ในโลกปัจจุบันที่เต็มไปด้วยยานพาหนะที่ใช้พลังงานเครื่องยนต์หลากหลายประเภท เรามักมองข้ามจักรยาน ซึ่งเป็นยานพาหนะที่ขับเคลื่อนด้วยพลังมนุษย์ไปโดยง่าย แม้จักรยานจะถูกแทนที่ด้วยยานพาหนะที่เร็วกว่าและใช้พลังงานเชื้อเพลิง แต่จักรยานนั้นไม่ได้มีประวัติศาสตร์อันยาวนานเท่าที่เราอาจเข้าใจ ความจริงแล้ว มันเป็นสิ่งประดิษฐ์ที่เกิดขึ้นมาในช่วงเวลาสั้นๆ แต่กลับมีการออกแบบและการใช้งานที่หลากหลาย จนกลายเป็นส่วนสำคัญของประวัติศาสตร์มนุษยชาติ
.
ย้อนไปในศตวรรษที่ 15 จุดเริ่มต้นของจักรยานในปัจจุบันมาจากอุปกรณ์ที่คล้ายกัน เช่น ยานพาหนะสี่ล้อที่ขับเคลื่อนด้วยเชือกซึ่งพัฒนาโดยจิโอวานนี ฟอนทานา (Giovanni Fontana) นักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ซึ่งได้ใช้ภาพร่างสองล้อของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) *แม้ว่าความแท้จริงของภาพเหล่านั้นจะยังเป็นที่ถกเถียงกัน
.
จักรยานคันแรกที่แท้จริงปรากฏในปี 1817 โดยบารอน ฟอน ดราอิส (Baron von Drais) ชาวเยอรมัน ซึ่งเรียกว่า "เวลโลซิพีด" (velocipede) หรือ "จักรยานทรงตัว" เพื่อใช้แทนม้าซึ่งเกิดการขาดแคลนจากวิกฤตการณ์อาหารในยุโรปในตอนนั้น โดยจักรยานนี้ทำจากไม้ทั้งหมดและไม่มีแป้นเหยียบ ผู้ใช้ต้องใช้เท้าถีบพื้นเพื่อเคลื่อนที่
.
ความก้าวหน้าของจักรยานสมัยใหม่ดำเนินไปทีละน้อยในช่วงหลายทศวรรษต่อมา แป้นเหยียบคันแรกปรากฏขึ้นบนจักรยานแบบเวโลซิพีดในปี 1839 ในสกอตแลนด์ และในปี 1845 ในนอังกฤษ มีการเพิ่มยางลมให้กับล้อ ในปี 1864 ความก้าสวหน้าก็เพิ่มขึ้นในรูปแบบจักรยาน "Boneshaker"
.
ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อังกฤษกลายเป็นผู้นำในพัฒนาการจักรยานด้วยความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เช่น "เพนนี ฟาร์ธิง" (Penny Farthing) ที่มีล้อหน้าขนาดใหญ่ จักรยานเริ่มสะดวกและใช้งานได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์เช่นยางลม ลูกปืน และเบรกก็ถูกเพิ่มเข้ามา จนในปี 1885 จักรยานแบบ "โรเวอร์" ซึ่งใกล้เคียงกับจักรยานในปัจจุบันที่สุดได้รับการเปิดตัว
.
จักรยานไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่การเดินทาง แต่ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องสังคม เช่น การเพิ่มอิสรภาพให้กับสตรีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สร้างแรงผลักดันต่อการเรียกร้องสิทธิสตรีที่เริ่มมีพลังมากขึ้นในยุคนั้น
.
ในศตวรรษที่ 20 การพัฒนาวัสดุ เช่น ไทเทเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและน้ำหนักเบาให้จักรยาน เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เบรกดิสก์ ระบบเกียร์ไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้าก็เข้ามาเสริมศักยภาพ ทำให้จักรยานสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้
วันจักรยานยางหนาโลก 4 ธันวาคม 2567 Global Fat Bike Day
"วันจักรยานยางหนาโลก" หรือ "วันจักรยานแฟตไบค์โลก"
จัดขึ้นในวันเสาร์แรกของเดือนธันวาคมทุกปี
มาตั้งแต่ปี ค.ศ. 2012 และในปีนี้ตรงกับวันที่ 4 ธันวาคม
เป็นวันที่พิเศษสำหรับผู้ที่ชื่นชอบจักรยาน Fat Bike
ด้วยวิธีการขี่จักรยาน Fat Bike!
.
คำว่า Fat Bike หรือ จักรยานยางหนา หมายถึงจักรยานที่ออกแบบมาให้มียางขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขี่บนพื้นผิวที่ท้าทาย เช่น ทราย หิมะ หรือโคลน
ในปี ค.ศ. 1900 จักรยาน Fat Bike รุ่นแรกเกิดขึ้น เป็นจักรยานที่มีสองถึงสามล้อวางขนานกันเพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับพื้นดิน
.
ในเวลาไม่ถึงทศวรรษนั้นวันนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ ผู้เริ่มต้นไอเดียนี้ ได้แนวคิดจากการสนทนาและการขี่จักรยานในกลุ่มเล็กๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มคนรักจักรยาน Fat Bike ในอังกฤษเริ่มจัดกิจกรรมการขี่จักรยานเล็กๆ พวกเขาเรียกว่า "Just grassroots stuff" ความฝันคือการรวมตัวคนและจักรยานที่น่าทึ่งในที่เดียว แต่เนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ (ค่าใช้จ่าย ตารางเวลาที่ขัดแย้งกัน ฯลฯ) แผนดังกล่าวจึงไม่เคยเกิดขึ้น
.
ต่อมาแนวคิดของการรวมตัวทั่วโลกเพื่อเฉลิมฉลองจักรยานเสือภูเขาเก่าเริ่มเกิดขึ้น โดยมีหลักการง่ายๆ คือตกลงกันในเวลาที่กำหนดและวัน แล้วขึ้นขี่จักรยาน ซึ่งไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก คุณเพียงแค่ขี่จักรยานในเวลาที่กำหนดในเขตเวลาของคุณ
.
ส่วนการขี่จักรยาน Fat Bike มักจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ที่หิมะตกเล็กน้อย ซึ่งหิมะบนเส้นทางทำให้การขี่จะกลายเป็นที่จดจำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นพื้นหิมะอย่างเดียว ไม่ว่าจะบนทราย หรือพื้นถนนก็ยังสามารถทำให้การขี่เป็นที่จดจำได้เช่นกัน
.
ไม่นานนัก ไอเดียนี้ก็มีคนสนใจในหลายประเทศและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทางออนไลน์ และนี่คือที่เรามาถึงในวันนี้ วันแห่งจักรยาน Fat Bike วันที่เริ่มต้นในอังกฤษ และได้รับความนิยมในแคนาดา ต่อด้วยสหรัฐอเมริกา เป็นวิธีที่ชุมชนจักรยาน Fat Bike จะแบ่งปันประสบการณ์และเฉลิมฉลองความรักที่พวกเขามีต่อจักรยานที่งดงามนี้
การเดินทางอันน่ามหัศจรรย์ของแฮร์รี่และจักรยานคู่ใจ
ณ หมู่บ้าน "เฟิร์นวู้ด" หมู่บ้านเล็กๆ ที่ผู้คนที่อาศัยอยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้นั้นรักการออกกำลังกายกันเป็นอย่างมาก และหนึ่งในนั้น "แฮร์รี่" เด็กชายผู้มีจินตนาการกว้างไกล ชอบการออกกำลังกายด้วยการขี่จักรยานออกผจญภัย เขามีจักรยาน ยางล้อโต ชื่อว่า "แม็กซ์" เป็นเพื่อนคู่ใจที่พ่อของเขาให้มาเป็นของขวัญวันเกิด
วันหนึ่ง ขณะที่แฮร์รี่กำลังขี่แม็กซ์ จักรยานเพื่อนคู่ใจเข้าไปในป่า เขาได้ยินเสียงกระซิบเรียกจากต้นไม้ใหญ่ แฮร์รี่หยุดและลงจากจักรยานเพื่อฟังอย่างตั้งใจ
"แฮร์รี่...แฮร์รี่..."
เสียงนั้นพูด
"เรามีของขวัญพิเศษให้เจ้า..."
แฮร์รี่ตามเสียงไปยังโพรงในต้นไม้ใหญ่ ที่นั่นเขาพบกับกระเป๋าเล็กๆ ที่บรรจุแผนที่เวทมนตร์และกุญแจทองคำ และด้านหลังมีประตูบานสีม่วงบานใหญ่อยู่ แฮร์รี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในใจรู้ทันทีว่านี่การผจญภัยครั้งใหม่ของเขา
แฮร์รี่ เริ่มเปิดประตูบานใหญ่ในโพรงนั้น และเขนจักรยานของเขาผ่านเข้าประตูไป จากนั้นจึงหยิบแผนที่เวทมนตร์เพื่อหาเส้นทางไปยังป่าลึกลับที่อยู่หลังประตู เขากระโดดขึ้น แม็กซ์ จักรยานยางล้อโตเพื่อนคู่ใจ และเริ่มปั่นไปตามเส้นทาง ระหว่างทางเขาพบกับสัตว์มหัศจรรย์มากมาย เช่น มังกรตัวเล็ก ที่มีปีกใส กำลังบินโฉบไปมา นกฮูกที่สามารถพูดได้ กระต่ายที่กำลังกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ในโพงเล็กๆ ในต้นไม้
เมื่อแฮร์รี่เดินทางมาถึงใจกลางป่า เขาต้องพบกับ กริฟฟอนตัวใหญ่ ยืนอย่างสง่า ภายใต้แสงอาทิตย์ ด้านหลังของกริฟฟอนนั้นเป็นประตูขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดูลึกลับ และให้ความรู้สึกว่าจะสามารถทะลุออกไปยังที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ หากสามารถเปิดประตูได้
เจ้ากริฟฟอน เริ่มส่งเสียงคำราม และพูดขึ้นว่า
"หากเจ้าต้องการผ่านประตูนี้ เจ้าต้องพิสูจน์กำลังของร่างกาย และความฉลาดของเจ้า"
แฮร์รี่ได้ตอบตกลงในทันที
จากนั้นเจ้ากริฟฟอน ก็เริ่มบททดสอบด้วยการถามคำถามปริศนา
อะไรเอ่ย เกิดมาแล้วเดินไม่ได้ แต่กลับบินได้
แฮร์รี่รีบตอบทันทีว่า "นก"
ดีมาก..กริฟฟอนตอบ และเริ่มถามอีกคำถามต่อ
อะไรเอ่ย มีหูแต่ไม่ได้ยิน มีใบหน้าแต่ไม่มีดวงตา
แฮร์รี่คิดอยู่ครู่นึง จึงรีบตอบ "หมอน ยังไงล่ะ"
กริฟฟอนยิ้มออกมา และพร้อมกับบอกแฮร์รี่ว่า เจ้าพร้อมที่จะเริ่มการทดสอบสุดท้ายหรือไม่
แฮร์รี่ตอบกลับโดยพลัน "พร้อม"
กรีฟฟอนเริ่มกระพือปีกอย่างแรง ทำให้เกิดลมแรง และได้บอกกับแฮร์รี่ว่า เจ้าต้องขี่จักรยานผ่านแรงลมนี่เข้ามาหาข้าให้ได้
แฮร์รี่รีบใช้แรงขา ถีบจักรยานของเขา เพื่อฝ่าแรงลมที่พัดมาทุกทิศทาง เขาต้องใช้ทั้งกำลังขาและกำลังแขนอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถขี่ผ่านแรงลมเข้าไปใกล้ตัวของกริฟฟอนได้ จากนั้นแรงลมก็หยุดลง กริฟฟอนหยุดกระพือปีก และพูดด้วยความดีใจว่า เจ้ามีร่างกายที่แข็งแรง นั่นทำให้เจ้ามีสุขภาพที่แข็งแรง มีความกระปรี้กระเปร่า ยังส่งผลให้เจ้าสุขภาพจิตดี มีสมองที่ปรอดโปรงที่จะช่วยให้เจ้าเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี
จากนั้นกริฟฟอนก็ถอยออกไปด้านข้าง เพื่อให้แฮร์รี่ผ่านประตูเข้าไปได้
หลังจากผ่านประตูแห่งความลับเข้าไปแล้ว แฮร์รี่พบกับห้องใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือเวทมนตร์และเครื่องมือต่างๆ มากมายที่น่าทึ่ง แฮร์รี่รู้ว่านี่คือสมบัติแห่งความรู้ ที่จะช่วยให้เขาเรียนรู้และเติบโตเป็นคนที่มีปัญญา มีความสามารถ
แฮร์รี่เลือกหนังสือมาหนึ่งเล่ม กับเข็มทิศทองคำ และกลับออกมาจากประตู และหันกลับไปหากริฟฟอน พร้อมพูดว่า "ขอบมากคุณครับ" จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางกลับที่หมู่บ้านด้วยจักรยาน แม็กซ์ ของเขา
แฮร์รี่ ได้อ่านหนังสือที่ได้รับมา พร้อมฝึกใช้เข็มทิศ ต่อมาเขาได้นำความรู้ที่ได้มาสอนเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ทำให้ทุกคนต่างชื่นชมในตัวของแฮร์รี่
.
ข้อคิด
ร่างกายที่แข็งแรงช่วยเสริมสร้างสติปัญญา การมีร่างกายที่แข็งแรงทำให้เรามีพลังในการเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และสติปัญญาจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
จะขี่จักรยานได้อย่างสบายๆ ก็ต้องมีอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายสินะ!
มาดูเมนูอาหาร น่ากินน่าอร่อย ที่ช่วยบำรุงร่างกายกัน
1. โปเกโบวล์ (Poke Bowl) เมนูจากฮาวาย
ข้าวกล้อง, ปลาแซลมอนสดหรือทูน่า, อะโวคาโด, สาหร่าย, ผักสด, ซีอิ๊วญี่ปุ่น
2. Lentil Curry แกงถั่วเลนทิล เมนูจากอินเดีย
ถั่วเลนทิล, ผักโขม, มะเขือเทศ, เครื่องเทศ (ขมิ้น, ยี่หร่า)
3. กัวคาโมเล่กับแครกเกอร์ธัญพืช (Guacamole with Whole Grain Crackers) เมนูจากเม็กซิกัน
อะโวคาโด, น้ำมะนาว, หอมแดง, ผักชี, แครกเกอร์โฮลเกรน
4. ควินัวกับสตูผัก (Quinoa and Vegetable Stew) เมนูแถบ อเมริกาใต้อย่าง เปรู และโบลิเวีย
ควินัว, มะเขือเทศ, แครอท, บรอกโคลี, ถั่วลันเตา, สมุนไพร
5. ซุปฟักทองญี่ปุ่น (Japanese Pumpkin Soup)
ฟักทองญี่ปุ่น, หอมใหญ่, น้ำซุปดาชิ, นมถั่วเหลืองหรือนมไขมันต่ำ
6. ซุปมันฝรั่งกับเลอครีม (Potato and Leek Soup) มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส
มันฝรั่ง, ต้นกระเทียม (Leek), น้ำซุปผัก, ครีมไขมันต่ำ
7. ต้มยำกุ้ง
ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยยูเนสโกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี พ.ศ. 2567
.
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ที่อาหาร และออกกำลังกาย สุขภาพแข็งแรง ไปเที่ยวไหน ไปกินของอร่อยที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นครับผม
เพื่อนๆ มาแบ่งปันเมนูอร่อยๆ หรือร้านแนะนำอร่อยๆ กันได้นะครับ
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: fat-bike .com
: historycooperative .org
: bikemn .org
.
LookAt
จักรยานล้อโต เมนูอร่อยๆ นิทานให้เด็กๆ คูณ 3 ครับผม
.
ย้อนไปในศตวรรษที่ 15 จุดเริ่มต้นของจักรยานในปัจจุบันมาจากอุปกรณ์ที่คล้ายกัน เช่น ยานพาหนะสี่ล้อที่ขับเคลื่อนด้วยเชือกซึ่งพัฒนาโดยจิโอวานนี ฟอนทานา (Giovanni Fontana) นักประดิษฐ์ชาวอิตาลี ซึ่งได้ใช้ภาพร่างสองล้อของเลโอนาร์โด ดา วินชี (Leonardo da Vinci) *แม้ว่าความแท้จริงของภาพเหล่านั้นจะยังเป็นที่ถกเถียงกัน
.
จักรยานคันแรกที่แท้จริงปรากฏในปี 1817 โดยบารอน ฟอน ดราอิส (Baron von Drais) ชาวเยอรมัน ซึ่งเรียกว่า "เวลโลซิพีด" (velocipede) หรือ "จักรยานทรงตัว" เพื่อใช้แทนม้าซึ่งเกิดการขาดแคลนจากวิกฤตการณ์อาหารในยุโรปในตอนนั้น โดยจักรยานนี้ทำจากไม้ทั้งหมดและไม่มีแป้นเหยียบ ผู้ใช้ต้องใช้เท้าถีบพื้นเพื่อเคลื่อนที่
.
ความก้าวหน้าของจักรยานสมัยใหม่ดำเนินไปทีละน้อยในช่วงหลายทศวรรษต่อมา แป้นเหยียบคันแรกปรากฏขึ้นบนจักรยานแบบเวโลซิพีดในปี 1839 ในสกอตแลนด์ และในปี 1845 ในนอังกฤษ มีการเพิ่มยางลมให้กับล้อ ในปี 1864 ความก้าสวหน้าก็เพิ่มขึ้นในรูปแบบจักรยาน "Boneshaker"
.
ต่อมาในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 อังกฤษกลายเป็นผู้นำในพัฒนาการจักรยานด้วยความก้าวหน้าทางอุตสาหกรรม เช่น "เพนนี ฟาร์ธิง" (Penny Farthing) ที่มีล้อหน้าขนาดใหญ่ จักรยานเริ่มสะดวกและใช้งานได้ง่ายขึ้น อุปกรณ์เช่นยางลม ลูกปืน และเบรกก็ถูกเพิ่มเข้ามา จนในปี 1885 จักรยานแบบ "โรเวอร์" ซึ่งใกล้เคียงกับจักรยานในปัจจุบันที่สุดได้รับการเปิดตัว
.
จักรยานไม่ได้เปลี่ยนแปลงแค่การเดินทาง แต่ยังมีบทบาทสำคัญในเรื่องสังคม เช่น การเพิ่มอิสรภาพให้กับสตรีในช่วงปลายศตวรรษที่ 19 สร้างแรงผลักดันต่อการเรียกร้องสิทธิสตรีที่เริ่มมีพลังมากขึ้นในยุคนั้น
.
ในศตวรรษที่ 20 การพัฒนาวัสดุ เช่น ไทเทเนียม คาร์บอนไฟเบอร์ และอะลูมิเนียม ช่วยเพิ่มความแข็งแรงและน้ำหนักเบาให้จักรยาน เทคโนโลยีใหม่ๆ เช่น เบรกดิสก์ ระบบเกียร์ไฟฟ้า และจักรยานไฟฟ้าก็เข้ามาเสริมศักยภาพ ทำให้จักรยานสามารถตอบสนองความต้องการที่หลากหลายได้
คำว่า Fat Bike หรือ จักรยานยางหนา หมายถึงจักรยานที่ออกแบบมาให้มียางขนาดใหญ่พิเศษ เพื่อเพิ่มความสามารถในการขี่บนพื้นผิวที่ท้าทาย เช่น ทราย หิมะ หรือโคลน
ในปี ค.ศ. 1900 จักรยาน Fat Bike รุ่นแรกเกิดขึ้น เป็นจักรยานที่มีสองถึงสามล้อวางขนานกันเพื่อเพิ่มพื้นผิวสัมผัสกับพื้นดิน
.
ในเวลาไม่ถึงทศวรรษนั้นวันนี้ได้กลายเป็นปรากฏการณ์ ผู้เริ่มต้นไอเดียนี้ ได้แนวคิดจากการสนทนาและการขี่จักรยานในกลุ่มเล็กๆ เริ่มต้นขึ้นเมื่อกลุ่มคนรักจักรยาน Fat Bike ในอังกฤษเริ่มจัดกิจกรรมการขี่จักรยานเล็กๆ พวกเขาเรียกว่า "Just grassroots stuff" ความฝันคือการรวมตัวคนและจักรยานที่น่าทึ่งในที่เดียว แต่เนื่องจากปัจจัยที่ไม่สามารถควบคุมได้ (ค่าใช้จ่าย ตารางเวลาที่ขัดแย้งกัน ฯลฯ) แผนดังกล่าวจึงไม่เคยเกิดขึ้น
.
ต่อมาแนวคิดของการรวมตัวทั่วโลกเพื่อเฉลิมฉลองจักรยานเสือภูเขาเก่าเริ่มเกิดขึ้น โดยมีหลักการง่ายๆ คือตกลงกันในเวลาที่กำหนดและวัน แล้วขึ้นขี่จักรยาน ซึ่งไม่ว่าคุณจะอยู่ที่ใดในโลก คุณเพียงแค่ขี่จักรยานในเวลาที่กำหนดในเขตเวลาของคุณ
.
ส่วนการขี่จักรยาน Fat Bike มักจะเกิดขึ้นในเดือนธันวาคม ที่หิมะตกเล็กน้อย ซึ่งหิมะบนเส้นทางทำให้การขี่จะกลายเป็นที่จดจำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าจำเป็นพื้นหิมะอย่างเดียว ไม่ว่าจะบนทราย หรือพื้นถนนก็ยังสามารถทำให้การขี่เป็นที่จดจำได้เช่นกัน
.
ไม่นานนัก ไอเดียนี้ก็มีคนสนใจในหลายประเทศและแพร่กระจายอย่างรวดเร็วทางออนไลน์ และนี่คือที่เรามาถึงในวันนี้ วันแห่งจักรยาน Fat Bike วันที่เริ่มต้นในอังกฤษ และได้รับความนิยมในแคนาดา ต่อด้วยสหรัฐอเมริกา เป็นวิธีที่ชุมชนจักรยาน Fat Bike จะแบ่งปันประสบการณ์และเฉลิมฉลองความรักที่พวกเขามีต่อจักรยานที่งดงามนี้
วันหนึ่ง ขณะที่แฮร์รี่กำลังขี่แม็กซ์ จักรยานเพื่อนคู่ใจเข้าไปในป่า เขาได้ยินเสียงกระซิบเรียกจากต้นไม้ใหญ่ แฮร์รี่หยุดและลงจากจักรยานเพื่อฟังอย่างตั้งใจ
"แฮร์รี่...แฮร์รี่..."
เสียงนั้นพูด
"เรามีของขวัญพิเศษให้เจ้า..."
แฮร์รี่ตามเสียงไปยังโพรงในต้นไม้ใหญ่ ที่นั่นเขาพบกับกระเป๋าเล็กๆ ที่บรรจุแผนที่เวทมนตร์และกุญแจทองคำ และด้านหลังมีประตูบานสีม่วงบานใหญ่อยู่ แฮร์รี่รู้สึกตื่นเต้นเป็นอย่างมาก ในใจรู้ทันทีว่านี่การผจญภัยครั้งใหม่ของเขา
แฮร์รี่ เริ่มเปิดประตูบานใหญ่ในโพรงนั้น และเขนจักรยานของเขาผ่านเข้าประตูไป จากนั้นจึงหยิบแผนที่เวทมนตร์เพื่อหาเส้นทางไปยังป่าลึกลับที่อยู่หลังประตู เขากระโดดขึ้น แม็กซ์ จักรยานยางล้อโตเพื่อนคู่ใจ และเริ่มปั่นไปตามเส้นทาง ระหว่างทางเขาพบกับสัตว์มหัศจรรย์มากมาย เช่น มังกรตัวเล็ก ที่มีปีกใส กำลังบินโฉบไปมา นกฮูกที่สามารถพูดได้ กระต่ายที่กำลังกระโดดโลดเต้นไปมาอยู่ในโพงเล็กๆ ในต้นไม้
เมื่อแฮร์รี่เดินทางมาถึงใจกลางป่า เขาต้องพบกับ กริฟฟอนตัวใหญ่ ยืนอย่างสง่า ภายใต้แสงอาทิตย์ ด้านหลังของกริฟฟอนนั้นเป็นประตูขนาดใหญ่ ที่ลอยอยู่กลางอากาศ ดูลึกลับ และให้ความรู้สึกว่าจะสามารถทะลุออกไปยังที่ไหนก็ได้ที่ต้องการ หากสามารถเปิดประตูได้
เจ้ากริฟฟอน เริ่มส่งเสียงคำราม และพูดขึ้นว่า
"หากเจ้าต้องการผ่านประตูนี้ เจ้าต้องพิสูจน์กำลังของร่างกาย และความฉลาดของเจ้า"
แฮร์รี่ได้ตอบตกลงในทันที
จากนั้นเจ้ากริฟฟอน ก็เริ่มบททดสอบด้วยการถามคำถามปริศนา
อะไรเอ่ย เกิดมาแล้วเดินไม่ได้ แต่กลับบินได้
แฮร์รี่รีบตอบทันทีว่า "นก"
ดีมาก..กริฟฟอนตอบ และเริ่มถามอีกคำถามต่อ
อะไรเอ่ย มีหูแต่ไม่ได้ยิน มีใบหน้าแต่ไม่มีดวงตา
แฮร์รี่คิดอยู่ครู่นึง จึงรีบตอบ "หมอน ยังไงล่ะ"
กริฟฟอนยิ้มออกมา และพร้อมกับบอกแฮร์รี่ว่า เจ้าพร้อมที่จะเริ่มการทดสอบสุดท้ายหรือไม่
แฮร์รี่ตอบกลับโดยพลัน "พร้อม"
กรีฟฟอนเริ่มกระพือปีกอย่างแรง ทำให้เกิดลมแรง และได้บอกกับแฮร์รี่ว่า เจ้าต้องขี่จักรยานผ่านแรงลมนี่เข้ามาหาข้าให้ได้
แฮร์รี่รีบใช้แรงขา ถีบจักรยานของเขา เพื่อฝ่าแรงลมที่พัดมาทุกทิศทาง เขาต้องใช้ทั้งกำลังขาและกำลังแขนอย่างเต็มที่ ทำให้สามารถขี่ผ่านแรงลมเข้าไปใกล้ตัวของกริฟฟอนได้ จากนั้นแรงลมก็หยุดลง กริฟฟอนหยุดกระพือปีก และพูดด้วยความดีใจว่า เจ้ามีร่างกายที่แข็งแรง นั่นทำให้เจ้ามีสุขภาพที่แข็งแรง มีความกระปรี้กระเปร่า ยังส่งผลให้เจ้าสุขภาพจิตดี มีสมองที่ปรอดโปรงที่จะช่วยให้เจ้าเรียนรู้สิ่งต่างๆ ที่จะช่วยพัฒนาตัวเองได้เป็นอย่างดี
จากนั้นกริฟฟอนก็ถอยออกไปด้านข้าง เพื่อให้แฮร์รี่ผ่านประตูเข้าไปได้
หลังจากผ่านประตูแห่งความลับเข้าไปแล้ว แฮร์รี่พบกับห้องใหญ่ที่เต็มไปด้วยหนังสือเวทมนตร์และเครื่องมือต่างๆ มากมายที่น่าทึ่ง แฮร์รี่รู้ว่านี่คือสมบัติแห่งความรู้ ที่จะช่วยให้เขาเรียนรู้และเติบโตเป็นคนที่มีปัญญา มีความสามารถ
แฮร์รี่เลือกหนังสือมาหนึ่งเล่ม กับเข็มทิศทองคำ และกลับออกมาจากประตู และหันกลับไปหากริฟฟอน พร้อมพูดว่า "ขอบมากคุณครับ" จากนั้นจึงเริ่มออกเดินทางกลับที่หมู่บ้านด้วยจักรยาน แม็กซ์ ของเขา
แฮร์รี่ ได้อ่านหนังสือที่ได้รับมา พร้อมฝึกใช้เข็มทิศ ต่อมาเขาได้นำความรู้ที่ได้มาสอนเพื่อนๆ ในหมู่บ้าน ทำให้ทุกคนต่างชื่นชมในตัวของแฮร์รี่
.
ข้อคิด
ร่างกายที่แข็งแรงช่วยเสริมสร้างสติปัญญา การมีร่างกายที่แข็งแรงทำให้เรามีพลังในการเรียนรู้และทำความเข้าใจสิ่งใหม่ๆ ได้ดียิ่งขึ้น และสติปัญญาจะเป็นเครื่องมือสำคัญในการเผชิญหน้ากับความท้าทาย ช่วยให้เราผ่านพ้นทุกอุปสรรคได้อย่างมีประสิทธิภาพ
.
จะขี่จักรยานได้อย่างสบายๆ ก็ต้องมีอาหารที่ช่วยบำรุงร่างกายสินะ!
มาดูเมนูอาหาร น่ากินน่าอร่อย ที่ช่วยบำรุงร่างกายกัน
1. โปเกโบวล์ (Poke Bowl) เมนูจากฮาวาย
ข้าวกล้อง, ปลาแซลมอนสดหรือทูน่า, อะโวคาโด, สาหร่าย, ผักสด, ซีอิ๊วญี่ปุ่น
2. Lentil Curry แกงถั่วเลนทิล เมนูจากอินเดีย
ถั่วเลนทิล, ผักโขม, มะเขือเทศ, เครื่องเทศ (ขมิ้น, ยี่หร่า)
3. กัวคาโมเล่กับแครกเกอร์ธัญพืช (Guacamole with Whole Grain Crackers) เมนูจากเม็กซิกัน
อะโวคาโด, น้ำมะนาว, หอมแดง, ผักชี, แครกเกอร์โฮลเกรน
4. ควินัวกับสตูผัก (Quinoa and Vegetable Stew) เมนูแถบ อเมริกาใต้อย่าง เปรู และโบลิเวีย
ควินัว, มะเขือเทศ, แครอท, บรอกโคลี, ถั่วลันเตา, สมุนไพร
5. ซุปฟักทองญี่ปุ่น (Japanese Pumpkin Soup)
ฟักทองญี่ปุ่น, หอมใหญ่, น้ำซุปดาชิ, นมถั่วเหลืองหรือนมไขมันต่ำ
6. ซุปมันฝรั่งกับเลอครีม (Potato and Leek Soup) มีต้นกำเนิดจากฝรั่งเศส
มันฝรั่ง, ต้นกระเทียม (Leek), น้ำซุปผัก, ครีมไขมันต่ำ
7. ต้มยำกุ้ง
ได้รับการขึ้นทะเบียน โดยยูเนสโกเป็นมรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ของมนุษยชาติในปี พ.ศ. 2567
.
สุขภาพที่ดีเริ่มต้นได้ที่อาหาร และออกกำลังกาย สุขภาพแข็งแรง ไปเที่ยวไหน ไปกินของอร่อยที่ไหนก็ได้ทั้งนั้นครับผม
เพื่อนๆ มาแบ่งปันเมนูอร่อยๆ หรือร้านแนะนำอร่อยๆ กันได้นะครับ
.
ขอขอบคุณข้อมูล
: fat-bike .com
: historycooperative .org
: bikemn .org
.
LookAt