ซ้องกั๋ง...ขุนนางในแม่น้ำ (๔)

กระทู้สนทนา
ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

ซ้องกั๋ง.....ขุนนางใจแม่น้ำ

ตอนที่ ๔ ช่วยสัตว์ได้บาป

"เล่าเซี่ยงชุน"

เอียนสุนได้ยินเชลยของตนออกชื่อซ้องกั๋ง จึงถามว่า เจ้านี้หรือชื่อ ซ้องกั๋งอยู่ที่บ้านเมืองไหน ซ้องกั๋งก็ลืมตาขึ้นมาบอกว่า

"...เรานี้คือตัวซ้องกั๋ง อยู่เมืองเจ๋จิวฮู้ตำบลหุนเสียกุ้ย เป็นขุนนางตำแหน่งอะซี ที่เรียกว่า กิบสิโหวซ้องกงเหม็ง....."

เอียนสุนก็ตกใจสั่งให้ลิ่วล้อแก้มัดออกโดยเร็ว แล้วเรียกอองเองกับแต้เทียนซิว ให้มาคุกเข่าคำนับพร้อมกัน ซ้องกั๋งก็ตกใจ รีบคุกเข่าลงคำนับบ้างแล้วถามว่า

"...ท่านไต้อ๋องทำไมไม่ฆ่าข้าพเจ้าเสียเล่า...."

เอียนสุน นายโจรใหญ่บอกว่า

"....ชอบแต่เอากระบี่มาตำตาให้บอดเสีย ด้วยไม่รู้จักคนดีมาจนถึงบ้าน นี่หากว่าเทพยดาดลใจให้ท่านพูดขึ้นจึงได้รู้ เมื่อข้าพเจ้ายังไม่ได้มาอยู่ที่เขานี้ ได้ยินข่าวเล่าลือชื่อเสียงท่านทั้งแผ่นดินถ้าผู้ใดยากจนหรือต้องโทษ ก็ช่วยทั้งสิ้นมิได้เสียดายเงินทอง ขณะนั้นข้าพเจ้าคิดจะไปหาท่านให้รู้จักไว้ก็ไม่ได้ไป วันนี้บุญชักนำให้มาจนถึงนี่ ข้าพเจ้ายินดียิ่งนัก....."

ซ้องกั๋งก็ว่าตนเองไม่ได้มีสติปัญญาสิ่งใดที่จะให้รักใคร่นับถือเลย เอียนสุนก็ย้ำว่า

".....ท่านจะถ่อมตัวทำไม บรรดาคนในแผ่นดินก็รู้จักทั้งสิ้น คนที่มีฝีมือเข้มแข็งอยู่เขาเนียซัวเปาะมีความสุข ก็เพราะท่านอุปถัมภ์ ข้าพเจ้ารู้อยู่ บัดนี้ท่านจะไปข้างไหน....."

ซ้องกั๋งก็เล่าว่าเพราะอุปถัมภ์ เตียวไก่ ที่เขาเนียซัวเปาะ จนเพื่อนเอาทองมาให้แทนคุณ แล้วภรรยาจับได้จึงเกิดเรื่องฆ่าภรรยา แล้วก็หนีมาอยู่กับชาจินที่เมืองซองจิวฮู้ ไม่นานนักก็ย้ายมาเป็นครูฝึกเพลงอาวุธ ให้แก่บุตรสองคนของ ขงไทก๋งที่ตำบลแปะฮัวซัว เวลานี้ตนเองกำลังจะเดินทางไปหาฮัวหยงที่ตำบลเซงฮวงแจ ก็ถูกจับตัวมาที่นี่เสียก่อน

นายโจรทั้งสามจึงสั่งให้ลิ่วล้อฆ่าโคกระบือหมูไก่ และจัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงเป็นการใหญ่ ทั้งสี่คนนั่งกินโต๊ะสนทนากันจนสว่าง

ซ้องกั๋งพักอาศัยอยู่กับกองโจรที่เขาเซงฮวงซัวได้สี่ห้าวัน ขณะนั้นเป็นเดือนสิบสองข้างขึ้น ถึงกำหนดเซ่นไหว้บรรพบุรุษ วันหนึ่งระหว่างเลี้ยงโต๊ะกันอยู่ สมุนโจรที่เฝ้าต้นทางเข้ามาแจ้งว่า มีคนพวกหนึ่งประมาณสิบคนหามเกี้ยวผ่านมา อองเองก็คุมไพร่พลห้าสิบคนลงจากเขาไป เจอขบวนหาบเกี้ยวนั้น เมื่อเปิดเกี้ยวดูเห็นเป็นผู้หญิงก็ยินดี จึงฉุดหญิงนั้นขึ้นมาบนเขา แล้วพาเข้าห้องของตนเย้าหยอกเล่นตามสบาย

ลูกสมุนก็ไปบอกกับเอียนสุนว่า ไต้อ๋องที่สองพาเอาตัวผู้หญิงในเกี้ยว เข้าไปในห้องที่พำนักแล้ว

ซ้องกั๋งว่าผู้ใดโลภทางสตรี จะเป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งไม่ได้ เอียนสุนบอกว่าอองเองนี้การอื่นก็ดีทั้งสิ้น เสียแต่เรื่องผู้หญิง มักมากหนักหนาห้ามก็ไม่ฟัง ทั้งหมดจึงพากันเข้าไปหาอองเองในห้อง

อองเองเห็นพรรคพวกเข้ามา ก็ผลักหญิงนั้นเข้าไปข้างใน แล้วออกมารับหน้าเชิญให้ซ้องกั๋งกับเอียนสุนและแต้เทียนซิวนั่ง ซ้องกั๋งก็เรียกหญิงผู้นั้นออกมาซักถาม หญิงนั้นบอกว่า

"....สามีข้าพเจ้าเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในตำบลเซงฮวงแจ บิดาข้าพเจ้าตายเอาศพฝังไว้ที่บนเขานี้ ถึงกำหนดจึงเอาของมาเซ่นไหว้ ขอไต้อ๋องจงช่วยข้าพเจ้าด้วยเถิด....."

ซ้องกั๋งถามว่าเป็นภรรยาฮัวหยงหรือ นางนั้นก็บอกว่าฮัวหยงนั้นเป็นขุนนางฝ่ายบู๊ ตนเองเป็นภรรยา เล่ากอ ขุนนางฝ่ายบุ๋นคู่กันอยู่

ซ้องกั๋งจึงบอกอองเองว่า หญิงนี้เป็นภรรยาของเพื่อนข้าราชการกับฮวยหยง ที่กำลังจะไปอาศัยอยู่ด้วย ขอให้ปล่อยไปแต่โดยดีเถิด

อองเองก็ว่า

".....ข้าพเจ้าเกิดมาก็ชอบอยู่สิ่งเดียว ประการหนึ่งภรรยาก็ยังไม่มี คิดจะเอาหญิงคนนี้เป็นภรรยา แล้วจะให้เป็นฮูหยิน ท่านอย่าห้ามปรามเลย....."

ซ้องกั๋งจึงว่า

".....หญิงนี้มีสามีแล้ว คนทั้งปวงจะดูหมิ่นว่าไม่ใช่เชื้อชาติทหาร อย่าให้ผู้คนนินทาได้ ถ้าท่านอยากจะมีภรรยาข้าพเจ้าจะหาให้เอาที่สาวแท้รูปร่างงามดี....."

พูดแล้วก็คุกเข่าลงคำนับเอียนสุน แต้เทียนซิว ก็พยุงซ้องกั๋งลุกขึ้น แล้วเอียนสุน จึงสั่งให้พวกสมุนโจร หามหญิงนั้นไปส่งยังชายเขา นางมีความยินดียินดีคำนับแล้วพูดว่า

“…..ไต้อ๋องช่วยข้าพเจ้าไว้ครั้งนี้ พระคุณยิ่งนัก จะขอลาท่านไปก่อน….”

แล้วสมุนโจรก็หามเกี้ยวลงจากเขาไป ซ้องกั๋งก็พูดจาเกลี้ยกล่อมเอาใจอองเองมิให้โกรธ แล้วก็จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกันต่อไป

ซ้องกั๋งอยู่กับนายโจรทั้งสามอีกหกเจ็ดวัน จึงขอลาเดินทางไปตำบลเซงฮวงแจตามที่ตั้งใจ นายโจรตามมาส่งประมาณสามสิบลี้และสั่งว่า ถ้ากลับมาผ่านทางนี้ขอให้แวะมาหาด้วย ซ้องกั๋งก็ขอบใจและว่าคงจะได้พบกันอีกแน่ แล้วเดินทางต่อไปได้ประมาณร้อยลี้ถึงหมู่บ้านใหญ่

ซ้องกั๋งถามชาวบ้านแถวนั้นได้ความว่า เล่ากอขุนนางฝ่ายบุ๋นอยู่ทางทิศใต้ ฮวยหยงขุนนางฝ่ายบู๊อยู่ทางทิศเหนือ ซ้องกั๋งจึงเดินไปตามตลาดจนถึงบ้านฮวยหยง

เมื่อแจ้งให้นายประตูทราบแล้ว ฮวยหยงก็ออกมาต้อนรับ เชื้อเชิญให้เข้าไปนั่งข้างในบ้าน บอกว่า

".....ตั้งแต่จากท่านมาได้หกปี ข้าพเจ้าคิดถึงมิได้ขาด ครั้นอยู่มา ได้ข่าวว่าท่านฆ่าหญิงภรรยาตายก็มีความวิตก จึงฝากหนังสือไปเป็นหลายครั้งไม่แจ้งว่าจะถึงท่านหรือเปล่า วันนี้เป็นบุญหนักหนาท่านมาถึงบ้านข้าพเจ้า....."

พูดแล้วก็คุกเข่าลงคำนับ ซ้องกั๋งจับมือฮวยหยงไว้ พยุงให้ลุกขึ้นมานั่งด้วยกัน และเล่าความตั้งแต่ต้นจนปลายให้ฟังทุกประการ

ฮวยหยงว่าไม่ต้องเที่ยวไปให้ลำบากอีกเลย พักอยู่ที่นี่ให้สบาย หลายปีแล้วจึงค่อยไป แล้วก็เรียกน้องสาวกับภรรยาของตนให้ออกมาคำนับซ้องกั๋ง กับจัดสุราอาหารมาเลี้ยงเป็นอันดี

ซ้องกั๋งก็เล่าเรื่อง ที่ได้ช่วยเหลือภรรยาเล่ากอ จากพวกโจรบนเขาเซงฮวงซัวให้ฟัง ฮวยหยงก็ว่าช่วยมาทำไม ปล่อยให้พวกโจรจับไปก็ดีแล้ว ซ้องกั๋งก็ว่าทำไมพูดเช่นนี้เห็นว่าเป็นภรรยาของเพื่อนข้าราชการด้วยกัน จึงได้ช่วยว่ากล่าวให้ปล่อยตัวมา

ฮวยหยงก็เล่าว่า

".....ถ้าเล่ากอทำดีที่ไหนพวกโจรจะย่ำยีทำอันตรายได้ เล่ากอเป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ก็จริง แต่ไม่รู้จักหนังสือ เที่ยวข่มเหงกดขี่เอาเงินทองคนทั้งปวงอยู่เนือง ๆ ภรรยาว่ากล่าวยุยงก็เชื่อฟังทุกอย่าง ทำให้ราษฎรชาวบ้านได้คับแค้น เพราะหญิงร้ายคนนี้....."

ซ้องกั๋งก็ว่าอย่าผูกพยาบาทเพื่อนข้าราชการด้วยกันเลย ฮวยหยงจึงว่าเวลาอื่นจึงค่อยบอกให้ เล่ากอรู้ว่าได้ช่วยภรรยาของเขาไว้

อยู่มาถึงวันกลางเดือนขึ้นปีใหม่ ชาวบ้านร้านตลาดแต่งโคมไฟสวยงามประกวดกัน มีราษฎรเที่ยวชมโคมเป็นอันมาก ซ้องกั๋งกับคนใช้ก็ไปเที่ยวดูโคมตามถนนกัน ในคืนนั้นเล่ากอพาภรรยาไปดูโคมด้วย ภรรยาเล่ากอเห็นซ้องกั๋งก็จำได้ จึงบอกกับสามีว่าซ้องกั๋งคือนายโจรที่แย่งชิงเอาตัวไปเมื่อคราวก่อน เล่ากอจึงให้คนใช้จับตัวซ้องกั๋งมัดเอาไปบ้าน สอบสวนว่า

".....เจ้านี้กล้านักหนา คบคิดกันเป็นโจร เที่ยวตีปล้นราษฎรอยู่เนือง ๆ แล้วบังอาจแย่งชิงเอาภรรยาเราไป นี่หากว่าตามทันจึงกลับมา ภรรยาเราจำได้ จะเถียงประการใดอีกหรือ....."

ซ้องกั๋งบอกว่า

"......ข้าพเจ้าเป็นชาวเมืองเจ๋จิวฮู้ แซ่เตียชื่อซา ได้มาหาฮวยหยงทางเขานี้ พวกโจรออกสกัดจับไว้ แล้วนายโจรปล่อยข้าพเจ้าเสีย เมื่อพวกโจรจับภรรยาท่านไป ข้าพเจ้าช่วยอ้อนวอนขอร้อง นายโจรจึงปล่อยมา....."

ภรรยาเล่ากอว่า เห็นนั่งเก้าอี้เป็นไต้อ๋องอยู่ในหมู่โจร ซ้องกั๋งก็ว่า

"....เมื่อท่านเรียกข้าพเจ้า ก็ยังห้ามว่าไม่ใช่ไต้อ๋องดอก บอกว่าเป็นชาวเมืองเจ๋จิวฮู้ แล้วอ้อนวอนขอนายโจรจึงปล่อยท่านมา ยังจะกลับว่าเป็นพวกโจรอีกเล่า...."

แต่เล่ากอก็ไม่ฟังสั่งให้เฆี่ยนตีซ้องกั๋งเป็นอันมาก แล้วเอาตัวไปขังไว้

ฝ่ายฮวยหยงได้ทราบข่าวจากคนใช้ว่า ซ้องกั๋งถูกเล่ากอจับตัวเอาไปขังไว้ก็วิตกยิ่งนัก จึงเขียนหนังสือให้คนใช้ถือไปให้เล่ากอ มีความว่า

"......ข้าพเจ้ามีพี่น้องคนหนึ่งชื่อเล่าเจียง มาแต่เมืองเจ๋จิวฮู้ อยู่ได้สองสามวันก็พากันไปดูโคม ท่านจับตัวไปเฆี่ยนว่าเป็นพวกโจรก็ไม่รับ ซึ่งพี่ข้าพเจ้านี้ไม่ได้เป็นพวกโจรขอท่านได้ โปรดปล่อยให้กลับมา เห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเถิด....."

เล่ากอก็ฉีกหนังสือทิ้งเสียแล้วว่า ฮวยหยงเป็นขุนนางแต่กลับมาเป็นไส้ศึกพวกโจร แล้วยังมาหลอกลวงว่าโจรที่ชื่อเตียซา เป็นเล่าเจียงเสียอีก จึงไล่คนถือหนังสือกลับไป

ฮวยหยงก็โกรธยิ่งนัก ฉวยเกาทัณฑ์ขึ้นม้า เรียกบ่าวตามมาประมาณห้าสิบคน พอถึงบ้านเล่ากอพวกที่เฝ้าประตูบ้านตกใจกลัวก็หนีไปหมด ฮวยหยงเที่ยวค้นหาก็เจอซ้องกั๋งถูกมัดแขวนไว้ และถูกเฆี่ยนสองขาแตกยับเยินโลหิตไหล จึงแก้มัดออกและให้คนใช้พยุงกลับไปบ้านก่อน

แล้วร้องประกาศแก่เล่ากอว่า ทำข่มเหงมากนักวันอื่นจะต้องว่ากล่าวกันอีก แล้วก็พาบ่าวไพร่กลับมาบ้าน

เล่ากอรวบรวมลิ่วล้อได้ประมาณสองร้อยคน มีครูทหารฝีมือเข้มแข็งอีกสองคน ก็ยกกลับไปบ้านฮวยหยงบ้าง แต่เห็นประตูบ้านเปิดอยู่ก็ครั่นคร้ามไม่กล้าบุกเข้าไป คงล้อมอยู่หน้าบ้าน ฮวยหยงก็ฉวยเกาทัณฑ์คู่มือออกมาหน้าบ้าน ร้องว่าไม่ใช่การของผู้ใด ถ้าไม่รักชีวิตจะตายแทนเล่ากอก็เข้ามา แล้วก็เอาเกาทัณฑ์ยิงศรีษะตุ๊กตา ที่อยู่บนหลังคาประตูคอหักกระเด็น

ฝ่ายพวกเล่ากอทุกคน ก็ไม่มีใครกล้าล่วงล้ำประตูบ้านเข้ามา

ฮวยหยงก็ร้องตวาดว่า คอยดูคราวนี้จะยิงครูทหารที่ใส่เสื้อขาว แล้วก็ยกเกาทัณฑ์ขึ้นน้าวสาย ครูทหารสองคนกับพวกบ่าวไพร่ ก็พากันวิ่งเตลิดเปิดเปิงไปหมด เหลือแต่เล่ากอคนเดียวไม่รู้ที่จะทำประการใด ก็จำเป็นต้องถอยกลับบ้านไป

พอค่ำลงซ้องกั๋งก็ขอลาฮวยหยงหนีไปก่อน เพราะเกรงว่าจะเกิดเหตุใหญ่โตขึ้นกว่านี้ ฮวยหยงว่ากำลังเจ็บป่วยอยู่อย่าเพิ่งไป ซ้องกั๋งก็ว่าไม่เป็นไรถึงคราวจำเป็นก็ต้องไปให้ได้ แต่พอซ้องกั๋งเดินทางโขยกเขยกจากตำบลเซงฮวงแจไปได้ไม่ไกล เวลาประมาณสองยาม ก็ถูกพวกของเล่ากอซุ่มจับตัวเอามาให้เล่ากอได้อีก

คราวนี้เล่ากอสั่งให้จำขังไว้อย่างแน่นหนา และให้บ่าวไพร่รักษาไว้เป็นความลับ พร้อมกับมีหนังสือไปถึง โบวหยง เจ้าเมืองเซงจิวฮู้ซึ่งเป็นพี่ชายของ นางโบวกุยฮุย มเหสีของ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ แต่เป็นพวกกังฉิน ให้ช่วยจัดการกับฮวยหยงนายทหารเมืองเจ๋จิวฮู้ ซึ่งไปเข้าด้วยพวกโจรเขาเซงฮวงซัวต่อไปด้วย

โบวหยงจึงสั่งให้ อึงซิน ขุนนางฝ่ายทหารรีบเดินทางมาชำระความให้เรียบร้อย อึงซินก็ขึ้นม้าพาทหารประมาณห้าสิบคน เร่งเดินทางไปที่เกิดเหตุทันที.

##########

นิตยสารโล่เงิน
มีนาคม ๒๕๔๐


วางเมื่อ ๒ มี.ค.๕๖ เวลา ๑๗.๐๐
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่