เศรษฐีชตาตก (๒) ๑ ก.ย.๕๘

ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

โลวจุนหงี.....เศรษฐีชตาตก

ตอนที่ ๒ เคราะห์ร้ายกลายดี

"เล่าเซี่ยงชุน"

ขบวนเกวียนของท่านเศรษฐีโลวจุนหงี เดินทางไปได้หลายวันลีกูก็แวะพักตามโรงเตี๊ยมระหว่างทาง จัดเตรียมอาหารไว้คอยท่าโลวจุนหงี พอรุ่งเช้าจึงเดินทางต่อไป ทำอยู่ดังนี้จนถึงเขตแดนเนียซัวเปาะ

เมื่อเข้าพักที่โรงเตี๊ยม เจ้าของโรงก็บอกว่า

".....ข้าพเจ้าจะแจ้งให้ท่านทราบ ตั้งแต่โรงนี้ไปทางประมาณยี่สิบลี้ ถึงหน้าเขา เนียซัวเปาะ ซ้องกั๋งไต้อ๋องเจ้าของตำบลนั้นใจคอดีมิได้ทำร้ายแก่ผู้ใด แต่พวกพ้องทั้งหลายที่ดุร้ายก็มีมาก ถ้าท่านเดินไปทางนั้นแล้วอย่าให้อื้ออึง....."

เมื่อโลวจุนหงีทราบว่าได้เดินทางเข้าเขตแดน ของพวกโจรเขาเนียซัวเปาะแล้ว แทนที่จะเกรงกลัว กลับให้คนใช้เอาแพรขาวมาทำเป็นธง เขียนข้อความว่า โลวจุนหงีชาวเมือง ปักเกีย จัดเอาทองคำและแพรเพชรพลอยมาจนถึงตำบลนี้ บ้านเมืองก็เรียบร้อยดี เกวียนที่มาด้วยนั้นจะให้กลับไปแต่เกวียนเปล่าอย่างไร เราจะจัดหาของดีที่ตำบลนี้บรรทุกเกวียนกลับไป
แล้วก็เอาธงผูกกับปลายไม้ ปักไว้ที่ข้างหน้าเกวียน

ลีกูกับลูกน้องก็ตกใจ เจ้าของโรงเตี๊ยมถามว่าเป็นพี่น้องกับซ้องกั๋งหรือ จึงเขียนหนังสือว่ากล่าวดังนี้ โลวจุนหงีก็ว่า

".....เราเป็นเศรษฐีอยู่ที่เมืองปักเกียจะเป็นพี่น้องอะไรกับพวกโจร เราปรารถนาจะมาจับตัวซ้องกั๋งนายโจรให้จงได้....."

เจ้าของโรงบอกว่า

".....ท่านเมตตาพูดแต่เบา ๆ เถิด จะพลอยถูกข้าพเจ้าด้วย ถึงท่านจะมาสักหมื่นหนึ่ง ก็ทำอันตรายพวกเขาเนียซัวเปาะไม่ได้....."

โลวจุนหงีสงสัยว่าจะเป็นพวกเดียวกับโจร เจ้าของโรงก็ไม่เถียง แต่พวกที่คุมเกวียนขอร้องว่า ท่านผู้เป็นนายได้เมตตาเถิด ถ้าทำดังนี้พวกลูกหาบคงตายหมด

โลวจุนหงีก็ตวาดเอาว่า

".....พูดอะไรเช่นนั้น พวกโจรเขาเนียซัวเปาะเปรียบเหมือนนกเล็ก จะมาสู้กับพระยานกอย่างไรได้ ตัวเรานี้เดิมก็ฝึกหัดเพลงอาวุธไว้จนฝีมือเข้มแข็ง ยังไม่เคยทดลองเลย ครั้งนี้มาพบเข้าก็ดีแล้ว จะได้ฆ่าพวกโจรเสียให้สิ้น จับแต่ตัวนายโจรมัดใส่เกวียน คุมเข้าไปส่ง ณ เมืองหลวง ความชอบก็คงมีมาก ถ้าผู้ใดไม่ฟังไปกลัวพวกโจรเราก็จะฆ่าเสีย....."

พูดแล้วก็พาขบวนเกวียน ออกจากโรงเตี๊ยมไป ลีกูกับลิ่วล้อทั้งหลายมีความเกรงกลัวพวกโจรยิ่งนัก ก็เดินร้องไห้ไปทุกคน โลวจุนหงีนั้นเดินถือกระบี่ตามไปข้างหลัง จนเข้าเขตป่าทึบมีต้นไม้ใหญ่ เหลือทางแคบจำเพาะเดินได้เท่านั้น

พอขบวนเกวียนล่วงเข้าไปในป่า ก็ได้ยินเสียงเป่าเป็นสัญญาณขึ้น แล้วไพร่พลของพวกโจรก็กรูกันออกมายืนอยู่ข้างทางเต็มไปหมด ลีกูกับพวกคุมเกวียนก็ตกใจ จอดเกวียนไว้แล้วเข้าไปแอบร้องไห้อยู่ใต้เกวียนหมด เหลือโลวจุนหงีคนเดียวยืนถือกระบี่อยู่

แล้วมีเสียงประทัดจุดขึ้นอีก พวกโจรก็โผล่มาอีกหลายร้อยคน ตัวหัวหน้าร้องถามว่า ท่านเศรษฐีจำศิษย์ใบ้หาบตำราหมอดูได้หรือไม่

โลวจุนหงีเห็นหน้าดำก็จำได้จึงว่า

".....เราตั้งใจมาจับโจรพวกเจ้า ถ้าเกรงกลัวก็ไปบอกซ้องกั๋งมาสามิภักดิ์เสีย แต่โดยดีจะได้รอดชีวิต แม้นขัดขืนก็จะพากันตายทั้งสิ้น....."

โจรหน้าดำกลับหัวเร
าะบอกว่า

"....โงวหยงซินแสปลอมเป็นหมอดูไปทักทายท่านไว้ก็ถูกต้องตามวาสนา เผอิญให้มาจนถึงตำบลนี้ ข้าพเจ้าขอเชิญท่านไปนั่งเก้าอี้พูดจากันก่อนเถิด....."

โลวจุนหงีไม่ฟังตรงเข้าสู้รบกับนายโจรหน้าดำที่ชื่อ ลีขุย ได้ไม่กี่เพลงลีขุยก็หนีเข้าป่า โลวจุนหงีตามไปเจอหลวงจีน ลูตีซิม คอยดักอยู่ก็เข้าสู้รบต่อไป บู๊สง ก็โผล่ออกมาช่วย โลวจุนหงียังไม่ย่อท้อพอบู๊สงถอย เล่าตง ออกมาแทน มกหอง ก็ออกมาช่วย โลวจุนหงีมิได้กลัวเกรง คงสู้รบอย่างเข้มแข็งเต็มฝีมือ

พอได้ยินเสียงจุดประทัดอีกครั้ง ทั้งหมดก็หลบหายไปในป่า โลวจุนหงีจึงกลับมาที่เกวียนแต่ไม่พบสิ่งใด เพราะ ในระหว่างที่ไล่ติดตามรบกับนายโจร พวกลิ่วล้อออกมาจับลีกูกับบ่าวไพร่มัดใส่เกวียน แล้วขับเกวียนหนีไปไกลเสียแล้ว

เมื่อโลวจุนหงีติดตามเกวียนไปก็ต้องปะทะกับ จูตง ลุยเหง อีก จนได้ยินเสียงม้าล่อและกลองอยู่บนเขา มองขึ้นไปก็เห็นธงเหลืองเขียนอักษรสี่ตัวใจความว่า ช่วยบำรุงแผ่นดิน และเห็นนายโจรใหญ่ห้อมล้อมด้วยลูกสมุนหลายคน

โลวจุนหงีก็ร้องตะโกนด่าด้วยคำหยาบคาย โงวหยง กุนซือของพวกโจร ที่ปลอมเป็นซินแสหมอดูชื่อ เตียหยง ก็ห้ามปรามว่า

".....ท่านเศรษฐีอย่าโกรธแค้นเลย ซ้องกั๋งแจ้งว่าชื่อเสียงท่านปรากฎ จึงใช้ข้าพเจ้าไปเชิญมา ปรารถนาจะได้ช่วยกันบำรุงแผ่นดินสืบต่อไป....."

โลวจุนหงียิ่งโกรธมากขึ้น จึงว่าพวกโจรเหล่านี้บังอาจนัก ไปล่อลวงเรามาจนถึงที่นี่ ฮวยหยง ยืนอยู่ข้างหลัง ซ้องกั๋ง จึงยิงเกาทัณฑ์ถูกหมวกของโลวจุนหงีตกลง โลวจุนหงีตกใจกลัวก็หันหลังกลับวิ่งหนีไป นายโจรอีกสี่คนก็รุมล้อมเข้ามาทุกด้าน

ขณะนั้นเป็นเวลาจวนค่ำ โลวจุนหงีวิ่งหนีมาจนเหน็ดเหนื่อยอ่อนล้าหิวโหย ไปจนมุมอยู่ที่ป่าแขมริมแม่น้ำไม่มีทางเดินต่อไปอีก ข้างหลังพวกโจรก็ตามมาหยุดอยู่ที่ชายป่า หมดทางที่จะหนีต่อไป โลวจุนหงีจึงได้แต่รำพึงว่าเราไม่เชื่อฟังพวกพ้องห้าม จึงเกิดเหตุขึ้นถึงเพียงนี้ บัดนี้จนปัญญาไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรต่อไป

ทันใดนั้นก็มีเรือเล็ก ลำหนึ่งถ่อออกมาจากพงแขม ร้องถามว่า

"..ท่านนี้มาแต่ข้างไหนไม่กลัวเกรงบ้างเลยหรือ เขตแดนของพวกเขาเนียซัวเปาะทั้งสิ้น เวลาค่ำมืดแล้วทำไมจึงมาอยู่ที่นี่....."

โลวจุนหงีได้ยินก็คิดว่าพอจะมีความหวังจึงร้องตอบไปว่า

".....เราหลงทางมาเที่ยวหาที่พักก็ไม่มี ท่านจงสงเคราะห์ด้วยเถิด....."

คนถ่อเรือบอกว่า

".....แถวเหล่านี้เดินลัดไปหน่อยหนึ่ง ก็ถึงหมู่บ้านพอจะอาศัยได้ ตั้งแต่นี้ไปทางสามสิบลี้สับสนมาก ถ้าไปเรือสักสามลี้ก็ถึงใกล้กว่าทางบก ถ้ายอมให้เงินข้าพเจ้าสิบตำลึง จึงจะ เอาเรือรับท่านไปส่ง....."

โลวจุนหงีไม่เกี่ยง บอกว่าจะเอาเท่าไรก็ตามใจเถิด ชายผู้นั้นจึงแจวเรือแอบเข้าฝั่งรับโลวจุนหงีไป เรือนั้นแล่นไปตามลำแม่น้ำประมาณสี่ลี้ก็ยังไม่ถึงที่หมาย แต่มีเรือแจวออกมา จากป่าแขมอีกสามลำ มีคนลำละสองคน ร้องเพลงเป็นใจความว่า

".....คนที่มีฝีมือเข้มแข็งนั้น ถ้าไม่รู้จักหนังสือก็ต้องมาอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ด้วยตำบลเขาเนียซัวเปาะนั้น เหมือนกับจั่นคอยดักเสือ เบ็ดเกี่ยวเหยื่อคอยล่อปลา ถ้าตกเข้ามาในนี้แล้วหนีไม่พ้นเลย....."

โลวจุนหงีฟังดูแล้วสงสัยว่าจะเป็นพวกโจร อีกลำหนึ่งร้องเพลงมีที่เนื้อความเหมือนกับโคลง ซึ่งหมอดูให้โลวจุนหงีเขียนไว้ที่ผนังตึกที่บ้าน แล้วเรือทั้งสามลำก็เหหัวเข้ามาใกล้

โลวจุนหงีมีความวิตกเพราะว่ายน้ำไม่เป็น จึงบอกกับคนแจวของตนให้รีบพาไปส่งขึ้นฝั่งโดยเร็ว คนแจวเรือก็หัวเราะแล้วว่า

".....ข้างบนก็ฟ้า ข้างล่างก็น้ำ ตัว
ข้าพเจ้าเกิดที่แม่น้ำซิมเอียงกัง มาอยู่เขาเนียซัวเปาะที่เรียกว่าฮุนกังเหลง ชื่อลี้จุน ถ้าท่านเศรษฐีไม่ยอมสามิภักดิ์ มิถึงแก่ชีวิตหรือ....."

โลวจุนหงีก็รู้ตัวว่าถูกอุบายของพวกโจร จึงชักกระบี่ตรงเข้าฟัน ลี้จุน แต่ไม่ทัน ลี้จุนโดดลงน้ำหนีไปแล้ว กระบี่ก็หลุดจากมือตกน้ำไป เหลือแต่มือเปล่า เรือก็ล่มลง โลวจุนหงีจมลงไปใต้น้ำ มีคนดำลงไปฉุดขึ้นมาถึงฝั่ง พวกโจรที่อยู่บนฝั่งถือคบคอยรออยู่แล้ว นายโจรที่ชื่อ ไตจง รีบวิ่งเข้ามาร้องบอกพวกนั้นว่า

".....ซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ สั่งมิให้ผู้ใดถูกต้องตัวท่านเศรษฐี...."

แล้วเอากางเกงปักด้วยไหมอย่างดีมาให้โลวจุนหงีผลัด อีกพวกหนึ่งก็เอาเกี้ยวมาเชิญให้ขึ้นนั่งแล้วก็หามไป ในระหว่างทางก็มีพวกไพร่พล จัดโคมและเครื่องแห่แหน มาคอยรับอยู่ข้างทาง แล้วก็เดินตามไป
เป็นขบวน

จนพบ ซ้องกั๋ง กับพวกพ้องซึ่งลงจากหลังม้า ซ้องกั๋งคุกเข่าคำนับอยู่ข้างหน้า พวกพ้องคำนับอยู่ข้างหลังเป็นลำดับไป โลวจุนหงีก็ลงจากเกี้ยวคุกเข่าคำนับกับแผ่นดิน แล้วว่า

“..ท่านจับข้าพเจ้ามา ขอให้ฆ่าเสียโดยเร็วเถิด..."

ซ้องกั๋งได้ฟังก็หัวเราะ แล้วเชิญให้ไปพูดจากันที่บ้าน โลวจุนหงีขึ้นนั่งเกี้ยว ซ้องกั๋งกับพวกบริวารก็ขึ้นม้าห้อมล้อมมาจนถึงที่ชุมนุม เชิญให้โลวจุนหงีนั่งในที่อันสมควรแล้ว ซ้องกั๋งก็เข้าไปคำนับขออภัยที่ได้ล่วงเกินล่อลวงมา ปรารถนาจะได้เป็นพวกเดียวกัน ช่วยบำรุงแผ่นดินต่อไป

โลวจุนหงีหัวเราะแล้วว่า

".....เมื่อข้าพเจ้าอยู่บ้าน โทษถึงตายก็ไม่มี วันนี้ตกมาอยู่ที่นี่ เมื่อจะฆ่าฟันประการใดก็เอาไปทำเถิด อย่ามาพูดจาเกลี้ยกล่อมเลย...ว่าถึงตัวข้าพเจ้าจะตายก็ไม่เสียดายชีวิต ที่จะให้ยอมเป็นพวกพ้องนั้นไม่ได้..."

โงวหยงว่าเวลาอื่นค่อยพูดกัน แล้วก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูเป็นการใหญ่ โลวจุนหงีไม่รู้จะทำประการใด ต้องจำใจกินโต๊ะเสพสุราไปบ้างเล็กน้อย แล้วก็ไปนอนพักในที่ซึ่งซ้องกั๋งจัดไว้ให้

ครั้นรุ่งเช้าซ้องกั๋งจัดโต๊ะอาหารไว้พร้อมแล้ว เชิญโลวจุนหงีออกมานั่งที่ใหญ่ รินสุราใส่ถ้วยแล้วก็คำนับว่า

".....ท่านอย่าโกรธพวกข้าพเจ้าเลย ซึ่งตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ ท่านเห็นว่าเล็กน้อยไม่ควรจะสำนักอาศัย ก็เห็นแก่ความสัตย์ซื่อของข้าพเจ้าเถิด ยอมยกที่ไต้อ๋องเจ้าของตำบล ให้ท่านว่ากล่าวสืบไป....."

โลวจุนหงีตอบว่า

".....ท่านพูดดังนั้นไม่ถูก ซึ่งตัวข้าพเจ้านี้เกิดที่เมืองหลวง ทรัพย์สินก็บริบูรณ์ ถึงจะเป็นตายประการใดก็ต้องกลับไป ตั้งแต่วันนี้ไปท่านอย่าพูดถึงความสัตย์ซื่อเลย ข้าพเจ้าก็ยังจะนั่งเสพสุรากันได้ ถ้าแม้นจะให้ยอมอยู่ด้วย ก็จะตายเสียดีกว่า....."

โงวหยงว่าถ้าท่านเศรษฐีไม่ยอมก็เป็นที่จนใจ แต่ขอให้อยู่เที่ยวเล่นที่นี่สักสี่ห้าวันก่อน จึงจะส่งกลับไป โลวจุนหงีว่าวิตกถึงที่บ้านบุตรภรรยาจะไม่รู้เหตุการณ์ โงวหยงจึงให้ลีกูคุมขบวนเกวียนซึ่งทรัพย์สิ่งของยังอยู่ครบ กลับไปแจ้งข่าวที่บ้านก่อน

ซ้องกั๋งก็ให้เงินเหรียญใหญ่แก่ลีกูสองเหรียญ พวกบ่าวไพร่ได้คนละสิบตำลึง โลวจุนหงีก็สั่งเสียลีกูให้กลับไปดูบ้าน และเล่าเรื่องให้ภรรยาฟังอย่าให้วิตกถ้าไม่ตายก็คงจะได้กลับบ้าน.

เมื่อลีกูนำขบวนเกวียนของเศรษฐีผู้เป็นนาย มาถึงตำบลกิมซัวทัว ก็เจอโงวหยงคอยอยู่ที่ใต้ต้นไม้ และบอกว่า

".....พวกเรายกให้นายเจ้า นั่งเก้าอี้ที่สอง เป็นไต้อ๋องรองซ้องกั๋ง เมื่อนายเจ้ายังไม่ได้มานั้น เขียนคำโคลงไว้ข้างฝาผนังบ้านสี่คำ เป็นอักษรยี่สิบแปดตัว ใจความต้นหนังสือว่า โลวจุนหงีคิดกบฏ แต่ไม่มีผู้ใดรู้ด้วยเป็นคำอรรถ บัดนี้นายเจ้าก็เข้าเป็นพวกพ้องแล้ว เราจึงบอกให้รู้ ครั้นจะฆ่าพวกเจ้าก็กลัวชื่อเสียงจะเสีย จึงปล่อยให้กลับไป....."

ลีกูกับบ่าวไพร่ก็ คำนับลาคุมเกวียนรีบกลับไปเมืองปักเกียโดยเร็ว.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มีนาคม ๒๕๔๒
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่