ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ซ้องกั๋ง....ขุนนางใจแม่น้ำ
ตอนที่ ๒ ได้ทุกข์เพราะภรรยา
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่อซ้องกั๋งยอมให้นางเงียมผอ ลากจูงมาจนถึงบ้านแล้ว ก็อยู่แต่ข้างนอกไม่อยากจะเข้าไปในห้อง นางเงียมผอก็อ้อนวอนให้เข้าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แล้วตนเองก็ยกเก้าอี้มานั่งกำกับอยู่กลัวจะหนี และร้องเรียกบุตรสาวให้ออกมา
ขณะนั้นนางเงียมผอเสียะ อาบน้ำแต่งตัวนุ่งห่มสวยงามอยู่ในห้อง แต่กำลังคิดถึง เตียบุนอ้วน อยู่ พอได้ยินเสียงมารดาเรียกก็นึกว่าเตียบุนอ้วนมาหา จึงเดินออกมาและบ่นโดยไม่ทันได้ดูหน้าว่า
"...คนอะไรเช่นนี้ ทำให้คอยท่าอยู่ช้านาน จะออกไปตีเสียสักสองสามทีให้หนำใจ...."
แต่พอเห็นชัดว่าเป็นซ้องกั๋ง ก็กลับเข้าข้างในไปเสีย นางเงียมผอก็เรียกอีก นางเงียม ผอเสียะก็ว่า
"....ตัวลูกก็ไม่ได้ทำชั่วสิ่งใด บัดนี้มาแล้ว จะเข้ามาข้างในเองก็ไม่ได้ มิใช่ไม่มีตาเมื่อไร จำเพาะจะต้องให้ออกไปรับด้วยหรือ....."
นางเงียมผอก็กระดาก จึงจูงมือซ้องกั๋งเข้าไปในห้องนอน และฉุดบุตรสาวออกมาจากเตียง ทั้งสองก็นั่งมองกันเฉยไม่พูดจา นางเงียมผอจึงขอตัวไปจัดสุราอาหารมาเลี้ยง แล้ว ออกไปปิดประตูเอาห่วงคล้องไว้ กันซ้องกั๋งออกจากห้อง และยกสุราอาหารเข้ามาตั้งบนโต๊ะ เชิญซ้องกั๋งเสพสุรา โดยให้บุตรสาว มาร่วมโต๊ะรินสุราด้วย
นางเงียมผอเสียะกลัวซ้องกั๋งจะอยู่นานจึงแกล้งรินสุราให้ซ้องกั๋งมากจะได้เมา แต่ซ้องกั๋งก็กินสุราไปถ้วยเดียว ปล่อยให้นางเงียมผอกินคนเดียวจนเมา พูดพร่ำเพ้อไป
ขณะนั้น ตงงูยี นักเลงบ่อนเบี้ยเคยมาขอเงินซ้องกั๋งเสมอ ได้เดินตามหาซ้องกั๋งเข้ามาในบ้าน ซ้องกั๋งอยากจะออกจากบ้าน จึงพยักหน้าให้ตงงูยีเป็นนัย ตงงูยีรู้ทันจึงบอกว่าเจ้าเมืองมีข้อราชการ ใช้ให้มาตามไปโดยเร็ว ซ้องกั๋งก็จะไป นางเงียมผอก็กั้นไว้ พลางผลักไสตงงูยีให้ออกจากบ้านแล้วว่า เวลาดึกแล้วพากันเข้านอนเสียพรุ่งนี้จึงค่อยไป
ว่าแล้วนางก็เก็บสิ่งของออกจากห้องไป ปล่อยให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสองยาม ซ้องกั๋ง นั่งพิงโต๊ะทำทีเป็นหลับ
ฝ่ายนางเงียมผอเสียะก็ไม่ถอดเสื้อ และเครื่องประดับตัวออกเหมือนก่อน คงนอนพิงหัวเตียงอยู่ ซ้องกั๋งเห็นก็รู้ในกิริยาว่าภรรยาไม่สนใจตน จึงลุกขึ้นถอดหมวกและเสื้อ กับไถ้ใส่ของออกแขวนไว้ แล้วเข้าไปนอนในเตียง นางเงียมผอเสียะก็นั่งพิงอยู่อย่างนั้นจนสามยาม
ซ้องกั๋งนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่จนสว่าง จึงลุกขึ้นล้างหน้าใส่เสื้อ เสร็จแล้ว จะออกไป ก็บ่นว่าไม่เคยเห็นผัวเมียที่ไหนมีธรรมเนียมอย่างนี้เลย ภรรยาย้อนว่าหน้าไม่อาย แต่ซ้องกั๋งก็ไม่ได้โต้ตอบรีบออกจากบ้านไป
ซ้องกั๋งเดินมาถึงหน้าโรงที่พัก ยังไม่ทันสว่างเห็นมีแสงไฟ และคนหาบของมา ก็จำได้ว่าเป็น เฮงก๋ง ผู้เฒ่าหาบยาและน้ำชาจะไปขายให้ทันตลาดเช้า เฮงก๋งทักว่าทำไมมาแต่เช้า ซ้องกั๋งก็ว่าเมื่อคืนเสพสุราเมาหลับไป พอได้ยินเสียงกลองคิดว่าสว่างแล้วจึงได้มา
เฮงก๋งตักน้ำชาส่งให้บอกว่า ล้างสุราดีนัก ซ้องกั๋งคิดว่าได้กินน้ำชานานแล้วยังไม่ได้ให้เงินเลย แต่พูดไว้ว่าจะให้หีบสำหรับใส่ศพ คิดจะเอาทองคำที่ได้จากเตียวไก่ให้เฮงก๋ง จึงพูดว่า
"....แต่ก่อนเรารับจะให้หีบศพท่าน วันนี้เรามีทองคำแท่งหนึ่ง จงเอาไปซื้อหีบที่โรงเตี๊ยมตันซำหลง เอาไว้ที่บ้านของตัว คอยให้ถึงร้อยปีจึงค่อยใส่ศพ....."
เฮงก๋งก็ว่า
"....บุญคุณหนักหนาได้เมตตาให้หีบ และให้พรข้าพเจ้า ถ้าตายเกิดเป็นสัตว์สิ่ง ใด ๆ ก็ดี คงจะตอบสนองคุณให้จงได้....."
แต่พอซ้องกั๋งเลิกเสื้อคลำหาไถ้ ก็รู้ว่าลืมไว้ในห้องนอนของภรรยา จึงขอกลับไปเอาก่อน ก็พบนางเงียมผอเสียะนอนหลับอยู่ ค้นหาไถ้ที่แขวนไว้ที่ลูกกรง ข้างเตียงก็ไม่พบ เที่ยวเดินหาดูว่าจะตกที่ไหนบ้างก็ไม่มี หาจนทั่วแล้วจึงปลุกภรรยา บอกว่าถ้าเก็บไถ้ไว้ก็ขอคืนเถิด
นางเงียมผอเสียะว่าเอามามอบให้ไว้หรือ ตนเองนอนหลับอยู่ไม่รู้ไม่เห็น ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ในห้องนี้ก็ไม่มีผู้ใดเข้ามา อยู่ด้วยกันสองคน เวลาคืนนี้เมื่อเจ้านอนข้าวของและเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด ครั้นเราไปเจ้าลุกขึ้นถอดของแต่งตัว ไถ้แขวนอยู่ที่ลูกกรงเจ้าคงเก็บเอาไว้....."
นางก็ปฏิเสธ ซ้องกั๋งอ้อนวอนอยู่หลายครั้งจึงพูดว่า
".....เราเลี้ยงเจ้ากับมารดาไม่ให้อนาทรร้อนใจ กินอยู่นุ่งห่มก็มีพร้อมทุกสิ่ง ไม่ควรจะมาเป็นเช่นนี้เลย....."
นางเงียมผอเสียะก็โกรธเถียงว่า
"..ไถ้นั้นเก็บไว้จริงแต่ไม่คืนให้ ท่านจงไปหาเจ้าเมืองให้กรมการมาจับเป็นผู้ร้ายเถิด..."
ซ้องกั๋งก็ว่า ไม่ได้ว่าเจ้าเป็นผู้ร้าย ขอคืนแต่โดยดี นางเงียมผอเสียะจึงว่า
".......ท่านใส่ความว่าข้าพเจ้ารักใคร่กับเตียบุนอ้วนข้อนั้นไม่จริง ถ้าแม้นจริงโทษก็เพียงตาย ซึ่งท่านเป็นไส้ศึกของพวกโจร โทษนั้นใหญ่โตหาที่เปรียบมิได้ แต่หนังสือกับของนั้นเก็บไว้ดีดอก ถ้าจะเอากลับคืนต้องทำตามคำข้าพเจ้าสามอย่าง...."
ซ้องกั๋งได้ฟังก็รู้ว่า ภรรยาได้อ่านหนังสือของเตียวไก่แล้ว ก็ตกใจจึงห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป จะเอาของสิ่งใดสามอย่างจะยอมตามคำทั้งสิ้น นางเงียมผอเสียะบอกว่า
".....ข้อหนึ่งท่านได้ออกเงินช่วยข้าพเจ้ามาเท่าไรเอาตั๋วใบนั้นคืนมา เขียนหนังสือหย่าขาดจากผัวเมียกันตั้งแต่วันนี้ แล้วให้ข้าพเจ้าอยู่กินกับเตียบุนอ้วน ข้อสองว่าด้วยของแต่งตัว กับเครื่องที่ใช้สอยและบ้านเรือนนี้ ให้เป็นสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าต่อไป ข้อสามว่าด้วยทองคำร้อยตำลึงที่มีในหนังสือจงเอามาให้ด้วย ถ้ายอมความสามข้อนี้ จึงจะคืนให้...."
เมื่อได้ฟังคำขาดจากนางเงียมผอเสียะดังนั้น ซ้องกั๋งก็หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรต่อไป บุญคุณที่ได้ชุบเลี้ยงให้พ้นจากความทุกข์ร้อน อดอยากยากจน ตั้งแต่บิดาตายจนถึงบัดนี้ ภรรยามิได้คิดถึงเลย จึงตอบว่า
".....ซึ่งข้อหนึ่งข้อสองที่ว่านั้นก็ยอมให้ได้ แต่ทองคำร้อยตำลึงนั้นไม่ได้รับไว้ให้เอากลับคืนไปเสียแล้ว...."
นางเงียมผอเสียะก็ย้อนว่า
"....ท่านอย่าพูดเลยไม่มีผู้ใดเชื่อ เป็นขุนนางกรมการ ที่จะไม่เอาเงินทองนั้นไม่มี เปรียบเหมือนแมลงวันเห็นโลหิตแล้ว ที่ไหนจะอดใจได้....."
ซ้องกั๋งก็ยืนยันว่า ทองคำนั้นเอากลับคืนไปแล้วจริง ๆ แต่ยังขอร้องว่า
"....ถ้าจะเอาให้ได้ก็ขอผัดสามวัน จะกลับไปบ้านเอาของมาขายให้ครบทองร้อยตำลึง จึงจะเอามาให้....."
นางเงียมผอเสียะไม่ยอม กลัวจะไม่ได้จริงตามที่พูด และท้าให้ไปฟ้องเจ้าเมืองพรุ่งนี้เช้า ซ้องกั๋งก็อ่อนใจในความเห็นแก่ได้ของภรรยา จึงถามว่าไม่ให้จริงหรือ นางเงียมผอเสียะก็ยืนยันว่า มาสักร้อยคนก็ไม่ให้ แล้วก็เอาไถ้ของซ้องกั๋ง ใส่ไว้ในอกเสื้อเอามือกอดไว้
แน่นหนา
ซ้องกั๋งเข้าไปแย่งก็ไม่สำเร็จ จึงคว้ากระบี่ที่อยู่ใกล้มือแล้วขู่ว่า จะให้หรือไม่ให้ ภรรยาก็แกล้งส่งเสียงร้องอื้ออึงว่า ซ้องกั๋งจะฆ่าตนเสียแล้ว
ซ้องกั๋งก็เลยบรรดาลโทสะ เอากระบี่แทงภรรยาตายคาที่ แล้วล้วงเอาไถ้ออกมาจากอกเสื้อ และเอาจดหมายของ เตียวไก่ นายโจรเขาเนียซัวเปาะมาเผาไฟเสีย
นางเงียมผอ มารดาภรรยาได้ยินเสียงเอะอะก็ลุกงัวเงียขึ้นมาดู ซ้องกั๋งก็รีบบอกว่า เราฆ่าบุตรสาวของยายเสียแล้ว นางเงียมผอว่า
"....ท่านอย่าพูดเล่น ข้าพเจ้าไม่เชื่อ คนอย่างท่านหรือจะฆ่าคนได้....."
ซ้องกั๋งก็พานางเงียมผอ เข้าไปดูในห้องนอน เห็นบุตรสาวนอนตายโลหิตไหลนองก็ร้องไห้ แต่แกล้งทำเป็นพูดว่าสมน้ำหน้า ตายเสียก็แล้วไป อยากทำให้ท่านโกรธแค้นนัก ซ้องกั๋งว่า
"......อย่าวิตกเราจะรับเลี้ยงยาย กว่าจะหาชีวิตไม่ ไหน ๆ บุตรของยายเราก็ฆ่าตายแล้ว ยายซื้อหีบมาใส่ศพเสียอย่าให้อื้ออึง จะเขียนหนังสือให้ไป....."
นางเงียมผอก็ว่าไม่ต้องเขียนหนังสือหรอก ไปซื้อหีบที่โรงเตี๊ยม ตันซำเหลง ด้วยกันดีกว่า ซ้องกั๋งก็เดินไปกับนางเงียมผอ พอผ่านศาลหน้าบ้านเจ้าเมือง นางเงียมผอก็ฉุดซ้องกั๋งไว้ แล้วร้องเอะอะว่าซ่องกั๋งฆ่าคนตายช่วยจับด้วย ผู้คนที่อยู่แถวนั้นรวมทั้งกรมการเมืองก็ไม่เชื่อ หาว่ายายเงียมผอเสียจริต จึงพากันเดินหนีไป
พอดีตงงูยีคนที่ซ้องกั๋งเคยมีบุญคุณอยู่ เดินผ่านมาพอดี จึงเข้าไปช่วยตีนางเงียมผอ ให้ซ้องกั๋งเลี่ยงหนีไปได้ ยายเงียมผอจึงยึดตัวตงงูยีไว้และร้องให้คนช่วย พวกกรมการเมืองออกมาดู จึงเอาตัวคนทั้งสองเข้าไปแจ้งความในศาล
เมื่อเจ้าเมืองออกว่าราชการก็ซักไซ้ไล่เลียงจนได้ความว่า นางเงียมผอเสียะ บุตรสาวของนางเงียมผอ ภรรยาของซ้องกั๋งนั้น เมื่อคืนนี้นั่งเสพสุราอยู่กับสามี ตงงูยีเข้าไปหาซ้องกั๋ง ก็เกิดวิวาทกับนางเงียมผอ ครั้นรุ่งเช้าซ้องกั๋งออกจากบ้านไปได้ครู่หนึ่ง ก็กลับมาฆ่านางเงียมผอเสียะตาย นางเงียมผอจึงพูดล่อลวงพาซ้องกั๋งมาถึงหน้าศาล ตงงูยีก็เข้ามาทุบตี ช่วยให้ซ้องกั๋งหนีไป
เจ้าเมืองถามตงงูยีก็ยอมรับว่า ซ้องกั๋งเคยมีบุญคุณกับตน เมื่อเห็นนางเงียมผอยึดตัวไว้จึงเข้ามาช่วย ส่วนที่ว่าซ้องกั๋งฆ่าภรรยานั้นตนไม่รู้เรื่อง เจ้าเมืองซึ่งรักใคร่สนิทสนมกับซ้องกั๋งก็ว่า
".....แกล้งมาใส่ความเอา ซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อที่ไหนจะฆ่าคนตาย ความรายนี้จะเกี่ยวข้องประการใด หรือเจ้าฆ่าเขาตายดอกกระมัง...."
และเรียกเจ้าพนักงานมาจดถ้อยคำ เตียบุนอ้วนพนักงานฝ่ายหนังสือ ซึ่งเป็นชู้กับนางเงียมผอเสียะ ก็เข้ามาจดถ้อยคำให้การของนางเงียมผอและตงงูยีไว้ แล้วไปชันสูตรศพนางเงียมผอเสียะ พบมีดเล็กติดพวงกุญแจของซ้องกั๋งตกอยู่ข้างศพ จึงนำเอามาเป็นหลักฐานยืนยันกับเจ้าเมือง
เจ้าเมืองก็เลี่ยงจะให้ตงงูยีเป็นจำเลย แกล้งสั่งให้ทหารเฆี่ยนตงงูยีห้าสิบที ตงงูยีก็ไม่ยอมรับ จึงให้เอาไปขังคุกไว้ก่อน พอคนลืมจะได้ปล่อยตัวไป
แต่เตียบุนอ้วนยุยงนางเงียมผอ ให้ไปเร่งรัดเจ้าเมือง ให้จับตัวซ้องกั๋งมาให้ได้ มิเช่นนั้นจะไปฟ้องเจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ ซึ่งปกครองเมืองหุนเสียกุ้ย ให้ชำระความใหม่อีกครั้งหนึ่ง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
ธันวาคม ๒๕๓๙
ขุนนางใจแม่น้ำ (๒) ๑๑ ส.ค.๕๘
ซ้องกั๋ง....ขุนนางใจแม่น้ำ
ตอนที่ ๒ ได้ทุกข์เพราะภรรยา
"เล่าเซี่ยงชุน"
เมื่อซ้องกั๋งยอมให้นางเงียมผอ ลากจูงมาจนถึงบ้านแล้ว ก็อยู่แต่ข้างนอกไม่อยากจะเข้าไปในห้อง นางเงียมผอก็อ้อนวอนให้เข้าไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะ แล้วตนเองก็ยกเก้าอี้มานั่งกำกับอยู่กลัวจะหนี และร้องเรียกบุตรสาวให้ออกมา
ขณะนั้นนางเงียมผอเสียะ อาบน้ำแต่งตัวนุ่งห่มสวยงามอยู่ในห้อง แต่กำลังคิดถึง เตียบุนอ้วน อยู่ พอได้ยินเสียงมารดาเรียกก็นึกว่าเตียบุนอ้วนมาหา จึงเดินออกมาและบ่นโดยไม่ทันได้ดูหน้าว่า
"...คนอะไรเช่นนี้ ทำให้คอยท่าอยู่ช้านาน จะออกไปตีเสียสักสองสามทีให้หนำใจ...."
แต่พอเห็นชัดว่าเป็นซ้องกั๋ง ก็กลับเข้าข้างในไปเสีย นางเงียมผอก็เรียกอีก นางเงียม ผอเสียะก็ว่า
"....ตัวลูกก็ไม่ได้ทำชั่วสิ่งใด บัดนี้มาแล้ว จะเข้ามาข้างในเองก็ไม่ได้ มิใช่ไม่มีตาเมื่อไร จำเพาะจะต้องให้ออกไปรับด้วยหรือ....."
นางเงียมผอก็กระดาก จึงจูงมือซ้องกั๋งเข้าไปในห้องนอน และฉุดบุตรสาวออกมาจากเตียง ทั้งสองก็นั่งมองกันเฉยไม่พูดจา นางเงียมผอจึงขอตัวไปจัดสุราอาหารมาเลี้ยง แล้ว ออกไปปิดประตูเอาห่วงคล้องไว้ กันซ้องกั๋งออกจากห้อง และยกสุราอาหารเข้ามาตั้งบนโต๊ะ เชิญซ้องกั๋งเสพสุรา โดยให้บุตรสาว มาร่วมโต๊ะรินสุราด้วย
นางเงียมผอเสียะกลัวซ้องกั๋งจะอยู่นานจึงแกล้งรินสุราให้ซ้องกั๋งมากจะได้เมา แต่ซ้องกั๋งก็กินสุราไปถ้วยเดียว ปล่อยให้นางเงียมผอกินคนเดียวจนเมา พูดพร่ำเพ้อไป
ขณะนั้น ตงงูยี นักเลงบ่อนเบี้ยเคยมาขอเงินซ้องกั๋งเสมอ ได้เดินตามหาซ้องกั๋งเข้ามาในบ้าน ซ้องกั๋งอยากจะออกจากบ้าน จึงพยักหน้าให้ตงงูยีเป็นนัย ตงงูยีรู้ทันจึงบอกว่าเจ้าเมืองมีข้อราชการ ใช้ให้มาตามไปโดยเร็ว ซ้องกั๋งก็จะไป นางเงียมผอก็กั้นไว้ พลางผลักไสตงงูยีให้ออกจากบ้านแล้วว่า เวลาดึกแล้วพากันเข้านอนเสียพรุ่งนี้จึงค่อยไป
ว่าแล้วนางก็เก็บสิ่งของออกจากห้องไป ปล่อยให้สามีภรรยาอยู่ด้วยกันเพียงสองคน ขณะนั้นเป็นเวลาประมาณสองยาม ซ้องกั๋ง นั่งพิงโต๊ะทำทีเป็นหลับ
ฝ่ายนางเงียมผอเสียะก็ไม่ถอดเสื้อ และเครื่องประดับตัวออกเหมือนก่อน คงนอนพิงหัวเตียงอยู่ ซ้องกั๋งเห็นก็รู้ในกิริยาว่าภรรยาไม่สนใจตน จึงลุกขึ้นถอดหมวกและเสื้อ กับไถ้ใส่ของออกแขวนไว้ แล้วเข้าไปนอนในเตียง นางเงียมผอเสียะก็นั่งพิงอยู่อย่างนั้นจนสามยาม
ซ้องกั๋งนอนไม่หลับกระสับกระส่ายอยู่จนสว่าง จึงลุกขึ้นล้างหน้าใส่เสื้อ เสร็จแล้ว จะออกไป ก็บ่นว่าไม่เคยเห็นผัวเมียที่ไหนมีธรรมเนียมอย่างนี้เลย ภรรยาย้อนว่าหน้าไม่อาย แต่ซ้องกั๋งก็ไม่ได้โต้ตอบรีบออกจากบ้านไป
ซ้องกั๋งเดินมาถึงหน้าโรงที่พัก ยังไม่ทันสว่างเห็นมีแสงไฟ และคนหาบของมา ก็จำได้ว่าเป็น เฮงก๋ง ผู้เฒ่าหาบยาและน้ำชาจะไปขายให้ทันตลาดเช้า เฮงก๋งทักว่าทำไมมาแต่เช้า ซ้องกั๋งก็ว่าเมื่อคืนเสพสุราเมาหลับไป พอได้ยินเสียงกลองคิดว่าสว่างแล้วจึงได้มา
เฮงก๋งตักน้ำชาส่งให้บอกว่า ล้างสุราดีนัก ซ้องกั๋งคิดว่าได้กินน้ำชานานแล้วยังไม่ได้ให้เงินเลย แต่พูดไว้ว่าจะให้หีบสำหรับใส่ศพ คิดจะเอาทองคำที่ได้จากเตียวไก่ให้เฮงก๋ง จึงพูดว่า
"....แต่ก่อนเรารับจะให้หีบศพท่าน วันนี้เรามีทองคำแท่งหนึ่ง จงเอาไปซื้อหีบที่โรงเตี๊ยมตันซำหลง เอาไว้ที่บ้านของตัว คอยให้ถึงร้อยปีจึงค่อยใส่ศพ....."
เฮงก๋งก็ว่า
"....บุญคุณหนักหนาได้เมตตาให้หีบ และให้พรข้าพเจ้า ถ้าตายเกิดเป็นสัตว์สิ่ง ใด ๆ ก็ดี คงจะตอบสนองคุณให้จงได้....."
แต่พอซ้องกั๋งเลิกเสื้อคลำหาไถ้ ก็รู้ว่าลืมไว้ในห้องนอนของภรรยา จึงขอกลับไปเอาก่อน ก็พบนางเงียมผอเสียะนอนหลับอยู่ ค้นหาไถ้ที่แขวนไว้ที่ลูกกรง ข้างเตียงก็ไม่พบ เที่ยวเดินหาดูว่าจะตกที่ไหนบ้างก็ไม่มี หาจนทั่วแล้วจึงปลุกภรรยา บอกว่าถ้าเก็บไถ้ไว้ก็ขอคืนเถิด
นางเงียมผอเสียะว่าเอามามอบให้ไว้หรือ ตนเองนอนหลับอยู่ไม่รู้ไม่เห็น ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ในห้องนี้ก็ไม่มีผู้ใดเข้ามา อยู่ด้วยกันสองคน เวลาคืนนี้เมื่อเจ้านอนข้าวของและเสื้อผ้าก็ไม่ได้ถอด ครั้นเราไปเจ้าลุกขึ้นถอดของแต่งตัว ไถ้แขวนอยู่ที่ลูกกรงเจ้าคงเก็บเอาไว้....."
นางก็ปฏิเสธ ซ้องกั๋งอ้อนวอนอยู่หลายครั้งจึงพูดว่า
".....เราเลี้ยงเจ้ากับมารดาไม่ให้อนาทรร้อนใจ กินอยู่นุ่งห่มก็มีพร้อมทุกสิ่ง ไม่ควรจะมาเป็นเช่นนี้เลย....."
นางเงียมผอเสียะก็โกรธเถียงว่า
"..ไถ้นั้นเก็บไว้จริงแต่ไม่คืนให้ ท่านจงไปหาเจ้าเมืองให้กรมการมาจับเป็นผู้ร้ายเถิด..."
ซ้องกั๋งก็ว่า ไม่ได้ว่าเจ้าเป็นผู้ร้าย ขอคืนแต่โดยดี นางเงียมผอเสียะจึงว่า
".......ท่านใส่ความว่าข้าพเจ้ารักใคร่กับเตียบุนอ้วนข้อนั้นไม่จริง ถ้าแม้นจริงโทษก็เพียงตาย ซึ่งท่านเป็นไส้ศึกของพวกโจร โทษนั้นใหญ่โตหาที่เปรียบมิได้ แต่หนังสือกับของนั้นเก็บไว้ดีดอก ถ้าจะเอากลับคืนต้องทำตามคำข้าพเจ้าสามอย่าง...."
ซ้องกั๋งได้ฟังก็รู้ว่า ภรรยาได้อ่านหนังสือของเตียวไก่แล้ว ก็ตกใจจึงห้ามว่าอย่าอื้ออึงไป จะเอาของสิ่งใดสามอย่างจะยอมตามคำทั้งสิ้น นางเงียมผอเสียะบอกว่า
".....ข้อหนึ่งท่านได้ออกเงินช่วยข้าพเจ้ามาเท่าไรเอาตั๋วใบนั้นคืนมา เขียนหนังสือหย่าขาดจากผัวเมียกันตั้งแต่วันนี้ แล้วให้ข้าพเจ้าอยู่กินกับเตียบุนอ้วน ข้อสองว่าด้วยของแต่งตัว กับเครื่องที่ใช้สอยและบ้านเรือนนี้ ให้เป็นสิทธิ์แก่ข้าพเจ้าต่อไป ข้อสามว่าด้วยทองคำร้อยตำลึงที่มีในหนังสือจงเอามาให้ด้วย ถ้ายอมความสามข้อนี้ จึงจะคืนให้...."
เมื่อได้ฟังคำขาดจากนางเงียมผอเสียะดังนั้น ซ้องกั๋งก็หมดปัญญาไม่รู้ว่าจะอ้อนวอนอย่างไรต่อไป บุญคุณที่ได้ชุบเลี้ยงให้พ้นจากความทุกข์ร้อน อดอยากยากจน ตั้งแต่บิดาตายจนถึงบัดนี้ ภรรยามิได้คิดถึงเลย จึงตอบว่า
".....ซึ่งข้อหนึ่งข้อสองที่ว่านั้นก็ยอมให้ได้ แต่ทองคำร้อยตำลึงนั้นไม่ได้รับไว้ให้เอากลับคืนไปเสียแล้ว...."
นางเงียมผอเสียะก็ย้อนว่า
"....ท่านอย่าพูดเลยไม่มีผู้ใดเชื่อ เป็นขุนนางกรมการ ที่จะไม่เอาเงินทองนั้นไม่มี เปรียบเหมือนแมลงวันเห็นโลหิตแล้ว ที่ไหนจะอดใจได้....."
ซ้องกั๋งก็ยืนยันว่า ทองคำนั้นเอากลับคืนไปแล้วจริง ๆ แต่ยังขอร้องว่า
"....ถ้าจะเอาให้ได้ก็ขอผัดสามวัน จะกลับไปบ้านเอาของมาขายให้ครบทองร้อยตำลึง จึงจะเอามาให้....."
นางเงียมผอเสียะไม่ยอม กลัวจะไม่ได้จริงตามที่พูด และท้าให้ไปฟ้องเจ้าเมืองพรุ่งนี้เช้า ซ้องกั๋งก็อ่อนใจในความเห็นแก่ได้ของภรรยา จึงถามว่าไม่ให้จริงหรือ นางเงียมผอเสียะก็ยืนยันว่า มาสักร้อยคนก็ไม่ให้ แล้วก็เอาไถ้ของซ้องกั๋ง ใส่ไว้ในอกเสื้อเอามือกอดไว้
แน่นหนา
ซ้องกั๋งเข้าไปแย่งก็ไม่สำเร็จ จึงคว้ากระบี่ที่อยู่ใกล้มือแล้วขู่ว่า จะให้หรือไม่ให้ ภรรยาก็แกล้งส่งเสียงร้องอื้ออึงว่า ซ้องกั๋งจะฆ่าตนเสียแล้ว
ซ้องกั๋งก็เลยบรรดาลโทสะ เอากระบี่แทงภรรยาตายคาที่ แล้วล้วงเอาไถ้ออกมาจากอกเสื้อ และเอาจดหมายของ เตียวไก่ นายโจรเขาเนียซัวเปาะมาเผาไฟเสีย
นางเงียมผอ มารดาภรรยาได้ยินเสียงเอะอะก็ลุกงัวเงียขึ้นมาดู ซ้องกั๋งก็รีบบอกว่า เราฆ่าบุตรสาวของยายเสียแล้ว นางเงียมผอว่า
"....ท่านอย่าพูดเล่น ข้าพเจ้าไม่เชื่อ คนอย่างท่านหรือจะฆ่าคนได้....."
ซ้องกั๋งก็พานางเงียมผอ เข้าไปดูในห้องนอน เห็นบุตรสาวนอนตายโลหิตไหลนองก็ร้องไห้ แต่แกล้งทำเป็นพูดว่าสมน้ำหน้า ตายเสียก็แล้วไป อยากทำให้ท่านโกรธแค้นนัก ซ้องกั๋งว่า
"......อย่าวิตกเราจะรับเลี้ยงยาย กว่าจะหาชีวิตไม่ ไหน ๆ บุตรของยายเราก็ฆ่าตายแล้ว ยายซื้อหีบมาใส่ศพเสียอย่าให้อื้ออึง จะเขียนหนังสือให้ไป....."
นางเงียมผอก็ว่าไม่ต้องเขียนหนังสือหรอก ไปซื้อหีบที่โรงเตี๊ยม ตันซำเหลง ด้วยกันดีกว่า ซ้องกั๋งก็เดินไปกับนางเงียมผอ พอผ่านศาลหน้าบ้านเจ้าเมือง นางเงียมผอก็ฉุดซ้องกั๋งไว้ แล้วร้องเอะอะว่าซ่องกั๋งฆ่าคนตายช่วยจับด้วย ผู้คนที่อยู่แถวนั้นรวมทั้งกรมการเมืองก็ไม่เชื่อ หาว่ายายเงียมผอเสียจริต จึงพากันเดินหนีไป
พอดีตงงูยีคนที่ซ้องกั๋งเคยมีบุญคุณอยู่ เดินผ่านมาพอดี จึงเข้าไปช่วยตีนางเงียมผอ ให้ซ้องกั๋งเลี่ยงหนีไปได้ ยายเงียมผอจึงยึดตัวตงงูยีไว้และร้องให้คนช่วย พวกกรมการเมืองออกมาดู จึงเอาตัวคนทั้งสองเข้าไปแจ้งความในศาล
เมื่อเจ้าเมืองออกว่าราชการก็ซักไซ้ไล่เลียงจนได้ความว่า นางเงียมผอเสียะ บุตรสาวของนางเงียมผอ ภรรยาของซ้องกั๋งนั้น เมื่อคืนนี้นั่งเสพสุราอยู่กับสามี ตงงูยีเข้าไปหาซ้องกั๋ง ก็เกิดวิวาทกับนางเงียมผอ ครั้นรุ่งเช้าซ้องกั๋งออกจากบ้านไปได้ครู่หนึ่ง ก็กลับมาฆ่านางเงียมผอเสียะตาย นางเงียมผอจึงพูดล่อลวงพาซ้องกั๋งมาถึงหน้าศาล ตงงูยีก็เข้ามาทุบตี ช่วยให้ซ้องกั๋งหนีไป
เจ้าเมืองถามตงงูยีก็ยอมรับว่า ซ้องกั๋งเคยมีบุญคุณกับตน เมื่อเห็นนางเงียมผอยึดตัวไว้จึงเข้ามาช่วย ส่วนที่ว่าซ้องกั๋งฆ่าภรรยานั้นตนไม่รู้เรื่อง เจ้าเมืองซึ่งรักใคร่สนิทสนมกับซ้องกั๋งก็ว่า
".....แกล้งมาใส่ความเอา ซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อที่ไหนจะฆ่าคนตาย ความรายนี้จะเกี่ยวข้องประการใด หรือเจ้าฆ่าเขาตายดอกกระมัง...."
และเรียกเจ้าพนักงานมาจดถ้อยคำ เตียบุนอ้วนพนักงานฝ่ายหนังสือ ซึ่งเป็นชู้กับนางเงียมผอเสียะ ก็เข้ามาจดถ้อยคำให้การของนางเงียมผอและตงงูยีไว้ แล้วไปชันสูตรศพนางเงียมผอเสียะ พบมีดเล็กติดพวงกุญแจของซ้องกั๋งตกอยู่ข้างศพ จึงนำเอามาเป็นหลักฐานยืนยันกับเจ้าเมือง
เจ้าเมืองก็เลี่ยงจะให้ตงงูยีเป็นจำเลย แกล้งสั่งให้ทหารเฆี่ยนตงงูยีห้าสิบที ตงงูยีก็ไม่ยอมรับ จึงให้เอาไปขังคุกไว้ก่อน พอคนลืมจะได้ปล่อยตัวไป
แต่เตียบุนอ้วนยุยงนางเงียมผอ ให้ไปเร่งรัดเจ้าเมือง ให้จับตัวซ้องกั๋งมาให้ได้ มิเช่นนั้นจะไปฟ้องเจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ ซึ่งปกครองเมืองหุนเสียกุ้ย ให้ชำระความใหม่อีกครั้งหนึ่ง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
ธันวาคม ๒๕๓๙