงภรรยาของจ้าวตระกูลกับลูกในครรภ์เท่านั้น
มิคาเอล ลูซิเฟอร์เติบโตมาท่ามกลางความวุ่นวายจากการสูญเสียบุรุษของตระกูลทั้งหมด ยังดีที่ ลิลิน ลูซิเฟอร์ผู้เป็นมารดาได้เลี้ยงดูและถ่ายทอดวิชาดาบสมาธิอย่างเข้มงวด เมื่อเติบใหญ่ออกเดินทางสู่ภายนอก ก็สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลลูซิเฟอร์อีกครั้ง
ด้วยพรสวรรค์ที่ตกทอดกันมา ดาบสมาธิยังคงร้ายกาจสุดคาดหยั่ง
แต่ว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่หลายคนสงสัย เหตุใดมิคาเอลไม่ยอมใช้ดาบดูแรนเดลประจำตระกูลของตน
กล่าวกันดาบดูแรนเดลเป็นสุดยอดแห่งดาบ เป็นดาบประจำตัวของโรแลนด์ ลูซิเฟอร์ อัศวินที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุด ดาบถูกตีด้วยช่างตีดาบนิรนามท่านหนึ่งด้วยกรรมวิธีลึกลับซับซ้อน มีส่วนผสมของนวโลหะหลายสิบชนิด ในครั้งหนึ่งโรแลนด์จำเป็นต้องทิ้งดาบ แต่แทนที่เขาจะทิ้งดาบลงกับพื้น กลับขว้างดาบดูแรนเดลไปยังหน้าผา แทนที่มันจะหัก ดาบกลับปักอยู่บนหน้าผา อีกทั้งยังเกิดรอยแยกบริเวณหน้าผานั้นอีกด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดาบดูแรนเดลถูกนับเป็นดาบที่สามารถฟันทุกสิ่งได้
แม้ดาบจะร้ายกาจเพียงใด มีประวัติที่หน้าเกรงขามสักแค่ไหน แต่มิคาเอลมิยอมใช้ดาบดูแรนเดลนี้ กลับเลือกใช้ดาบปีกแมลง ซึ่งถือเป็นดาบที่บางที่สุดแทน
เนื่องด้วยวิชาดาบสมาธิเป็นวิชาดาบสังหารในดาบเดียว การที่จะใช้ดาบดูแรนเดลที่มีลักษณะเป็นดาบสองคมหนาใหญ่ตามสไตล์อัศวินในยุคก่อน ถ้าไม่ใช่ระดับสูงสุดเป็นเรื่องยากที่จะเปล่งอานุภาพของมันได้เต็มที่ การเลือกดาบปีกแมลงจึงตอบโจทย์มากกว่า
แต่แล้วในวันนี้เขากลับต้องมาที่ตระกูลลูซิเฟอร์ เพื่อฝึกปรือและใช้ดาบดูแรนเดลนี้อีกครั้ง
มิคาเอลนำดาบดูแรนเดลออกมาจากแท่นเก็บดาบประจำตระกูล ดาบนี้ยังคงถูกรักษาไว้อย่างดี ตัวดาบและฝักดาบยังส่องประกายแสงแหวววับ มองไม่ออกว่าดาบนี้แท้จริงสืบทอดกันเป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้ว
ชายหนุ่มร่างบางถือดาบ เดินมาทางสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวงาม
“เราจำเป็นต้องใช้ดาบนี้จริง ๆ หรือท่านแม่” มิคาเอลถาม
“จำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้” ลิลิน ลูซิเฟอร์ตอบ “ในเมื่อคนทั้งหลายอยากเห็นอานุภาพของมัน เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าดาบดูแรนเดลของตระกูลลูซิเฟอร์คือสุดยอดดาบที่ฟันได้ทุกสิ่ง”
“แต่ท่านแม่ ข้ามิชอบตัวดาบของมันเลย” มิคาเอลพูดขึ้นต่อ แม้เขาจะเคยใช้ดาบดูแรนเดลมาบ้างแล้ว แต่เห็นว่าดาบปีกแมลงถนัดมือตนมากกว่า
“มันเป็นดาบในตำนาน เจ้าอยู่ในตระกูลลูซิเฟอร์มิอาจเลี่ยงไม่ใช้มันได้หรอก เจ้ายังจำคราที่ใช้ดาบดูแรนเดลครั้งแรกได้หรือไม่ คงรู้ว่าอานุภาพมันเกินกว่าที่เจ้าคาดการณ์ไว้มากนัก”
“ใช่ ครั้งนั้นทำให้ข้ารู้เลยว่าอานุภาพและพลังทำลายของมันสูงยิ่งนัก มันสามารถฟันภูผาอย่างกับก้อนเนย”
“และในครั้งนี้เจ้าต้องใช้มัน มันถึงคราวที่เจ้าต้องแสดงอานุภาพของดูแรนเดลอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การท้าทายของตระกูลเซเบอร์ผู้ครอบครองโล่อีจิส” ลิลิน ลูซิเฟอร์พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หากนับตระกูลลูซิเฟอร์เป็นสุดยอดในวิชาดาบ แต่ถ้าทางการทหารในการรบแล้ว ไม่มีใครไม่เอ่ยถึงตระกูลเซเบอร์
ตระกูลเซเบอร์ถือเป็นหนึ่งในตระกูลที่รับใช้ทางการของนครลัวร์มาช้านาน ความแข็งแกร่งของกองทหารแห่งลัวร์ก็มาจากความสามารถของเหล่าบุรุษในตระกูลเซเบอร์ แม่ทัพใหญ่ ยอดฝีมือทั้งหลายแห่งนครลัวร์เป็นบุรุษในตระกูลเซเบอร์ทั้งสิ้น
ในปัจจุบันแม่ทัพใหญ่แห่งนครลัวร์ก็คือ เฟอร์ดินัน เซเบอร์
เฟอร์ดินัน เซเบอร์ถือเป็นขุนพลชำนาญศึกที่กล้าแกร่งในกองทัพแห่งลัวร์ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและพลังกำลังที่มหาศาล วิชาต่อสู้ด้วยดาบเล่มใหญ่กับโล่ถือเป็นจุดเด่นอันร้ายกาจของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาถือโล่อิจิส
โล่อิจิสถือเป็นโล่ที่สืบทอดในตระกูลเซเบอร์ ถูกนับเป็นโล่ที่สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง
ในครั้งของสมัยของเพอซิอุส เซเบอร์ครอบครอง เขาได้นำโล่อิจิสเข้าเผชิญหน้ากับธีร์ ขุนศึกผู้ครอบครองค้อนที่ว่ากันว่าทำลายได้ทุกสิ่งอย่างค้อนโอเนียร์ คราแรกธีร์ได้แสดงอานุภาพของค้อนโอเนียร์ของตน ทุบลงที่พื้นอย่างรุนแรงจนแผ่นดินแยกออก ผู้คนในสนามรบต่างสะพรึงกลัว
แต่เพอซิอุสหากลัวเกรงไม่ เมื่อธีร์ฟาดค้อนลงมาโจมตี เขาได้ใช้โล่อิจิสเข้าป้องกันตัวเอง ค้อนโอเนียร์มิอาจทำลายโล่อิจิสได้แม้แต่น้อย เพอซิอุสเอาชนะธีร์ไปได้ จากครั้งทำให้โล่อิจิสถูกขนานนามว่าเป็นโล่ที่ป้องกันได้ทุกสิ่งเป็นต้นมา
เมื่อตกมาอยู่ในการครอบครองของเฟอร์ดินันอานุภาพของโล่อิจิสก็ยังมิลบเลือน การรบคราใด มันสามารถร่วมรบกับเฟอร์ดินันได้อย่างดี ป้องกันอาวุธทุกสิ่งที่ข้าศึกโจมตีมาได้ทั้งหมด
ลักษณะของโล่อิจิสค่อนข้างเรียบง่าย มีรูปร่างเป็นวงกลม ผิวหน้าโค้งมน รูปทรงของมันหากนับด้วยวิชาคำนวณจะมีลักษณะตรงกับที่เรียกว่า พาราโบลา ลวดลายบนโล่ก็มิได้พิสดารอะไรมากนัก มีขีดโค้งตามความกลม คล้ายรัศมีของพระอาทิตย์ส่องแสง
วัตถุดิบที่ใช้ทำโล่อิจิสนั้นกล่าวกันว่าเป็นนวโลหะชนิดที่หายาก ได้จากการก้อนศิลาที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ความแข็งแรงเหนือกว่าวัตถุใด ๆ ในพิภพ
เฟอร์ดินัน เซเบอร์มองโล่อิจิสที่ถูกวางอยู่บนฐานภายในห้องพักของตน เขามองมันอยู่เนิ่นนาน แล้วค่อยหยิบมันขึ้นมา
สายตาจ้องมองโล่ด้วยความชื่นชม เอ่ยขึ้นมาว่า
“โล่อิจิสเอ๋ย ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าจะแสดงอานุภาพอีกครั้งแล้ว เจ้าต้องทำให้ผู้ครอบครองดาบดูแรนเดลได้ละลายไปพร้อมกับการท้าทายของมันเถิด”
ตามจริงแล้วการท้าทายไม่ได้เกิดจากตระกูลลูซิเฟอร์ และไม่ได้เกิดจากกตระกูลเซเบอร์
เรื่องมันเริ่มจากผู้คนในนครลัวร์ได้พูดขึ้นมาว่า
“ระหว่างดาบดูแรนเดลของตระกูลลูซิเฟอร์ที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่อิจิสของตระกูลเซเบอร์ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง ถ้ามาปะทะกันผลจะเป็นอย่างไร”
จากคำพูดนี้ ประชาชนในเมืองต่างวิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างมาก กลายเป็นกระแสสังคม ทำให้ทุกคนอยากรู้คำตอบว่า ระหว่างดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง สิ่งไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน
กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดเป็นการท้าทายกันไปมา เกิดการทะเลาะวิวาท จนทางการอดรนทนไม่ไหว มอบหน้าที่ให้กับยอดนักแก้ไขปัญหาแห่งนครลัวร์เป็นคนจัดการ
และไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ตรวจการพิเศษ ปิแอร์ นั่นเอง
“ทำไมต้องเป็นหน้าที่ของข้าด้วย” ปิแอร์บ่นทันทีที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลงาน “ของแบบนี้หากตัดสินไปก็เท่านั้นแหละนะ”
“หมายความว่าไงหรือขอรับ” ฮาคาน ผู้ช่วยคนสนิทถาม
“คิดง่าย ๆ นะฮาคาน ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอาวุธของตนแข็งแกร่งทั้งคู่ แต่หากเรามาตัดสิน อย่างน้อย ๆ ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่เสียหาย อีกฝ่ายคงไว้ด้วยชื่อเสียงเดิม หรือถ้าผลออกมาไม่ดี เสียหายทั้งคู่เลย” ปิแอร์อธิบาย
ฮาคานนิ่งคิด คล้ายคิดตามไม่ทัน ปิแอร์พอรู้เลยกล่าวต่อว่า
“ในลักษณะนี้อาจะแบ่งได้ถึงสี่กรณี อย่างแรกคือ ถ้าดาบดูแรนเดลฟันโล่จนแตกป้องกันไม่ได้ แบบนี้จะเป็นผลดีกับตระกูลลูซิเฟอร์ แต่ฝ่ายตระกูลเซเบอร์เสียหายหนัก เพราะโล่ก็เสียหาย ชื่อเสียงก็เสียหายตามไปด้วย
อย่างที่สอง ถ้าฝ่ายโล่อิจิสสามารถป้องกันไว้ได้ แบบนี้ยังสามารถแบ่งออกได้อีกสองกรณีย่อย หนึ่งคือ โล่อิจิสป้องกันดาบดูแรนเดลได้ แต่ตัวดาบไม่ได้เสียหายอะไร แบบนี้ฝ่ายตระกูลเซเบอร์เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ที่สุด แต่ฝ่ายตระกูลลูซิเฟอร์จะเสียเพียงชื่อเสียง ตัวดาบยังคงอยู่เหมือนเดิม
แต่ถ้าเป็นอีกกรณีคือ โล่อิจิสป้องกันไว้ได้พร้อมทำให้ดาบดูแรนเดลเสียหาย แบบนี้ฝ่ายตระกูลลูซิเฟอร์เสียทั้งดาบเสียทั้งชื่อเสียงเลย
ส่วนอีกแบบก็คือ ผลการปะทะกันทำให้ทั้งโล่และดาบเสียหาย ซึ่งมองแล้วไม่เป็นผลดีต่อทั้งคู่ แน่นอน เสียหายทั้งสองฝ่าย ดังนั้นหากมองเฉพาะผลดีทั้งตัวอาวุธที่ไม่เสียหายกับชื่อเสียง ทั้งฝ่ายมีโอกาสเพียงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น ไม่มีทางไหนที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายชื่อเสียงไม่เสียและอาวุธไม่เสียหายทั้งคู่เลย”
ฮาคานพยายามคิดตามที่ปิแอร์อธิบาย มีโอกาสเป็นไปได้ตามนี้ทั้งหมดจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“แล้วแบบนี้ท่านจะช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายอย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้ผลการตัดสินออกมาตามความเป็นจริง” ฮาคานถาม
“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน วันตัดสินมันอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ก่อนอื่นข้าคงต้องไปเจรจารายละเอียดในการตัดสินของดาบกับโล่กับทั้งสองฝ่ายเสียก่อน” ปิแอร์พูดพลางคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
(มีต่อครับ)
Knight of Clues คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง [บทปัญหา]
คดีนี้อาจจะไม่ใช่คดีฆาตกรรมหรือสืบสวนแต่อย่างใด ลองเปลี่ยนสไตล์สักหน่อย
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34194149
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34227507
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 3 : ดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง
-1-
นับเป็นเวลาหลายปีแล้วที่บุรุษของตระกูลลูซิเฟอร์ได้แสดงความสามารถให้ผู้คนได้ประจักษ์
ด้วยวิชาดาบสมาธิของตระกูลที่เป็นการชักดาบด้วยความเร็วสูง สังหารด้วยดาบเดียว ซึ่งบุรุษในตระกูลลูซิเฟอร์ต้องฝึกฝนวิชาดาบสมาธินี้ตั้งแต่กำเนิด ฝึกใช้การชักดาบเป็นการทำสมาธิจนดาบกลายเป็นเครื่องตรวจสอบภาวะต่าง ๆ รอบกาย จนเมื่อสมาธิหลอมรวมกับดาบเป็นหนึ่งเดียวแล้ว จึงสามารถฟันออกโจมตีในดาบเดียว
ทว่าจากคดีฆ่าล้างยอดขุนพลเมื่อยี่สิบปีก่อน บุรุษของตระกูลได้เสียชีวิตไปเกือบทั้งหมด เหลือไว้เพียงภรรยาของจ้าวตระกูลกับลูกในครรภ์เท่านั้น
มิคาเอล ลูซิเฟอร์เติบโตมาท่ามกลางความวุ่นวายจากการสูญเสียบุรุษของตระกูลทั้งหมด ยังดีที่ ลิลิน ลูซิเฟอร์ผู้เป็นมารดาได้เลี้ยงดูและถ่ายทอดวิชาดาบสมาธิอย่างเข้มงวด เมื่อเติบใหญ่ออกเดินทางสู่ภายนอก ก็สร้างชื่อเสียงให้กับตระกูลลูซิเฟอร์อีกครั้ง
ด้วยพรสวรรค์ที่ตกทอดกันมา ดาบสมาธิยังคงร้ายกาจสุดคาดหยั่ง
แต่ว่ายังมีสิ่งหนึ่งที่หลายคนสงสัย เหตุใดมิคาเอลไม่ยอมใช้ดาบดูแรนเดลประจำตระกูลของตน
กล่าวกันดาบดูแรนเดลเป็นสุดยอดแห่งดาบ เป็นดาบประจำตัวของโรแลนด์ ลูซิเฟอร์ อัศวินที่มีชื่อเสียงยิ่งใหญ่ที่สุด ดาบถูกตีด้วยช่างตีดาบนิรนามท่านหนึ่งด้วยกรรมวิธีลึกลับซับซ้อน มีส่วนผสมของนวโลหะหลายสิบชนิด ในครั้งหนึ่งโรแลนด์จำเป็นต้องทิ้งดาบ แต่แทนที่เขาจะทิ้งดาบลงกับพื้น กลับขว้างดาบดูแรนเดลไปยังหน้าผา แทนที่มันจะหัก ดาบกลับปักอยู่บนหน้าผา อีกทั้งยังเกิดรอยแยกบริเวณหน้าผานั้นอีกด้วย ตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาดาบดูแรนเดลถูกนับเป็นดาบที่สามารถฟันทุกสิ่งได้
แม้ดาบจะร้ายกาจเพียงใด มีประวัติที่หน้าเกรงขามสักแค่ไหน แต่มิคาเอลมิยอมใช้ดาบดูแรนเดลนี้ กลับเลือกใช้ดาบปีกแมลง ซึ่งถือเป็นดาบที่บางที่สุดแทน
เนื่องด้วยวิชาดาบสมาธิเป็นวิชาดาบสังหารในดาบเดียว การที่จะใช้ดาบดูแรนเดลที่มีลักษณะเป็นดาบสองคมหนาใหญ่ตามสไตล์อัศวินในยุคก่อน ถ้าไม่ใช่ระดับสูงสุดเป็นเรื่องยากที่จะเปล่งอานุภาพของมันได้เต็มที่ การเลือกดาบปีกแมลงจึงตอบโจทย์มากกว่า
แต่แล้วในวันนี้เขากลับต้องมาที่ตระกูลลูซิเฟอร์ เพื่อฝึกปรือและใช้ดาบดูแรนเดลนี้อีกครั้ง
มิคาเอลนำดาบดูแรนเดลออกมาจากแท่นเก็บดาบประจำตระกูล ดาบนี้ยังคงถูกรักษาไว้อย่างดี ตัวดาบและฝักดาบยังส่องประกายแสงแหวววับ มองไม่ออกว่าดาบนี้แท้จริงสืบทอดกันเป็นเวลาร้อยกว่าปีแล้ว
ชายหนุ่มร่างบางถือดาบ เดินมาทางสตรีที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ตัวงาม
“เราจำเป็นต้องใช้ดาบนี้จริง ๆ หรือท่านแม่” มิคาเอลถาม
“จำเป็นอย่างเลี่ยงไม่ได้” ลิลิน ลูซิเฟอร์ตอบ “ในเมื่อคนทั้งหลายอยากเห็นอานุภาพของมัน เราจำเป็นต้องแสดงให้เห็นว่าดาบดูแรนเดลของตระกูลลูซิเฟอร์คือสุดยอดดาบที่ฟันได้ทุกสิ่ง”
“แต่ท่านแม่ ข้ามิชอบตัวดาบของมันเลย” มิคาเอลพูดขึ้นต่อ แม้เขาจะเคยใช้ดาบดูแรนเดลมาบ้างแล้ว แต่เห็นว่าดาบปีกแมลงถนัดมือตนมากกว่า
“มันเป็นดาบในตำนาน เจ้าอยู่ในตระกูลลูซิเฟอร์มิอาจเลี่ยงไม่ใช้มันได้หรอก เจ้ายังจำคราที่ใช้ดาบดูแรนเดลครั้งแรกได้หรือไม่ คงรู้ว่าอานุภาพมันเกินกว่าที่เจ้าคาดการณ์ไว้มากนัก”
“ใช่ ครั้งนั้นทำให้ข้ารู้เลยว่าอานุภาพและพลังทำลายของมันสูงยิ่งนัก มันสามารถฟันภูผาอย่างกับก้อนเนย”
“และในครั้งนี้เจ้าต้องใช้มัน มันถึงคราวที่เจ้าต้องแสดงอานุภาพของดูแรนเดลอีกครั้ง เพื่อตอบโต้การท้าทายของตระกูลเซเบอร์ผู้ครอบครองโล่อีจิส” ลิลิน ลูซิเฟอร์พูดด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
หากนับตระกูลลูซิเฟอร์เป็นสุดยอดในวิชาดาบ แต่ถ้าทางการทหารในการรบแล้ว ไม่มีใครไม่เอ่ยถึงตระกูลเซเบอร์
ตระกูลเซเบอร์ถือเป็นหนึ่งในตระกูลที่รับใช้ทางการของนครลัวร์มาช้านาน ความแข็งแกร่งของกองทหารแห่งลัวร์ก็มาจากความสามารถของเหล่าบุรุษในตระกูลเซเบอร์ แม่ทัพใหญ่ ยอดฝีมือทั้งหลายแห่งนครลัวร์เป็นบุรุษในตระกูลเซเบอร์ทั้งสิ้น
ในปัจจุบันแม่ทัพใหญ่แห่งนครลัวร์ก็คือ เฟอร์ดินัน เซเบอร์
เฟอร์ดินัน เซเบอร์ถือเป็นขุนพลชำนาญศึกที่กล้าแกร่งในกองทัพแห่งลัวร์ ด้วยร่างกายที่ใหญ่โตและพลังกำลังที่มหาศาล วิชาต่อสู้ด้วยดาบเล่มใหญ่กับโล่ถือเป็นจุดเด่นอันร้ายกาจของเขา โดยเฉพาะอย่างยิ่งยามที่เขาถือโล่อิจิส
โล่อิจิสถือเป็นโล่ที่สืบทอดในตระกูลเซเบอร์ ถูกนับเป็นโล่ที่สามารถป้องกันได้ทุกอย่าง
ในครั้งของสมัยของเพอซิอุส เซเบอร์ครอบครอง เขาได้นำโล่อิจิสเข้าเผชิญหน้ากับธีร์ ขุนศึกผู้ครอบครองค้อนที่ว่ากันว่าทำลายได้ทุกสิ่งอย่างค้อนโอเนียร์ คราแรกธีร์ได้แสดงอานุภาพของค้อนโอเนียร์ของตน ทุบลงที่พื้นอย่างรุนแรงจนแผ่นดินแยกออก ผู้คนในสนามรบต่างสะพรึงกลัว
แต่เพอซิอุสหากลัวเกรงไม่ เมื่อธีร์ฟาดค้อนลงมาโจมตี เขาได้ใช้โล่อิจิสเข้าป้องกันตัวเอง ค้อนโอเนียร์มิอาจทำลายโล่อิจิสได้แม้แต่น้อย เพอซิอุสเอาชนะธีร์ไปได้ จากครั้งทำให้โล่อิจิสถูกขนานนามว่าเป็นโล่ที่ป้องกันได้ทุกสิ่งเป็นต้นมา
เมื่อตกมาอยู่ในการครอบครองของเฟอร์ดินันอานุภาพของโล่อิจิสก็ยังมิลบเลือน การรบคราใด มันสามารถร่วมรบกับเฟอร์ดินันได้อย่างดี ป้องกันอาวุธทุกสิ่งที่ข้าศึกโจมตีมาได้ทั้งหมด
ลักษณะของโล่อิจิสค่อนข้างเรียบง่าย มีรูปร่างเป็นวงกลม ผิวหน้าโค้งมน รูปทรงของมันหากนับด้วยวิชาคำนวณจะมีลักษณะตรงกับที่เรียกว่า พาราโบลา ลวดลายบนโล่ก็มิได้พิสดารอะไรมากนัก มีขีดโค้งตามความกลม คล้ายรัศมีของพระอาทิตย์ส่องแสง
วัตถุดิบที่ใช้ทำโล่อิจิสนั้นกล่าวกันว่าเป็นนวโลหะชนิดที่หายาก ได้จากการก้อนศิลาที่ร่วงหล่นจากท้องฟ้า ความแข็งแรงเหนือกว่าวัตถุใด ๆ ในพิภพ
เฟอร์ดินัน เซเบอร์มองโล่อิจิสที่ถูกวางอยู่บนฐานภายในห้องพักของตน เขามองมันอยู่เนิ่นนาน แล้วค่อยหยิบมันขึ้นมา
สายตาจ้องมองโล่ด้วยความชื่นชม เอ่ยขึ้นมาว่า
“โล่อิจิสเอ๋ย ใกล้ถึงเวลาที่เจ้าจะแสดงอานุภาพอีกครั้งแล้ว เจ้าต้องทำให้ผู้ครอบครองดาบดูแรนเดลได้ละลายไปพร้อมกับการท้าทายของมันเถิด”
ตามจริงแล้วการท้าทายไม่ได้เกิดจากตระกูลลูซิเฟอร์ และไม่ได้เกิดจากกตระกูลเซเบอร์
เรื่องมันเริ่มจากผู้คนในนครลัวร์ได้พูดขึ้นมาว่า
“ระหว่างดาบดูแรนเดลของตระกูลลูซิเฟอร์ที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่อิจิสของตระกูลเซเบอร์ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง ถ้ามาปะทะกันผลจะเป็นอย่างไร”
จากคำพูดนี้ ประชาชนในเมืองต่างวิเคราะห์วิจารณ์กันอย่างมาก กลายเป็นกระแสสังคม ทำให้ทุกคนอยากรู้คำตอบว่า ระหว่างดาบที่ฟันได้ทุกสิ่งกับโล่ที่ป้องกันได้ทุกอย่าง สิ่งไหนจะแข็งแกร่งกว่ากัน
กองเชียร์ทั้งสองฝ่ายเริ่มมีมากขึ้นเรื่อย ๆ เกิดเป็นการท้าทายกันไปมา เกิดการทะเลาะวิวาท จนทางการอดรนทนไม่ไหว มอบหน้าที่ให้กับยอดนักแก้ไขปัญหาแห่งนครลัวร์เป็นคนจัดการ
และไม่ใช่ใครที่ไหน ผู้ตรวจการพิเศษ ปิแอร์ นั่นเอง
“ทำไมต้องเป็นหน้าที่ของข้าด้วย” ปิแอร์บ่นทันทีที่ได้รับคำสั่งให้ดูแลงาน “ของแบบนี้หากตัดสินไปก็เท่านั้นแหละนะ”
“หมายความว่าไงหรือขอรับ” ฮาคาน ผู้ช่วยคนสนิทถาม
“คิดง่าย ๆ นะฮาคาน ต่างฝ่ายต่างอ้างว่าอาวุธของตนแข็งแกร่งทั้งคู่ แต่หากเรามาตัดสิน อย่างน้อย ๆ ต้องมีฝ่ายหนึ่งที่เสียหาย อีกฝ่ายคงไว้ด้วยชื่อเสียงเดิม หรือถ้าผลออกมาไม่ดี เสียหายทั้งคู่เลย” ปิแอร์อธิบาย
ฮาคานนิ่งคิด คล้ายคิดตามไม่ทัน ปิแอร์พอรู้เลยกล่าวต่อว่า
“ในลักษณะนี้อาจะแบ่งได้ถึงสี่กรณี อย่างแรกคือ ถ้าดาบดูแรนเดลฟันโล่จนแตกป้องกันไม่ได้ แบบนี้จะเป็นผลดีกับตระกูลลูซิเฟอร์ แต่ฝ่ายตระกูลเซเบอร์เสียหายหนัก เพราะโล่ก็เสียหาย ชื่อเสียงก็เสียหายตามไปด้วย
อย่างที่สอง ถ้าฝ่ายโล่อิจิสสามารถป้องกันไว้ได้ แบบนี้ยังสามารถแบ่งออกได้อีกสองกรณีย่อย หนึ่งคือ โล่อิจิสป้องกันดาบดูแรนเดลได้ แต่ตัวดาบไม่ได้เสียหายอะไร แบบนี้ฝ่ายตระกูลเซเบอร์เป็นฝ่ายได้ประโยชน์ที่สุด แต่ฝ่ายตระกูลลูซิเฟอร์จะเสียเพียงชื่อเสียง ตัวดาบยังคงอยู่เหมือนเดิม
แต่ถ้าเป็นอีกกรณีคือ โล่อิจิสป้องกันไว้ได้พร้อมทำให้ดาบดูแรนเดลเสียหาย แบบนี้ฝ่ายตระกูลลูซิเฟอร์เสียทั้งดาบเสียทั้งชื่อเสียงเลย
ส่วนอีกแบบก็คือ ผลการปะทะกันทำให้ทั้งโล่และดาบเสียหาย ซึ่งมองแล้วไม่เป็นผลดีต่อทั้งคู่ แน่นอน เสียหายทั้งสองฝ่าย ดังนั้นหากมองเฉพาะผลดีทั้งตัวอาวุธที่ไม่เสียหายกับชื่อเสียง ทั้งฝ่ายมีโอกาสเพียงหนึ่งในสี่ส่วนเท่านั้น ไม่มีทางไหนที่ทำให้ทั้งสองฝ่ายชื่อเสียงไม่เสียและอาวุธไม่เสียหายทั้งคู่เลย”
ฮาคานพยายามคิดตามที่ปิแอร์อธิบาย มีโอกาสเป็นไปได้ตามนี้ทั้งหมดจริง ๆ มันไม่ใช่เรื่องง่ายเลย
“แล้วแบบนี้ท่านจะช่วยเหลือทั้งสองฝ่ายอย่างไร หรือว่าจะปล่อยให้ผลการตัดสินออกมาตามความเป็นจริง” ฮาคานถาม
“เรื่องนั้นค่อยว่ากัน วันตัดสินมันอีกสองสัปดาห์ข้างหน้า ก่อนอื่นข้าคงต้องไปเจรจารายละเอียดในการตัดสินของดาบกับโล่กับทั้งสองฝ่ายเสียก่อน” ปิแอร์พูดพลางคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ
(มีต่อครับ)