ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋ง.....ขุนนางใจแม่น้ำ
ตอนที่ ๑ ตำแหน่งเล็กแต่ใจใหญ่
"เล่าเซี่ยงชุน"
ซ้องกั๋ง เป็นชาวเมืองหุนเสียกุ้ย ตำบลบ้านซองเกชึง เป็นบุตรของ ซ้องไทก๋งมารดาตายมีน้องชายชื่อ ซ้องเซ็ง ตัวซ้องกั๋งนั้นเดิมทำราชการได้เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รับหนังสือไปเสนอเจ้าเมืองหุนเสียกุ้ย การหนังสือชำนิชำนาญ คล่องแคล่วรู้การงานลึกซึ้ง
เป็นผู้มีรูปร่างต่ำเตี้ยหน้าดำ เป็นคนซื่อสัตย์กตัญญูใจโอบอ้อมอารี เวลาว่างธุระการงานไม่มี ก็ฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ คล่องแคล่วดี ฝีมือก็เข้มแข็ง บรรดาคนที่มีฝีมือก็มาเป็นพวกพ้องมาก
ผู้ใดยากจนขัดสนสิ่งใดมาหา ก็ให้เงินทองข้าวของทุก ๆ คน ถ้าผู้ใดมีทุกข์ด้วยถ้อยความ เล็กน้อย ก็ห้ามปรามไกล่เกลี่ยเสีย มิให้ยืดยาวได้ ราษฎรชาวบ้านสรรเสริญนับถือมาก ชื่อเสียงปรากฎไปทุกบ้านทุกเมือง คนที่รู้จักชื่อก็อยากจะเข้าอยู่เป็นพวกด้วยทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่งได้เคยช่วยเหลือ เตียวไก่ นายอำเภอตำบลตังเคยชึง คนคุ้นเคยกัน ซึ่งไปร่วมมือกับพวกอีกเจ็ดคน ดักปล้นทรัพย์ของ เนียสิเกียด เจ้าเมืองปักเกียที่เป็นกังฉิน จะส่งไปช่วยงานแซยิดของ ชัวเกียไทซือ พ่อตาซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง ให้รอดจากการถูกเจ้าเมืองหุนเสียกุ้ยจับกุมคุมขัง
จนหนีไปอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะได้โดยปลอดภัย ทางเมืองเจ๋จิวฮู้ยกทหารไปปราบปรามถึงสองครั้ง ก็ไม่สำเร็จต้องเสียทหารไปเป็นอันมาก ทางเมืองหลวงจึงสั่งย้ายเปลี่ยนตัวเจ้าเมืองเสีย
เจ้าเมืองคนใหม่วิตกถึงโจรที่เขาเนียซัวเปาะฝีมือเข้มแข็ง จึงมีหนังสือไปชักชวนหัวเมืองต่าง ๆ ให้รับอาสาคนมีฝีมือและสติปัญญา มาช่วยกันปราบโจรก๊กนี้
เมื่อขุนนางผู้ถือหนังสือจากเมืองเจ๋จิวฮู้ มาถึงเมืองหุนเสียกุ้ยซึ่งขึ้นอยู่ในการปกครอง ก็เอาหนังสือไปส่งให้เจ้าเมือง พออ่านรู้ความแล้วก็เรียกตัวซ้องกั๋ง มาสั่งให้ทำหนังสือแจ้งไปถึงนายบ้านนายอำเภอทุกตำบล ให้คอยระวังตรวจตราจับพวกโจรเขาเนียซัวเปาะให้ได้
ซ้องกั๋งรับคำสั่งแล้วก็รำพึงว่า
"...เตียวไก่ทำให้เกิดความใหญ่ แย่งชิงเอาของชัวเกียไทซือไป แล้วฆ่าพวกทหารตายถึงสองครั้ง จับ ฮอต๋อ ไปตัดหูเสียแล้วปล่อยมา ทำเหลือเกินมีโทษมากนัก ซึ่งเตียวไก่จะไปเป็นโจรก็เพราะพี่น้องพวกพ้องชักนำข่มขืนให้ไป เตียวไก่กับเราเป็นคนรักใคร่กัน ถ้าไม่ทันระวังตัวเขาคงจับเอาไปได้..."
ซ้องกั๋งจึงให้เพื่อนขุนนาง ช่วยทำหนังสือส่งไปตามอำเภอต่าง ๆ ดังที่เจ้าเมืองสั่ง แล้วก็ออกจากที่ว่าราชการไป
ขณะที่เดินอยู่บนถนนได้ยินเสียงร้องเรียก เมื่อเหลียวไปดูเห็นหญิงชราสองคนตรงเข้ามาคำนับ ซ้องกั๋งถามว่ามีธุระสิ่งใดหรือ คนที่ชื่อ นางเฮงผอ ก็เล่าว่า คนที่มาด้วยกันชื่อ นางเงียมผอ สามีชื่อ เงียมก๋ง เป็นชาวตังเกียเมืองหลวง
มีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อ นางเงียมผอเสียะ หัดขับร้องเพลงมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่ อายุได้สิบแปดปี รูปร่างลักษณะดีพอสมตัว สามคนพ่อแม่ลูกชวนกันมาหาพวกพ้องเมืองซัวตังแซ แต่ไม่พบจึงมาอยู่ที่เมืองหุนเสียกุ้ย คนเมืองนี้ก็ไม่ชอบการขับร้อง จึงหาเงินทองไม่ได้ จะกลับไปก็ไม่มีค่ากินอยู่ในการเดินทาง จึงมาพักอาศัยอยู่หลังโรงว่าการของซ้องกั๋ง
พอถึงเมื่อวานนี้บิดาของนางเงียมผอเสียะตายลง นางเงียมผอไม่มีเงินจะซื้อหีบใส่ศพไปฝัง จึงอ้อนวอนให้ตนไปเที่ยวหาเงิน ก็ไม่รู้จะไปหาผู้ใด ได้มาพบซ้องกั๋งก็เป็นบุญหนักหนา ขอจงเมตตาแก่คนยากด้วยเถิด
ซ้องกั๋งก็มีความเวทนา จึงบอกให้ตามไปที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ นั้น ขอยืมพู่กันมาเขียนหนังสือ สั่งให้ไปเอาหีบใส่ศพที่โรงเตี๊ยมตันซำเหลง แล้วหยิบเงินให้ไปอีกสิบตำลึง นางเงียมผอ รับเงินกับหนังสือคำนับลาไปจัดการศพสามี เรียบร้อยแล้วก็ยังมีเงินเหลืออยู่บ้าง จึงได้ซื้อกินกันสองคนแม่ลูกต่อไป
อยู่มาวันหนึ่ง นางเงียมผอคิดถึงบุญคุณของซ้องกั๋ง จึงมาเยี่ยมคำนับที่บ้าน เห็นว่าในบ้านนั้นไม่มีผู้หญิง จึงกลับไปถามนางเฮงผอว่าซ้องกั๋งมีภรรยาหรือไม่ นางเฮงผอว่า บ้านเดิมซ้องกั๋งอยู่ที่ตำบลซองเกชึง ไม่เคยได้ยินว่ามีภรรยา มาเป็นขุนนางอยู่ในเมืองนี้ ก็เห็นแต่อุปถัมภ์คนยากจนขัดสน และมีทุกข์ร้อนเจ็บป่วยล้มตาย ผู้ใดไม่มีเงินทองจะใช้สอย ก็ช่วยไปทุก ๆ คน ภรรยานั้นเห็นจะยังไม่มี
นางเงียมผอว่าบุตรสาวของตนในขณะที่อยู่เมืองหลวง เคยขับร้องมีคนชอบใจ พวกพ่อค้ามาสู่ขอว่ากล่าวหลายหนก็ไม่ให้ เพราะตนเองกับสามีแก่ชราแล้ว ไม่มีผู้ใดจะอุปถัมภ์ จึงยังไม่ให้มีสามี และไม่นึกว่าจะต้องมาตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ ซ้องกั๋งมีคุณนักยังหาได้ตอบแทนคุณไม่ ไปคำนับจนถึงบ้านก็ไม่เห็นมีภรรยา จงเอ็นดูช่วยว่ากล่าวกับซ้องกั๋ง ถ้าจะมีภรรยานั้นอย่าต้องไปสู่ขอคนอื่นเลย จะยกนางเงียมผอเสียะบุตรสาวให้เป็นภรรยาเอง
นางเฮงผอก็เห็นด้วย จึงไปหาซ้องกั๋ง เล่าความตามที่นางเงียมผอว่านั้นให้ฟังทุกประการ ตอนแรกซ้องกั๋งไม่ยอมรับ แต่นางเฮงผอช่างพูดประจบประแจงอ้อนวอน จนซ้องกั๋งใจอ่อนต้องยอมรับจนได้
พอถึงวันดีซ้องกั๋งก็ปลูกเรือนใหม่ ใกล้กับโรงก๊วนที่เคยพักอยู่เดิม ให้นางเงียมผอเสียะ กับนางเงียมผอมารดาอยู่กันสองคน แล้วซ้องกั๋งกับนางเงียมผอเสียะก็อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน เวลาล่วงมาเพียงครึ่งเดือน นางเงียมผอเสียะก็ค่อยมีสุขความเจริญ มั่งมีเงินทองซื้อสิ่งของแต่งตัวงดงามขึ้น แต่ซ้องกั๋งนั้นใฝ่ใจในการงานอยู่ไม่ค่อยว่าง การลูกเมียก็คลายมิใคร่ได้ไปหานางเงียมผอเสียะเช่นปกติ
วันหนึ่งซ้องกั๋งชวน เตียบุนอ้วน ขุนนางรองของซ้องกั๋งรูปร่างหน้าตาดี อายุประมาณยี่สิบปี มากินเลี้ยงที่บ้าน นางเงียมผอเสียะจัดโต๊ะสุราอาหารต้อนรับ และดูแลพูดจากันเล่นเป็นที่สบาย เตียบุนอ้วนเห็นภรรยาซ้องกั๋งลักษณะดีก็มีใจรักใคร่ ส่วนนางเงียมผอเสียะนั้น เมื่อซ้องกั๋งห่างเหินไป ก็มีความเสน่หาเตียบุนอ้วนเช่นเดียวกัน
ต่อมาวันหลังเตียบุนอ้วนรู้ว่าซ้องกั๋งไม่อยู่บ้าน จึงแกล้งทำเป็นมาเยี่ยมซ้องกั๋ง เมื่อพบแต่นางเงียมผอเสียะ ก็พูดจารักใคร่ได้เสียกัน ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็ลอบพบปะกันอยู่มิได้ขาด จนรู้ถึงซ้องกั๋งจึงไปบ้าน สังเกตุ ดูกิริยานางเงียมผอเสียะโกรธขึ้งหน้าตาไม่สบายก็รู้อยู่ในที แต่คิดว่ามิใช่ภรรยาสู่ขอเป็นแต่มารดาเขาให้ตอบแทนคุณ จึงไม่ได้ว่ากล่าวให้อื้ออึงไป และ ซ้องกั๋งก็ทิ้งละเลยไว้เป็นเวลาหลายเดือน
อยู่มาวันหนึ่ง ซ้องกั๋งออกจากโรงก๊วนที่พัก ไปยังโรงขายน้ำชา มีชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ถือกระบี่และสิ่งของเข้ามาคำนับ แล้วถามว่าจำไม่ได้หรือ ซ้องกั๋ง รับคำนับแล้วถามชื่อแซ่ ชายผู้นั้นก็เชิญเข้าไปในโรงน้ำชา แนะนำตนเองว่าชื่อ เล่าตง เป็นพรรคพวกของเตียวไก่ ที่ซ้องกั๋งเคยช่วยเหลือเมื่อคราวก่อนนั้น ซ้องกั๋งจึงว่า
"...กล้าหาญหนักหนาช่างมาได้ ถ้าแม้นพวกนายทหารพบเข้าก็จะเกิดความ..."
แล้วถามถึงเตียวไก่ว่าอยู่ดีหรือประการใดและมานี้มีธุระสิ่งใด เล่าตงก็บอกว่า
"....เตียวไก่คิดถึงบุญคุณท่านหนักหนาว่าจะมาคำนับก็ขัดขวางเกรงอยู่ บัดนี้ เตียวไก่เป็นนายใหญ่ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะแล้ว โงวหยง เป็นกุนซือ กงสุนสิน เป็นผู้ช่วยว่ากล่าวการงานต่าง ๆ ลิมชอง เป็นผู้คิดอ่านการทั้งสิ้น ฆ่า เฮงหลุน ตาย จึงได้ยกเตียวไก่ขึ้นเป็นใหญ่ ในเขาเนียซัวเปาะนั้นก็มีอยู่แต่ โตวเซียน ซองบาน จูกุย กับพวกข้าพเจ้าเจ็ดคนด้วยกันรวมเป็นสิบเอ็ดนาย มีไพร่พลประมาณแปดร้อย เสบียงอาหารเงินทองก็มีบริบูรณ์ เตียวไก่คิดถึงคุณอยู่มิขาด จึงให้ข้าพเจ้าถือหนังสือกับทองคำร้อยตำลึงมาให้ท่าน……..”
แล้วยังฝากทองไปให้ จูตง นายทหารม้าของเมืองหุนเสียกุ้ย ที่ได้เคยช่วยให้ เตียวไก่หลบหนีไปในครั้งนั้นอีกร้อยตำลึงด้วย
ว่าแล้วเล่าตงก็ส่งหนังสือกับทองคำให้ ซ้องกั๋งรับหนังสือมาอ่านได้ความตามที่ เล่าตงบอกก็ไม่อยากรับ แต่เกรงใจจึงหยิบทองคำแท่งหนึ่ง กับหนังสือมาใส่ในไถ้เก็บไว้ เล่าตงก็เอาทองที่เหลือมาวางไว้บนโต๊ะ ซ้องกั๋งก็ให้เก็บทองเสียแล้วว่า
"...ท่านพี่น้องเจ็ดนาย พึ่งจะเข้าไปอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ตั้งตัวใหม่ ๆ กำลังจะต้องใช้เงินทองมาก ตัวข้าพเจ้านี้หาเป็นไรไม่ จงเอากลับคืนไปถ้าต้องการใช้สอยจึงจะไปเอาเอง ซึ่งทองที่จะให้จูตงนั้น ถ้าข้าพเจ้าพบกับจูตงจึงจะบอกให้ทราบ ว่าท่านคำนับมา บัดนี้จะเชิญให้ไปบ้านก็กลัวพวกขุนนางนายทหาร เขาพบปะจะจำได้ก็จะเกิดความใหญ่ขึ้น จงกลับไปบอกกับพี่น้องทั้งปวงเถิดว่า ข้าพเจ้าอยากจะไปคำนับสักครั้งหนึ่ง....."
ว่าแล้วซ้องกั๋งก็เขียนหนังสือ ถึงเตียวไก่มอบให้ เล่าตงก็คำนับลาซ้องกั๋ง ออกจากโรงเตี๊ยมกลับไปเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋งคิดเงินให้เจ้าของร้านแล้วเดินกลับที่พัก ก็เห็นนางเงียมผอวิ่งตามมาและบอกว่า
"....ไม่เห็นท่านมาที่บ้านช้านานแล้ว เที่ยวตามเป็นหลายวันก็ไม่พบ ท่านโกรธขึ้งข้าพเจ้าหรือ นางเงียมผอเสียะภรรยาว่ากล่าวให้แค้นเคืองประการใด จึงไม่ไปบ้าน จงเห็นแก่ข้าพเจ้า เชิญท่านไปก่อนเถิด เมื่อนางเงียมผอเสียะล่วงเกินหยาบช้าอย่างไร จะชำระว่ากล่าวให้....."
ซ้องกั๋งก็ว่าวันนี้มีธุระมากขอมาวันอื่น นางเงียมผอบอกว่าภรรยาคิดถึงอยู่ทุกวันมิได้ขาด เมื่อตามพบแล้วจะไม่ไปนั้นไม่ได้ แม้ว่าซ้องกั๋งจะพูดบ่ายเบี่ยงอย่างไร นางเงียมผอก็ไม่ฟังเข้ายึดชายเสื้อไว้แล้วว่า
"...คนทั้งปวงเขายุยงหาว่าบุตรสาวข้าพเจ้าไม่ดีประการใด ท่านอย่าได้เชื่อเลย ข้าพเจ้าสองคนแม่ลูกหมายจะพึ่งบุญท่าน เชิญไปบ้านเถิดข้าพเจ้ามีข้อความจะพูดให้ฟัง...."
ซ้องกั๋งเสียไม่ได้ จึงต้องยอมให้นางเงียมผอลากเอาตัวไป โดยหารู้ไม่ว่า จะต้องไปพบกับเหตุการณ์ ที่ทำให้ชะตาชีวิตของตน ต้องพลิกไปอย่างไม่น่าเชื่อ.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤศจิกายน ๒๕๓๙
วางเมื่อ ๒๕ ก.พ.๕๖ เวลา ๐๕.๔๖
ซ้องกั๋ง...ขุนนางใจแม่น้ำ (๑)
ซ้องกั๋ง.....ขุนนางใจแม่น้ำ
ตอนที่ ๑ ตำแหน่งเล็กแต่ใจใหญ่
"เล่าเซี่ยงชุน"
ซ้องกั๋ง เป็นชาวเมืองหุนเสียกุ้ย ตำบลบ้านซองเกชึง เป็นบุตรของ ซ้องไทก๋งมารดาตายมีน้องชายชื่อ ซ้องเซ็ง ตัวซ้องกั๋งนั้นเดิมทำราชการได้เป็นขุนนางฝ่ายบุ๋น ตำแหน่งเจ้าหน้าที่รับหนังสือไปเสนอเจ้าเมืองหุนเสียกุ้ย การหนังสือชำนิชำนาญ คล่องแคล่วรู้การงานลึกซึ้ง
เป็นผู้มีรูปร่างต่ำเตี้ยหน้าดำ เป็นคนซื่อสัตย์กตัญญูใจโอบอ้อมอารี เวลาว่างธุระการงานไม่มี ก็ฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ คล่องแคล่วดี ฝีมือก็เข้มแข็ง บรรดาคนที่มีฝีมือก็มาเป็นพวกพ้องมาก
ผู้ใดยากจนขัดสนสิ่งใดมาหา ก็ให้เงินทองข้าวของทุก ๆ คน ถ้าผู้ใดมีทุกข์ด้วยถ้อยความ เล็กน้อย ก็ห้ามปรามไกล่เกลี่ยเสีย มิให้ยืดยาวได้ ราษฎรชาวบ้านสรรเสริญนับถือมาก ชื่อเสียงปรากฎไปทุกบ้านทุกเมือง คนที่รู้จักชื่อก็อยากจะเข้าอยู่เป็นพวกด้วยทั้งสิ้น
ครั้งหนึ่งได้เคยช่วยเหลือ เตียวไก่ นายอำเภอตำบลตังเคยชึง คนคุ้นเคยกัน ซึ่งไปร่วมมือกับพวกอีกเจ็ดคน ดักปล้นทรัพย์ของ เนียสิเกียด เจ้าเมืองปักเกียที่เป็นกังฉิน จะส่งไปช่วยงานแซยิดของ ชัวเกียไทซือ พ่อตาซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ที่เมืองหลวง ให้รอดจากการถูกเจ้าเมืองหุนเสียกุ้ยจับกุมคุมขัง
จนหนีไปอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะได้โดยปลอดภัย ทางเมืองเจ๋จิวฮู้ยกทหารไปปราบปรามถึงสองครั้ง ก็ไม่สำเร็จต้องเสียทหารไปเป็นอันมาก ทางเมืองหลวงจึงสั่งย้ายเปลี่ยนตัวเจ้าเมืองเสีย
เจ้าเมืองคนใหม่วิตกถึงโจรที่เขาเนียซัวเปาะฝีมือเข้มแข็ง จึงมีหนังสือไปชักชวนหัวเมืองต่าง ๆ ให้รับอาสาคนมีฝีมือและสติปัญญา มาช่วยกันปราบโจรก๊กนี้
เมื่อขุนนางผู้ถือหนังสือจากเมืองเจ๋จิวฮู้ มาถึงเมืองหุนเสียกุ้ยซึ่งขึ้นอยู่ในการปกครอง ก็เอาหนังสือไปส่งให้เจ้าเมือง พออ่านรู้ความแล้วก็เรียกตัวซ้องกั๋ง มาสั่งให้ทำหนังสือแจ้งไปถึงนายบ้านนายอำเภอทุกตำบล ให้คอยระวังตรวจตราจับพวกโจรเขาเนียซัวเปาะให้ได้
ซ้องกั๋งรับคำสั่งแล้วก็รำพึงว่า
"...เตียวไก่ทำให้เกิดความใหญ่ แย่งชิงเอาของชัวเกียไทซือไป แล้วฆ่าพวกทหารตายถึงสองครั้ง จับ ฮอต๋อ ไปตัดหูเสียแล้วปล่อยมา ทำเหลือเกินมีโทษมากนัก ซึ่งเตียวไก่จะไปเป็นโจรก็เพราะพี่น้องพวกพ้องชักนำข่มขืนให้ไป เตียวไก่กับเราเป็นคนรักใคร่กัน ถ้าไม่ทันระวังตัวเขาคงจับเอาไปได้..."
ซ้องกั๋งจึงให้เพื่อนขุนนาง ช่วยทำหนังสือส่งไปตามอำเภอต่าง ๆ ดังที่เจ้าเมืองสั่ง แล้วก็ออกจากที่ว่าราชการไป
ขณะที่เดินอยู่บนถนนได้ยินเสียงร้องเรียก เมื่อเหลียวไปดูเห็นหญิงชราสองคนตรงเข้ามาคำนับ ซ้องกั๋งถามว่ามีธุระสิ่งใดหรือ คนที่ชื่อ นางเฮงผอ ก็เล่าว่า คนที่มาด้วยกันชื่อ นางเงียมผอ สามีชื่อ เงียมก๋ง เป็นชาวตังเกียเมืองหลวง
มีบุตรสาวคนหนึ่งชื่อ นางเงียมผอเสียะ หัดขับร้องเพลงมาตั้งแต่เล็กจนใหญ่ อายุได้สิบแปดปี รูปร่างลักษณะดีพอสมตัว สามคนพ่อแม่ลูกชวนกันมาหาพวกพ้องเมืองซัวตังแซ แต่ไม่พบจึงมาอยู่ที่เมืองหุนเสียกุ้ย คนเมืองนี้ก็ไม่ชอบการขับร้อง จึงหาเงินทองไม่ได้ จะกลับไปก็ไม่มีค่ากินอยู่ในการเดินทาง จึงมาพักอาศัยอยู่หลังโรงว่าการของซ้องกั๋ง
พอถึงเมื่อวานนี้บิดาของนางเงียมผอเสียะตายลง นางเงียมผอไม่มีเงินจะซื้อหีบใส่ศพไปฝัง จึงอ้อนวอนให้ตนไปเที่ยวหาเงิน ก็ไม่รู้จะไปหาผู้ใด ได้มาพบซ้องกั๋งก็เป็นบุญหนักหนา ขอจงเมตตาแก่คนยากด้วยเถิด
ซ้องกั๋งก็มีความเวทนา จึงบอกให้ตามไปที่โรงเตี๊ยมใกล้ ๆ นั้น ขอยืมพู่กันมาเขียนหนังสือ สั่งให้ไปเอาหีบใส่ศพที่โรงเตี๊ยมตันซำเหลง แล้วหยิบเงินให้ไปอีกสิบตำลึง นางเงียมผอ รับเงินกับหนังสือคำนับลาไปจัดการศพสามี เรียบร้อยแล้วก็ยังมีเงินเหลืออยู่บ้าง จึงได้ซื้อกินกันสองคนแม่ลูกต่อไป
อยู่มาวันหนึ่ง นางเงียมผอคิดถึงบุญคุณของซ้องกั๋ง จึงมาเยี่ยมคำนับที่บ้าน เห็นว่าในบ้านนั้นไม่มีผู้หญิง จึงกลับไปถามนางเฮงผอว่าซ้องกั๋งมีภรรยาหรือไม่ นางเฮงผอว่า บ้านเดิมซ้องกั๋งอยู่ที่ตำบลซองเกชึง ไม่เคยได้ยินว่ามีภรรยา มาเป็นขุนนางอยู่ในเมืองนี้ ก็เห็นแต่อุปถัมภ์คนยากจนขัดสน และมีทุกข์ร้อนเจ็บป่วยล้มตาย ผู้ใดไม่มีเงินทองจะใช้สอย ก็ช่วยไปทุก ๆ คน ภรรยานั้นเห็นจะยังไม่มี
นางเงียมผอว่าบุตรสาวของตนในขณะที่อยู่เมืองหลวง เคยขับร้องมีคนชอบใจ พวกพ่อค้ามาสู่ขอว่ากล่าวหลายหนก็ไม่ให้ เพราะตนเองกับสามีแก่ชราแล้ว ไม่มีผู้ใดจะอุปถัมภ์ จึงยังไม่ให้มีสามี และไม่นึกว่าจะต้องมาตกระกำลำบากถึงเพียงนี้ ซ้องกั๋งมีคุณนักยังหาได้ตอบแทนคุณไม่ ไปคำนับจนถึงบ้านก็ไม่เห็นมีภรรยา จงเอ็นดูช่วยว่ากล่าวกับซ้องกั๋ง ถ้าจะมีภรรยานั้นอย่าต้องไปสู่ขอคนอื่นเลย จะยกนางเงียมผอเสียะบุตรสาวให้เป็นภรรยาเอง
นางเฮงผอก็เห็นด้วย จึงไปหาซ้องกั๋ง เล่าความตามที่นางเงียมผอว่านั้นให้ฟังทุกประการ ตอนแรกซ้องกั๋งไม่ยอมรับ แต่นางเฮงผอช่างพูดประจบประแจงอ้อนวอน จนซ้องกั๋งใจอ่อนต้องยอมรับจนได้
พอถึงวันดีซ้องกั๋งก็ปลูกเรือนใหม่ ใกล้กับโรงก๊วนที่เคยพักอยู่เดิม ให้นางเงียมผอเสียะ กับนางเงียมผอมารดาอยู่กันสองคน แล้วซ้องกั๋งกับนางเงียมผอเสียะก็อยู่กินเป็นสามีภรรยากัน เวลาล่วงมาเพียงครึ่งเดือน นางเงียมผอเสียะก็ค่อยมีสุขความเจริญ มั่งมีเงินทองซื้อสิ่งของแต่งตัวงดงามขึ้น แต่ซ้องกั๋งนั้นใฝ่ใจในการงานอยู่ไม่ค่อยว่าง การลูกเมียก็คลายมิใคร่ได้ไปหานางเงียมผอเสียะเช่นปกติ
วันหนึ่งซ้องกั๋งชวน เตียบุนอ้วน ขุนนางรองของซ้องกั๋งรูปร่างหน้าตาดี อายุประมาณยี่สิบปี มากินเลี้ยงที่บ้าน นางเงียมผอเสียะจัดโต๊ะสุราอาหารต้อนรับ และดูแลพูดจากันเล่นเป็นที่สบาย เตียบุนอ้วนเห็นภรรยาซ้องกั๋งลักษณะดีก็มีใจรักใคร่ ส่วนนางเงียมผอเสียะนั้น เมื่อซ้องกั๋งห่างเหินไป ก็มีความเสน่หาเตียบุนอ้วนเช่นเดียวกัน
ต่อมาวันหลังเตียบุนอ้วนรู้ว่าซ้องกั๋งไม่อยู่บ้าน จึงแกล้งทำเป็นมาเยี่ยมซ้องกั๋ง เมื่อพบแต่นางเงียมผอเสียะ ก็พูดจารักใคร่ได้เสียกัน ตั้งแต่นั้นทั้งสองก็ลอบพบปะกันอยู่มิได้ขาด จนรู้ถึงซ้องกั๋งจึงไปบ้าน สังเกตุ ดูกิริยานางเงียมผอเสียะโกรธขึ้งหน้าตาไม่สบายก็รู้อยู่ในที แต่คิดว่ามิใช่ภรรยาสู่ขอเป็นแต่มารดาเขาให้ตอบแทนคุณ จึงไม่ได้ว่ากล่าวให้อื้ออึงไป และ ซ้องกั๋งก็ทิ้งละเลยไว้เป็นเวลาหลายเดือน
อยู่มาวันหนึ่ง ซ้องกั๋งออกจากโรงก๊วนที่พัก ไปยังโรงขายน้ำชา มีชายผู้หนึ่งรูปร่างสูงใหญ่ ถือกระบี่และสิ่งของเข้ามาคำนับ แล้วถามว่าจำไม่ได้หรือ ซ้องกั๋ง รับคำนับแล้วถามชื่อแซ่ ชายผู้นั้นก็เชิญเข้าไปในโรงน้ำชา แนะนำตนเองว่าชื่อ เล่าตง เป็นพรรคพวกของเตียวไก่ ที่ซ้องกั๋งเคยช่วยเหลือเมื่อคราวก่อนนั้น ซ้องกั๋งจึงว่า
"...กล้าหาญหนักหนาช่างมาได้ ถ้าแม้นพวกนายทหารพบเข้าก็จะเกิดความ..."
แล้วถามถึงเตียวไก่ว่าอยู่ดีหรือประการใดและมานี้มีธุระสิ่งใด เล่าตงก็บอกว่า
"....เตียวไก่คิดถึงบุญคุณท่านหนักหนาว่าจะมาคำนับก็ขัดขวางเกรงอยู่ บัดนี้ เตียวไก่เป็นนายใหญ่ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะแล้ว โงวหยง เป็นกุนซือ กงสุนสิน เป็นผู้ช่วยว่ากล่าวการงานต่าง ๆ ลิมชอง เป็นผู้คิดอ่านการทั้งสิ้น ฆ่า เฮงหลุน ตาย จึงได้ยกเตียวไก่ขึ้นเป็นใหญ่ ในเขาเนียซัวเปาะนั้นก็มีอยู่แต่ โตวเซียน ซองบาน จูกุย กับพวกข้าพเจ้าเจ็ดคนด้วยกันรวมเป็นสิบเอ็ดนาย มีไพร่พลประมาณแปดร้อย เสบียงอาหารเงินทองก็มีบริบูรณ์ เตียวไก่คิดถึงคุณอยู่มิขาด จึงให้ข้าพเจ้าถือหนังสือกับทองคำร้อยตำลึงมาให้ท่าน……..”
แล้วยังฝากทองไปให้ จูตง นายทหารม้าของเมืองหุนเสียกุ้ย ที่ได้เคยช่วยให้ เตียวไก่หลบหนีไปในครั้งนั้นอีกร้อยตำลึงด้วย
ว่าแล้วเล่าตงก็ส่งหนังสือกับทองคำให้ ซ้องกั๋งรับหนังสือมาอ่านได้ความตามที่ เล่าตงบอกก็ไม่อยากรับ แต่เกรงใจจึงหยิบทองคำแท่งหนึ่ง กับหนังสือมาใส่ในไถ้เก็บไว้ เล่าตงก็เอาทองที่เหลือมาวางไว้บนโต๊ะ ซ้องกั๋งก็ให้เก็บทองเสียแล้วว่า
"...ท่านพี่น้องเจ็ดนาย พึ่งจะเข้าไปอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ตั้งตัวใหม่ ๆ กำลังจะต้องใช้เงินทองมาก ตัวข้าพเจ้านี้หาเป็นไรไม่ จงเอากลับคืนไปถ้าต้องการใช้สอยจึงจะไปเอาเอง ซึ่งทองที่จะให้จูตงนั้น ถ้าข้าพเจ้าพบกับจูตงจึงจะบอกให้ทราบ ว่าท่านคำนับมา บัดนี้จะเชิญให้ไปบ้านก็กลัวพวกขุนนางนายทหาร เขาพบปะจะจำได้ก็จะเกิดความใหญ่ขึ้น จงกลับไปบอกกับพี่น้องทั้งปวงเถิดว่า ข้าพเจ้าอยากจะไปคำนับสักครั้งหนึ่ง....."
ว่าแล้วซ้องกั๋งก็เขียนหนังสือ ถึงเตียวไก่มอบให้ เล่าตงก็คำนับลาซ้องกั๋ง ออกจากโรงเตี๊ยมกลับไปเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋งคิดเงินให้เจ้าของร้านแล้วเดินกลับที่พัก ก็เห็นนางเงียมผอวิ่งตามมาและบอกว่า
"....ไม่เห็นท่านมาที่บ้านช้านานแล้ว เที่ยวตามเป็นหลายวันก็ไม่พบ ท่านโกรธขึ้งข้าพเจ้าหรือ นางเงียมผอเสียะภรรยาว่ากล่าวให้แค้นเคืองประการใด จึงไม่ไปบ้าน จงเห็นแก่ข้าพเจ้า เชิญท่านไปก่อนเถิด เมื่อนางเงียมผอเสียะล่วงเกินหยาบช้าอย่างไร จะชำระว่ากล่าวให้....."
ซ้องกั๋งก็ว่าวันนี้มีธุระมากขอมาวันอื่น นางเงียมผอบอกว่าภรรยาคิดถึงอยู่ทุกวันมิได้ขาด เมื่อตามพบแล้วจะไม่ไปนั้นไม่ได้ แม้ว่าซ้องกั๋งจะพูดบ่ายเบี่ยงอย่างไร นางเงียมผอก็ไม่ฟังเข้ายึดชายเสื้อไว้แล้วว่า
"...คนทั้งปวงเขายุยงหาว่าบุตรสาวข้าพเจ้าไม่ดีประการใด ท่านอย่าได้เชื่อเลย ข้าพเจ้าสองคนแม่ลูกหมายจะพึ่งบุญท่าน เชิญไปบ้านเถิดข้าพเจ้ามีข้อความจะพูดให้ฟัง...."
ซ้องกั๋งเสียไม่ได้ จึงต้องยอมให้นางเงียมผอลากเอาตัวไป โดยหารู้ไม่ว่า จะต้องไปพบกับเหตุการณ์ ที่ทำให้ชะตาชีวิตของตน ต้องพลิกไปอย่างไม่น่าเชื่อ.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤศจิกายน ๒๕๓๙
วางเมื่อ ๒๕ ก.พ.๕๖ เวลา ๐๕.๔๖