ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ
ตอนที่ ๑ มีกรรมจำต้องโทษ
"เล่าเซี่ยงชุน"
ฝ่าย ซ้องกั๋ง เมื่อได้แยกทางกับพรรคพวกเขาเซงฮวงซัวแล้ว ก็รีบเดินทางโดยมิได้หยุดพักผ่อนทั้งกลางวันและกลางคืน พอถึงตำบลหุนเสียกุ้ยแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ก็เหนื่อยอ่อนเต็มที จึงแวะเข้าไปที่โรงเตี๊ยมของคนที่คุ้นเคยกันชื่อ เตียเสียเจียง เจ้าของโรงแรมก็บอกว่า ที่ได้หายไปปีเศษนั้นบัดนี้คดีความเรื่องฆ่าภรรยาก็ได้ข่าวว่า ฮ่องเต้โปรดให้เบาบางลงแล้ว เหตุใดกลับมาจึงดูเหมือนมีทุกข์หนักหนา
ซ้องกั๋งก็บอกว่าบิดาได้ตายเสียแล้วจึงเป็นทุกข์นัก
เจ้าของโรงก็หัวเราะบอกว่าเมื่อกลางวันบิดาของท่านยังมาเสพสุราที่นี่ เพิ่งจะกลับบ้านไปประมาณครู่หนึ่งเท่านั้น
ซ้องกั๋งสงสัยว่าเหตุใดน้องชายจึงมีหนังสือไปแจ้งดังนั้น แต่ก็รอจนเวลาเย็นจวนค่ำ จึงออกจากโรงเตี๊ยมไปที่บ้าน ผู้คนในบ้านก็ดีใจพากันมาคุกเข่าคำนับ
ซ้องกั๋งถามว่าบิดากับน้องชายไปข้างไหน คนใช้ก็บอกว่าบิดาไปที่โรงเตี๊ยมเพิ่งกลับมาก็เข้านอน ส่วน ซ้องเซ็ง น้องชายก็ออกมาคำนับต้อนรับ
ซ้องกั๋งเห็นน้องชายไม่ได้สวมใส่เสื้อกางเกงขาว ก็แจ้งว่าบิดายังไม่ตายแน่ จึงโกรธยิ่งนักพูดว่า
".....บิดายังไม่ทันตาย ก็ฝากหนังสือไปว่าบิดาตาย ให้พี่ร้องไห้โศกเศร้าเป็นอันมาก....."
ซ้องไทก๋ง บิดาออกมาจากห้อง ซ้องกั๋งก็คุกเข่าคำนับ บิดาจึงบอกว่า
“….บิดาคิดอ่านเอง ด้วยบิดาคิดถึงเจ้าอยู่ทุกคืนวัน ถ้าในหนังสือไม่ว่าเช่นนั้น กลัวเจ้าจะไม่มา ประการหนึ่งบิดาแจ้งว่า เจ้าไปอยู่ที่เขาแปะโฮ้วซัวมีแต่พวกฝีมือเข้มแข็ง ฆ่าคนตาย หนีไปโกนศรีษะบวชอยู่ที่นั่นมาก กลัวพวกนั้นจะชักชวนไว้ ชื่อเสียงของบิดาและเจ้าจะเสียไป พอเจียย้งมาบิดาฝากหนังสือไป เจ้าอย่าโกรธซ้องเซ็ง ผู้น้องเลย....."
ซ้องกั๋งก็คลายโกรธถามบิดาว่า โทษเก่าของตนที่ต้องหนีไปนั้น เวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง ซ้องไทก๋งว่า ได้ข่าวว่าฮ่องเต้มีไทจืออีกองค์หนึ่งจึงมีรับสั่งโปรด ตามบรรดานักโทษในราชอาณาเขต ที่โทษเบาบางก็ปล่อยเสีย ที่โทษหนักก็โปรดให้เบาบางไม่ต้องตาย สืบได้ความแน่นอนแล้วจึงฝากหนังสือให้ลูกกลับมา
ซ้องกั๋งก็ถามถึง จูตง กับลุยเหง สองนายทหารของเมืองนี้ ซึ่งมีคุณได้ช่วยเหลือให้หนีรอดไปเมื่อต้องคดีฆ่าภรรยาตาย บิดาก็บอกว่า จูตงไปราชการที่ตังเกียเมืองหลวง แต่ลุยเหงนั้นไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน บัดนี้มีนายทหารใหม่สองคนพี่น้องชื่อ เตียวเหลง กับ เตียวเต๊ก มาทำราชการแทน ซ้องกั๋งกับบิดาก็คุยกันอยู่จนดึกประมาณสองยามจึงได้นอน
ฝ่าย ซิบุนปิน เจ้าเมืองหุนเสียกุ้ย ได้ข่าวว่าซ้องกั๋งกลับมาบ้าน จึงให้เตียวเหล็งกับเตียวเต๊ก คุมพลไปจับตัวซ้องกั๋งที่ยังมีคดีค้างคาอยู่ ทั้งสองนายก็พาทหารมาล้อมบ้านซ้องกั๋งไว้ในคืนนั้น และร้องบอกซ้องไทก๋งให้ส่งตัวซ้องกั๋งออกมาแต่โดยดี ทีแรกซ้องไทก๋งปฏิเสธ แต่นายทหารยืนยันว่า ในเวลาเย็นมีคนเห็นอยู่ที่โรงเตี๊ยม
ซ้องกั๋งจึงขึ้นไปบนเหลาสูง ร้องบอกนายทหารว่าตนเองกลับมาบ้านแล้วไม่ได้หลบหนีหายไปไหน เวลาพรุ่งนี้จึงค่อยไปว่ากล่าวด้วยกัน คืนนี้ขอเชิญทั้งสองเข้าบ้าน มากินโต๊ะเสพสุราให้สบายก่อน แล้วก็ลงมาเปิดประตูรับนายทหารทั้งสองพี่น้อง เข้าไปนั่งในที่อันควร และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูนายทหารและไพร่พลทั้งสิ้น แล้วก็แจกเงินให้ทุกนาย คืนนั้นพวกทหารก็ค้างอยู่ที่บ้านซ้องกั๋ง ถึงรุ่งเช้าจึงนำตัวซ้องกั๋งไปบ้านเจ้าเมือง
เมื่อซิบุนปินออกว่าราชการ เห็นว่าซ้องกั๋งเคยรับราชการอยู่ด้วยกัน จึงบอกซ้องกั๋งให้รับผิดเสียเถิด แล้วก็ส่งกระดาษพู่กันมาให้ ซ้องกั๋งก็รับมาเขียนสารภาพว่า
"เดิมข้าพเจ้าซ้องกั๋งได้สู่ขอนางเงียมผอเสียะมาเป็นภรรยา ครั้นอยู่มาไม่มีความสุข ข้าพเจ้าเมาสุราเกิดโมโหขึ้นมา ฆ่านางเงียมผอเสียะตายจึงได้คิดหนี บัดนี้ข้าพเจ้าก็รับเป็น สัตย์ ขอท่านได้โปรดเถิด"
ซิบุนปินก็ให้ผู้คุมเอาตัวซ้องกั๋งไปจำคุกไว้ บรรดาผู้คนในตำบลนั้นซึ่งซ้องกั๋ง ได้เคยช่วย
เหลือเจือจานมาแต่เก่าก่อน ก็พากันวิตกทุกข์ร้อนชวนกันมาร้องขอให้ซิบุนปิน ลดโทษซ้องกั๋งให้เบาบางลง ซิบุนปินก็เอาเงินทองมาเดินเหินแก่เจ้าหน้าที่คุก พวกผู้คุมก็ไม่จองจำให้ครบ
ซิบุนปินรออยู่หกสิบวัน ไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์อีก เพราะ นางเงียมผอ มารดาของ นางเงียมผอเสียะ ก็ตายไปได้ครึ่งปีแล้ว เตียบุนอ้วน ซึ่งเป็นชู้กับนางเงียมผอเสียะ ก็ไม่ติดใจจะเอาความต่อไป จึงส่งตัวซ้องกั๋งไปให้เจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ปรึกษาโทษ
เจ้าเมืองซึ่งรับเงินจากซ้องไทก๋งไปแล้ว จึงพิพากษาลงโทษโดยปราณีมีความว่า
"....ซ้องกั๋งรับเป็นสัตย์ โจทก์ก็ล้มตายไม่มีผู้ใดมาว่ากล่าว จึงให้เอาตัวซ้องกั๋งเฆี่ยนยี่สิบที แล้วสักหน้าเนรเทศไปเมืองกังจิว....."
แล้วให้ผู้คุมสองคนถือหนังสือ คุมตัวไปส่งที่เมืองกังจิว ซ้องกั๋งกับผู้คุมก็มาแวะที่บ้านก่อน ซ้องไทก๋งเชิญผู้คุมทั้งสองหยุดพักรับประทานอาหารและเสพสุราให้สบายใจ แล้วมอบเงินทองให้ผู้คุมไปใช้สอย กับจัดหาเงินทองให้ซ้องเซ็งไปส่งพี่ชายด้วย
ซ้องไทก๋งเอาห่อเสื้อกางเกง ที่จัดเตรียมไว้ให้ซ้องกั๋ง แล้วกระซิบว่า
".....บิดาเอาเงินทองมาเดินเหินที่ผู้รักษาเมือง ให้เนรเทศเจ้าไปเมืองกังจิว ด้วยเมืองกังจิวข้าวปลาอาหารบริบูรณ์พอจะซื้อหารับประทานได้ ถ้าเจ้าไปถึงแล้ว บิดาก็จะจัดหาเงินทองให้ซ้องเซ็งไปส่ง จงอุตส่าห์ทนไปก่อนเถิด แม้นมีผู้อื่นไปมา บิดาก็จะฝากไปอีกเจ้าอย่าวิตก ครั้งนี้เจ้าจะไปต้องเดินทางผ่านเขาเนียซัวเปาะ บิดากลัวพวกเหล่านั้นจะมาชิงเอาเจ้าไปเป็นพวกพ้อง อย่าได้เกี่ยวข้องด้วยเลย คนทั้งหลายจะนินทาว่าไม่กตัญญูต่อบิดามารดา การอันนี้สำคัญนัก เจ้าจงจำไว้ถ้าสืบไปภายหน้าฟ้าและดินอุปถัมภ์ ก็คงจะได้กลับมาเห็นหน้ากันต่อไป...."
ซ้องกั๋งก็ร้องไห้คำนับลาบิดา เดินทางต่อไปกับผู้คุมทั้งสอง ซ้องเซ็งนั้นตามมาส่งไม่ไกล ซ้องกั๋งก็ไล่ให้กลับ แล้วว่า
"......บิดาแก่แล้ว ตัวพี่ก็ต้องโทษไม่ได้อยู่ปฏิบัติ เจ้าจงอุตส่าห์ดูแลระวังรักษาบิดา อย่าไปเมืองกังจิวเลย ตัวพี่นี้ไม่เป็นไร มีผู้รู้จักทั้งสิ้น ถ้าไม่ตายก็คงได้กลับมาเห็นหน้ากัน....."
ซ้องเซ็งก็ร้องไห้คำนับลากลับมาอยู่กับบิดาที่บ้าน
เมื่อซ้องกั๋งกับผู้คุมเดินทางมาใกล้จะถึงเขตแดนเขาเนียซัวเปาะ ก็คิดถึงคำสั่งของบิดา จึงพาผู้คุมเดินทางลัดหลบหลีกไปได้ประมาณสามสิบลี้ ก็มีคนดักอยู่ พอซ้องกั๋งกับผู้คุมเดินเข้าไปใกล้ก็สั่งไพร่พลสกัดไว้ ตัวนายถือกระบี่ตรงเข้ามา ผู้คุมก็ตกใจลงคุกเข่าคำนับ
ซ้องกั๋งจำได้ว่าเป็น เล่าตง นายโจรที่ซ้องกั๋งรู้จักดีจึงถามว่าน้องจะฆ่าผู้ใด เล่าตงตอบว่าจะฆ่าผู้คุมทั้งสองคนนี้เสียให้ตาย ซ้องกั๋งก็ขอให้ส่งกระบี่มาจะจัดการเอง ผู้คุมทั้งสองก็นึกว่าตนคงจะตายแน่แล้ว แต่ซ้องกั๋งถามเล่าตงว่า จะฆ่าผู้คุมทั้งสองนี้ด้วยเหตุใด เล่าตงก็ว่า
"...เตียวไก่ ให้คนไปสืบข่าวที่ตำบลหุนเสียกุ้ย แจ้งว่าพี่ต้องโทษเนรเทศไปเมืองกังจิว
เตียวไก่จึงให้พวกพ้องแยกย้ายกันมารอรับทุกทาง แล้ว ผู้คุมทั้งสองนี้ไม่ฆ่าเสียแล้วจะเอาไว้ทำไม"
ซ้องกั๋งว่าทำอย่างนี้เหมือนแกล้งให้ตนตาย ว่าแล้วก็เอากระบี่ในมือจะเชือดคอตนเองเสีย เล่าตงก็โดดเข้าไปยึดมือไว้ แล้วแย่งกระบี่เอามาได้ ซ้องกั๋งจึงว่า
"....ถ้าพวกพี่น้องทั้งปวงเมตตาเรา ก็ปล่อยให้ไปเมืองกังจิว จนสิ้นโทษแล้วจึงค่อยมาพบกัน...”
เล่าตงว่าตนเองทำไม่ได้ เพราะหนทางใหญ่ข้างหน้ามี โงวหยง กับ ฮวยหยง มาคอยอยู่ แล้วเล่าตงก็ให้ลิ่วล้อไปเชิญนายโจรทั้งสองนั้นมาปรึกษากัน ทั้งสองนายก็คำนับซ้องกั๋งแล้วว่าทำไมจึงไม่ถอดขื่อคาออกเสีย
ซ้องกั๋งว่าตนเป็นคนโทษหลวงผู้ใดจะถอดได้ โงวหยงก็บอกว่า
"......เตียวไก่ไม่ได้พบกับพี่ นานแล้ว จึงใช้พวกข้าพเจ้ามาคอยเชิญไป จะพูดความในใจสักสิ่งหนึ่งจึงจะส่งพี่ไปเมือง กังจิว....."
ซ้องกั๋งก็ยินดี ฉุ ดมือผู้คุมทั้งสองให้ลุกขึ้นแล้วว่า
"....เมื่อจะเป็นตายประการใดอยู่กับตัวเราเอง ท่านทั้งสองอย่าวิตกเลย...."
ผู้คุมก็ว่าชีวิตของ ตนอยู่ในมือของซ้องกั๋งแล้ว ขอได้โปรดด้วยเถิด ทั้งหมดพากันเดินมาลงเรือข้ามไปถึงเกาะ ต้นทางที่เดินต่อไป พวกเขาเนียซัวเปาะก็จัดเกี้ยวมาหามซ้องกั๋งไป จนถึงที่ชุมนุม เตียวไก่กับพวกอีกยี่สิบคน คำนับรับรองซ้องกั๋งเป็นอันดี
ซ้องกั๋งก็เล่าเรื่องที่ตนต้องคดีฆ่าภรรยาตาย แล้วหนีเร่ร่อนไปประมาณปีเศษ ได้พวกพ้องมาถึงเก้าคน จะพามาอาศัยอยู่กับเตียวไก่ พอดีได้ข่าวว่าบิดาตาย จึงได้แยกทางกลับไปบ้าน พบว่าบิดายังไม่ตาย แต่เป็นห่วงว่าตนจะเข้าเป็นพวกพ้องเขาเนียซัวเปาะ จึงทำอุบายพรากตัวไปเสีย บัดนี้ตนได้รับโทษเนรเทศไปเมืองกังจิว จึงขอลาไปก่อน
เตียวไก่กับพวกพ้องก็ขอร้องอ้อนวอนให้อยู่ โดยจะเอาเงินทองให้ผู้คุมกลับไปแจ้งว่า พวกเขาเนียซัวเปาะแย่งชิงเอาตัวไว้ ซ้องกั๋งก็ไม่ยอมบอกว่า
".....ความข้อนี้อย่าได้พูด ถ้าทำเช่นนั้นเหมือนแกล้งข้าพเจ้า บิดาก็แก่ชราจะให้ขัดขืนคำบิดานั้นไม่ได้ แต่เดิมเคลิบเคลิ้มเห็นดีไป จึงชักชวนพี่น้องทั้งปวงมาเข้าเป็นพวกพ้องเทพยดาดลใจให้ เจียะย้งถือหนังสือมาให้ข้าพเจ้ากลับ บิดาได้กำชับสั่งให้ไปตามโทษของตัว ครั้นจะขัดขืนแบบแผนแผ่นดินไปก็เป็นคนไม่ซื่อตรง ต้องเอาชื่อเสียงไว้ให้ปรากฎบ้าง ถ้าพี่น้องทั้งปวงไม่ปล่อยให้ไป ก็จะขอตายอยู่ที่นี่....."
พูดแล้วก็ร้องไห้ ลงคุกเข่าคำนับกับพื้น เตียวไก่และพี่น้องก็เห็นใจ ชวนกันพยุง ซ้องกั๋งขึ้น แล้วก็อ้อนวอนให้ค้างอยู่คืนหนึ่งก่อน และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงต้อนรับ ซ้องกั๋งก็กินเลี้ยงโดยไม่ถอดขื่อคาออก เวลาจะนอนก็นอนกับผู้คุม เพราะกลัวว่าพวกพ้องจะฆ่าผู้คุมเสีย
##########
นิตยสารโล่เงิน
กรกฎาคม ๒๕๔๑
เสือร้ายซ่อนเล็บ (๑) ๑๕ ส.ค.๕๘
ซ้องกั๋ง.....เสือร้ายซ่อนเล็บ
ตอนที่ ๑ มีกรรมจำต้องโทษ
"เล่าเซี่ยงชุน"
ฝ่าย ซ้องกั๋ง เมื่อได้แยกทางกับพรรคพวกเขาเซงฮวงซัวแล้ว ก็รีบเดินทางโดยมิได้หยุดพักผ่อนทั้งกลางวันและกลางคืน พอถึงตำบลหุนเสียกุ้ยแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ก็เหนื่อยอ่อนเต็มที จึงแวะเข้าไปที่โรงเตี๊ยมของคนที่คุ้นเคยกันชื่อ เตียเสียเจียง เจ้าของโรงแรมก็บอกว่า ที่ได้หายไปปีเศษนั้นบัดนี้คดีความเรื่องฆ่าภรรยาก็ได้ข่าวว่า ฮ่องเต้โปรดให้เบาบางลงแล้ว เหตุใดกลับมาจึงดูเหมือนมีทุกข์หนักหนา
ซ้องกั๋งก็บอกว่าบิดาได้ตายเสียแล้วจึงเป็นทุกข์นัก
เจ้าของโรงก็หัวเราะบอกว่าเมื่อกลางวันบิดาของท่านยังมาเสพสุราที่นี่ เพิ่งจะกลับบ้านไปประมาณครู่หนึ่งเท่านั้น
ซ้องกั๋งสงสัยว่าเหตุใดน้องชายจึงมีหนังสือไปแจ้งดังนั้น แต่ก็รอจนเวลาเย็นจวนค่ำ จึงออกจากโรงเตี๊ยมไปที่บ้าน ผู้คนในบ้านก็ดีใจพากันมาคุกเข่าคำนับ
ซ้องกั๋งถามว่าบิดากับน้องชายไปข้างไหน คนใช้ก็บอกว่าบิดาไปที่โรงเตี๊ยมเพิ่งกลับมาก็เข้านอน ส่วน ซ้องเซ็ง น้องชายก็ออกมาคำนับต้อนรับ
ซ้องกั๋งเห็นน้องชายไม่ได้สวมใส่เสื้อกางเกงขาว ก็แจ้งว่าบิดายังไม่ตายแน่ จึงโกรธยิ่งนักพูดว่า
".....บิดายังไม่ทันตาย ก็ฝากหนังสือไปว่าบิดาตาย ให้พี่ร้องไห้โศกเศร้าเป็นอันมาก....."
ซ้องไทก๋ง บิดาออกมาจากห้อง ซ้องกั๋งก็คุกเข่าคำนับ บิดาจึงบอกว่า
“….บิดาคิดอ่านเอง ด้วยบิดาคิดถึงเจ้าอยู่ทุกคืนวัน ถ้าในหนังสือไม่ว่าเช่นนั้น กลัวเจ้าจะไม่มา ประการหนึ่งบิดาแจ้งว่า เจ้าไปอยู่ที่เขาแปะโฮ้วซัวมีแต่พวกฝีมือเข้มแข็ง ฆ่าคนตาย หนีไปโกนศรีษะบวชอยู่ที่นั่นมาก กลัวพวกนั้นจะชักชวนไว้ ชื่อเสียงของบิดาและเจ้าจะเสียไป พอเจียย้งมาบิดาฝากหนังสือไป เจ้าอย่าโกรธซ้องเซ็ง ผู้น้องเลย....."
ซ้องกั๋งก็คลายโกรธถามบิดาว่า โทษเก่าของตนที่ต้องหนีไปนั้น เวลานี้เป็นอย่างไรบ้าง ซ้องไทก๋งว่า ได้ข่าวว่าฮ่องเต้มีไทจืออีกองค์หนึ่งจึงมีรับสั่งโปรด ตามบรรดานักโทษในราชอาณาเขต ที่โทษเบาบางก็ปล่อยเสีย ที่โทษหนักก็โปรดให้เบาบางไม่ต้องตาย สืบได้ความแน่นอนแล้วจึงฝากหนังสือให้ลูกกลับมา
ซ้องกั๋งก็ถามถึง จูตง กับลุยเหง สองนายทหารของเมืองนี้ ซึ่งมีคุณได้ช่วยเหลือให้หนีรอดไปเมื่อต้องคดีฆ่าภรรยาตาย บิดาก็บอกว่า จูตงไปราชการที่ตังเกียเมืองหลวง แต่ลุยเหงนั้นไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหน บัดนี้มีนายทหารใหม่สองคนพี่น้องชื่อ เตียวเหลง กับ เตียวเต๊ก มาทำราชการแทน ซ้องกั๋งกับบิดาก็คุยกันอยู่จนดึกประมาณสองยามจึงได้นอน
ฝ่าย ซิบุนปิน เจ้าเมืองหุนเสียกุ้ย ได้ข่าวว่าซ้องกั๋งกลับมาบ้าน จึงให้เตียวเหล็งกับเตียวเต๊ก คุมพลไปจับตัวซ้องกั๋งที่ยังมีคดีค้างคาอยู่ ทั้งสองนายก็พาทหารมาล้อมบ้านซ้องกั๋งไว้ในคืนนั้น และร้องบอกซ้องไทก๋งให้ส่งตัวซ้องกั๋งออกมาแต่โดยดี ทีแรกซ้องไทก๋งปฏิเสธ แต่นายทหารยืนยันว่า ในเวลาเย็นมีคนเห็นอยู่ที่โรงเตี๊ยม
ซ้องกั๋งจึงขึ้นไปบนเหลาสูง ร้องบอกนายทหารว่าตนเองกลับมาบ้านแล้วไม่ได้หลบหนีหายไปไหน เวลาพรุ่งนี้จึงค่อยไปว่ากล่าวด้วยกัน คืนนี้ขอเชิญทั้งสองเข้าบ้าน มากินโต๊ะเสพสุราให้สบายก่อน แล้วก็ลงมาเปิดประตูรับนายทหารทั้งสองพี่น้อง เข้าไปนั่งในที่อันควร และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูนายทหารและไพร่พลทั้งสิ้น แล้วก็แจกเงินให้ทุกนาย คืนนั้นพวกทหารก็ค้างอยู่ที่บ้านซ้องกั๋ง ถึงรุ่งเช้าจึงนำตัวซ้องกั๋งไปบ้านเจ้าเมือง
เมื่อซิบุนปินออกว่าราชการ เห็นว่าซ้องกั๋งเคยรับราชการอยู่ด้วยกัน จึงบอกซ้องกั๋งให้รับผิดเสียเถิด แล้วก็ส่งกระดาษพู่กันมาให้ ซ้องกั๋งก็รับมาเขียนสารภาพว่า
"เดิมข้าพเจ้าซ้องกั๋งได้สู่ขอนางเงียมผอเสียะมาเป็นภรรยา ครั้นอยู่มาไม่มีความสุข ข้าพเจ้าเมาสุราเกิดโมโหขึ้นมา ฆ่านางเงียมผอเสียะตายจึงได้คิดหนี บัดนี้ข้าพเจ้าก็รับเป็น สัตย์ ขอท่านได้โปรดเถิด"
ซิบุนปินก็ให้ผู้คุมเอาตัวซ้องกั๋งไปจำคุกไว้ บรรดาผู้คนในตำบลนั้นซึ่งซ้องกั๋ง ได้เคยช่วย
เหลือเจือจานมาแต่เก่าก่อน ก็พากันวิตกทุกข์ร้อนชวนกันมาร้องขอให้ซิบุนปิน ลดโทษซ้องกั๋งให้เบาบางลง ซิบุนปินก็เอาเงินทองมาเดินเหินแก่เจ้าหน้าที่คุก พวกผู้คุมก็ไม่จองจำให้ครบ
ซิบุนปินรออยู่หกสิบวัน ไม่มีผู้ใดมาร้องทุกข์อีก เพราะ นางเงียมผอ มารดาของ นางเงียมผอเสียะ ก็ตายไปได้ครึ่งปีแล้ว เตียบุนอ้วน ซึ่งเป็นชู้กับนางเงียมผอเสียะ ก็ไม่ติดใจจะเอาความต่อไป จึงส่งตัวซ้องกั๋งไปให้เจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ปรึกษาโทษ
เจ้าเมืองซึ่งรับเงินจากซ้องไทก๋งไปแล้ว จึงพิพากษาลงโทษโดยปราณีมีความว่า
"....ซ้องกั๋งรับเป็นสัตย์ โจทก์ก็ล้มตายไม่มีผู้ใดมาว่ากล่าว จึงให้เอาตัวซ้องกั๋งเฆี่ยนยี่สิบที แล้วสักหน้าเนรเทศไปเมืองกังจิว....."
แล้วให้ผู้คุมสองคนถือหนังสือ คุมตัวไปส่งที่เมืองกังจิว ซ้องกั๋งกับผู้คุมก็มาแวะที่บ้านก่อน ซ้องไทก๋งเชิญผู้คุมทั้งสองหยุดพักรับประทานอาหารและเสพสุราให้สบายใจ แล้วมอบเงินทองให้ผู้คุมไปใช้สอย กับจัดหาเงินทองให้ซ้องเซ็งไปส่งพี่ชายด้วย
ซ้องไทก๋งเอาห่อเสื้อกางเกง ที่จัดเตรียมไว้ให้ซ้องกั๋ง แล้วกระซิบว่า
".....บิดาเอาเงินทองมาเดินเหินที่ผู้รักษาเมือง ให้เนรเทศเจ้าไปเมืองกังจิว ด้วยเมืองกังจิวข้าวปลาอาหารบริบูรณ์พอจะซื้อหารับประทานได้ ถ้าเจ้าไปถึงแล้ว บิดาก็จะจัดหาเงินทองให้ซ้องเซ็งไปส่ง จงอุตส่าห์ทนไปก่อนเถิด แม้นมีผู้อื่นไปมา บิดาก็จะฝากไปอีกเจ้าอย่าวิตก ครั้งนี้เจ้าจะไปต้องเดินทางผ่านเขาเนียซัวเปาะ บิดากลัวพวกเหล่านั้นจะมาชิงเอาเจ้าไปเป็นพวกพ้อง อย่าได้เกี่ยวข้องด้วยเลย คนทั้งหลายจะนินทาว่าไม่กตัญญูต่อบิดามารดา การอันนี้สำคัญนัก เจ้าจงจำไว้ถ้าสืบไปภายหน้าฟ้าและดินอุปถัมภ์ ก็คงจะได้กลับมาเห็นหน้ากันต่อไป...."
ซ้องกั๋งก็ร้องไห้คำนับลาบิดา เดินทางต่อไปกับผู้คุมทั้งสอง ซ้องเซ็งนั้นตามมาส่งไม่ไกล ซ้องกั๋งก็ไล่ให้กลับ แล้วว่า
"......บิดาแก่แล้ว ตัวพี่ก็ต้องโทษไม่ได้อยู่ปฏิบัติ เจ้าจงอุตส่าห์ดูแลระวังรักษาบิดา อย่าไปเมืองกังจิวเลย ตัวพี่นี้ไม่เป็นไร มีผู้รู้จักทั้งสิ้น ถ้าไม่ตายก็คงได้กลับมาเห็นหน้ากัน....."
ซ้องเซ็งก็ร้องไห้คำนับลากลับมาอยู่กับบิดาที่บ้าน
เมื่อซ้องกั๋งกับผู้คุมเดินทางมาใกล้จะถึงเขตแดนเขาเนียซัวเปาะ ก็คิดถึงคำสั่งของบิดา จึงพาผู้คุมเดินทางลัดหลบหลีกไปได้ประมาณสามสิบลี้ ก็มีคนดักอยู่ พอซ้องกั๋งกับผู้คุมเดินเข้าไปใกล้ก็สั่งไพร่พลสกัดไว้ ตัวนายถือกระบี่ตรงเข้ามา ผู้คุมก็ตกใจลงคุกเข่าคำนับ
ซ้องกั๋งจำได้ว่าเป็น เล่าตง นายโจรที่ซ้องกั๋งรู้จักดีจึงถามว่าน้องจะฆ่าผู้ใด เล่าตงตอบว่าจะฆ่าผู้คุมทั้งสองคนนี้เสียให้ตาย ซ้องกั๋งก็ขอให้ส่งกระบี่มาจะจัดการเอง ผู้คุมทั้งสองก็นึกว่าตนคงจะตายแน่แล้ว แต่ซ้องกั๋งถามเล่าตงว่า จะฆ่าผู้คุมทั้งสองนี้ด้วยเหตุใด เล่าตงก็ว่า
"...เตียวไก่ ให้คนไปสืบข่าวที่ตำบลหุนเสียกุ้ย แจ้งว่าพี่ต้องโทษเนรเทศไปเมืองกังจิว
เตียวไก่จึงให้พวกพ้องแยกย้ายกันมารอรับทุกทาง แล้ว ผู้คุมทั้งสองนี้ไม่ฆ่าเสียแล้วจะเอาไว้ทำไม"
ซ้องกั๋งว่าทำอย่างนี้เหมือนแกล้งให้ตนตาย ว่าแล้วก็เอากระบี่ในมือจะเชือดคอตนเองเสีย เล่าตงก็โดดเข้าไปยึดมือไว้ แล้วแย่งกระบี่เอามาได้ ซ้องกั๋งจึงว่า
"....ถ้าพวกพี่น้องทั้งปวงเมตตาเรา ก็ปล่อยให้ไปเมืองกังจิว จนสิ้นโทษแล้วจึงค่อยมาพบกัน...”
เล่าตงว่าตนเองทำไม่ได้ เพราะหนทางใหญ่ข้างหน้ามี โงวหยง กับ ฮวยหยง มาคอยอยู่ แล้วเล่าตงก็ให้ลิ่วล้อไปเชิญนายโจรทั้งสองนั้นมาปรึกษากัน ทั้งสองนายก็คำนับซ้องกั๋งแล้วว่าทำไมจึงไม่ถอดขื่อคาออกเสีย
ซ้องกั๋งว่าตนเป็นคนโทษหลวงผู้ใดจะถอดได้ โงวหยงก็บอกว่า
"......เตียวไก่ไม่ได้พบกับพี่ นานแล้ว จึงใช้พวกข้าพเจ้ามาคอยเชิญไป จะพูดความในใจสักสิ่งหนึ่งจึงจะส่งพี่ไปเมือง กังจิว....."
ซ้องกั๋งก็ยินดี ฉุ ดมือผู้คุมทั้งสองให้ลุกขึ้นแล้วว่า
"....เมื่อจะเป็นตายประการใดอยู่กับตัวเราเอง ท่านทั้งสองอย่าวิตกเลย...."
ผู้คุมก็ว่าชีวิตของ ตนอยู่ในมือของซ้องกั๋งแล้ว ขอได้โปรดด้วยเถิด ทั้งหมดพากันเดินมาลงเรือข้ามไปถึงเกาะ ต้นทางที่เดินต่อไป พวกเขาเนียซัวเปาะก็จัดเกี้ยวมาหามซ้องกั๋งไป จนถึงที่ชุมนุม เตียวไก่กับพวกอีกยี่สิบคน คำนับรับรองซ้องกั๋งเป็นอันดี
ซ้องกั๋งก็เล่าเรื่องที่ตนต้องคดีฆ่าภรรยาตาย แล้วหนีเร่ร่อนไปประมาณปีเศษ ได้พวกพ้องมาถึงเก้าคน จะพามาอาศัยอยู่กับเตียวไก่ พอดีได้ข่าวว่าบิดาตาย จึงได้แยกทางกลับไปบ้าน พบว่าบิดายังไม่ตาย แต่เป็นห่วงว่าตนจะเข้าเป็นพวกพ้องเขาเนียซัวเปาะ จึงทำอุบายพรากตัวไปเสีย บัดนี้ตนได้รับโทษเนรเทศไปเมืองกังจิว จึงขอลาไปก่อน
เตียวไก่กับพวกพ้องก็ขอร้องอ้อนวอนให้อยู่ โดยจะเอาเงินทองให้ผู้คุมกลับไปแจ้งว่า พวกเขาเนียซัวเปาะแย่งชิงเอาตัวไว้ ซ้องกั๋งก็ไม่ยอมบอกว่า
".....ความข้อนี้อย่าได้พูด ถ้าทำเช่นนั้นเหมือนแกล้งข้าพเจ้า บิดาก็แก่ชราจะให้ขัดขืนคำบิดานั้นไม่ได้ แต่เดิมเคลิบเคลิ้มเห็นดีไป จึงชักชวนพี่น้องทั้งปวงมาเข้าเป็นพวกพ้องเทพยดาดลใจให้ เจียะย้งถือหนังสือมาให้ข้าพเจ้ากลับ บิดาได้กำชับสั่งให้ไปตามโทษของตัว ครั้นจะขัดขืนแบบแผนแผ่นดินไปก็เป็นคนไม่ซื่อตรง ต้องเอาชื่อเสียงไว้ให้ปรากฎบ้าง ถ้าพี่น้องทั้งปวงไม่ปล่อยให้ไป ก็จะขอตายอยู่ที่นี่....."
พูดแล้วก็ร้องไห้ ลงคุกเข่าคำนับกับพื้น เตียวไก่และพี่น้องก็เห็นใจ ชวนกันพยุง ซ้องกั๋งขึ้น แล้วก็อ้อนวอนให้ค้างอยู่คืนหนึ่งก่อน และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงต้อนรับ ซ้องกั๋งก็กินเลี้ยงโดยไม่ถอดขื่อคาออก เวลาจะนอนก็นอนกับผู้คุม เพราะกลัวว่าพวกพ้องจะฆ่าผู้คุมเสีย
##########
นิตยสารโล่เงิน
กรกฎาคม ๒๕๔๑