ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
อูเอียนเจียก.....แม่ทัพผู้โชคร้าย
ตอนที่ ๓ คนเดียวหัวหาย
“เล่าเซี่ยงชุน”
ซ้องกั๋ง พา ขงเหลียง เข้าไปยังที่ชุมนุมโจร พบกับ เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ โงวหยง กุนซือประจำสำนักและนายรองอีกมากมาย ซ้องกั๋งก็เล่าเรื่องของลูกศิษย์ให้ที่ประชุมฟังทุกประการ เตียวไก่จึงว่า
".....ขงเหลียงก็เป็นศิษย์ของน้อง ต้องไปช่วยจึงจะควร...."
พี่น้องทั้งปวงก็ร้องขอไปด้วยทุกคน แต่ซ้องกั๋งเลือกเอาไปยี่สิบคนโดยให้คุมพลกองละสี่คน รวมห้ากองมีพลม้าสามพันพลเดินเท้าเป็นอันมาก ยกจากเขาเนียซัวเปาะ เดินทางไปเมืองเชงจิวอย่างรีบด่วน ระหว่างทางก็สั่งไพร่พลไม่ให้ทำร้ายแก่ราษฎรชาวบ้านทุก ๆ ตำบล
เมื่อถึงหน้าเมืองเชงจิวก็พบกับฝ่ายเขาธอฮวยซัวและเขายีเลงซัวคอยต้อนรับอยู่ ลูตีซิมก็พูดกับซ้องกั๋งว่า
"......ข้าพเจ้าอยากจะใคร่พบกับท่านช้านานแล้ว วันนี้เทพยดาชักนำให้พี่มาได้พบกัน ข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งนัก...."
เอียจี้ ก็เสริมอีกว่า
"....เดิมทีข้าพเจ้าเดินไปทางเขาเนียซัวเปาะ ขอบใจพี่น้องทั้งปวงต้อนรับเลี้ยงดูเป็นอันดี ชักชวนให้อยู่ด้วยข้าพเจ้าก็ไม่ยอม บัดนี้เทพยดาดลใจให้มาพบท่าน จะได้ช่วยกันรักษาตำบล มีความสุขสบาย...."
ซ้องกั๋งถามถึงการรบ เอียจี้ก็ว่าตั้งแต่ขงเหลียงไปแล้ว ไม่ได้รบกันเลย ในเมืองเชงจิว มีอยู่แต่อูเอียนเจียกคนเดียวที่ฝีมือเข้มแข็งนอกนั้นก็ไม่เห็นผู้ใด แม้นจับอูเอียนเจียกได้เมืองเชงจิว ก็เปรียบเหมือนลูกไก่อยู่ในเงื้อมมือ
ซินแสโงวหยงได้ฟังก็หัวเราะ บอกว่าต้องใช้อุบายจับเป็นให้ได้
พอรุ่งเช้าซ้องกั๋งก็นำกองทัพทั้งหมด เข้าล้อมเมืองเชงจิวไว้ทั้งสี่ด้าน ให้ไพร่พลตีม้าล่อและกลองอื้ออึงไป โปวหยงเจ้าเมืองเชงจิวตกใจ เรียกอูเอียนเจียกมาปรึกษา อูเอียนเจียกก็บอกว่า
"....พวกโจรทิ้งถิ่นฐานมาดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะยกไปสู้รบจับตัวมาให้ได้ ท่านอย่าวิตกเชิญไปดูบนกำแพงเมืองเถิด....."
ว่าแล้วอูเอียนเจียกก็แต่งตัวใส่เกราะถือกระบองสั้นสองมือ ขึ้นม้าคุมทหารพันเศษเปิดประตูเมือง ทอดสะพานข้ามคูออกไปกลางสนามรบหน้าเมือง
ฉินเหมง นายกองหน้าของซ้องกั๋ง ซึ่งเดิมเคยเป็นนายทหารอยู่ที่เมืองเชงจิวนี้ เห็นโปวหยงยืนอยู่บนกำแพงก็ด่าว่า
".....โปวหยงเป็นคนโกง เที่ยวกดขี่ข่มเหงไพร่บ้านพลเมือง ให้ได้ความคับแค้น และยังซ้ำจับเอาญาติพี่น้องของเราฆ่าเสียทั้งสิ้น บัดนี้เรายกกองทัพมาแก้แค้น จงระวังตัวให้ดี...."
โปวหยงจึงร้องตอบว่า
"....เจ้าเป็นขุนนางได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนอยู่ เหตุไฉนจึงคิดขบถ ถ้าแม้นจับตัวได้จะสับให้ละเอียดยับเยิน....."
แล้วร้องบอกให้อูเอียนเจียกจับโจรคนนี้ก่อน อูเอียนเจียกจึงเข้ารบกับฉินเหม็ง แต่ต่อสู้กันถึงห้าสิบเพลงก็ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ ด้วยฝีมือเข็มแข็งว่องไวทั้งคู่ โปวหยงเห็นฝีมือฉินเหม็งเข้มแข็ง ก็วิตกกลัวอูเอียนเจียกจะเสียที จึงให้ตีม้าล่อเป็นสัญญาณให้ถอยเข้าเมือง
ซ้องกั๋งก็ถอยทัพไปตั้งค่ายอยู่ห่างเมืองประมาณห้าสิบลี้
อูเอียนเจียกคุมทหารเข้าเมืองแล้ว ก็ถามโปวหยงว่า
"....ข้าพเจ้ากำลังจะจับตัวฉินเหมงให้ได้ เหตุใดท่านจึงตีม้าล่อเรียกให้กลับเสียเล่า...."
โปวหยงก็ว่าเห็นรบกันมาช้านาน กลัวจะเหน็ดเหนื่อยจึงให้กลับมาพักเสียก่อน วันอื่นค่อยออกไป สู้รบใหม่ อูเอียนเจียกก็ว่า
"..ท่านอย่าวิตกคงจะจับพวกโจรขบถฆ่าเสียสิ้นให้ท่านดู.."
โปวหยงแย้งว่าฝีมือนั้นเข้มแข็งจริง แต่ทหารน้อยนัก ควรจะตีหักออกไปขอกองทัพเมืองหลวง และหัวเมืองใกล้ ๆ ให้ยกมาช่วยโดยเร็วจะดีกว่า อูเอียนเจียกก็ตกลง
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยังไม่ทันสว่าง อูเอียนเจียกตื่นนอนกินอาหารเสร็จแล้ว ก็แต่งตัวใส่เกราะถือกระบองสั้นสองมือ ขึ้นม้าพาขุนนางสามคน ที่ถือหนังสือของโปวหยงออกไปแจ้งแก่เมืองต่าง ๆ ก็พอดีทหารที่รักษาประตูเมืองแจ้งว่า ที่นอกกำแพงเมืองทางทิศเหนือ มีพวกโจรขี่ม้ามาด้อมมองสามคน คนหนึ่งจำได้ว่าเป็นฮวยหยงอีกสองคนไม่รู้จัก ใส่เสื้อแดงคนหนึ่ง เสื้อขาวคนหนึ่ง อูเอียนเจียกก็ว่า
"....คนที่ใส่เสื้อแดงเห็นจะเป็นตัวซ้องกั๋ง คนที่ใส่เสื้อขาวเห็นจะเป็นโงวหยง เจ้าอย่าอื้ออึงให้พวกโจรรู้ตัว...."
แล้วอูเอียนเจียกก็นำทหารร้อยคนเศษเปิดประตูเมืองทอดสะพานข้ามคูออกไปจะจับโจรทั้งสาม ซ้องกั๋งกับโงวหยงและ ฮวยหยง แกล้งทำเป็นไม่เห็น พออูเอียนเจียกเข้ามาใกล้ จึงทำเป็นตกใจขับม้าหนีไป
อูเอียนเจียกรีบไล่ตามไปถึงที่ต้นไม้แห่งหนึ่ง ก็มีเสียงประทัดจุดขึ้นเป็นสัญญาณ ม้าของอูเอียนเจียกก็โผนไป เลยพลัดตกลงในบ่อ ไพร่พลของซ้องกั๋งที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันออกมา เอาขอเกี่ยวอูเอียนเจียกขึ้นจากบ่อมัดไว้แล้วคุมตัวกลับไปค่าย
ทหารม้าของอูเอียนเจียกจะเข้ามาช่วย ก็ถูกฮวยหยงยิงด้วยเกาทัณฑ์ ล้มตายลงหลายคน ที่เหลือก็ตกใจหนีกระจัดกระจายไปสิ้น
เมื่อถึงค่ายซ้องกั๋งให้แก้มัดอูเอียนเจียกออก แล้วพยุงขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ขณะเมื่อ อูเอียนเจียกตกลงไปในบ่อนั้น ให้วิงเวียนไม่รู้สึกตัว พอได้ยินเสียงเรียกก็ได้สติลืมตาขึ้น เห็นซ้องกั๋งยืนคำนับอยู่ ก็รับคำนับแล้วว่าทำไมจึงมาต้อนรับดังนี้ ซ้องกั๋งก็ว่า
"....มิใช่ข้าพเจ้าจะคิดสู้รบกับเจ้าแผ่นดินเมื่อไร การทั้งนี้เพราะด้วยขุนนางกังฉินไม่ซื่อตรง ลงโทษเอาเป็นหนักหนา พวกข้าพเจ้าจึงชักชวนกันไปตั้งอาศัยอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะก่อน คอยให้เจ้าแผ่นดินยกโทษ เกลี้ยกล่อมคนที่มีฝีมือเข้าทำราชการเมื่อไร พวกข้าพเจ้าก็จะได้สามิภักดิ์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป ครั้นจะไม่สู้รบก็กลัวความตาย ด้วยตัวท่านมีฝีมือเข้มแข็ง จึงคิดอุบายจับท่านมาปรารถนาจะได้เป็นพวกเดียวกัน ซึ่งทำล่วงเกินนั้น ข้าพเจ้าขออภัยเสียเถิด...."
อูเอียนเจียกก็ว่า
"....พวกท่านจับเอาตัวข้าพเจ้ามาได้ ก็จงฆ่าเสียโดยเร็ว...."
ซ้องกั๋งว่าจะให้ฆ่าได้อย่างไร พวกเราเป็นคนสัตย์ซื่อสุจริต มีแต่คิดจะให้พี่น้องทั้งหลายได้ความสุขสบายยืดยาวภายหน้า อูเอียนเจียกจึงถามว่า
".......ท่านเมตตาไม่ฆ่าฟัน จะให้ข้าพเจ้าไปกราบทูลเจ้าแผ่นดินว่า พวกพ้องท่านจะเข้าทำราชการ โทษทัณฑ์สิ่งใดขอให้ยกเสีย ดังนั้นหรือ...."
ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ตัวท่านจะกลับไปเมืองหลวงนั้นไม่ได้ ด้วย กอกิวขุนนางผู้ใหญ่เป็นคนกังฉิน ไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดิน เห็นแต่เงินทองทรัพย์สินทั้งปวง ตัวท่านยกกองทัพมาครั้งนี้เสียทหารและเงินทองก็มากกอกิวคงจะทำโทษ ฮั่นธอ เผงกี เลงจิ้นสามนายก็อยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ขอเชิญท่านไปอยู่ด้วยกันเถิด ข้าพเจ้าจะยอมให้ท่านเป็นใหญ่ คอยท่าเจ้าแผ่นดินจะแต่งให้ผู้ใดมาชักชวนไปทำราชการ เราจึงพากันไปเข้าสามิภักดิ์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป...."
อูเอียนเจียกได้ฟังซ้องกั๋งเกลี้ยกล่อมดังนั้น ก็ตรึกตรองเห็นว่า ซ้องกั๋ง มีจิตต้อนรับโดยสัตย์ซื่อ ทำถูกต้องตามธรรมเนียมทุกสิ่ง ไม่รู้ที่จะคิดประการใดก็ทอดถอนใจใหญ่ คุกเข่าคำนับแล้วว่า
"....ข้าพเจ้านี้มิใช่จะไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดินเมื่อไร เพราะเห็นว่าท่านเป็นคนสัตย์ซื่อต่อพี่น้องพวกพ้องจริง ประการหนึ่งคิดจะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข ข้าพเจ้าก็ต้องยอมสามิภักดิ์ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนคุณท่านเลย....."
ซ้องกั๋งก็ยินดี เชิญให้อูเอียนเจียกรู้จักกับพี่น้องเขาเนียซัวเปาะทั้งยี่สิบคน เขายีเลง ซัวเจ็ดคน และเขาธอฮวยซัวอีกสามคน และให้ลีตงเอาม้าโอวจุยเบ๊ที่ได้ขะโมยไปมาคืนให้อูเอียนเจียก แล้วก็ขอให้ช่วยไปล่อลวงให้โปวหยงเปิดประตูเมืองด้วย
อูเอียนเจียกก็รับปาก โดยขอนายโจรของเนียซัวเปาะสิบนายปลอมเป็นทหารเลว แล้วพากันขึ้นม้าออกจากค่ายไปที่กำแพงเมืองเชงจิว
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ อูเอียนเจียกกับพวกทหารปลอมก็ร้องเรียกให้ทหารเปิดประตูรับ ทหารรักษาประตูก็ไปแจ้งแก่เจ้าเมือง โปวหยงขึ้นไปบนกำแพงเมือง เห็นแต่ทหารขี่ม้าอยู่กลุ่มหนึ่งจำหน้าไม่ได้ แต่จำเสียงอูเอียนเจียกได้ จึงถามว่าเหตุใดหนีกลับมาได้
อูเอียนเจียกก็ว่าเข้าไปในค่ายแล้ว ทหารของตนที่โจรจับไปครั้งก่อนได้ช่วยเหลือเอาม้าพระราชทานมาให้ จึงชวนหนีมาด้วยกัน โปวหยงก็เชื่อให้ทหารเปิดประตูเมือง ทอดสะพานรับอูเอียนเจียกกับพวกเข้าเมือง
พอโปวหยงลงจากเชิงเทินจะมารับอูเอียนเจียก ฉิ นเหม็งก็เอากระบองตีตกม้าตายคาที่ พวกที่เหลือก็จุดไฟขึ้นเป็นสัญญาณให้ซ้องกั๋งยกพลที่เตรียมไว้แล้วบุกเข้าเมืองได้ แล้วก็ไล่ฆ่าฟันทหารในเมืองเชงจิวแตกไป
ซ้องกั๋งก็สั่งให้ไพร่พลช่วยดับไฟ และมิให้ทำร้ายราษฎรชาวเมือง และไปถอดเอา ขงเม่งกับขงปินออกจากคุก แล้วก็สั่งให้ลิ่วล้อไปจับบุตรภรรยา ครอบครัวของโปวหยงมาฆ่าเสียให้สิ้น และเก็บทรัพย์สมบัติเงินทองสิ่งของริบเอามาแจกจ่ายแก่ราษฎร ที่บ้านเรือนเสียหายทุกบ้าน จากนั้นก็รวบรวมเงินทองและเสบียงอาหารในคลัง บรรทุกเกวียนหกร้อยเล่ม กับยึดม้าฝีเท้าดีอีกสองร้อยเศษ กลับไปเขาเนียซัวเปาะ
ส่วนพวกโจรอีกสามก๊ก ก็กลับไปเก็บสิ่งของทั้งปวงมาหมด แล้วเอาไฟเผาที่อยู่เสีย เข้าสมทบกับขบวนของซ้องกั๋ง ออกจากเมืองเชงจิวเป็นสามกอง โดยมิได้ทำอันตรายแก่ไพร่บ้านพลเมือง ระหว่างทางราษฎรทั้งปวงก็ตั้งโต๊ะเครื่องบูชาคำนับ ทั่วทุกตำบลที่ผ่าน จนถึงเขาเนียซัวเปาะ
เตียวไก่ก็ส่งเรือมารับข้ามน้ำไปถึงสำนักใหญ่ แล้วจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงฉลองชัยชนะกันเป็นที่เอิกเกริก พวกที่มาเข้าใหม่รวมสิบสามคน ก็คำนับทักทายพวกที่อยู่เก่า เพราะหลายคนได้เคยรู้จัก กันมาก่อนแล้ว
อูเอียนเจียก แม่ทัพใหญ่จากเมืองหลวง ผู้โชคร้ายต้องสู้รบกับข้าศึกที่มีฝีมือเข้มแข็งถึงสามสิบคน ด้วยตัวคนเดียว จึงต้องจำใจสมัครเป็นนายโจร เขาเนียซัวเปาะ อันมีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยประการฉะนี้.
##########
นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒
แม่ทัพผู้โชคร้าย (๓) ๓๐ ส.ค.๕๘
อูเอียนเจียก.....แม่ทัพผู้โชคร้าย
ตอนที่ ๓ คนเดียวหัวหาย
“เล่าเซี่ยงชุน”
ซ้องกั๋ง พา ขงเหลียง เข้าไปยังที่ชุมนุมโจร พบกับ เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ โงวหยง กุนซือประจำสำนักและนายรองอีกมากมาย ซ้องกั๋งก็เล่าเรื่องของลูกศิษย์ให้ที่ประชุมฟังทุกประการ เตียวไก่จึงว่า
".....ขงเหลียงก็เป็นศิษย์ของน้อง ต้องไปช่วยจึงจะควร...."
พี่น้องทั้งปวงก็ร้องขอไปด้วยทุกคน แต่ซ้องกั๋งเลือกเอาไปยี่สิบคนโดยให้คุมพลกองละสี่คน รวมห้ากองมีพลม้าสามพันพลเดินเท้าเป็นอันมาก ยกจากเขาเนียซัวเปาะ เดินทางไปเมืองเชงจิวอย่างรีบด่วน ระหว่างทางก็สั่งไพร่พลไม่ให้ทำร้ายแก่ราษฎรชาวบ้านทุก ๆ ตำบล
เมื่อถึงหน้าเมืองเชงจิวก็พบกับฝ่ายเขาธอฮวยซัวและเขายีเลงซัวคอยต้อนรับอยู่ ลูตีซิมก็พูดกับซ้องกั๋งว่า
"......ข้าพเจ้าอยากจะใคร่พบกับท่านช้านานแล้ว วันนี้เทพยดาชักนำให้พี่มาได้พบกัน ข้าพเจ้ามีความยินดียิ่งนัก...."
เอียจี้ ก็เสริมอีกว่า
"....เดิมทีข้าพเจ้าเดินไปทางเขาเนียซัวเปาะ ขอบใจพี่น้องทั้งปวงต้อนรับเลี้ยงดูเป็นอันดี ชักชวนให้อยู่ด้วยข้าพเจ้าก็ไม่ยอม บัดนี้เทพยดาดลใจให้มาพบท่าน จะได้ช่วยกันรักษาตำบล มีความสุขสบาย...."
ซ้องกั๋งถามถึงการรบ เอียจี้ก็ว่าตั้งแต่ขงเหลียงไปแล้ว ไม่ได้รบกันเลย ในเมืองเชงจิว มีอยู่แต่อูเอียนเจียกคนเดียวที่ฝีมือเข้มแข็งนอกนั้นก็ไม่เห็นผู้ใด แม้นจับอูเอียนเจียกได้เมืองเชงจิว ก็เปรียบเหมือนลูกไก่อยู่ในเงื้อมมือ
ซินแสโงวหยงได้ฟังก็หัวเราะ บอกว่าต้องใช้อุบายจับเป็นให้ได้
พอรุ่งเช้าซ้องกั๋งก็นำกองทัพทั้งหมด เข้าล้อมเมืองเชงจิวไว้ทั้งสี่ด้าน ให้ไพร่พลตีม้าล่อและกลองอื้ออึงไป โปวหยงเจ้าเมืองเชงจิวตกใจ เรียกอูเอียนเจียกมาปรึกษา อูเอียนเจียกก็บอกว่า
"....พวกโจรทิ้งถิ่นฐานมาดังนี้แล้ว ข้าพเจ้าจะยกไปสู้รบจับตัวมาให้ได้ ท่านอย่าวิตกเชิญไปดูบนกำแพงเมืองเถิด....."
ว่าแล้วอูเอียนเจียกก็แต่งตัวใส่เกราะถือกระบองสั้นสองมือ ขึ้นม้าคุมทหารพันเศษเปิดประตูเมือง ทอดสะพานข้ามคูออกไปกลางสนามรบหน้าเมือง
ฉินเหมง นายกองหน้าของซ้องกั๋ง ซึ่งเดิมเคยเป็นนายทหารอยู่ที่เมืองเชงจิวนี้ เห็นโปวหยงยืนอยู่บนกำแพงก็ด่าว่า
".....โปวหยงเป็นคนโกง เที่ยวกดขี่ข่มเหงไพร่บ้านพลเมือง ให้ได้ความคับแค้น และยังซ้ำจับเอาญาติพี่น้องของเราฆ่าเสียทั้งสิ้น บัดนี้เรายกกองทัพมาแก้แค้น จงระวังตัวให้ดี...."
โปวหยงจึงร้องตอบว่า
"....เจ้าเป็นขุนนางได้รับเบี้ยหวัดเงินเดือนอยู่ เหตุไฉนจึงคิดขบถ ถ้าแม้นจับตัวได้จะสับให้ละเอียดยับเยิน....."
แล้วร้องบอกให้อูเอียนเจียกจับโจรคนนี้ก่อน อูเอียนเจียกจึงเข้ารบกับฉินเหม็ง แต่ต่อสู้กันถึงห้าสิบเพลงก็ไม่มีใครเพลี่ยงพล้ำ ด้วยฝีมือเข็มแข็งว่องไวทั้งคู่ โปวหยงเห็นฝีมือฉินเหม็งเข้มแข็ง ก็วิตกกลัวอูเอียนเจียกจะเสียที จึงให้ตีม้าล่อเป็นสัญญาณให้ถอยเข้าเมือง
ซ้องกั๋งก็ถอยทัพไปตั้งค่ายอยู่ห่างเมืองประมาณห้าสิบลี้
อูเอียนเจียกคุมทหารเข้าเมืองแล้ว ก็ถามโปวหยงว่า
"....ข้าพเจ้ากำลังจะจับตัวฉินเหมงให้ได้ เหตุใดท่านจึงตีม้าล่อเรียกให้กลับเสียเล่า...."
โปวหยงก็ว่าเห็นรบกันมาช้านาน กลัวจะเหน็ดเหนื่อยจึงให้กลับมาพักเสียก่อน วันอื่นค่อยออกไป สู้รบใหม่ อูเอียนเจียกก็ว่า
"..ท่านอย่าวิตกคงจะจับพวกโจรขบถฆ่าเสียสิ้นให้ท่านดู.."
โปวหยงแย้งว่าฝีมือนั้นเข้มแข็งจริง แต่ทหารน้อยนัก ควรจะตีหักออกไปขอกองทัพเมืองหลวง และหัวเมืองใกล้ ๆ ให้ยกมาช่วยโดยเร็วจะดีกว่า อูเอียนเจียกก็ตกลง
รุ่งขึ้นอีกวันหนึ่งยังไม่ทันสว่าง อูเอียนเจียกตื่นนอนกินอาหารเสร็จแล้ว ก็แต่งตัวใส่เกราะถือกระบองสั้นสองมือ ขึ้นม้าพาขุนนางสามคน ที่ถือหนังสือของโปวหยงออกไปแจ้งแก่เมืองต่าง ๆ ก็พอดีทหารที่รักษาประตูเมืองแจ้งว่า ที่นอกกำแพงเมืองทางทิศเหนือ มีพวกโจรขี่ม้ามาด้อมมองสามคน คนหนึ่งจำได้ว่าเป็นฮวยหยงอีกสองคนไม่รู้จัก ใส่เสื้อแดงคนหนึ่ง เสื้อขาวคนหนึ่ง อูเอียนเจียกก็ว่า
"....คนที่ใส่เสื้อแดงเห็นจะเป็นตัวซ้องกั๋ง คนที่ใส่เสื้อขาวเห็นจะเป็นโงวหยง เจ้าอย่าอื้ออึงให้พวกโจรรู้ตัว...."
แล้วอูเอียนเจียกก็นำทหารร้อยคนเศษเปิดประตูเมืองทอดสะพานข้ามคูออกไปจะจับโจรทั้งสาม ซ้องกั๋งกับโงวหยงและ ฮวยหยง แกล้งทำเป็นไม่เห็น พออูเอียนเจียกเข้ามาใกล้ จึงทำเป็นตกใจขับม้าหนีไป
อูเอียนเจียกรีบไล่ตามไปถึงที่ต้นไม้แห่งหนึ่ง ก็มีเสียงประทัดจุดขึ้นเป็นสัญญาณ ม้าของอูเอียนเจียกก็โผนไป เลยพลัดตกลงในบ่อ ไพร่พลของซ้องกั๋งที่ซุ่มอยู่ก็กรูกันออกมา เอาขอเกี่ยวอูเอียนเจียกขึ้นจากบ่อมัดไว้แล้วคุมตัวกลับไปค่าย
ทหารม้าของอูเอียนเจียกจะเข้ามาช่วย ก็ถูกฮวยหยงยิงด้วยเกาทัณฑ์ ล้มตายลงหลายคน ที่เหลือก็ตกใจหนีกระจัดกระจายไปสิ้น
เมื่อถึงค่ายซ้องกั๋งให้แก้มัดอูเอียนเจียกออก แล้วพยุงขึ้นนั่งบนเก้าอี้ ขณะเมื่อ อูเอียนเจียกตกลงไปในบ่อนั้น ให้วิงเวียนไม่รู้สึกตัว พอได้ยินเสียงเรียกก็ได้สติลืมตาขึ้น เห็นซ้องกั๋งยืนคำนับอยู่ ก็รับคำนับแล้วว่าทำไมจึงมาต้อนรับดังนี้ ซ้องกั๋งก็ว่า
"....มิใช่ข้าพเจ้าจะคิดสู้รบกับเจ้าแผ่นดินเมื่อไร การทั้งนี้เพราะด้วยขุนนางกังฉินไม่ซื่อตรง ลงโทษเอาเป็นหนักหนา พวกข้าพเจ้าจึงชักชวนกันไปตั้งอาศัยอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะก่อน คอยให้เจ้าแผ่นดินยกโทษ เกลี้ยกล่อมคนที่มีฝีมือเข้าทำราชการเมื่อไร พวกข้าพเจ้าก็จะได้สามิภักดิ์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป ครั้นจะไม่สู้รบก็กลัวความตาย ด้วยตัวท่านมีฝีมือเข้มแข็ง จึงคิดอุบายจับท่านมาปรารถนาจะได้เป็นพวกเดียวกัน ซึ่งทำล่วงเกินนั้น ข้าพเจ้าขออภัยเสียเถิด...."
อูเอียนเจียกก็ว่า
"....พวกท่านจับเอาตัวข้าพเจ้ามาได้ ก็จงฆ่าเสียโดยเร็ว...."
ซ้องกั๋งว่าจะให้ฆ่าได้อย่างไร พวกเราเป็นคนสัตย์ซื่อสุจริต มีแต่คิดจะให้พี่น้องทั้งหลายได้ความสุขสบายยืดยาวภายหน้า อูเอียนเจียกจึงถามว่า
".......ท่านเมตตาไม่ฆ่าฟัน จะให้ข้าพเจ้าไปกราบทูลเจ้าแผ่นดินว่า พวกพ้องท่านจะเข้าทำราชการ โทษทัณฑ์สิ่งใดขอให้ยกเสีย ดังนั้นหรือ...."
ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ตัวท่านจะกลับไปเมืองหลวงนั้นไม่ได้ ด้วย กอกิวขุนนางผู้ใหญ่เป็นคนกังฉิน ไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดิน เห็นแต่เงินทองทรัพย์สินทั้งปวง ตัวท่านยกกองทัพมาครั้งนี้เสียทหารและเงินทองก็มากกอกิวคงจะทำโทษ ฮั่นธอ เผงกี เลงจิ้นสามนายก็อยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ขอเชิญท่านไปอยู่ด้วยกันเถิด ข้าพเจ้าจะยอมให้ท่านเป็นใหญ่ คอยท่าเจ้าแผ่นดินจะแต่งให้ผู้ใดมาชักชวนไปทำราชการ เราจึงพากันไปเข้าสามิภักดิ์ ทำราชการสนองพระเดชพระคุณสืบไป...."
อูเอียนเจียกได้ฟังซ้องกั๋งเกลี้ยกล่อมดังนั้น ก็ตรึกตรองเห็นว่า ซ้องกั๋ง มีจิตต้อนรับโดยสัตย์ซื่อ ทำถูกต้องตามธรรมเนียมทุกสิ่ง ไม่รู้ที่จะคิดประการใดก็ทอดถอนใจใหญ่ คุกเข่าคำนับแล้วว่า
"....ข้าพเจ้านี้มิใช่จะไม่ซื่อตรงต่อแผ่นดินเมื่อไร เพราะเห็นว่าท่านเป็นคนสัตย์ซื่อต่อพี่น้องพวกพ้องจริง ประการหนึ่งคิดจะบำรุงแผ่นดินให้เป็นสุข ข้าพเจ้าก็ต้องยอมสามิภักดิ์ ไม่มีสิ่งใดตอบแทนคุณท่านเลย....."
ซ้องกั๋งก็ยินดี เชิญให้อูเอียนเจียกรู้จักกับพี่น้องเขาเนียซัวเปาะทั้งยี่สิบคน เขายีเลง ซัวเจ็ดคน และเขาธอฮวยซัวอีกสามคน และให้ลีตงเอาม้าโอวจุยเบ๊ที่ได้ขะโมยไปมาคืนให้อูเอียนเจียก แล้วก็ขอให้ช่วยไปล่อลวงให้โปวหยงเปิดประตูเมืองด้วย
อูเอียนเจียกก็รับปาก โดยขอนายโจรของเนียซัวเปาะสิบนายปลอมเป็นทหารเลว แล้วพากันขึ้นม้าออกจากค่ายไปที่กำแพงเมืองเชงจิว
ขณะนั้นเป็นเวลาพลบค่ำ อูเอียนเจียกกับพวกทหารปลอมก็ร้องเรียกให้ทหารเปิดประตูรับ ทหารรักษาประตูก็ไปแจ้งแก่เจ้าเมือง โปวหยงขึ้นไปบนกำแพงเมือง เห็นแต่ทหารขี่ม้าอยู่กลุ่มหนึ่งจำหน้าไม่ได้ แต่จำเสียงอูเอียนเจียกได้ จึงถามว่าเหตุใดหนีกลับมาได้
อูเอียนเจียกก็ว่าเข้าไปในค่ายแล้ว ทหารของตนที่โจรจับไปครั้งก่อนได้ช่วยเหลือเอาม้าพระราชทานมาให้ จึงชวนหนีมาด้วยกัน โปวหยงก็เชื่อให้ทหารเปิดประตูเมือง ทอดสะพานรับอูเอียนเจียกกับพวกเข้าเมือง
พอโปวหยงลงจากเชิงเทินจะมารับอูเอียนเจียก ฉิ นเหม็งก็เอากระบองตีตกม้าตายคาที่ พวกที่เหลือก็จุดไฟขึ้นเป็นสัญญาณให้ซ้องกั๋งยกพลที่เตรียมไว้แล้วบุกเข้าเมืองได้ แล้วก็ไล่ฆ่าฟันทหารในเมืองเชงจิวแตกไป
ซ้องกั๋งก็สั่งให้ไพร่พลช่วยดับไฟ และมิให้ทำร้ายราษฎรชาวเมือง และไปถอดเอา ขงเม่งกับขงปินออกจากคุก แล้วก็สั่งให้ลิ่วล้อไปจับบุตรภรรยา ครอบครัวของโปวหยงมาฆ่าเสียให้สิ้น และเก็บทรัพย์สมบัติเงินทองสิ่งของริบเอามาแจกจ่ายแก่ราษฎร ที่บ้านเรือนเสียหายทุกบ้าน จากนั้นก็รวบรวมเงินทองและเสบียงอาหารในคลัง บรรทุกเกวียนหกร้อยเล่ม กับยึดม้าฝีเท้าดีอีกสองร้อยเศษ กลับไปเขาเนียซัวเปาะ
ส่วนพวกโจรอีกสามก๊ก ก็กลับไปเก็บสิ่งของทั้งปวงมาหมด แล้วเอาไฟเผาที่อยู่เสีย เข้าสมทบกับขบวนของซ้องกั๋ง ออกจากเมืองเชงจิวเป็นสามกอง โดยมิได้ทำอันตรายแก่ไพร่บ้านพลเมือง ระหว่างทางราษฎรทั้งปวงก็ตั้งโต๊ะเครื่องบูชาคำนับ ทั่วทุกตำบลที่ผ่าน จนถึงเขาเนียซัวเปาะ
เตียวไก่ก็ส่งเรือมารับข้ามน้ำไปถึงสำนักใหญ่ แล้วจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงฉลองชัยชนะกันเป็นที่เอิกเกริก พวกที่มาเข้าใหม่รวมสิบสามคน ก็คำนับทักทายพวกที่อยู่เก่า เพราะหลายคนได้เคยรู้จัก กันมาก่อนแล้ว
อูเอียนเจียก แม่ทัพใหญ่จากเมืองหลวง ผู้โชคร้ายต้องสู้รบกับข้าศึกที่มีฝีมือเข้มแข็งถึงสามสิบคน ด้วยตัวคนเดียว จึงต้องจำใจสมัครเป็นนายโจร เขาเนียซัวเปาะ อันมีชื่อเสียงโด่งดัง ด้วยประการฉะนี้.
##########
นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒