ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
อูเอียนเจียก.....แม่ทัพผู้โชคร้าย
ตอนที่ ๒ หนึ่งต่อเจ็ด
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่ออูเอียนเจียกนำทหารไปถึงเขาธอฮวยซัว จิวทองนายโจรที่สอง ก็คุมพลประมาณร้อยเศษออกมาต่อสู้ แต่ทานฝีมืออูเอียนเจียกไม่ได้ ต้องถอยกลับมาปรึกษา ลีตงนายโจรใหญ่ว่า นายทหารคนนี้ฝีมือเข้มแข็ง ถ้าติดตามมาจะทำประการใด ลีตงก็คิดว่าจะไปบอกกลุ่มโจรเขายีเลงซัวให้ยกพลมาช่วย จึงเขียนหนังสือให้ลิ่วล้อถือไป
ที่เขายีเลงซัวนี้มีวัดโปจูซีเป็นซ่องโจรซึ่ง หลวงจีนลูตีซิม เป็นหัวหน้า เคยรู้จักกับ ลีตงตั้งแต่ครั้งรำเพลงอาวุธขายกอเอี๊ยะอยู่ ก่อนจะมาเป็นโจรเขาธอฮวยซัว คนที่สองคือ เอียจี้ คนที่สามเป็นเพื่อนกับเอียจี้ชื่อ เชาเจง คนที่สี่คือ บู๊สง ผู้ฆ่าเสือตายด้วยมือเปล่า คนที่ห้าเป็นเพื่อนของบู๊สงชื่อ ซิอิน เป็นบุตรของ ผู้ว่าราชการคุกเมืองเม่งจิว อีกสองคนคือ เตียเช็ง กับภรรยาชื่อ นางซึงยีเหนีย ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้บู๊สงมาอยู่ที่นี่ แล้วทั้งคู่จึงตามมาภายหลัง
ทั้งเจ็ดคนกำลังนั่งสนทนากันอยู่ คนถือหนังสือของลีตงไปถึงแจ้งว่าลีตงกับจิวทองนายโจรเขาธอฮวยซัวมีหนังสือมาคำนับ ลูตีซิมเปิดออกอ่านดูมีความว่าโปวหยงเจ้าเมืองเชงจิวได้นายทหารไว้คนหนึ่งชื่ออูเอียนเจียก ซึ่งยกกองทัพไปปราบปรามกองโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่พ่ายแพ้แตกทัพมา บัดนี้โปวหยงให้ยกกองทัพมาปราบปรามตำบลเขาธอฮวยซัว เขายีเลงซัว เขาแป๊ะโฮ้วซัว สามตำบลนี้ อูเอียนเจียกมีฝีมือเข้มแข็งมากไม่สามารถจะต่อสู้ได้ จึงขอความช่วยเหลือ ถ้าสำเร็จการแล้วจะมาสามิภักดิ์ด้วย
เอียจี้ก็ว่าตำบลของผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องป้องกันรักษา แต่ถ้าไม่ยกไปช่วยถ้าเขาธอฮวยซัวแตก อูเอียนเจียกก็จะยกพลเลยมาตีเขายีเลงซัวต่อ จำจะต้องไปช่วยไว้ ลูตีซิมกับบู๊สงก็เห็นด้วย ทั้งสามจึงคุมพลไปช่วยลีตง และให้อีกสี่คนเฝ้าสำนักยีเลงซัวไว้
ขณะนั้นอูเอียนเจียกกำลังสู้รบอยู่กับ ลีตง และ จิวทอง นายโจรเขาธอฮวยซัว อยู่อย่างทรหด เมื่อลูตีซิมไปถึงจึงข่มขวัญอูเอียนเจียกว่า
"..นายทหารคนไหนที่ยกกองทัพไปตีตำบลเขาเนียซัวเปาะ แตกยับเยินหนีกลับมา ยังจะทำเข้มแข็งที่ตำบลนี้อีกหรือ..."
อูเอียนเจียกถูกเยาะเย้ยก็โกรธ เข้ารบกับลูตีซิมถึงห้าสิบเพลงก็ทำอะไรกันไม่ได้ เอียจี้จึงเข้ามาเปลี่ยน อูเอียนเจียกกัดฟันสู้ต่อไปอีกห้าสิบเพลง ก็ยังกินกันไม่ลง พอดีเอียจี้ถอย อูเอียนเจียกจึงไม่ติดตาม แต่ยกพลกลับเข้าค่ายไป
ทางฝ่ายกองโจรที่เขาแปะโฮ้วซัวนั้น มีนายโจรสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อ ขงเม่ง น้องชายชื่อ ขงเหลียง เป็นบุตร มอไทก๋ง บ้านเดิมอยู่ที่ตำบลแปะโฮ้วซึง แขวงเมืองเชงจิว สองพี่น้องวิวาทกับเศรษฐีในเมือง แล้วฆ่าเศรษฐีตายทั้งครอบครัว จึงหนีมาตั้งตัวเป็นโจรอยู่บนเขา โปวหยงเจ้าเมืองจึงเอาตัว ขงปิน ผู้เป็นอาของทั้งสอง ไปขังคุกไว้ ทั้งคู่จึงคุมไพร่พลเดินทางมาเมืองเชงจิว เพื่อแย่งชิงเอาอาออกจากคุกให้ได้ เจ้าเมืองจึงรีบให้ขุนนางไปตามอูเอียนเจียก ซึ่งนำกองทัพไปปราบปรามโจรที่ภูเขาธอฮวยซัว ให้ถอนกลับมาป้องกันเมืองก่อน อูเอียนเจียกจึงยกพลออกจากค่ายกลับไปเมืองเชงจิวในคืนวันนั้นเอง
พอรุ่งเช้าลูตีซิมกับเอียจี้และบู๊สง ยกพลเข้าตีค่ายของอูเอียนเจียก เจอแต่ค่ายว่างเปล่า ไม่มีทหารอยู่เลย จึงใช้คนไปสืบข่าว ก็ได้ความว่าอูเอียนเจียกยกทัพกลับไปเมืองเชงจิวแล้ว ลีตงกับจิวทองจึงเชิญนายโจรจากเขาธอฮวยซัวทั้งสาม ขึ้นไปกินเลี้ยงกันบนเขายีเลงซัว แล้วทั้งสามก็ลากลับไปในวันนั้น
ฝ่ายอูเอียนเจียกยกกำลังมาถึงหน้าเมืองเชงจิว เจอกองโจรของขงเม่ง กับขงเหลียง ทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู้รบกันเป็นสามารถ อูเอียนเจียกฝีมือกล้าแข็งกว่าก็จับตัวขงเม่งได้ ขงเหลียงจึงพาไพร่พลถอยหนี อูเอียนเจียกก็ติดตามไปฆ่าพวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก และจับเป็นเชลยได้ร้อยเศษ เจ้าเมืองก็ยินดีมาก ให้เอาตัวขงเม่งไปขังคุกไว้กับขงปิน แล้วก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูอูเอียนเจียก ฉลองชัยชนะ เจ้าเมืองก็ถามถึงการรบที่เขาธอฮวยซัว อูเอียนเจียกก็เล่าให้ฟังว่า
".....เดิมทีข้าพเจ้าคิดไว้ ถ้ายกไปถึงก็จะจับพวกโจรมา เหมือนจับปลาในบ่อ ครั้นยก กองทัพไปถึงก็มีโจรอีกพวกหนึ่งยกมาช่วย นายโจรสองคนบวชเป็นหลวงจีน คนหนึ่งสีหน้าเขียว รูปร่างสูงใหญ่ฝีมือเข้มแข็ง สู้รบกับข้าพเจ้าหลายสิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน......"
โปวหยงเจ้าเมืองจึงบอกว่าโจรที่บวชเป็นหลวงจีนชื่อลูตัด เมื่อบวชแล้วชื่อลูตีซิม อีกคนหนึ่งชื่อบู๊สง ส่วนคนหน้าเขียวชื่อเอียจี้ คนทั้งสามเป็นขุนนางฝ่ายทหารมาก่อนจึงมีฝีมือเข้มแข็ง แล้วก็เล่าประวัติของโจรทั้งสามให้ฟัง อูเอียนเจียกจึงว่า
"...เดิมทีข้าพเจ้าสำคัญว่าพวกโจร ครั้นเข้าสู้รบกันก็คิดสงสัย ถ้าพวกโจรแล้วฝีมือไม่เข้มแข็งนัก คนทั้งสามนี้ชื่อเสียงก็ปรากฎมาก...แต่อย่าได้วิตก ข้าพเจ้าคงจะจับพวกโจรเหล่านี้ ส่งเข้าไปเมืองหลวงให้สิ้น..." โปวหยงก็ค่อยสบายใจขึ้น
ฝ่ายขงเหลียงเมื่อถอยจากเมืองเชงจิวแล้ว ก็คุมไพร่พลที่เหลือตายหนีไปแอบอยู่ที่ศาลเจ้าในเวลาค่ำ พักค้างอยู่คืนหนึ่งพอรุ่งเช้าก็เดินทางต่อไป อีกหลายวัน ต่อมาจึงได้พบกับบู๊สง ซึ่งกำลังเดินทางกลับเขายีเลงซัว เมื่อขงเหลียงเข้าไปคำนับ บู๊สงก็ว่า
"....ข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือมาว่า ท่านทั้งสองตั้งซ่องสุมอยู่ ณ เขาแปะโฮ้วซัว คิดว่าจะไปสนทนาเล่นบ้างก็ยังไม่ว่างธุระ ประการหนึ่งทางก็สับสนเยื้องอยู่คนละทิศ วันนี้ท่านมีธุระสิ่งใดจึงได้มาถึงตำบลนี้....."
ขงเหลียงก็เล่าความที่จะไปช่วยอาแต่ถูกอูเอียนเจียกยกทหารมาตีแตก และจับเอาพี่ชายไปอีกคนหนึ่ง จึงมาขอให้บู๊สงช่วย บู๊สงจึงว่า
"....อย่าวิตกเรามีพวกพ้องอยู่เจ็ดคน ตั้งซ่องสุมอยู่ที่เขายีเลงซัว บัดนี้ทหารเมืองเชงจิวยกรบกวนที่เขาธอฮวยซัว ลีตงจิวทองสู้ฝีมือทหารเมืองเชงจิวไม่ได้ จึงให้พวกเรามาช่วยรบกับอูเอียนเจียก ยังไม่แพ้ชนะกัน อูเอียนเจียกคุมทหารกลับไปเสียในเวลากลางคืน....."
แล้วบู๊สงก็รับปากว่าจะช่วยตีเมืองเชงจิว แก้ไขเอาอากับพี่ชายขงเหลียงออกมาให้ได้ ขงเหลียงก็คำนับขอบคุณ พอดีหลวงจีนลูตีซิมกับเอียจี้ซึ่งตามมาภายหลัง ขี่ม้ามาถึง บู๊สงก็แนะนำให้ขงเหลียงคำนับนายโจรทั้งสอง และเล่าเรื่องให้ฟังทุกประการ เอียจี้ก็ว่า
"....ถ้าจะไปตีเมืองเชงจิว ก็ต้องเชิญ ซ้องกั๋ง มายกเป็นทัพใหญ่ไปจึงจะได้ ด้วย อูเอียนเจียกเป็นคนอริกับพวกเขาเนียซัวเปาะ ให้ขงเหลียงรีบไปเชิญซ้องกั๋งมา เรารวบรวมไพร่พลทั้งสามตำบลไว้คอยท่าให้พร้อม ท่านจะเห็นประการใด....."
ลูตีซิมเห็นด้วยก็ปรารภว่า
"....เดี๋ยวนี้มีคนพูดถึงชื่อเสียงของซ้องกั๋งมิได้ขาด มิเสียแรงที่เกิดมาน่าเสียดายหนักหนา พี่กับซ้องกั๋งไม่ได้พบปะสนทนากัน เดิมซ้องกั๋งกับฮวยหยงอยู่ที่เขาเชงฮองซัว ครั้นพี่แจ้งความคิดว่าจะไปคำนับให้รู้จักกันไว้ พอได้ยินข่าวว่าซ้องกั๋งไปเสียแล้ว ไม่ใช่วาสนาของเราจึงมิได้พบกัน ซึ่งขงเหลียงผู้น้องคิดจะช่วยอากับพี่ชายแล้วจงรีบไปเชิญซ้องกั๋งมา พี่จะจัดการไว้คอยท่า.."
ขงเหลียงก็มอบพลพรรคให้ลูตีซิมไว้ แล้วตนเองกับบ่าวคนหนึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้า ชวนกันเดินลัดตัดตรงไปยังตำบลเขาเนียซัวเปาะทันที ลูตีซิมกับพวกพ้องก็ยกกำลังมาคอยอยู่ พอลีตงคุมพวกเขาธอฮวยซัวมาสมทบ จึงรวมพลเข้าด้วยกัน และยกไปตั้งใกล้เมืองเชงจิว รอคอยกองทัพของซ้องกั๋ง.
ขงเหลียง เดินทางมาใกล้เขาเนียซัวเปาะก็เข้าไปถามที่โรงเตี๊ยมว่า เขาเนียซัวเปาะไปทางไหน เจ้าของโรงเตี๊ยมชื่อ ลี้ลิบ ก็จัดที่ให้นั่ง แล้วถามว่ามาแต่บ้านเมืองไหน จะไปหาผู้ใดที่เขาเนียซัวเปาะ มีแต่ไต้อ๋องทั้งนั้น ขงเหลียงบอกชื่อแซ่และว่าจะไปหาซ้องกั๋งไต้อ๋อง ซึ่งเคยเป็นครูฝึกอาวุธให้ตนและพี่ชายมาก่อน ลี้ลิบก็ยินดีจัดโต๊ะสุรามาเลี้ยงดู ขงเหลียงว่าไม่ได้เคยรู้จักกัน เหตุไฉนจึงต้อนรับถึงเพียงนี้ ลี้ลิบก็ว่าถ้าผู้ใดมาถามหาตัวนายที่เขาเนียซัวเปาะก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ต้องต้อนรับทุกคนไม่ว่าผู้ใด
แล้วลี้ลิบก็ยิงเกาทัณฑ์สัญญาณ ข้ามฟากแม่น้ำไปทางฝั่งเนียซัวเปาะ ไม่นานก็มีเรือแจวมารับ ขงเหลียงก็ลงเรือข้ามไปถึงฝั่งที่ตำบลอะซุยทัวผ่านด่านไปอีกหลายชั้น จึงถึงที่พำนักของ ซ้องกั๋ง หัวหน้าที่สอง ขงเหลียงก็เข้าไปคำนับแล้วร้องไห้ ซ้องกั๋งถามว่าเหตุไฉนจึงมาที่นี่มีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็บอกให้รู้ จะได้คิดอ่านแก้ไข อย่าร้องไห้เศร้าโศกไปเลย
ขงเหลียงก็เล่าว่า
"......ตั้งแต่ครูจากมาภายหลังบิดาข้าพเจ้าตาย ขงเม่งพี่ชายวิวาทกับเศรษฐีที่ตำบลนั้น ข้าพเจ้าสองคนพี่น้องฆ่า บุตรภรรยา ญาติของเศรษฐีตาย จึงเกลี้ยกล่อมรวบรวมไพร่พล หนีไปตั้งซ่องสุมอยู่ ณ เขาแปะโฮ้วซัว ผู้รักษาเมืองเชงจิวเอาตัวขงปินอาข้าพเจ้าไปจำขังคุกไว้..."
แล้วก็เล่าเรื่องที่สู้รบกับ อูเอียนเจียก จนขงเม่งถูกจับไปอีกคน จึงไปขอให้บู๊สงช่วย บู๊สงกับพวกก็รับว่าจะช่วย แต่ให้มาขอความช่วยเหลือจากซ้องกั๋งด้วย ซ้องกั๋งก็รับปากว่าจะจัดการเอง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
มกราคม ๒๕๔๒
วางเมื่อ ๘ เม.ย.๕๖ เวลา ๐๕.๒๖
อูเอียนเจียก...แม่ทัพผู้โชคร้าย (๒)
อูเอียนเจียก.....แม่ทัพผู้โชคร้าย
ตอนที่ ๒ หนึ่งต่อเจ็ด
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่ออูเอียนเจียกนำทหารไปถึงเขาธอฮวยซัว จิวทองนายโจรที่สอง ก็คุมพลประมาณร้อยเศษออกมาต่อสู้ แต่ทานฝีมืออูเอียนเจียกไม่ได้ ต้องถอยกลับมาปรึกษา ลีตงนายโจรใหญ่ว่า นายทหารคนนี้ฝีมือเข้มแข็ง ถ้าติดตามมาจะทำประการใด ลีตงก็คิดว่าจะไปบอกกลุ่มโจรเขายีเลงซัวให้ยกพลมาช่วย จึงเขียนหนังสือให้ลิ่วล้อถือไป
ที่เขายีเลงซัวนี้มีวัดโปจูซีเป็นซ่องโจรซึ่ง หลวงจีนลูตีซิม เป็นหัวหน้า เคยรู้จักกับ ลีตงตั้งแต่ครั้งรำเพลงอาวุธขายกอเอี๊ยะอยู่ ก่อนจะมาเป็นโจรเขาธอฮวยซัว คนที่สองคือ เอียจี้ คนที่สามเป็นเพื่อนกับเอียจี้ชื่อ เชาเจง คนที่สี่คือ บู๊สง ผู้ฆ่าเสือตายด้วยมือเปล่า คนที่ห้าเป็นเพื่อนของบู๊สงชื่อ ซิอิน เป็นบุตรของ ผู้ว่าราชการคุกเมืองเม่งจิว อีกสองคนคือ เตียเช็ง กับภรรยาชื่อ นางซึงยีเหนีย ซึ่งเป็นผู้แนะนำให้บู๊สงมาอยู่ที่นี่ แล้วทั้งคู่จึงตามมาภายหลัง
ทั้งเจ็ดคนกำลังนั่งสนทนากันอยู่ คนถือหนังสือของลีตงไปถึงแจ้งว่าลีตงกับจิวทองนายโจรเขาธอฮวยซัวมีหนังสือมาคำนับ ลูตีซิมเปิดออกอ่านดูมีความว่าโปวหยงเจ้าเมืองเชงจิวได้นายทหารไว้คนหนึ่งชื่ออูเอียนเจียก ซึ่งยกกองทัพไปปราบปรามกองโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่พ่ายแพ้แตกทัพมา บัดนี้โปวหยงให้ยกกองทัพมาปราบปรามตำบลเขาธอฮวยซัว เขายีเลงซัว เขาแป๊ะโฮ้วซัว สามตำบลนี้ อูเอียนเจียกมีฝีมือเข้มแข็งมากไม่สามารถจะต่อสู้ได้ จึงขอความช่วยเหลือ ถ้าสำเร็จการแล้วจะมาสามิภักดิ์ด้วย
เอียจี้ก็ว่าตำบลของผู้ใด ผู้นั้นก็ต้องป้องกันรักษา แต่ถ้าไม่ยกไปช่วยถ้าเขาธอฮวยซัวแตก อูเอียนเจียกก็จะยกพลเลยมาตีเขายีเลงซัวต่อ จำจะต้องไปช่วยไว้ ลูตีซิมกับบู๊สงก็เห็นด้วย ทั้งสามจึงคุมพลไปช่วยลีตง และให้อีกสี่คนเฝ้าสำนักยีเลงซัวไว้
ขณะนั้นอูเอียนเจียกกำลังสู้รบอยู่กับ ลีตง และ จิวทอง นายโจรเขาธอฮวยซัว อยู่อย่างทรหด เมื่อลูตีซิมไปถึงจึงข่มขวัญอูเอียนเจียกว่า
"..นายทหารคนไหนที่ยกกองทัพไปตีตำบลเขาเนียซัวเปาะ แตกยับเยินหนีกลับมา ยังจะทำเข้มแข็งที่ตำบลนี้อีกหรือ..."
อูเอียนเจียกถูกเยาะเย้ยก็โกรธ เข้ารบกับลูตีซิมถึงห้าสิบเพลงก็ทำอะไรกันไม่ได้ เอียจี้จึงเข้ามาเปลี่ยน อูเอียนเจียกกัดฟันสู้ต่อไปอีกห้าสิบเพลง ก็ยังกินกันไม่ลง พอดีเอียจี้ถอย อูเอียนเจียกจึงไม่ติดตาม แต่ยกพลกลับเข้าค่ายไป
ทางฝ่ายกองโจรที่เขาแปะโฮ้วซัวนั้น มีนายโจรสองคนพี่น้อง คนพี่ชื่อ ขงเม่ง น้องชายชื่อ ขงเหลียง เป็นบุตร มอไทก๋ง บ้านเดิมอยู่ที่ตำบลแปะโฮ้วซึง แขวงเมืองเชงจิว สองพี่น้องวิวาทกับเศรษฐีในเมือง แล้วฆ่าเศรษฐีตายทั้งครอบครัว จึงหนีมาตั้งตัวเป็นโจรอยู่บนเขา โปวหยงเจ้าเมืองจึงเอาตัว ขงปิน ผู้เป็นอาของทั้งสอง ไปขังคุกไว้ ทั้งคู่จึงคุมไพร่พลเดินทางมาเมืองเชงจิว เพื่อแย่งชิงเอาอาออกจากคุกให้ได้ เจ้าเมืองจึงรีบให้ขุนนางไปตามอูเอียนเจียก ซึ่งนำกองทัพไปปราบปรามโจรที่ภูเขาธอฮวยซัว ให้ถอนกลับมาป้องกันเมืองก่อน อูเอียนเจียกจึงยกพลออกจากค่ายกลับไปเมืองเชงจิวในคืนวันนั้นเอง
พอรุ่งเช้าลูตีซิมกับเอียจี้และบู๊สง ยกพลเข้าตีค่ายของอูเอียนเจียก เจอแต่ค่ายว่างเปล่า ไม่มีทหารอยู่เลย จึงใช้คนไปสืบข่าว ก็ได้ความว่าอูเอียนเจียกยกทัพกลับไปเมืองเชงจิวแล้ว ลีตงกับจิวทองจึงเชิญนายโจรจากเขาธอฮวยซัวทั้งสาม ขึ้นไปกินเลี้ยงกันบนเขายีเลงซัว แล้วทั้งสามก็ลากลับไปในวันนั้น
ฝ่ายอูเอียนเจียกยกกำลังมาถึงหน้าเมืองเชงจิว เจอกองโจรของขงเม่ง กับขงเหลียง ทั้งสองฝ่ายก็เข้าสู้รบกันเป็นสามารถ อูเอียนเจียกฝีมือกล้าแข็งกว่าก็จับตัวขงเม่งได้ ขงเหลียงจึงพาไพร่พลถอยหนี อูเอียนเจียกก็ติดตามไปฆ่าพวกโจรล้มตายลงเป็นอันมาก และจับเป็นเชลยได้ร้อยเศษ เจ้าเมืองก็ยินดีมาก ให้เอาตัวขงเม่งไปขังคุกไว้กับขงปิน แล้วก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูอูเอียนเจียก ฉลองชัยชนะ เจ้าเมืองก็ถามถึงการรบที่เขาธอฮวยซัว อูเอียนเจียกก็เล่าให้ฟังว่า
".....เดิมทีข้าพเจ้าคิดไว้ ถ้ายกไปถึงก็จะจับพวกโจรมา เหมือนจับปลาในบ่อ ครั้นยก กองทัพไปถึงก็มีโจรอีกพวกหนึ่งยกมาช่วย นายโจรสองคนบวชเป็นหลวงจีน คนหนึ่งสีหน้าเขียว รูปร่างสูงใหญ่ฝีมือเข้มแข็ง สู้รบกับข้าพเจ้าหลายสิบเพลงยังไม่แพ้ชนะกัน......"
โปวหยงเจ้าเมืองจึงบอกว่าโจรที่บวชเป็นหลวงจีนชื่อลูตัด เมื่อบวชแล้วชื่อลูตีซิม อีกคนหนึ่งชื่อบู๊สง ส่วนคนหน้าเขียวชื่อเอียจี้ คนทั้งสามเป็นขุนนางฝ่ายทหารมาก่อนจึงมีฝีมือเข้มแข็ง แล้วก็เล่าประวัติของโจรทั้งสามให้ฟัง อูเอียนเจียกจึงว่า
"...เดิมทีข้าพเจ้าสำคัญว่าพวกโจร ครั้นเข้าสู้รบกันก็คิดสงสัย ถ้าพวกโจรแล้วฝีมือไม่เข้มแข็งนัก คนทั้งสามนี้ชื่อเสียงก็ปรากฎมาก...แต่อย่าได้วิตก ข้าพเจ้าคงจะจับพวกโจรเหล่านี้ ส่งเข้าไปเมืองหลวงให้สิ้น..." โปวหยงก็ค่อยสบายใจขึ้น
ฝ่ายขงเหลียงเมื่อถอยจากเมืองเชงจิวแล้ว ก็คุมไพร่พลที่เหลือตายหนีไปแอบอยู่ที่ศาลเจ้าในเวลาค่ำ พักค้างอยู่คืนหนึ่งพอรุ่งเช้าก็เดินทางต่อไป อีกหลายวัน ต่อมาจึงได้พบกับบู๊สง ซึ่งกำลังเดินทางกลับเขายีเลงซัว เมื่อขงเหลียงเข้าไปคำนับ บู๊สงก็ว่า
"....ข้าพเจ้าได้ยินข่าวเล่าลือมาว่า ท่านทั้งสองตั้งซ่องสุมอยู่ ณ เขาแปะโฮ้วซัว คิดว่าจะไปสนทนาเล่นบ้างก็ยังไม่ว่างธุระ ประการหนึ่งทางก็สับสนเยื้องอยู่คนละทิศ วันนี้ท่านมีธุระสิ่งใดจึงได้มาถึงตำบลนี้....."
ขงเหลียงก็เล่าความที่จะไปช่วยอาแต่ถูกอูเอียนเจียกยกทหารมาตีแตก และจับเอาพี่ชายไปอีกคนหนึ่ง จึงมาขอให้บู๊สงช่วย บู๊สงจึงว่า
"....อย่าวิตกเรามีพวกพ้องอยู่เจ็ดคน ตั้งซ่องสุมอยู่ที่เขายีเลงซัว บัดนี้ทหารเมืองเชงจิวยกรบกวนที่เขาธอฮวยซัว ลีตงจิวทองสู้ฝีมือทหารเมืองเชงจิวไม่ได้ จึงให้พวกเรามาช่วยรบกับอูเอียนเจียก ยังไม่แพ้ชนะกัน อูเอียนเจียกคุมทหารกลับไปเสียในเวลากลางคืน....."
แล้วบู๊สงก็รับปากว่าจะช่วยตีเมืองเชงจิว แก้ไขเอาอากับพี่ชายขงเหลียงออกมาให้ได้ ขงเหลียงก็คำนับขอบคุณ พอดีหลวงจีนลูตีซิมกับเอียจี้ซึ่งตามมาภายหลัง ขี่ม้ามาถึง บู๊สงก็แนะนำให้ขงเหลียงคำนับนายโจรทั้งสอง และเล่าเรื่องให้ฟังทุกประการ เอียจี้ก็ว่า
"....ถ้าจะไปตีเมืองเชงจิว ก็ต้องเชิญ ซ้องกั๋ง มายกเป็นทัพใหญ่ไปจึงจะได้ ด้วย อูเอียนเจียกเป็นคนอริกับพวกเขาเนียซัวเปาะ ให้ขงเหลียงรีบไปเชิญซ้องกั๋งมา เรารวบรวมไพร่พลทั้งสามตำบลไว้คอยท่าให้พร้อม ท่านจะเห็นประการใด....."
ลูตีซิมเห็นด้วยก็ปรารภว่า
"....เดี๋ยวนี้มีคนพูดถึงชื่อเสียงของซ้องกั๋งมิได้ขาด มิเสียแรงที่เกิดมาน่าเสียดายหนักหนา พี่กับซ้องกั๋งไม่ได้พบปะสนทนากัน เดิมซ้องกั๋งกับฮวยหยงอยู่ที่เขาเชงฮองซัว ครั้นพี่แจ้งความคิดว่าจะไปคำนับให้รู้จักกันไว้ พอได้ยินข่าวว่าซ้องกั๋งไปเสียแล้ว ไม่ใช่วาสนาของเราจึงมิได้พบกัน ซึ่งขงเหลียงผู้น้องคิดจะช่วยอากับพี่ชายแล้วจงรีบไปเชิญซ้องกั๋งมา พี่จะจัดการไว้คอยท่า.."
ขงเหลียงก็มอบพลพรรคให้ลูตีซิมไว้ แล้วตนเองกับบ่าวคนหนึ่งปลอมตัวเป็นพ่อค้า ชวนกันเดินลัดตัดตรงไปยังตำบลเขาเนียซัวเปาะทันที ลูตีซิมกับพวกพ้องก็ยกกำลังมาคอยอยู่ พอลีตงคุมพวกเขาธอฮวยซัวมาสมทบ จึงรวมพลเข้าด้วยกัน และยกไปตั้งใกล้เมืองเชงจิว รอคอยกองทัพของซ้องกั๋ง.
ขงเหลียง เดินทางมาใกล้เขาเนียซัวเปาะก็เข้าไปถามที่โรงเตี๊ยมว่า เขาเนียซัวเปาะไปทางไหน เจ้าของโรงเตี๊ยมชื่อ ลี้ลิบ ก็จัดที่ให้นั่ง แล้วถามว่ามาแต่บ้านเมืองไหน จะไปหาผู้ใดที่เขาเนียซัวเปาะ มีแต่ไต้อ๋องทั้งนั้น ขงเหลียงบอกชื่อแซ่และว่าจะไปหาซ้องกั๋งไต้อ๋อง ซึ่งเคยเป็นครูฝึกอาวุธให้ตนและพี่ชายมาก่อน ลี้ลิบก็ยินดีจัดโต๊ะสุรามาเลี้ยงดู ขงเหลียงว่าไม่ได้เคยรู้จักกัน เหตุไฉนจึงต้อนรับถึงเพียงนี้ ลี้ลิบก็ว่าถ้าผู้ใดมาถามหาตัวนายที่เขาเนียซัวเปาะก็ถือว่าเป็นพวกเดียวกัน ต้องต้อนรับทุกคนไม่ว่าผู้ใด
แล้วลี้ลิบก็ยิงเกาทัณฑ์สัญญาณ ข้ามฟากแม่น้ำไปทางฝั่งเนียซัวเปาะ ไม่นานก็มีเรือแจวมารับ ขงเหลียงก็ลงเรือข้ามไปถึงฝั่งที่ตำบลอะซุยทัวผ่านด่านไปอีกหลายชั้น จึงถึงที่พำนักของ ซ้องกั๋ง หัวหน้าที่สอง ขงเหลียงก็เข้าไปคำนับแล้วร้องไห้ ซ้องกั๋งถามว่าเหตุไฉนจึงมาที่นี่มีทุกข์ร้อนสิ่งใดก็บอกให้รู้ จะได้คิดอ่านแก้ไข อย่าร้องไห้เศร้าโศกไปเลย
ขงเหลียงก็เล่าว่า
"......ตั้งแต่ครูจากมาภายหลังบิดาข้าพเจ้าตาย ขงเม่งพี่ชายวิวาทกับเศรษฐีที่ตำบลนั้น ข้าพเจ้าสองคนพี่น้องฆ่า บุตรภรรยา ญาติของเศรษฐีตาย จึงเกลี้ยกล่อมรวบรวมไพร่พล หนีไปตั้งซ่องสุมอยู่ ณ เขาแปะโฮ้วซัว ผู้รักษาเมืองเชงจิวเอาตัวขงปินอาข้าพเจ้าไปจำขังคุกไว้..."
แล้วก็เล่าเรื่องที่สู้รบกับ อูเอียนเจียก จนขงเม่งถูกจับไปอีกคน จึงไปขอให้บู๊สงช่วย บู๊สงกับพวกก็รับว่าจะช่วย แต่ให้มาขอความช่วยเหลือจากซ้องกั๋งด้วย ซ้องกั๋งก็รับปากว่าจะจัดการเอง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
มกราคม ๒๕๔๒
วางเมื่อ ๘ เม.ย.๕๖ เวลา ๐๕.๒๖