เสือร้ายซ่อนเล็บ (๕) ๒๐ ส.ค.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ

ตอนที่ ๕ ถึงคราวจะสิ้นชีวิต

"เล่าเซี่ยงชุน"

เมื่อมีหลักฐานยืนยันว่า ซ้องกั๋ง ประกาศตัวเป็นกบฏเช่นนั้น ชัวเกาเจ้าเมืองจึงสั่งให้ ไตจงนำทหารสามสิบคน ไปเอาตัวซ้องกั๋งจากคุกมาให้ดูตัว ไตจงก็นำทหารไปยังคุกหลอเสีย แล้วแอบเข้าไปหาซ้องกั๋งก่อน ซ้องกั๋งเห็นไตจงมาก็ยินดีคุยว่า

".....วันก่อนพี่ไปหาน้องในเมืองกังจิวก็ไม่พบ จึงไปเที่ยวเล่นที่ชิมเอียงเหลาเสพ สุราจนมึนเมาแล้วก็กลับ...."

ไตจงถามว่าเขียนสิ่งใดไว้ที่ชิมเอียงเหลาบ้าง ซ้องกั๋งว่าเมาสุราจำไม่ได้ ไตจงบอกว่า

".....พี่เขียนคำโคลงไว้ที่ผนังชิมเอียงเหลาว่าจะคิดกบฏ ชัวเกาตีฮูแจ้งความ สั่งให้ข้าพเจ้ากับพวกทหารมาจับท่านไป ข้าพเจ้าพูดล่อลวงพวกทหารคอยอยู่ที่ศาลเจ้า จึงได้หลีกเลี่ยงมาบอกให้ท่านทราบ....."

ซ้องกั๋งได้ฟังก็ตกใจไม่รู้ที่จะคิดอย่างไร จึงว่าครั้งนี้เห็นจะตายเสียแน่แล้ว ไตจงจึงบอกอุบายให้ซ้องกั๋งแกล้งทำเป็นเสียจริต แล้วก็กลับไปนำทหารเข้ามาคุมตัวซ้องกั๋ง ก็เจอซ้องกั๋งแก้ผมเผ้ายุ่งเหยิง นอนกลิ้งอยู่กลางดิน ทับอุจจาระก็ไม่รู้ตัว ปากก็พูดพร่ำว่า

"...ตัวเรานี้หรือคือบุตรเขยเง็กเซียนฮ่องเต้เจ้าเมืองสวรรค์ มีรับสั่งตั้งให้เราเป็นแม่ทัพ คุมทหารเทพยดาสิบหมื่นมากำจัดพวกเมืองกังจิว และตั้งให้พระยายมเป็นนายทหารใหญ่ยกเป็นทัพหลังตามมา ตัวเราทั้งนี้มีท้องตราเป็นอาวุธสำหรับถือหนักแปดร้อยชั่ง จะฆ่าสัตว์เหล่านี้..."

ไตจงสั่งให้ทหารจับตัวเอาไป บรรดาทหารที่มาด้วยก็ว่าคนเป็นบ้าเสียจริตดังนี้ จะจับตัวไปทำไม ไตจงก็ว่าถูกต้องแล้ว จึงชวนกันไปรายงานเจ้าเมืองว่า

ซ้องกั๋งเป็นบ้า อึงบุนเปงก็ว่าคนบ้าที่ไหนจะเขียนคำโคลงได้ ซ้องกั๋งคงจะแกล้งทำ ถ้าเดินไม่ได้ก็ให้หามมา เจ้าเมืองเห็นด้วยจึงให้ไตจงกลับไปเอาตัวมาให้ได้

เมื่อได้ตัวซ้องกั๋งมาแล้ว อึงบุนเปงก็ถามผู้คุมว่า คนโทษนี้เป็นบ้ามาแต่เดิมหรือเพิ่งเป็น ผู้คุมไม่อาจปิดบังจึงบอกว่าเมื่อแรกมาก็เห็นดีอยู่ เพิ่งจะบ้าได้สามสี่วันนี้ เจ้าเมืองจึงสั่งให้เฆี่ยนซ้องกั๋งห้าสิบที ถึงแตกโลหิตไหล แล้วเอาตัวมาสอบถามอีก

เมื่อไม่พูดก็ให้ทหารตบปาก จนซ้องกั๋งทนไม่ไหวจึงต้องยอมรับว่า ได้เขียนคำโคลงนั้นจริง

เจ้าเมืองจึงสั่งให้เอาขื่อคาสำหรับนักโทษประหารหนักร้อยชั่ง มาใส่ซ้องกั๋งไว้ แล้วให้เอาตัวไปจำขังในคุก ซ้องกั๋งถูกเฆี่ยนแตกยับเยินเดินไม่ได้ ผู้คุมต้องช่วยพยุงไป ไตจงก็ตามไปสั่งผู้คุมว่าอย่าให้เป็นอันตราย แล้วจัดข้าวปลามาส่งให้ซ้องกั๋งทุกวัน

ชัวเกาเจ้าเมืองก็สรรเสริญอึงบุนเปง ว่ามีสติปัญญาช่วยแนะนำให้รู้กลอุบายของซ้องกั๋ง อึงบุนเปงว่าอย่านอนใจ รีบมีหนังสือบอกเข้าไปถึงชัวไทซือผู้บิดา ที่เมืองหลวงเพื่อกราบทูลฮ่องเต้ให้ทรงทราบแล้วแต่จะโปรด

เจ้าเมืองก็ให้อึงบุนเปงช่วยร่างหนังสือแจ้งว่า ได้จับผู้ที่คิดการเป็นเสี้ยนหนามแผ่นดินไว้แล้ว เพราะสติปัญญาของอึงบุนเปงขอให้กราบทูลฮ่องเต้ทรงทราบ แล้วสั่งให้ไตจงนำหนังสือไปส่งให้บิดาที่เมืองหลวง

ไตจงก็ไปลาซ้องกั๋งที่คุก แล้วสั่งให้ลีขุยช่วยดูแลซ้องกั๋งแทนด้วย อย่ามัวเที่ยวเสพสุราเหมือนแต่ก่อน ลีขุยก็รับคำ แล้วไตจงก็ออกเดินทางอย่างรวดเร็ว ไปแวะพักค้างคืนอยู่ที่โรงเตี๊ยมริมแม่น้ำใกล้เขาเนียซัวเปาะ เจ้าของโรงชื่อจูกุย มีหน้าที่เป็นยามรักษาต้นทางของพวกเขาเนียซัวเปาะ เอาสุราผสมยาเบื่อให้กินจนนอนสลบไม่รู้สึกตัว จูกุยค้นตัวไตจงได้หนังสือมีความว่า

".......ชัวเกาตีฮูบอกมาถึงชัวไทซือผู้บิดา ด้วยบัดนี้มีชายผู้หนึ่งแซ่ซ้องชื่อกั๋ง อยู่บ้านซัวตังแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ เขียนคำโคลงไว้ที่เก๋ง ชิมเอียงเหลาว่าจะคิดกบฏ ข้าพเจ้าจับตัวได้เอาไต่ถามก็รับเป็นสัตย์ บิดาจะคิดอ่านทำโทษประการใด จงบอกมาให้ทราบ...."

จูกุยก็ตกใจ เมื่อค้นพบยี่ห้อว่าชื่อไตจงก็นึกได้ว่าเป็นคนรู้จักกับ โงวหยง กุนซือของพวกเขาเนียซัวเปาะ จึงแก้ไขให้ฟื้นแล้วส่งตัวไปให้พบกับโงวหยง ไตจงเล่าเรื่องราวที่ซ้องกั๋งต้องคดีกบฏ ให้พวกพี่น้องเขาเนียซัวเปาะฟังโดยตลอด

เมื่อได้ปรึกษากันแล้ว โงวหยงก็ออกอุบายให้ทำหนังสือปลอมจากชัวไทซือ ให้ไตจงถือกลับไป

เมื่อไตจงรับหนังสือเดินทางออกจากเขาเนียซัวเปาะไปแล้ว โงวหยงตรึกตรองถึงหนังสือที่ทำปลอมก็ตกใจ บอกพวกพ้องว่าลายมือในหนังสือ และตราที่ได้แกะประทับไปนั้นถูกต้องทุกประการ แต่บัดนี้ชัวไทซืออาจจะเปลี่ยนตราเป็นอย่างอื่นก็ได้ ครั้นจะตามไตจงกลับมาก็ไม่ทันเสียแล้ว โงวหยงจึงออกอุบายลับไว้คอยแก้ไขเหตุการณ์ต่อไป

พอไตจงกลับมาถึงเมืองกังจิว เอาหนังสือปลอมให้เจ้าเมือง ชัวเกาแกะหนังสือออกดู มีความว่า

"....ซ้องกั๋งคนนี้สำคัญนักหนา เจ้าแผ่นดินซ้องอยากใคร่ดูหน้า แล้วไต่ถามเอาความจริง ให้ส่งตัวซ้องกั๋งเข้าไปในเมืองหลวง อย่าให้ล้มตายหนีไปเสียตามทาง....."

และตอนท้ายบอกว่า อึงบุนเปงนั้นมีสติปัญญาควรจะเป็นขุนนางผู้ใหญ่ได้ จะได้หาโอกาสกราบทูลให้มียศศักดิ์ยิ่งขึ้นไป ชัวเกาก็เอาเงินยี่สิบตำลึงให้ไตจง แล้วจัดเกวียนไว้อีกสองวันจะส่งตัวซ้องกั๋งไปเมืองหลวง ไตจงก็แอบไปส่งข่าวให้ซ้องกั๋งทราบ

แต่พออึงบุนเปงข้ามฟากมาหาชัวเกาอีก ชัวเกาเอาหนังสือปลอมของบิดาให้ดู อึงบุนเปงก็จับได้ว่าเป็นหนังสือปลอม เพราะใช้ตราตำแหน่งเดิมก่อนที่จะเลื่อนเป็นไทซือ ชัวเกาเห็นจริงด้วย จึงให้ตามตัวไตจงมาสอบสวนใหม่ ถามว่า

"...เมื่อไปถึงบ้านบิดาเราเข้าทางไหน มีสิ่งใดที่ประตูบ้าง..."

ไตจงไม่เคยเห็น แต่แก้ตัวไปว่า

"....เมื่อข้าพเจ้าไปถึงเป็นเวลาค่ำไม่ทันสังเกต...."

ชัวเกาถามต่อว่า

"..ท่านไม่พบบิดาเรา เอาหนังสือกับสิ่งของส่งให้ผู้ใดเล่า ตัวไปพักที่ไหน จำหน้าผู้นั้นได้หรือเปล่า..."

ไตจงแก้ว่า

"...ข้าพเจ้าเอาหนังสือและสิ่งของไปส่งให้ เวลานั้นก็มืดค่ำจำหน้าไม่ได้ ข้าพเจ้าไปอาศัยโรงเตี๊ยม รุ่งเช้ารับหนังสือที่ท่านผู้นั้นแล้วก็กลับมา....."

ชัวเกาซักต่อไปว่า

".....ผู้ที่รับสิ่งของและเอาหนังสือตอบมาส่งนั้น รูปร่างสูงต่ำดำขาวอายุคราวใด มีหนวดหรือไม่...."

ไตจงชักใจไม่ดี เดาสุ่มไปว่า

"....ชายผู้นั้นสันทัดคน ขณะนั้นยังไม่สว่าง ข้าพเจ้าดูหน้าไม่ถนัดเห็นคงมีหนวดบ้างดอกกระมัง....."

ชัวเกาก็ตวาดให้ว่า

"...เจ้ามาล่อลวงให้เราดีใจหนักหนา สำคัญว่าจริง ผู้รับหนังสือคนเก่านั้นมีหนวดบ้างเล็กน้อย ก็ตายเสียแล้ว บัดนี้ผู้ที่รับหนังสือใหม่ยังไม่ทันจะมีหนวด เจ้าว่ามีหนวดก็ไม่ถูกต้อง ประการหนึ่งถ้ามีหนังสือไปถึงบิดาเรา ก็ต้องมีขุนนางออกมารับเป็นชั้น ๆ ซึ่งหนังสือนี้เจ้าไปเอามาแต่ไหน ผู้ใดปลอมให้ก็รับเสียโดยดี....."

แล้วสั่งให้คนใช้จับตัวมัดไว้ ไตจงก็ยังคงเถียงไม่ยอมรับ ชัวเกาจึงสั่งให้เฆี่ยนจนเนื้อแตกโลหิตไหล ไตจงทนไม่ได้ต้องยอมรับว่า เมื่อเดินทางผ่านเขาเนียซัวเปาะ ถูกพวกโจรจับไปจะฆ่าได้อ้อนวอนขอชีวิตไว้ พวกโจรจึงได้ทำหนังสือปลอมให้ถือกลับมา ชัวเกาได้ฟังก็แจ้งว่าไตจงกับซ้องกั๋ง เป็นพวกพ้องกับโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่ซักถามไตจงก็ไม่รับ จึงสั่งเฆี่ยนอีกเป็นอันมาก แล้วให้เอาตัวไปขังคุกไว้

อึงบุนเปงก็แนะนำอีกว่า ต้องกำจัดไตจงกับซ้องกั๋งเสียก่อนอย่าได้นอนใจ ขืนปล่อยทิ้งไว้จะเกิดเหตุใหญ่ขึ้นได้ ชัวเกาเห็นชอบด้วยจึงสั่งให้ประหารชีวิตไตจง กับซ้องกั๋งในวันรุ่งขึ้น แล้วจึงค่อยมีหนังสือบอกบิดาให้กราบทูลฮ่องเต้ภายหลัง

ผู้ที่ได้รับคำสั่งจาก ชัวเกา เจ้าเมืองกังจิวให้เตรียมการประหารชีวิต ไตจงและซ้องกั๋ง ผู้เป็นกบฏเพราะมือบอน นั้นก็คือ อึงคงมก ซึ่งเป็นเพื่อนรักใคร่ชอบพอกับ เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่กลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ จึงคิดอุบายหน่วงเหนี่ยวว่า

ซึ่งท่านเจ้าเมืองจะให้ประหารนักโทษในวันนี้ เป็นวันถือทั้งแผ่นดิน รุ่งขึ้นพรุ่งนี้ก็เป็นวันสารท ถัดไปอีกสองวันคนทั้งปวงนับว่าเป็นวันดี เหมาะที่จะทำการมงคล จะให้ประหารชีวิตนักโทษเสีย ภายในสี่ห้าวันนี้ยังไม่ควร ถ้าพ้นไปแล้วจึงจะได้

ชัวเกาตีฮูจึงตกลงให้เอากบฏทั้งคู่ ไปประหารชีวิตในวันที่หก

อึงมกคงรีบแจ้งข่าวให้เตียวไก่รู้ แล้วก็จัดแจงลานประหารไว้ที่ทางสามแพร่งนอกเมืองกังจิว พอถึงวันที่กำหนดก็คุมทหารประมาณห้าร้อยคน ถือศัสตราวุธพร้อมมือ ให้ผู้คุมเอาตัวซ้องกั๋งกับไตจงมาเข้าขบวน ชัวเกาก็ขึ้นม้ากำกับทหารคุมนักโทษทั้งสอง ไปยังลานซึ่งจัดไว้เป็นที่ประหาร

เมื่อถึงสนามชัวเกาให้ทหารนำตัวนักโทษทั้งสองไปมัดไว้กับหลัก เอาธงปักไว้ข้างหลังบอกว่าเป็นโทษกบฏ พอถึงกำหนดเวลาบ่ายก็จะลงมือประหารทันที.

##########

นิตยสารโล่เงิน
ตุลาคม ๒๕๔๑
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่