นายอำเภอเชื้อโจร (๔) ๗ ส.ค.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

เตียวไก่.....นายอำเภอเชื้อโจร

ตอนที่ ๔ หนีร้อนมาพึ่งน้ำร้อน

"เล่าเซี่ยงชุน"

ทางฝ่าย อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา และ อวนเซียวชิด เมื่อแบ่งปันสิ่งของที่ปล้นมาได้แล้ว ก็ช่วยกันรื้อเรือนถอยเข้าไปปลูกอยู่ในที่ลึกลับเข้าไปอีก พอดีโงวหยง กับ เล่าตง คุมหาบทรัพย์สิ่งของไปถึง และเล่าความตามที่เตียวไก่ถูกตามจับตัวให้ฟังโดยละเอียด เมื่อจัดที่ทางให้ โงวหยงกับเล่าตงพักเสร็จแล้ว เตียวไก่กับ กงสุนสิน และพวกพ้องอีกประมาณสิบคนก็คุมหาบเงินทองของใช้ตามมาอีกขบวนหนึ่ง สามพี่น้องก็ให้การต้อนรับด้วยความยินดี ทั้งหมดพักอยู่ที่บ้านของอวนเซียวเหงา เพราะตัวคนเดียวไม่มีภรรยา

ขณะที่กำลังปรึกษาหารือกันว่าจะไปหา จูกุย เจ้าของโรงสุราที่เป็นคนเฝ้าต้นทางของพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ ให้ช่วยนำเพื่อนพ้องไปเข้าเป็นพวกด้วย ก็มีคนหาปลาแถวนั้นมาแจ้งว่าทหารหลวงได้ยกมาหลายร้อยคนเกือบจะถึงหมู่บ้านนี้อยู่แล้ว เมื่อได้ฟังดังนั้นเตียวไก่ก็ชักชวนว่า

".....พวกทหารหลวงพากันมาจับพวกเราอย่าได้หนี สู้รบดูฝีมือกันเล่นสักครั้งหนึ่ง..."

อวนเซียวยีรับอาสาว่า

"......พี่น้องทั้งหลายอย่าต้องไปสู้รบให้ลำบากเลย ข้าพเจ้าคนเดียวจะฆ่าทหารหลวงเสียให้สิ้น...."

พวกพ้องทั้งปวงก็ตั้งใจจะช่วยกันต่อสู้ เตียวไก่จึงให้อวนเซียวยีกับน้องทั้งสอง รวบรวมทรัพย์สิ่งของ และมารดาบุตรภรรยา ลงในเรือลำหนึ่งรวมกับเรือของพวกที่มาใหม่ ให้โงวหยงกับเล่าตงคุมไปคอยอยู่ที่โรงสุราของจูกุย ต้นทางที่จะเข้าไปในเขตแดนเขาเนียซัวเปาะ

อวนเซียวยีก็ให้น้องทั้งสองคน ลงเรือเล็กคอยรับมือกับพวกทหารหลวงต่อไป ตัวเตียวไก่กับกงสุนสินและอวนเซียวยีนั้น คิดวางอุบายอยู่ที่บ้าน

ฮอต๋อ กับ สุนกัน คุมทหารมาถึงหมู่บ้านใกล้กับตำบลเจียะเกียดชวน ก็เกณฑ์เรือของชาวบ้านแบ่งให้ทหารลงเรือครึ่งหนึ่ง ที่เหลือสองนายทหารขี่ม้านำทหารไปล้อมบ้านเก่าของอวนเซียวยีไว้ แต่ก็ไม่พบใคร

ทหารจับตัวชาวบ้านมาสอบถามได้ความว่า สามพี่น้องถอยเข้าไปอยู่ข้างในแล้ว ต้องไปทางเรือจึงจะได้ ฮอต๋อกับสุนกัน ก็คุมทหารลงเรือไปตามลำคลอง ซึ่งแยกออกไปหลายทาง ต้องให้ทหารลงเรือเล็กล่วงหน้าไปสืบเสาะดูทางเข้าออกก่อน แถวนั้นเป็นพื้นที่ลุ่มมีป่าแขมและน้ำท่วมอยู่ทั่วไป

พวกทหารหลวงแจวเรือไปได้ประมาณห้าหกลี้ เจอชายผู้หนึ่งถ่อเรือเล็กร้องเพลงสวนมา มีเนื้อความว่า

".....พวกหาปลาต้องเที่ยวอยู่ในแม่น้ำทั้งตาปี มิได้ทำไร่นาก็พอเลี้ยงชีวิตไป ซึ่งขุนนางที่ข่มเหงกดขี่ราษฎรลงเอาเงินทอง หาซื่อตรงต่อแผ่นดินไม่ จงฆ่าฟันเสียอย่าให้เหลือเลย ด้วยกตัญญูสัตย์ซื่อช่วยบำรุงแผ่นดินต่อไป....."

มีทหารคนหนึ่งจำหน้าได้ ก็ร้องบอกฮอต๋อว่าชายที่ร้องเพลงคืออวนเซียวเหงา ฮอต๋อจึงสั่งให้ทหารเร่งแจวเรือเข้าจับกุม ทหารบนเรือก็ระดมยิงเกาทัณฑ์ใส่ แต่อวนเซียวเหงาโดดหนีลงน้ำ คว่ำเรือเล็กครอบศรีษะและว่ายน้ำเข้าคลองไปในป่า พวกทหารแจวเรือไล่ตามไปก็ไม่ทัน ไม่รู้ว่าหายไปทางช่องไหน มีแต่เสียงเป่าหลอดอยู่ในป่าแขมรอบข้าง

ฮอต๋อก็ตกใจกลัวจะถูกพวกโจรที่ซุ่มอยู่ในป่าล้อมโจมตี จึงสั่งให้ทหารเอาเรือเข้าเทียบกันไว้เตรียมต่อสู้ ก็มีแต่เรือเล็กอีกลำหนึ่งพายผ่านไป ทหารเห็นก็จำได้อีกว่าเป็นอวนเซียวชิด พอจะไล่จับก็หายเข้าไปในป่าอีก จะตามเข้าไปก็มีแต่น้ำท่วมไปทั่ว ไม่มีพื้นดินเลย คลองเล็กคลองน้อยก็แยกออกไปหลายสายไม่รู้จะตามไปทางทิศใด ใช้ให้ทหารนำเรือเล็กแยกไปสืบดูจนเวลาจวนค่ำก็ไม่กลับมาเลย

จึงออกตามเองจนเจอกับอวนเซียวยี แบกจอบเป็นชาวบ้านเดินย่ำน้ำมาตามตลิ่ง

ฮอต๋อไม่รู้จักก็ถามว่าตำบลนี้เรียกว่าตำบลอะไร อวนเซียวยีบอกว่าชื่อคลองตัน ฮอต๋อถามว่าเห็นเรือทหารสองลำมาทางนี้หรือไม่ อวนเซียวยีบอกว่าเห็นกำลังสู้รบกันอยู่ไม่ไกล ขึ้นมาบนฝั่งก็คงจะเห็น ฮอต๋อสั่งให้ทหารสองคนขึ้นไปบนฝั่ง อวนเซียวยีก็เอาจอบฟันทหารสองคนนั้นตายไป

ฮอต๋อจะกระโดดขึ้นฝั่งไปช่วยทหาร อวนเซียวชิดก็ดำน้ำมาโผล่ขึ้นข้างเรือ จับขาฉุดลากลงน้ำไป

อวนเซียวยีก็กระโดดลงไปในเรือทหาร เอาจอบฟันตายหมดสิ้นทั้งลำ อวนเซียวชิดก็ลากตัวฮอต๋อขึ้นฝั่งเอาไปมัดไว้ แล้วขู่จะฆ่าเสีย ฮอต๋อตกใจคุกเข่าคำนับ ขอร้องว่า

".....การอันนี้มิใช่ข้าพเจ้าคิดอ่านพาทหารมาจับท่านเมื่อไร ด้วยมีท้องตรามาวาง ผู้รักษาเมืองเป็นใหญ่บังคับให้ข้าพเจ้าคุมทหารมา ท่านจงได้เมตตาขอชีวิตไว้ครั้งหนึ่ง จะได้เลี้ยงมารดาต่อไป มารดาข้าพเจ้าอายุได้เก้าสิบปีแล้วหามีพี่น้องจะเลี้ยงมารดาไม่....."

แล้วสองพี่น้องก็คุมตัวฮอต๋อเข้าไปในคลอง

ฝ่ายสุนกันคอยฮอต๋ออยู่ที่เดิมตั้งแต่ค่ำมืดจนถึงยามเศษ เกิดลมพายุใหญ่พัดกล้า ก็มีเรือเชื้อเพลิงติดไฟสว่างแล่นตรงเข้ามาที่หมู่เรือของทหาร ที่จอดเรียงกันอยู่ ไฟก็ติดลุกไหม้เรือทุกลำ สุนกันกับพวกทหารต้องโดดหนึขึ้นฝั่ง แต่เต็มไปด้วยป่าอ้อดงแขม ไฟลุกลามไปทั่ว ทหารก็ติดเลนอยู่บนฝั่งหนีไปไหนไม่ได้ มีเรือบรรทุกคนบ้าง เดินเท้ามาบ้าง จากทิศตะวันออกและตะวันตก ช่วยกันฆ่าฟันสุนกันและทหารตายหมดสิ้น

ผู้ที่คุมคนมานี้คือ เตียวไก่ กงสุนสิน และสามพี่น้องแซ่อวน ครั้นเห็นว่าไม่มีทหารเหลืออยู่แล้ว ก็กลับไปเอาตัวฮอต๋อขึ้นมาจากเรือ อวนเซียวชิดก็ประกาศว่า

"...เราคิดจะฆ่าเจ้าเสีย ก็ไม่มีผู้ใดจะไปบอกข่าว จะปล่อยให้เจ้าไปบอกผู้รักษาเมืองว่า ซึ่งพวกแซ่อวนสามพี่น้อง กับเตียวไก่ อยู่ตำบลเจียะเกียดชวนนี้ ที่จะให้จับไปได้โดยง่ายนั้นอย่านึกเลย ประการหนึ่งเราไม่ได้ไปรบกวนในเขตแดนเมืองเจ๋จิวฮู้ เจ้าก็อย่ามาทำข่มเหงย่ำยีถึงตำบลเรา ถ้าทำดังนี้แล้วอย่าว่าแต่ตัวเจ้าเมืองเล็กน้อยเลย ให้ตัวชัวเกียไทซือคุมทหารมาเอง เราก็ไม่กลัว บัดนี้จะปล่อยให้ไปโดยดีก็กลัวผู้รักษาเมืองจะว่า เหลือแต่เจ้าคนเดียวไม่เป็นอันตราย คงจะมีความสงสัย..."

ว่าแล้วก็เอากระบี่ตัดหูฮอต๋อเสียทั้งสองข้าง เอาตัวลงเรือออกไปส่งถึงตลิ่งต้นทาง แก้มัดออกแล้วก็ชี้ทางให้กลับไปยังเมืองเจ๋จิวฮู้ ตามลำพังแต่เพียงคนเดียว

จากนั้นเตียวไก่ก็พาพรรคพวกประมาณสิบห้าคน ลงเรือตรงไปหาจูกุยที่โรงสุราปากทางเข้าเขาเนียซัวเปาะ สมทบกับโงวหยงและเล่าตง ที่คุมเรือทรัพย์สินมารออยู่ เล่าความทั้งปวงให้ฟังแล้ว จูกุยก็เชิญให้ขึ้นไปบนโรงเตี๊ยม

เมื่อทราบว่าทั้งหมดจะมาเข้าเป็นพวกพ้องด้วยก็ยินดี จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน แล้วจูกุยก็เอาเกาทัณฑ์สัญญาณยิงไปทางพวกคอยเหตุของเขาเนียซัวเปาะ ไม่ช้าก็มีคนแจวเรือเข้ามาหา จูกุยจึงเขียนหนังสือแจ้งความและชื่อแซ่พี่น้องทั้งเจ็ด มอบให้ผู้ที่แจวเรือมารับไปแจ้งแก่ นายโจรใหญ่ทราบก่อน คืนนั้นพวกของเตียวไก่ก็พักอยู่กับจูกุยที่โรงเตี๊ยมนั้น

พอรุ่งขึ้นเช้า จูกุยก็พาเตียวไก่กับพวกลงเรือไปกับเรือบรรทุกทรัพย์สิน เข้าไปถึงเขาเนียซัวเปาะ ให้ลิ่วล้อชาวประมงอยู่เฝ้าเรือ เตียวไก่กับพี่น้องหกคนก็เดินทางขึ้นเขาไปพบเฮงหลุน หัวหน้าใหญ่เจ้าสำนักถึงที่พัก

เฮงหลุนก็ต้อนรับจัดโต๊ะสุรา มาเลี้ยงดูเป็นอย่างดี และบอกว่าได้ยินชื่อเสียงของเตียวไก่มานานแล้ว วันนี้เป็นบุญนักหนาที่ได้มารู้จักกัน เตียวไก่ก็ถ่อมตัวว่า

".....ข้าพเจ้าเป็นแต่คนเล็กน้อย มาเกิดความใหญ่ขึ้น ไม่รู้ที่จะแก้ไขประการใด จึงได้พาพวกพ้องมาสามิภักดิ์อยู่กับท่าน ตามแต่จะเมตตาพวกข้าพเจ้าเถิด....."

แล้วก็เล่าเรื่องตั้งแต่ต้นจนถึงเหตุที่เกิดขึ้น และได้ฆ่าฟันทหารหลวงตายไปหลายร้อยคน เฮงหลุนก็สดุ้งใจ คิดระแวงว่าพวกของเตียวไก่มีฝีมือเข้มแข็ง อาจเป็นอันตรายแก่ตนเองในภายหน้าได้ จึงบอกให้ไปพักอยู่ที่โรงก๊วนข้างนอก ไม่ได้จัดที่อยู่ให้ตามสมควร
โงวหยงก็ไม่พอใจจึงปรารภว่า ถ้าแม้นว่าเฮงหลุนมีใจจะให้เข้าเป็นพวกพ้อง ก็คงจัดที่ให้อยู่ข้างในตามสมควรหาให้มาอยู่ที่นี่ไม่ ซึ่ง ซองบาน กับ โตวเซียน นั้นเป็นคนหยาบ ไม่รู้จักธรรมเนียมที่จะรับแขก ส่วน ลิมชอง ที่เป็นครูทหารอยู่เมืองหลวงนั้น เป็นคนเข้าใจรู้การงานทุกอย่าง แต่เป็นนายรองที่สี่ หาได้ว่ากล่าวจัดแจงไม่จะจัดการสิ่งใดก็สุดแต่เฮงหลุนทั้งสิ้น

แล้วโงวหยงก็เล่าความเก่าให้เพื่อนพ้องฟังว่า ในขณะนั้นชุมโจรเขาเนียซัวเปาะมีหัวหน้าอยู่สี่คน เฮงหลุน โตวเซียน ซองบาน สามคนนี้เดิมเป็นคนเล่าเรียนหนังสือ แต่เข้าสอบจอหงวนที่เมืองหลวง ไม่ได้จึงต้องกลับมาพักอยู่ที่เมืองชองจิว แล้วยากจนลงไม่มีเงินจะซื้ออาหารกิน ต้องพึ่งพาอาศัย ชาจิน เศรษฐีของเมืองนั้นอยู่นาน จนสุดท้ายจึงมาเป็นโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ซึ่งเป็นชัยภูมิที่ดีและมีพรรคพวกมาสมัครเพิ่มขึ้น จนเป็นกลุ่มใหญ่

ส่วนลิมชองนั้นเดิมเป็นครูทหาร อยู่ที่เมืองหลวงถูก ขุนนางซึ่งเป็นผู้บัญชาการทหาร หาเรื่องใส่ความให้ต้องโทษ แต่แม้จะถูกคิดร้ายหลายครั้งหลายหน ก็เอาตัวรอดมาได้ จนซัดเซพเนจรมาพึ่งชาจินอีกคนหนึ่ง ชาจินจึงฝากให้มาอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ เฮงหลุนเห็นแก่บุญคุณของชาจิน จึงให้เป็นนายโจรที่สี่ โงวหยงยังย้ำอีกว่า

".......เมื่อเวลาวานนี้ท่านพูดถึงเรื่องความแต่ก่อน ๆ ให้เฮงหลุนกับคนเหล่านั้นฟัง เฮงหลุนทำกิริยาไม่ดี ลิมชองมีใจโกรธอยู่ ข้าพเจ้าดูชั้นเชิงก็รู้ว่าลิมชองรักใคร่พวกเรา ข้าพเจ้าพูดจากับลิมชองแล้ว ก็คงจะวุ่นวายขึ้นเอง...."

เตียวไก่ได้ฟังซินแสโงวหยงชึ้แจงก็ว่า ตามแต่ท่านซินแสจะคิดอ่านกับลิมชองเถิด แล้วทั้งหมดก็พักอยู่ในโรงก๊วนตลอดคืนนั้น

##########

นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๑
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่