สวัสดีครับทุกท่าน เจอกันอีกแล้วนะครับ
เชิญอ่านกันได้เลยสำหรับคดีที่ 2 แอบบอกก่อนเลยว่าคดีนี้เป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายเลยนะ
แล้วเจอกันใหม่ที่บทเฉลยนะครับ
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา
-1-
หลังจากหมดสิ้นสงครามนครลัวร์ก็เงียบสงบ ไร้ซึ่งการต่อสู้แย่งชิงดินแดนกับเมืองใด
เมื่อไม่มีสงครามบรรดาทหารรับจ้างหรือผู้ร่วมรบที่ไม่ขึ้นตรงต่อทางการคล้ายหมดหน้าที่ หลายคนต้องเปลี่ยนหน้าที่การงาน หากิจการเพื่อยังชีพตัวเอง เพราะลำพังวิชาต่อสู้อย่างเดียวเอาชีวิตรอดไม่ได้อยู่แล้ว
เช่นเดียวกับผู้คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของนครลัวร์ ที่นี่มีเหล่าอดีตนักรบในยามสงครามอาศัยรวมกันจำนวนหนึ่ง จนเรียกหมู่บ้านนี้ว่าเป็นหมู่บ้านบุรุษหลังสงคราม
หมู่บ้านบุรุษหลังสงครามมีประชากรไม่มากราว ๆ ห้าสิบคน ผู้คนในหมู่บ้านประกอบอาชีพหลากหลาย มีทั้งนายพรานล่าสัตว์หาของป่า ทำการเกษตร ช่างทำมีดที่ในอดีตเป็นช่างตีดาบ หรือรับจ้างคุ้มกันภัยแก่นักเดินทางที่ผ่านมา ซึ่งหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ติดเชิงเขาทางตอนเหนือของนครลัวร์
หัวหน้าหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามคือ ราเซ็ต ในอดีตเขาถือว่าเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ เจ้าของฉายา หอกยาวไร้สิ้นสุด เป็นผู้มีวิชาหอกที่ยอดเยี่ยมกำราบข้าศึกศัตรูเป็นจำนวนมากด้วยหอกที่ยาวมากกว่าหอกทั่วไป
หลังจากเสร็จสิ้นศึกการแย่งชิงไร้การฆ่าฟันใด ๆ ในนครลัวร์แล้ว ราเซ็ตจึงปลีกตัวมาทางตอนเหนือ แล้วรวบรวมสมัครพรรคพวกที่มีอุดมการณ์เดียวกันแต่รักสงบ จัดตั้งเป็นหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามจนถึงทุกวันนี้
ที่ผ่านมาหมู่บ้านไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งหลายต่างอยู่กันอย่างพอเพียง ใช้ชีวิตหลังสงครามอย่างสงบ
แต่ว่าหลังจากที่ฤดูกาลแปรเปลี่ยน ลมมรสุมอันรุนแรงพัดผ่าน เป็นเหตุให้เมื่อสิบวันก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนองขนาดหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่องถึงสามวันทำให้หมู่บ้านเกิดความเสียหายไปพอสมควร
ปิแอร์ ผู้ตรวจการณ์พิเศษผู้ถือป้ายมังกรสามหัวกับ ฮาคาน ผู้ช่วยผู้ตรวจการณ์ ได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดรับทราบผลกระทบของภัยธรรมชาติ พร้อมทั้งรายงานแจ้งไปยังทางการให้ได้ทราบ
ราเซ็ตนำลูกบ้านมาตอนรับปิแอร์กับฮาคาน เขาอายุเกือบหกสิบปีแล้ว แต่ร่างกายยังกำยำล่ำสันไม่ต่างจากสมัยหนุ่ม
“ข้ารู้สึกยินดีมากที่ท่านผู้ตรวจการณ์ได้เดินทางที่หมู่บ้านบุรุษหลังสงครามของเรา อย่างที่ทราบ หมู่บ้านของเราได้ผลกระทบจากพายุฝนเมื่อสิบวันก่อน ขอให้ท่านโปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย”
ปิแอร์ยิ้มให้ทุกคน กล่าวว่า
“ขอให้สบายใจได้ท่านราเซ็ต งานของข้าคือมาตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ พวกนี้แหละ หลังจากข้าได้ข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ทางการจะจัดส่งหน่วยช่วยเหลือมาภายหลัง ขอให้ท่านโปรดรอกันสักหน่อย”
“ขอบคุณท่านและทางการมาก ๆ หวังว่าข้าจะไม่ต้องรอนาน”
ราเซ็ตพาปิแอร์กับฮาคานเดินชมรอบหมู่บ้าน บ้านของหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างกันแบบเรียบง่าย ปลูกไว้เป็นแถวแบ่งซอยชัดเจน และจะแบ่งพื้นที่บ้านกับไร่สวนที่ทำการเกษตรแยกออกไว้คนละส่วน โดยจะมีบ้านหลังใหญ่ใช้ที่เป็นสำนักงานประจำหลักของหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามอยู่ตรงกลางของบ้านพักทั้งหมด
แต่ว่าจากการที่พายุเข้า ทำให้บ้านเรือนบางส่วนพักเสียหาย จนมีบางคนต้องไปพักอาศัยกับบ้านอื่นหรือพักที่สำนักงานหมู่บ้านแทน
ปิแอร์สังเกตบ้านเรือนที่เสียหาย ตรวจสอบและดูจุดที่ต้องซ่อมแซม จดบันทึกรายละเอียดจนครบถ้วนทุกหลัง ซึ่งขณะที่เขากำลังตรวจสอบอยู่นั้นก็หันไปพบเห็นบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่
“ตรงนั้นบ้านของใคร”
ปิแอร์ชี้มือไปยังบนเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน บนเขานั้นมีบ้านขนาดเล็กตั้งอยู่โดดเดี่ยว
“บ้านหลังนั้นหรือ..” ราเซ็ตทวนคำ ทำท่าเหมือนจะไม่ค่อยอยากตอบสักเท่าไร
“ใช่ บ้านที่อยู่บนเขานั่นแหละ ตรงนั้นมีคนอาศัยอยู่ด้วยไหม” ปิแอร์ถามต่อ
“มีขอรับ บ้านหลังมี เซจิโอ้ อยู่คนเดียว”
“เซจิโอ้เป็นผู้ใด ทำไมถึงไปอยู่บนนั้นเพียงคนเดียว”
“ไม่ทราบท่านปิแอร์รู้จักเจ้าของฉายาหอกสั้นทะลวงศึกหรือไม่”หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“เป็นขุนศึกที่เคยร่วมรบคู่กับท่านมิใช่หรือ” ปิแอร์ตอบ
ราเซ็ตพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว คือเซจิโอ้ ผู้นั้นเอง”
“อืม... งั้นข้าก็คงต้องขอไปตรวจสอบที่นั่นด้วย” ปิแอร์กล่าวต่อ
“จะดีหรือท่านปิแอร์” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“หือ มีเรื่องอะไร”
“ก็เจ้าเซจิโอ้มันไม่ยอมให้เข้าไปในพื้นที่มันเลย อ้างว่าจะทำให้ไร่ขั้นบันไดที่ทำการเกษตรไว้เสียหาย ทั้งยังหาว่าพวกคนในหมู่บ้านข้าไปขโมยผลผลิตของมันอีก ดังนั้น ข้าเลยคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องไปดูหรอก” ราเซ็ตอธิบาย
ปิแอร์นิ่งคิด เขามองไปยังภูเขาจากจุดที่ยืนจะมองเห็นว่าบนเขานั้นมีลักษณะเป็นขั้นบันได เป็นขั้น ๆ โดยมีการปลูกพืชพรรณต่าง ๆ ไว้แต่ละขั้น บ้านพักของเซจิโอ้อยู่บริเวณช่วงกลางระหว่างไร่ขั้นบันไดบนเขาลูกนั้น
“เห็นทีคงไม่ตรวจสอบไม่ได้หรอกท่านราเซ็ต จากที่เห็นตรงนี้บริเวณไร่ขั้นบันไดบนเขานั่นก็มีส่วนที่เสียหายจากพายุพอสมควร ข้าคงต้องไปตรวจสอบเหมือนกัน เดี๋ยวหากเซจิโอ้ผู้นั้นมิยอม ข้าจะพูดคุยกับเขาเอง”
หลังจากตรวจสอบบ้านพักและไร่สวนของคนในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ปิแอร์ก็ขอไปตรวจสอบยังไร่ขั้นบันไดของเซจิโอ้
ราเซ็ตและคนในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งนำทางเพื่อขึ้นไปยังบนไร่ขั้นบันไดนั้น
ภูเขาหลังหมู่บ้านนี้ถือเป็นจุดสำคัญแห่งหนึ่งของหมู่บ้านบุรุษหลังสงคราม โดยพื้นที่บริเวณตีนเขาตลอดขึ้นไปถึงตอนกลางจะประกอบด้วยป่าไม้ครอบคลุม มีเพียงตั้งแต่ตอนกลางจนถึงด้านบนที่ต้นไม้เบาบาง และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นไร่นาขั้นบันไดของเซจิโอ้
จีเซล มือขวาคนสนิทของราเซ็ตเดินนำทางพาทุกคนขึ้นไปบนเขา สำหรับการติดต่อกับเซจิโอ้นั้นส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะให้จีเซลผู้นี้แหละเป็นผู้ขึ้นไปติดต่อ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเซจิโอ้จึงยินยอมให้จีเซลเข้าไปในไร่หรือภายในบ้านได้ โดยจีเซลจะมาหาเซจิโอ้ทุกสิบห้าวัน เพื่อนำผลผลิตลงไปแจกจ่ายให้แก่คนอื่นในหมู่บ้านตามข้อตกลง
ถึงเซจิโอ้จะไม่ยอมให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปในเขตของตน แต่เขาก็ได้ตกลงว่าจะนำผลผลิตส่วนหนึ่งมาแจกจ่ายให้กับหมู่บ้านเป็นประจำ แลกเปลี่ยนกับการห้ามผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวในไร่ของเขา
“ครั้งก่อนที่ข้ามาเซจิโอ้พูดถึงท่านราเซ็ตด้วยนะขอรับ” จีเซลพูดขึ้นขณะเดินทางทั้งหมดกำลังไปบ้านเซจิโอ้
“มันพูดว่ายังไง” ราเซ็ตถาม
“เซจิโอ้บอกว่า เขาอยากประลองหอกกับท่านอีกครั้งน่ะ” จีเซลบอก
“นี่มันยังไม่หายคาใจเรื่องในอดีตอีกหรือ” ราเซ็ตกล่าว “อายุก็ปูนนี้แล้ว จะยังคิดต่อสู้อะไรกันอีก”
“เฮอะๆ บางครั้งข้าเห็นเขายังฝึกวิชาหอกอยู่ด้วยนะ แอบสอนให้ข้านิดหน่อยด้วย”
“ไม่จริงมั้ง อย่างมันนี่นะจะยอมสอนวิชาให้คนอื่น” ราเซ็ตบอก
“ในอดีตท่านกับเซจิโอ้มีเรื่องอะไรกันหรือ” คราวนี้เป็นปิแอร์ที่ถามขึ้นบ้าง
“ก็ไม่มีอะไรหรอกท่านผู้ตรวจการณ์ เป็นผู้ใช้หอกเหมือนกันก็อยากรู้ว่าใครเก่งกว่ากันเป็นธรรมดา อย่าไปใส่ใจเลย” ราเซ็ตหันไปบอก
ปิแอร์มองเขา
“แล้วท่านเคยประลองกับเซจิโอ้หรือยัง”
“เราเป็นขุนศึกคู่กันย่อมมีการประลองกันบ้าง แต่ว่าหากนับเป็นประลองห่ำหั่นว่าใครเป็นหนึ่งคงจะนับไม่ได้” ราเซ็ตบอก
ผู้ตรวจการณ์พิเศษนิ่งคิด สักพักพวกเขาก็เดินทางมาถึงไร่ของเซจิโอ้
ไร่ของเซจิโอ้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร เป็นการปลูกพืชในลักษณะขั้นบันได โดยจะปลูกพืชต่าง ๆ ไว้ที่พื้นที่บันไดแต่ละขั้น แต่ว่าตอนนี้ไร่ของเขาเสียหายอย่างมาก
พืชพรรณที่ปลูกหลายส่วนหลุดหายกระจุยกระจายจากแรงพัดพาของพายุเมื่อสิบวันก่อน หน้าดินเปิดจนดูไม่ออกว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นไร่ขั้นบันไดที่เขียวขจีสวยงาม
แน่นอนว่าผลผลิตย่อมไม่มี ลำพังส่วนที่เหลือแค่ใช้ยังชีพยังถือว่าไม่เพียงพอเลย
ปิแอร์ให้ฮาคานบันทึกรายละเอียดที่เห็น ดูท่าเซจิโอ้ก็คงต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน
“ข้าอยากเจอเซจิโอ้ เขาคงอยู่ในบ้านพักสินะ” ปิแอร์พูดขึ้น หันมองไปยังบ้านพักที่อยู่ช่วงกลางของไร่
บ้านพักของเซจิโอ้เป็นบ้านไม้ขนาดเล็กรูปทางสี่เหลี่ยม หลังคาทำเป็นส่วนโค้งปูด้วยกระเบื้อง มีร่องรอยผุพังจนเหยิน เศษชิ้นของหลังคาบางจุดที่หลุดหายไป ภายนอกบ้านเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน เศษต้นข้าวและพืชพรรณอื่นในไร่ที่ถูกพายุพัดว่ามาติดยังที่ส่วนตัวบ้านยังไม่เสียหายสักเท่าไร เพราะสร้างด้วยไม้อย่างดี
จีเซลเดินนำไปยังบ้านพัก แต่ว่าพอเขาได้สักพักก็หยุดนิ่ง คล้ายรู้สึกอะไรบางอย่าง
“เจ้าหยุดเดินทำไม” ราเซ็ตถาม
จีเซลนิ่งเหมือนพยายามคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่เขาบอกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ เดินต่อเถอะ”
จากนั้นเมื่อมาถึงหน้าบ้านของเซจิโอ้ เขาก็ยกมือเคาะประตูเพื่อเรียกเซจิโอ้ที่อยู่ข้างใน
“ท่านเซจิโอ้ ข้าจีเซลเอง ท่านเปิดประตูหน่อย"
ไม่มีเสียงใดตอบออกมา จีเซลลองเรียกอีกครั้งก็ผลเป็นเช่นเดิม
“หรือว่ามันจะไม่อยู่” ราเซ็ตพูดขึ้นมา
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะท่านราเซ็ต ปกติถ้าไม่อยู่ในไร่ก็อยู่ในบ้านนี่แหละ” จีเซลบอก
ปิแอร์ลองมองรอบ ๆ บ้าน บ้านหลังนี้มีหน้าต่างอยู่สองจุด บริเวณด้านหน้ากับด้านข้างทางทิศตะวันออก แต่ว่าหน้าต่างทั้งหมดถูกปิดไว้
ราเซ็ตให้จีเอลลองพยายามเปิดประตู แต่ว่ามันถูกล็อคเอาไว้ เช่นเดียวกับหน้าต่าง ไม่สามารถเปิดจากภายนอกได้ คาดว่าถูกล็อคจากภายในไว้เช่นกัน
“ข้าว่าต้องมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ” ปิแอร์พูดขึ้นมา
“มีอะไรหรือท่านผู้ตรวจการณ์”
“ท่านราเซ็ตดูตรงประตูนี้ดี ๆ” ปิแอร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งของประตู “ท่านเห็นคราบดินตรงนี้ไหม คราบดินนี้ยาวเชื่อมต่อถึงบานประตูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามันยังเป็นเช่นนี้หมายความว่าประตูนี้ยังไม่เคยเปิดเลยตั้งแต่โดนพายุพัด เพราะถ้ามีการเปิดประตูคราบดินต้องถูกแยกกัน”
เป็นตามที่ปิแอร์กล่าว หากมีคนอยู่ข้างในอย่างน้อยภายในเวลาหลังจากพายุสงบก็ต้องเปิดประตูออกมาข้างนอกบ้างแล้ว
“ฮาคาน” ปิแอร์เรียก
“ขอรับ” ฮาคานรับคำ
“พังประตูเข้าไปดูข้างในซะ!”
“รับทราบ!”
สิ้นคำสั่งฮาคานก็พุ่งตัวเอาไหล่เข้ากระแทกประตูบ้านพักนี้อย่างรุนแรงจนบ้านพักเคลื่อนขยับไปเล็กน้อย ประตูถูกเปิดออก
ฮาคานเดินนำเข้าบ้านทางประตูที่เปิด แต่ว่าพอก้าวเข้าไปในตัวบ้านกลับมีสิ่งหนึ่งร่วงลงมาปิดศีรษะของเขา
ตามจริงฮาคานจับความรู้สึกได้ว่ามีสิ่งกำลังร่วงลงมาด้านบน แต่ว่าเมื่อเห็นว่าเป็นชิ้นผ้าชนิดหนึ่ง แทนที่จะปัดออกกลับปล่อยให้ตกลงมาก่อน เพื่อให้ผู้ติดตามข้างหลังไม่ตกใจ
แต่ว่า...
“นั่นมันกางเกงชั้นในนะฮาคาน ทำไมไม่ปัดออก” ปิแอร์พูดขึ้น แถมมีขำเล็กน้อย
“หือ!” ฮาคานรีบปัดมันออกทันที
ทว่าปิแอร์หัวเราะไปได้ไม่นานก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏภายในบ้าน
ข้าวของในบ้านกระจุยกระจายไปคนละทาง เละเทะไม่มีชิ้นดี ราวกับโดนรื้อค้นครั้งยิ่งใหญ่ มองไม่เห็นความเป็นระเบียบแม้แต่น้อย แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ปิแอร์หยุดหัวเราะไม่ใช่เรื่องนี้
เป็นตอนนี้ร่างของชายคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นเซจิโอ้ต่างหากเพราะว่าร่างนั้นตอนนี้นอนตายเป็นซากอยู่ในบ้าน
ทุกสายตาย่อมมองไปยังร่างของเซจิโอ้ที่เสียชีวิต
ร่างของเซจิโอ้โดนหอกสั้นของตัวเองแทงท้องจนมิดคม ปลายคมหอกทะลุมาด้านหลัง จากสภาพศพคาดว่าน่าจะตายมาหลายวันแล้ว
“เซจิโอ้ เจ้า..”
ราเซ็ตเดินเข้าไปใกล้ ๆ ร่างนั้นอย่างเชื่องช้า ส่วนจีเซลได้แต่นิ่งไร้คำพูดจา ทรุดตัวลงเล็กน้อย
“ใครเป็นคนทำเจ้า” ราเซ็ตกล่าวต่อด้วยแววตาแดงกล่ำ เขามองไปยังร่างไร้วิญญาณที่ถูกหอกปักอยู่
ปิแอร์กับฮาคานแม้จะประหลาดใจ แต่ก็รักษาอาการ เดินไปใกล้ ๆ ร่างของเซจิโอ้เหมือนกันแล้วพูดขึ้นว่า
“สำหรับเรื่องนี้ข้าก็จะตรวจสอบเช่นกัน ขอให้ท่านจงวางใจ”
(มีต่อครับ)
Knight of Clues คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา [บทปัญหา]
เชิญอ่านกันได้เลยสำหรับคดีที่ 2 แอบบอกก่อนเลยว่าคดีนี้เป็นฆาตกรรมในห้องปิดตายเลยนะ
แล้วเจอกันใหม่ที่บทเฉลยนะครับ
ตอนที่แล้วครับ
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทปัญหา]
http://ppantip.com/topic/34126383
Knight of Clues คดีที่ 1 : แม้ตัวตาย มือก็ไม่คลายดาบ [บทเฉลย]
http://ppantip.com/topic/34174838
+++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++++
คดีที่ 2 : คมหอกบนภูผา
-1-
หลังจากหมดสิ้นสงครามนครลัวร์ก็เงียบสงบ ไร้ซึ่งการต่อสู้แย่งชิงดินแดนกับเมืองใด
เมื่อไม่มีสงครามบรรดาทหารรับจ้างหรือผู้ร่วมรบที่ไม่ขึ้นตรงต่อทางการคล้ายหมดหน้าที่ หลายคนต้องเปลี่ยนหน้าที่การงาน หากิจการเพื่อยังชีพตัวเอง เพราะลำพังวิชาต่อสู้อย่างเดียวเอาชีวิตรอดไม่ได้อยู่แล้ว
เช่นเดียวกับผู้คนในหมู่บ้านแห่งหนึ่งทางตอนเหนือของนครลัวร์ ที่นี่มีเหล่าอดีตนักรบในยามสงครามอาศัยรวมกันจำนวนหนึ่ง จนเรียกหมู่บ้านนี้ว่าเป็นหมู่บ้านบุรุษหลังสงคราม
หมู่บ้านบุรุษหลังสงครามมีประชากรไม่มากราว ๆ ห้าสิบคน ผู้คนในหมู่บ้านประกอบอาชีพหลากหลาย มีทั้งนายพรานล่าสัตว์หาของป่า ทำการเกษตร ช่างทำมีดที่ในอดีตเป็นช่างตีดาบ หรือรับจ้างคุ้มกันภัยแก่นักเดินทางที่ผ่านมา ซึ่งหมู่บ้านนี้ตั้งอยู่ติดเชิงเขาทางตอนเหนือของนครลัวร์
หัวหน้าหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามคือ ราเซ็ต ในอดีตเขาถือว่าเป็นยอดฝีมืออันดับต้น ๆ เจ้าของฉายา หอกยาวไร้สิ้นสุด เป็นผู้มีวิชาหอกที่ยอดเยี่ยมกำราบข้าศึกศัตรูเป็นจำนวนมากด้วยหอกที่ยาวมากกว่าหอกทั่วไป
หลังจากเสร็จสิ้นศึกการแย่งชิงไร้การฆ่าฟันใด ๆ ในนครลัวร์แล้ว ราเซ็ตจึงปลีกตัวมาทางตอนเหนือ แล้วรวบรวมสมัครพรรคพวกที่มีอุดมการณ์เดียวกันแต่รักสงบ จัดตั้งเป็นหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามจนถึงทุกวันนี้
ที่ผ่านมาหมู่บ้านไม่มีปัญหาใด ๆ ทั้งหลายต่างอยู่กันอย่างพอเพียง ใช้ชีวิตหลังสงครามอย่างสงบ
แต่ว่าหลังจากที่ฤดูกาลแปรเปลี่ยน ลมมรสุมอันรุนแรงพัดผ่าน เป็นเหตุให้เมื่อสิบวันก่อนเกิดพายุฝนฟ้าคะนองขนาดหนักติดต่อกันอย่างต่อเนื่องถึงสามวันทำให้หมู่บ้านเกิดความเสียหายไปพอสมควร
ปิแอร์ ผู้ตรวจการณ์พิเศษผู้ถือป้ายมังกรสามหัวกับ ฮาคาน ผู้ช่วยผู้ตรวจการณ์ ได้เดินทางมายังหมู่บ้านแห่งนี้ เพื่อตรวจสอบรายละเอียดรับทราบผลกระทบของภัยธรรมชาติ พร้อมทั้งรายงานแจ้งไปยังทางการให้ได้ทราบ
ราเซ็ตนำลูกบ้านมาตอนรับปิแอร์กับฮาคาน เขาอายุเกือบหกสิบปีแล้ว แต่ร่างกายยังกำยำล่ำสันไม่ต่างจากสมัยหนุ่ม
“ข้ารู้สึกยินดีมากที่ท่านผู้ตรวจการณ์ได้เดินทางที่หมู่บ้านบุรุษหลังสงครามของเรา อย่างที่ทราบ หมู่บ้านของเราได้ผลกระทบจากพายุฝนเมื่อสิบวันก่อน ขอให้ท่านโปรดช่วยเหลือพวกเราด้วย”
ปิแอร์ยิ้มให้ทุกคน กล่าวว่า
“ขอให้สบายใจได้ท่านราเซ็ต งานของข้าคือมาตรวจสอบรายละเอียดต่าง ๆ พวกนี้แหละ หลังจากข้าได้ข้อมูลต่าง ๆ แล้ว ทางการจะจัดส่งหน่วยช่วยเหลือมาภายหลัง ขอให้ท่านโปรดรอกันสักหน่อย”
“ขอบคุณท่านและทางการมาก ๆ หวังว่าข้าจะไม่ต้องรอนาน”
ราเซ็ตพาปิแอร์กับฮาคานเดินชมรอบหมู่บ้าน บ้านของหมู่บ้านส่วนใหญ่จะเป็นบ้านไม้ขนาดไม่ใหญ่นัก สร้างกันแบบเรียบง่าย ปลูกไว้เป็นแถวแบ่งซอยชัดเจน และจะแบ่งพื้นที่บ้านกับไร่สวนที่ทำการเกษตรแยกออกไว้คนละส่วน โดยจะมีบ้านหลังใหญ่ใช้ที่เป็นสำนักงานประจำหลักของหมู่บ้านบุรุษหลังสงครามอยู่ตรงกลางของบ้านพักทั้งหมด
แต่ว่าจากการที่พายุเข้า ทำให้บ้านเรือนบางส่วนพักเสียหาย จนมีบางคนต้องไปพักอาศัยกับบ้านอื่นหรือพักที่สำนักงานหมู่บ้านแทน
ปิแอร์สังเกตบ้านเรือนที่เสียหาย ตรวจสอบและดูจุดที่ต้องซ่อมแซม จดบันทึกรายละเอียดจนครบถ้วนทุกหลัง ซึ่งขณะที่เขากำลังตรวจสอบอยู่นั้นก็หันไปพบเห็นบ้านหลังหนึ่งที่อยู่ห่างออกไปจากที่นี่
“ตรงนั้นบ้านของใคร”
ปิแอร์ชี้มือไปยังบนเขาที่อยู่ด้านหลังหมู่บ้าน บนเขานั้นมีบ้านขนาดเล็กตั้งอยู่โดดเดี่ยว
“บ้านหลังนั้นหรือ..” ราเซ็ตทวนคำ ทำท่าเหมือนจะไม่ค่อยอยากตอบสักเท่าไร
“ใช่ บ้านที่อยู่บนเขานั่นแหละ ตรงนั้นมีคนอาศัยอยู่ด้วยไหม” ปิแอร์ถามต่อ
“มีขอรับ บ้านหลังมี เซจิโอ้ อยู่คนเดียว”
“เซจิโอ้เป็นผู้ใด ทำไมถึงไปอยู่บนนั้นเพียงคนเดียว”
“ไม่ทราบท่านปิแอร์รู้จักเจ้าของฉายาหอกสั้นทะลวงศึกหรือไม่”หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“เป็นขุนศึกที่เคยร่วมรบคู่กับท่านมิใช่หรือ” ปิแอร์ตอบ
ราเซ็ตพยักหน้ารับ “ใช่แล้ว คือเซจิโอ้ ผู้นั้นเอง”
“อืม... งั้นข้าก็คงต้องขอไปตรวจสอบที่นั่นด้วย” ปิแอร์กล่าวต่อ
“จะดีหรือท่านปิแอร์” หัวหน้าหมู่บ้านถาม
“หือ มีเรื่องอะไร”
“ก็เจ้าเซจิโอ้มันไม่ยอมให้เข้าไปในพื้นที่มันเลย อ้างว่าจะทำให้ไร่ขั้นบันไดที่ทำการเกษตรไว้เสียหาย ทั้งยังหาว่าพวกคนในหมู่บ้านข้าไปขโมยผลผลิตของมันอีก ดังนั้น ข้าเลยคิดว่าคงไม่จำเป็นต้องไปดูหรอก” ราเซ็ตอธิบาย
ปิแอร์นิ่งคิด เขามองไปยังภูเขาจากจุดที่ยืนจะมองเห็นว่าบนเขานั้นมีลักษณะเป็นขั้นบันได เป็นขั้น ๆ โดยมีการปลูกพืชพรรณต่าง ๆ ไว้แต่ละขั้น บ้านพักของเซจิโอ้อยู่บริเวณช่วงกลางระหว่างไร่ขั้นบันไดบนเขาลูกนั้น
“เห็นทีคงไม่ตรวจสอบไม่ได้หรอกท่านราเซ็ต จากที่เห็นตรงนี้บริเวณไร่ขั้นบันไดบนเขานั่นก็มีส่วนที่เสียหายจากพายุพอสมควร ข้าคงต้องไปตรวจสอบเหมือนกัน เดี๋ยวหากเซจิโอ้ผู้นั้นมิยอม ข้าจะพูดคุยกับเขาเอง”
หลังจากตรวจสอบบ้านพักและไร่สวนของคนในหมู่บ้านเรียบร้อยแล้ว ปิแอร์ก็ขอไปตรวจสอบยังไร่ขั้นบันไดของเซจิโอ้
ราเซ็ตและคนในหมู่บ้านจำนวนหนึ่งนำทางเพื่อขึ้นไปยังบนไร่ขั้นบันไดนั้น
ภูเขาหลังหมู่บ้านนี้ถือเป็นจุดสำคัญแห่งหนึ่งของหมู่บ้านบุรุษหลังสงคราม โดยพื้นที่บริเวณตีนเขาตลอดขึ้นไปถึงตอนกลางจะประกอบด้วยป่าไม้ครอบคลุม มีเพียงตั้งแต่ตอนกลางจนถึงด้านบนที่ต้นไม้เบาบาง และมีพื้นที่ส่วนหนึ่งเป็นไร่นาขั้นบันไดของเซจิโอ้
จีเซล มือขวาคนสนิทของราเซ็ตเดินนำทางพาทุกคนขึ้นไปบนเขา สำหรับการติดต่อกับเซจิโอ้นั้นส่วนใหญ่ในหมู่บ้านจะให้จีเซลผู้นี้แหละเป็นผู้ขึ้นไปติดต่อ ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดเซจิโอ้จึงยินยอมให้จีเซลเข้าไปในไร่หรือภายในบ้านได้ โดยจีเซลจะมาหาเซจิโอ้ทุกสิบห้าวัน เพื่อนำผลผลิตลงไปแจกจ่ายให้แก่คนอื่นในหมู่บ้านตามข้อตกลง
ถึงเซจิโอ้จะไม่ยอมให้ผู้ใดล่วงล้ำเข้าไปในเขตของตน แต่เขาก็ได้ตกลงว่าจะนำผลผลิตส่วนหนึ่งมาแจกจ่ายให้กับหมู่บ้านเป็นประจำ แลกเปลี่ยนกับการห้ามผู้ใดเข้าไปยุ่งเกี่ยวในไร่ของเขา
“ครั้งก่อนที่ข้ามาเซจิโอ้พูดถึงท่านราเซ็ตด้วยนะขอรับ” จีเซลพูดขึ้นขณะเดินทางทั้งหมดกำลังไปบ้านเซจิโอ้
“มันพูดว่ายังไง” ราเซ็ตถาม
“เซจิโอ้บอกว่า เขาอยากประลองหอกกับท่านอีกครั้งน่ะ” จีเซลบอก
“นี่มันยังไม่หายคาใจเรื่องในอดีตอีกหรือ” ราเซ็ตกล่าว “อายุก็ปูนนี้แล้ว จะยังคิดต่อสู้อะไรกันอีก”
“เฮอะๆ บางครั้งข้าเห็นเขายังฝึกวิชาหอกอยู่ด้วยนะ แอบสอนให้ข้านิดหน่อยด้วย”
“ไม่จริงมั้ง อย่างมันนี่นะจะยอมสอนวิชาให้คนอื่น” ราเซ็ตบอก
“ในอดีตท่านกับเซจิโอ้มีเรื่องอะไรกันหรือ” คราวนี้เป็นปิแอร์ที่ถามขึ้นบ้าง
“ก็ไม่มีอะไรหรอกท่านผู้ตรวจการณ์ เป็นผู้ใช้หอกเหมือนกันก็อยากรู้ว่าใครเก่งกว่ากันเป็นธรรมดา อย่าไปใส่ใจเลย” ราเซ็ตหันไปบอก
ปิแอร์มองเขา
“แล้วท่านเคยประลองกับเซจิโอ้หรือยัง”
“เราเป็นขุนศึกคู่กันย่อมมีการประลองกันบ้าง แต่ว่าหากนับเป็นประลองห่ำหั่นว่าใครเป็นหนึ่งคงจะนับไม่ได้” ราเซ็ตบอก
ผู้ตรวจการณ์พิเศษนิ่งคิด สักพักพวกเขาก็เดินทางมาถึงไร่ของเซจิโอ้
ไร่ของเซจิโอ้มีพื้นที่กว้างขวางพอสมควร เป็นการปลูกพืชในลักษณะขั้นบันได โดยจะปลูกพืชต่าง ๆ ไว้ที่พื้นที่บันไดแต่ละขั้น แต่ว่าตอนนี้ไร่ของเขาเสียหายอย่างมาก
พืชพรรณที่ปลูกหลายส่วนหลุดหายกระจุยกระจายจากแรงพัดพาของพายุเมื่อสิบวันก่อน หน้าดินเปิดจนดูไม่ออกว่าครั้งหนึ่งมันเคยเป็นไร่ขั้นบันไดที่เขียวขจีสวยงาม
แน่นอนว่าผลผลิตย่อมไม่มี ลำพังส่วนที่เหลือแค่ใช้ยังชีพยังถือว่าไม่เพียงพอเลย
ปิแอร์ให้ฮาคานบันทึกรายละเอียดที่เห็น ดูท่าเซจิโอ้ก็คงต้องการความช่วยเหลือเหมือนกัน
“ข้าอยากเจอเซจิโอ้ เขาคงอยู่ในบ้านพักสินะ” ปิแอร์พูดขึ้น หันมองไปยังบ้านพักที่อยู่ช่วงกลางของไร่
บ้านพักของเซจิโอ้เป็นบ้านไม้ขนาดเล็กรูปทางสี่เหลี่ยม หลังคาทำเป็นส่วนโค้งปูด้วยกระเบื้อง มีร่องรอยผุพังจนเหยิน เศษชิ้นของหลังคาบางจุดที่หลุดหายไป ภายนอกบ้านเปรอะเปื้อนไปด้วยเศษดิน เศษต้นข้าวและพืชพรรณอื่นในไร่ที่ถูกพายุพัดว่ามาติดยังที่ส่วนตัวบ้านยังไม่เสียหายสักเท่าไร เพราะสร้างด้วยไม้อย่างดี
จีเซลเดินนำไปยังบ้านพัก แต่ว่าพอเขาได้สักพักก็หยุดนิ่ง คล้ายรู้สึกอะไรบางอย่าง
“เจ้าหยุดเดินทำไม” ราเซ็ตถาม
จีเซลนิ่งเหมือนพยายามคิดอะไรบางอย่างอยู่ในใจ แต่เขาบอกว่า
“ไม่มีอะไรหรอกขอรับ เดินต่อเถอะ”
จากนั้นเมื่อมาถึงหน้าบ้านของเซจิโอ้ เขาก็ยกมือเคาะประตูเพื่อเรียกเซจิโอ้ที่อยู่ข้างใน
“ท่านเซจิโอ้ ข้าจีเซลเอง ท่านเปิดประตูหน่อย"
ไม่มีเสียงใดตอบออกมา จีเซลลองเรียกอีกครั้งก็ผลเป็นเช่นเดิม
“หรือว่ามันจะไม่อยู่” ราเซ็ตพูดขึ้นมา
“ไม่น่าจะเป็นแบบนั้นนะท่านราเซ็ต ปกติถ้าไม่อยู่ในไร่ก็อยู่ในบ้านนี่แหละ” จีเซลบอก
ปิแอร์ลองมองรอบ ๆ บ้าน บ้านหลังนี้มีหน้าต่างอยู่สองจุด บริเวณด้านหน้ากับด้านข้างทางทิศตะวันออก แต่ว่าหน้าต่างทั้งหมดถูกปิดไว้
ราเซ็ตให้จีเอลลองพยายามเปิดประตู แต่ว่ามันถูกล็อคเอาไว้ เช่นเดียวกับหน้าต่าง ไม่สามารถเปิดจากภายนอกได้ คาดว่าถูกล็อคจากภายในไว้เช่นกัน
“ข้าว่าต้องมีปัญหาอะไรแล้วล่ะ” ปิแอร์พูดขึ้นมา
“มีอะไรหรือท่านผู้ตรวจการณ์”
“ท่านราเซ็ตดูตรงประตูนี้ดี ๆ” ปิแอร์ชี้ไปยังจุดหนึ่งของประตู “ท่านเห็นคราบดินตรงนี้ไหม คราบดินนี้ยาวเชื่อมต่อถึงบานประตูอย่างต่อเนื่อง ซึ่งถ้ามันยังเป็นเช่นนี้หมายความว่าประตูนี้ยังไม่เคยเปิดเลยตั้งแต่โดนพายุพัด เพราะถ้ามีการเปิดประตูคราบดินต้องถูกแยกกัน”
เป็นตามที่ปิแอร์กล่าว หากมีคนอยู่ข้างในอย่างน้อยภายในเวลาหลังจากพายุสงบก็ต้องเปิดประตูออกมาข้างนอกบ้างแล้ว
“ฮาคาน” ปิแอร์เรียก
“ขอรับ” ฮาคานรับคำ
“พังประตูเข้าไปดูข้างในซะ!”
“รับทราบ!”
สิ้นคำสั่งฮาคานก็พุ่งตัวเอาไหล่เข้ากระแทกประตูบ้านพักนี้อย่างรุนแรงจนบ้านพักเคลื่อนขยับไปเล็กน้อย ประตูถูกเปิดออก
ฮาคานเดินนำเข้าบ้านทางประตูที่เปิด แต่ว่าพอก้าวเข้าไปในตัวบ้านกลับมีสิ่งหนึ่งร่วงลงมาปิดศีรษะของเขา
ตามจริงฮาคานจับความรู้สึกได้ว่ามีสิ่งกำลังร่วงลงมาด้านบน แต่ว่าเมื่อเห็นว่าเป็นชิ้นผ้าชนิดหนึ่ง แทนที่จะปัดออกกลับปล่อยให้ตกลงมาก่อน เพื่อให้ผู้ติดตามข้างหลังไม่ตกใจ
แต่ว่า...
“นั่นมันกางเกงชั้นในนะฮาคาน ทำไมไม่ปัดออก” ปิแอร์พูดขึ้น แถมมีขำเล็กน้อย
“หือ!” ฮาคานรีบปัดมันออกทันที
ทว่าปิแอร์หัวเราะไปได้ไม่นานก็ต้องหยุดลงเมื่อเห็นภาพที่ปรากฏภายในบ้าน
ข้าวของในบ้านกระจุยกระจายไปคนละทาง เละเทะไม่มีชิ้นดี ราวกับโดนรื้อค้นครั้งยิ่งใหญ่ มองไม่เห็นความเป็นระเบียบแม้แต่น้อย แต่ว่าสิ่งที่ทำให้ปิแอร์หยุดหัวเราะไม่ใช่เรื่องนี้
เป็นตอนนี้ร่างของชายคนหนึ่งที่คาดว่าเป็นเซจิโอ้ต่างหากเพราะว่าร่างนั้นตอนนี้นอนตายเป็นซากอยู่ในบ้าน
ทุกสายตาย่อมมองไปยังร่างของเซจิโอ้ที่เสียชีวิต
ร่างของเซจิโอ้โดนหอกสั้นของตัวเองแทงท้องจนมิดคม ปลายคมหอกทะลุมาด้านหลัง จากสภาพศพคาดว่าน่าจะตายมาหลายวันแล้ว
“เซจิโอ้ เจ้า..”
ราเซ็ตเดินเข้าไปใกล้ ๆ ร่างนั้นอย่างเชื่องช้า ส่วนจีเซลได้แต่นิ่งไร้คำพูดจา ทรุดตัวลงเล็กน้อย
“ใครเป็นคนทำเจ้า” ราเซ็ตกล่าวต่อด้วยแววตาแดงกล่ำ เขามองไปยังร่างไร้วิญญาณที่ถูกหอกปักอยู่
ปิแอร์กับฮาคานแม้จะประหลาดใจ แต่ก็รักษาอาการ เดินไปใกล้ ๆ ร่างของเซจิโอ้เหมือนกันแล้วพูดขึ้นว่า
“สำหรับเรื่องนี้ข้าก็จะตรวจสอบเช่นกัน ขอให้ท่านจงวางใจ”
(มีต่อครับ)