โลวจนหงี...เศรษฐีชะตาตก (๑)

กระทู้สนทนา
ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ

                            โลวจุนหงี.....เศรษฐีชตาตก

       ตอนที่ ๑ หมอดูเจ้าเล่ห์     

                              "เล่าเซี่ยงชุน"

                    ในเมืองปักเกียยังมีเศรษฐีผู้หนึ่งชื่อ โลวจุนหงี เป็นคนมีสติปัญญาดีฝีมือเข้มแข็ง มั่งมีทรัพย์สินชื่อเสียงปรากฎมาแต่ครั้งปู่และบิดา  ตั้งบ้านเรือนอยู่ที่ตำบลฮอปัก  ผู้คนชาวเมืองเรียกฉายาว่า ราชสีห์หยก มีภรรยาชื่อ นางเกสี มีผู้จัดการชื่อ ลีกู เป็นที่ไว้วางใจให้ดูแลการบ้านเรือนการค้าขายและการบัญชี เงินทองทรัพย์สินทั้งสิ้น  มีคนใช้คอยช่วยเหลือประมาณห้าสิบเศษ

                    เดิมลีกูเป็นชาวตังเกียเมืองหลวง ได้เดินทางมาหาพี่น้องที่เมืองปักเกียแต่ไม่พบ จนเจ็บป่วยลงอาการกำเริบมาก เดินผ่านมาถึงหน้าบ้านโลวจุนหงีก็ล้มลงทำท่าจะตาย โลวจุนหงีก็เอาตัวไว้รักษาพยาบาลจนหายดี เห็นว่าเป็นคนรู้หนังสือและบัญชี จึงเอาตัวไว้ใช้งานต่อไป จนเป็นใหญ่ในบ้านปกครองบ่าวไพร่ และดูแลงานทั้งหมดแทนนายมาจนถึงบัดนี้

                    โลวจุนหงียังมีคนรับใช้ใกล้ชิดอีกคนหนึ่งชื่อ เอียนเชง  รูปร่างสูงใหญ่ อายุได้ยี่สิบสี่ปี บิดามารดาตายเสียตั้งแต่ยังเล็ก โลวจุนหงีเอามาเลี้ยงดูไว้ จนเติบใหญ่ผิวเนื้อขาวเหมือนสำลี ท่านเศรษฐีจึงให้ช่างสักเป็นดอกไม้ไว้ทั่วตัว เอียนเชงเป็นเด็กที่มีสติปัญญาเฉลียวฉลาด พูดได้หลายภาษา มีฝีมือเข้มแข็งชำนิชำนาญเพลงอาวุธต่าง ๆ มีลูกเกาทัณฑ์เหล็กสำหรับขว้างอยู่สามลูก มีฝีมือขว้างได้แม่นยำ  และได้ซ้อมมือใช้ล่าสัตว์อยู่เสมอ

                    วันหนึ่งโลวจุนหงีนั่งดูเสมียนคิดบัญชีเงิน รายรับรายจ่ายอยู่ที่หน้าตึก ได้ยินเสียงคนอื้ออึงอยู่ที่หน้าบ้าน จึงเรียกคนใช้มาถาม ปรากฎว่ามีหมอดูเที่ยวเดินสั่นลูกพรวน ร้องเพลงเป็นคำโคลงมีใจความว่า

                      "......กำโลว อายุเพียงสิบสองปี เป็นถึง เซงเซียขุนนางผู้ใหญ่ สำเร็จราชการแผ่นดิน เกียงจูแหย นั้นอายุสิบแปดปี ได้เป็นกุนซือขุนนางผู้ใหญ่  ฮวนตัน นั้นขัดสนไม่มีจะกิน         เจียะฉอง มั่งมีทรัพย์สินเงินทองจนชื่อเสียงปรากฎ ก็เป็นเพราะปีเดือนวันคืนเวลาเมื่อจะเกิดประจำตัวมา ข้าพเจ้าเป็นหมอดูก็ล่วงรู้การณ์ทั้งปวง จะมีวาสนาหรือทรัพย์สินเงินทอง และจะยากจนก็รู้อยู่ทั้งสิ้น ถ้าผู้ใดจะดูก็เอาเงินตำลึงหนึ่งมาก่อนจึงจะดูให้......."

                         โลวจุนหงีจึงให้คนใช้ ออกไปเชิญเข้ามาข้างในบ้าน หมอดูก็เข้ามาคำนับโลวจุนหงี พร้อมกับลูกศิษย์ตามหลังอีกคนหนึ่ง  ตัวอาจารย์นั้นนุ่งห่มเรียบร้อยสมเป็นซินแส แต่ลูกศิษย์รูปร่างสูงใหญ่หน้าดำเหมือนโจร โลวจุนหงีก็ต้อนรับซักไซ้ไต่ถามว่าชื่อแซ่ใดมาแต่ไหน  ซินแสก็บอกว่าชื่อ เตียหยง  เป็นชาวเมืองซัวตัง ได้เล่าเรียนตำราหมอดูมีความรู้ทำนายได้แม่นยำ แต่ลูกศิษย์นั้นเป็นใบ้พูดจาไม่ได้หูก็หนวก  โลวจุนหงีก็หยิบเงินหนึ่งตำลึงมาส่งให้  แล้วก็ให้ดูชตาราศีว่าดีร้ายเป็นประการใด

                    ซินแสรับเงินวางไว้บนโต๊ะ แล้วก็ถามวันเดือนปีเวลาเกิด จดลงไปในกระดาษ โลวจุนหงีบอกว่า  บัดนี้อายุได้สามสิบสองปี มิใช่จะถามถึงบุญวาสนาและทรัพย์สิน แต่อยากจะรู้เคราะห์ดีร้ายสืบไป

                    ซินแสก็กางตำราออกอ่าน แล้วคิดตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่งก็ทำสีหน้าสลดลงบอกว่าไม่ได้การ โลวจุนหงีก็ตกใจถามว่าเป็นอย่างไร ซินแสว่าไม่กล้าบอกตามจริงกลัวเศรษฐีจะโกรธ โลวจุน  หงี ก็ว่า

                       ".....ทำไมท่านมาพูดดังนั้น ข้าพเจ้าเปรียบเหมือนคนไม่รู้จักทาง จึงหาท่านมาแนะนำด้วยอยากใคร่จะรู้ ท่านอย่าเกรงใจ จงบอกไปตามจริงเถิด...."

                    ซินแสก็บอกว่า

                       "...เคราะห์ท่านร้ายนัก เลือดจะตก แล้วจะตายด้วยอาวุธต่าง ๆ คนในบ้านก็ช่วยไม่ได้....."

                        โลวจุนหงีหัวเราะแล้วว่า

                        ".....ท่านดูผิดไปดอกกระมัง ข้าพเจ้านี้เกิดที่เมืองปักเกียมั่งมีทรัพย์สินเป็นถึงเศรษฐี ปู่และบิดาก็ไม่มีโทษสิ่งใรเกี่ยวข้อง พี่น้องชายหญิงที่จะให้เกิดความก็ไม่มี  ตัวข้าพเจ้าจะทำการสิ่งไรก็เป็นยุติธรรมภัยอันตรายจะมีมาแต่ไหน เคราะห์ของข้าพเจ้าจะร้ายถึงอย่างนั้นเจียวหรือ.."

                    ซินแสก็โกรธ หยิบเงินตำลึงนั้นส่งให้โลวจุนหงี แล้วก็ทำท่าจะเดินออกไปพร้อมกับบ่นว่า

                     "....การงานทุกวันนี้ยากนัก เหมือนกับคนร้ายเอาความชั่วมาให้ท่าน จะขอลาไปก่อนแล้ว....."

                       โลวจุนหงีขอร้องว่าอย่าโกรธเลย เพียงแต่เล่าประวัติให้ฟังดอก ใช่จะไม่เชื่อเมื่อไร ซินแสก็ย้ำว่า

                        "....ข้าพเจ้าทายตามจริง ชะตาท่านขณะนี้กำลังขึ้น แต่เคราะห์ร้ายนัก ไม่พ้นร้อยวันคงจะได้เห็น...."

                    โลวจุนหงีซักว่าพอจะหลีกเลี่ยงได้หรือไม่  ซินแสก็หยิบตำรามาคลี่ดูอีก แล้วพยักหน้ากับตำราพูดว่า

                        "...ถ้าจะหลีกเลี่ยงต้องไปทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ ให้ถึงพันลี้จึงจะพ้นเคราะห์ แต่จะมีความวิตกบ้างเล็กน้อย....."

                      โลวจุนหงีบอกว่าถ้าไปพ้นภัยอันตราย  ก็คงจะตอบแทนบุญคุณท่าน ซินแสก็บอกให้เขียนคำโคลงไว้ที่ฝาผนังตึกสี่บทเป็นคำอรรถ ซึ่งโลวจุนหงีแปลไม่ออก สำคัญว่าเป็นคำเสดาะเคราะห์ แล้วซินแสก็เก็บข้าวของขอลาไป โลวจุนหงีเห็นว่าเวลาจวนเย็นแล้ว ขอให้พักค้างคืนหนึ่งก่อน แต่ซินแสปฏิเสธว่าเป็นคนทำมาหากิน ถ้าชักช้าก็ป่วยการ ต้องขอลาไปก่อน แล้วก็ชวนลูกศิษย์หน้าดำออกจากบ้านเศรษฐีไป

                    ฝ่ายโลวจุนหงีตั้งแต่ดูหมอแล้ว ไม่มีความสบายใจเลย เวลานั่งอยู่คนเดียวก็แหงนหน้าดูฟ้า  แล้วคิดวิตกไปถึงเคราะห์ร้าย  พาให้คาดการณ์ไปต่าง ๆ นา ๆ  จึงเรียกลีกูกับเอียนเชงมาปรึกษา เล่าเรื่องหมอดูทำนายว่าเคราะห์ร้ายนักจะถึงแก่ชีวิตในร้อยวัน ถ้าจะให้พ้นภัยต้องไปทางทิศอาคเนย์ถึงพันลี้ และทางทิศนั้นก็มีศาลเจ้าเทียนฉีเซียตี้ ในศาลมีแท่นทองอยู่ที่เขาตังงัก     ไทซัวเป็นที่ศักดิ์สิทธิ์นัก ชาวบ้านชาวเมืองพากันไปคำนับมิได้ขาด จึงคิดที่จะไปเซ่นไหว้ และหาสินค้าไปขายที่เมืองซัวตังด้วย

                    แล้วก็สั่งให้ลีกูจัดเกวียนสิบเล่ม เอาสินค้าบรรทุกให้เต็ม และให้ลีกูคุมไปด้วย ให้เอียนเชงอยู่รักษาบ้านเรือน บัญชีสิ่งของเงินทองกับลูกกุญแจตึก ให้ลีกูมอบไว้กับเอียนเชง ให้สิทธิ์ขาดการปกครองคนทั้งหมดจนกว่าจะกลับมา ลีกูก็แย้งว่า

                          "...เชื่อฟังอะไรกับหมอดู มาพูดล่อลวงจะเอาแต่เงินท่าเดียว ข้าพเจ้าไม่เห็นเลยว่าภัยอันตรายจะมีมาถึง เชิญท่านอยู่บ้านให้เป็นสุขเถิด...."

                           โลวจุนหงีว่าอย่าทัดทานเลย   เอียนเชงก็เตือนเสียยาวยืดว่า

                            "......ท่านเป็นผู้ใหญ่เปรียบเหมือนบิดามารดา จงเชื่อฟังข้าพเจ้าพูดเถิด ซึ่งจะไปข้างทิศตะวันออกเฉียงใต้ เมืองไทอันจิวนั้น ต้องเดินไปทางเขาเนียซัวเปาะ  ด้วยตำบลเขาเนียซัวเปาะนั้น ซ้องกั๋งกับพวกพ้องไปตั้งซ่องสุมกันเป็นโจรเที่ยวตีปล้นอยู่เนือง ๆ  กองทัพหลวงยกไปปราบปรามหลายครั้ง ก็สู้พวกซ้องกั๋งไม่ได้ ทหารล้มตายเสียหนักหนา  ท่านอย่าเพ่อทำใจร้อนเร็วเลย คอยให้สงบเรียบร้อยดีจึงค่อยไป จะมาเชื่อฟังหมอดูนั้นไม่ได้...."

                    โลวจุนหงียังไม่ทันจะแย้งว่ากระไร เอียนเชงก็ออกความเห็นต่อไปว่า

                    "...หรือพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ ปลอมเป็นหมอดู มาล่อลวงท่านไปดอกกระมัง น่าเสียดายหนักหนาเวลานั้นข้าพเจ้าไม่ได้อยู่บ้าน ถ้าอยู่แล้วคงจะได้หัวเราะกัน...."

                    โลวจุนหงีก็ว่า

                     "....เจ้าเอาอะไรมาพูด ผู้ใดจะมาล่อลวงเรา พวกโจรเขาเนียซัวเปาะนั้นเปรียบเหมือนหญ้าฟางจะไปจับตัวมาให้สิ้น ตัวเราได้ฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ จนฝีมือเข้มแข็งจะกลัวอะไรกับพวกโจร....."

                    นางเกสีภรรยาก็ออกมาห้ามปรามอีกคนหนึ่งว่า

                      ".....ข้าพเจ้าได้ยินท่านบ่นมาหลายวันแล้วว่าจะไปเที่ยวให้พ้นภัย แต่โบราณย่อมว่าไว้ ถ้าออกจากบ้านไปจนลี้หนึ่งก็สู้อยู่บ้านไม่ได้ จะเชื่อฟังหมอดูทำไมจงอยู่ที่บ้านจัดแจงซื้อขายตามสบาย ท่านอย่าไปเลย....."

                    โลวจุนหงีไม่ฟังว่าตัวเป็นหญิงไม่รู้จักสิ่งใด อย่าห้ามปรามให้มากความไปเลย      เอียนเชงยังไม่ละความพยายามจึงว่า

                     "...พระเดชพระคุณของท่านได้ชุบเลี้ยงข้าพเจ้า  และสั่งสอนเพลงอาวุธต่าง ๆ ให้จนฝีมือเข้มแข็ง  บัดนี้ท่านมีธุระจะไปเที่ยว  ข้าพเจ้าขอไปด้วย ฉวยว่าพบปะพวกโจรจะออกมาแย่งชิง  ข้าพเจ้าคนเดียวก็สู้รบได้ถึงหกสิบคน ท่านจงให้ลีกูอยู่รักษาบ้านเรือนตามเดิมเถิด....."

                    โลวจุนหงีก็ว่าต้องการจะไปขายสินค้าด้วย จึงเอาลีกูไป จะได้เอาสิ่งของเที่ยวขายตามหัวเมือง แต่ลีกูไม่อยากไปก็บ่ายเบี่ยงว่าเจ็บเท้ามาหลายวันแล้ว เดินยังขัดอยู่เห็นจะไปไกลไม่ได้ โลวจุนหงีก็โกรธ จึงว่า

                        "...เราอุตส่าห์เลี้ยงมาถึงพันวัน มีธุระการงานจะใช้สักเวลาเดียวก็ไม่ได้ พูดจาบิดพริ้วเสีย ถ้าทีนี้ผู้ใดขัดไม่ไปก็คงถูกกับมือเรา....."

                    ลีกูก็ตกใจไม่รู้ที่จะคิดประการใด ได้แต่แลดูตานางเกสี เพราะทั้งสองรักใคร่ชอบพอเป็นชู้กันอยู่ โดยที่โลวจุนหงีไม่รู้ นางเกสีจึงหลบเข้าข้างใน เอียนเชงก็ไม่อาจพูดจาทัดทานต่อไปได้ ลีกูจึงต้องไปจัดการตามคำสั่ง

                    อีกสามวันต่อมาโลวจุนหงีก็ให้ลีกู คุมเกวียนสินค้า เดินทางล่วงหน้าไปก่อน แล้วโลวจุนหงีก็ร่ำลาสั่งเสียภรรยาและเอียนเชง ถืออาวุธคู่มือนำบ่าวไพร่เจ็ดแปดคน เดินทางจากบ้านออกนอกเมืองปักเกีย ตามขบวนเกวียนไปข้างหลัง.

                                      ##########

นิตยสารโล่เงิน
กุมภาพันธ์ ๒๕๔๒


วางเมื่อ ๑๓ เม.ย.๕๖ เวลา ๑๐.๑๘
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่