ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
ชาจิน.....เชื้อพระวงศ์หลงทาง
ตอนที่ ๑ ทำดีกับคนพาล
"เล่าเซี่ยงชุน"
บรรดาพี่น้องในกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะนี้ มีความแตกต่างกันอยู่มาก ทั้งกำเนิด ความรู้ อาชีพเดิม และฐานะก่อนที่จะเข้ามาร่วมขบวนกัน ณ ที่แห่งนี้ แต่ก็คงไม่มีใครที่มีชาติตระกูลและฐานะ สูงไปกว่า ชาจิน เศรษฐีใหญ่แห่งเมืองชองจิวซึ่งมีเชื้อสายสืบทอดมาจากพระเจ้าชาซิจงฮ่องเต้
ต่อมาถึง พระเจ้าเตี้ยคังเอี๋ยนฮ่องเต้ จึงได้โปรดพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้แก่บุตรและหลานของพระเจ้าชาซิจง ให้พ้นจากโทษอาญาทั้งปวง และได้ตกทอดมาจนถึงชาจิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ชาตัวกัวหนัง
ชาจินเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งใจโอบอ้อมอารี เมื่อแจ้งว่าผู้ใดมีฝีมือก็คบหาเป็นเพื่อนฝูง ชักชวนมาเป็นพวกพ้องอยู่ที่บ้านก็เป็นอันมาก ถ้าผู้ใดต้องโทษเดินทางผ่านมา ก็เอื้อเฟื้อเลี้ยงดูและให้เงินทองไปใช้สอยอยู่เสมอ
เมื่อนานมาแล้ว ได้เคยช่วยเหลือให้เงินทองแก่ เฮงหลุน ขุนนางฝ่ายบุ๋นชั้นผู้น้อย ที่สอบเลื่อนตำแหน่งไม่ได้ ก็เลยไม่รักที่จะทำราชการ จนสุดท้ายมาเป็นนายโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ
และครั้งหนึ่งครูทหารที่ตังเกียเมืองหลวงชื่อ ลิมชอง ถูกเจ้านายกังฉินกลั่นแกล้งใส่ร้ายถึงต้องโทษเนรเทศ และ ยังใช้ให้ลิ่วล้อติดตามมาฆ่าเสียอีก ชาจินก็ได้ช่วยเหลือฝากฝังให้เข้าไปอาศัยอยู่ ในกลุ่มพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ ก็เป็นสุขสบายดี
ต่อมาได้ช่วยเหลือ ซ้องกั๋ง ขุนนางเมืองหุนเสียกุ้ยผู้มีใจเป็นแม่น้ำ หรือฝนที่ให้ความชื่นเย็นแก่ชาวบ้านชาวเมือง จนเป็นที่เลื่องลือเช่นกัน ในขณะที่ต้องหาในคดีฆ่าภรรยาตาย ให้รอดพ้นจากการถูกจำคุก จนได้ไปเป็นหัวหน้าโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะในภายหลัง
และยังได้เคยอุปการะบรรดานายโจรอีกหลายคน ก่อนที่จะเข้ามาเป็นพรรคพวกในกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ เช่น โงวหยง ลุยเหง ลีขุย จูตง เจียะย้ง และ เตียเช็ง กับ นางซึงยิเนีย สองสามีภรรยาเป็นต้น
วันหนึ่งขณะที่ชาจินพักอยู่ที่บ้านในเมืองซองจิวฮู้ สนทนาอยู่กับลีขุย นายโจรของขบวนการเขาเนียซัวเปาะคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนโง่เขลามีนิสัยดุร้ายเกเร ชอบก่อเรื่องวิวาทอยู่เนือง ๆ และได้มาพักอาศัยอยู่ด้วยหลายเดือนแล้ว ก็มีคนถือหนังสือมาจาก ชาฮงเสีย อาของชาจิน ซึ่งอยู่ที่เมืองกอตงจิว
ลีขุยเห็นชาจินอ่านหนังสือจบแล้วมีสีหน้าไม่ปกติ จึงถามว่ามีเรื่องราวอันใด ชาจิน เล่าว่าชาฮงเสีย มีหนังสือมาบอกว่า อินเทียนเซก พี่น้องของภรรยา กอเหลียม เจ้าเมืองกอตงจิว ใช้อำนาจจะชิงเอาบ้านเรือนของชาฮงเสีย และยังทุบตีเอาจนเจ็บป่วยมากเป็นตายเท่ากัน ขอให้ช่วยไปดูแลด้วย เพราะไม่มีบุตร
ลีขุยก็ขอติดตามไปด้วย แล้วทั้งสองก็พากันเดินทางไปโดยเร็ว
เมื่อมาถึงบ้านชาฮงเสีย ชาจินก็ให้ลีขุยกับบ่าวไพร่รออยู่ข้างนอก ตนเองเข้าไปในห้อง พอเห็นอานอนอยู่บนเตียงไม่พูดจาว่าอะไรชาจินก็ร้องไห้ ภรรยาของชาฮงเสียก็ออกมาปลอบโยน ชาจินคำนับอาสะใภ้แล้วก็ถามเรื่องราวโดยละเอียด จึงได้ความว่า
เจ้าเมืองคนใหม่ชื่อกอเหลียม เป็นพี่น้องกับ กอไทอวย ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหารในเมืองหลวง เป็นพาลเที่ยวข่มเหงกดขี่ราษฎรอยู่เนือง ๆ กอเหลียมมีพี่น้องข้างภรรยาอีกคนหนึ่งชื่ออินเทียนเซก อายุไม่มากแต่ถืออำนาจกอเหลียม เที่ยวข่มเหงพลเมืองตามอำเภอใจอยู่ทุกวัน
พอมีคนไปบอกว่าที่หลังบ้านของชาฮงเสีย มีสวนดอกไม้อยู่กลางสระสร้างไว้อย่างสวยงาม อินเทียนเซก ก็พาบ่าวไพร่มาดูแล้วก็ชอบใจ จะไล่เจ้าของบ้านออกไป แล้วยึดเอาไว้เป็นของตนเอง
ชาฮงเสียก็ว่า
".....ที่บ้านนี้เปรียบเหมือนต้นไม้กิ่งทองใบหยก ชาวบ้านชาวเมืองก็รู้จัก ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชาซิจง พระเจ้าเตียคังเอี๋ยนพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้ปิดไว้บนประตู คนทั้งปวงพากันเกรงทั้งสิ้น เหตุไฉนจะมาแย่งชิงเอาที่บ้านเป็นของตัว จะให้เราไปอยู่ไหนเล่า....."
อินเทียนเซกไม่ยอมฟังเสียง ตรงเข้าฉุดมือและทุบตีชาฮงเสีย จนเจ็บป่วยทั้งกายและใจ ด้วยความ แค้นเคือง อาการไข้จึงทรุดหนักลง ทั้งไม่ยอมกินยาและอาหารด้วยความเสียใจ
ชาจินจึงบอกกับอาสะใภ้ว่า
"......ท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะใช้คนไปเมืองซองจิวฮู้ เชิญอาญาสิทธิ์มาจะได้ว่ากล่าวกัน ท่านอุตส่าห์รักษาพยาบาลให้หายขึ้นเถิด....."
แล้วชาจินก็ออกจากห้องของอา เล่าเรื่องให้ลีขุยและบ่าวไพร่ฟัง ทุกประการ ลีขุยก็โกรธแค้นแทนชาจินเป็นอันมากบอกว่า
".......อินเทียนเซกบังอาจมาเที่ยวข่มเหงราษฎร ทำให้ผิดธรรมเนียมบ้านเมืองไป ขวานใหญ่ของข้าพเจ้าก็เอามาด้วย จะทดลองดูสักหน่อย อินเทียนเซกจะทนทานได้สักกี่ที...."
ชาจินห้ามว่า
"....จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เรามีอาญาสิทธิ์จะต้องทำวุ่นวายกับเขาทำไม อย่าว่าแต่ความเท่านี้เลยถึงสำคัญยิ่งกว่านี้ก็ไม่กลัว....."
ลีขุยแย้งว่า
"....คนทุกวันนี้ถ้าเชื่อฟังถ้อยคำง่าย ๆ บ้านเมืองก็คงเรียบร้อยดี ถ้าใจของข้าพเจ้าแล้ว จะทุบเสียให้เจียนตายเสียก่อนจึงค่อยว่ากล่าว..."
ชาจินก็หัวเราะในคำพูดที่ห้าวหาญนั้น แล้วบอกว่า
".....ทุกวันนี้เจ้าแผ่นดินแต่งตั้งให้ผู้รักษาเมือง มาว่ากล่าวการงานทั้งปวง เราจะทำตามใจเหมือนอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะนั้นไม่ได้....."
ลีขุยยังเถียงต่อไปอีกว่าเมื่ออยู่ที่เมืองกังจิวก็ฆ่าฟันคนตายเสียหนักหนา เจ้าเมืองก็ทำไมไม่ได้ ชาจินตัดบทว่าอย่าวุ่นวายไปเลย จงอยู่แต่ในห้องนี้เถิดอย่าออกไปทางไหน พอดีคนใช้มาบอกว่าชาฮงเสียอาการหนักลง ชาจินจึงเข้าไปดูอาในห้อง
ชาฮงเสียเห็นชาจินเข้ามา ก็เรียกให้เข้าไปใกล้ จับมือไว้แล้วบอกว่า
"......อาจะตายครั้งนี้ก็เพราะอินเทียนเซก กระทำข่มเหง ตัวเจ้าเป็นหลานจงอุตส่าห์ อย่าให้ขายหน้าปู่และบิดาเรา จงเชิญอาญาสิทธิ์ ไปว่ากล่าวฟ้องร้องที่เมืองหลวง แก้แค้นทดแทนให้จงได้ ถึงอาตายก็จะไม่ลืมคุณของเจ้าเลย...."
พูดจบโรคก็กำเริบขึ้นขาดใจตาย ชาจินก็ร้องไห้เศร้าโศกยิ่งนัก แล้วก็จัดการศพตามประเพณี ตัวชาจินกับญาติพี่น้องก็นุ่งขาวไว้ทุกข์
หลังจากชาฮงเสียถึงแก่ความตายไปได้สองวัน อินเทียนเซกกับลิ่วล้อประมาณสามสิบคน ถืออาวุธไปล่าสัตว์แล้วกลับมา ผ่านทางบ้านของชาฮงเสีย ก็หยุดม้าร้องเรียกคนในบ้านให้ออกมาพูดจากัน
เมื่อชาจินออกมาหน้าบ้าน อินเทียนเซกเห็นชาจินนุ่งห่มขาวก็ถามว่าเป็นอะไรกับชาฮงเสีย
ชาจินบอกชื่อแซ่ให้ว่าเป็นหลาน อินเทียนเซกก็ว่า คราวก่อนสั่งไว้ว่าให้ขนทรัพย์สินสิ่งของออกไปอยู่เสียที่อื่น เหตุใดจึงไม่ทำตาม
ชาจินบอกว่าอาป่วยหนักไม่สามารถจะไปอยู่ที่อื่นได้ บัดนี้อาได้ตายไปแล้วเมื่อทำบุญครบเจ็ดวันแล้วก็จะไป
อินเทียนเซกว่าได้สัญญาไว้สามวัน นี่ก็พ้นเวลาแล้วยังไม่ไป ชอบแต่จะเอาตัวหลานชายใส่คาเฆี่ยนสักร้อยหนึ่ง
ชาจินว่า
".....เหตุใดจึงมาทำข่มเหง ข้าพเจ้าก็เชื้อวงศ์กษัตริย์ เจ้าแผ่นดินครั้งก่อนพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้ไว้ คนทั้งปวงก็ไม่อาจข่มเหง มีความเกรงทั้งสิ้น...."
อินเทียนเซกก็ขอดูหลักฐาน ชาจินบอกว่าอยู่ที่บ้านเมืองซองจิวฮู้ไม่ได้เชิญมาด้วย แต่ได้ให้คนไปเอามาแล้ว อินเทียนเซกบอกว่าถึงมีจริงก็จะทำไม แล้วสั่งให้บ่าวไพร่จับชาจินเฆี่ยน พวกลิ่วล้อก็เข้ามากลุ้มรุมจะจับชาจินตามคำสั่ง
ลีขุยซึ่งแอบฟังความอยู่ในบ้านทนไม่ไหว ร้องตวาดออกมาด้วยเสียงอันดัง แล้วก็วิ่งเข้าไปกระชากอินเทียนเซกตกลงจากหลังม้า พวกลูกน้องวิ่งเข้ามาช่วย ก็โดนลีขุยเอามือทุบเสียล้มกลิ้งไปตาม ๆ กัน
ชาจินจะห้ามก็ไม่ทัน ลีขุยเอาเท้าถีบถูกอกอินเทียนเซกล้มลงขาดใจตายไปเสียแล้ว พวกของอินเทียนเซกก็แตกหนีไปหมดสิ้น
ชาจินมีความวิตกยิ่งนัก จึงให้ลีขุยรีบหนีกลับไปที่เขาเนียซัวเปาะเสียก่อน เมื่อมีทหารมาจับจะได้รับเอง ลีขุยก็ว่าถ้าหนีไปความก็จะตกหนักแก่ชาจิน แต่ชาจินว่ามีอาญาสิทธิ์อยู่ ถึงจะผิดก็ไม่เป็นไร
ลีขุยจึงหอบขวานสองเล่ม สะพายห่อเสื้อผ้าออกทางประตูหลัง หนีจากเมืองกอตงจิวกลับไปยังเขาเนียซัวเปาะโดยไม่รอช้า
ชาจินก็รอรับหน้ากอเหลียมเจ้าเมือง ด้วยความเชื่อที่ว่าตนเป็นฝ่ายถูก และมีหนังสือคุ้มครองตัว อยู่แต่เพียงคนเดียว.
##########
จาก นิตยสารโล่เงิน
มกราคม ๒๕๔๑
เชื่อพระวงศ์หลงทาง (๑) ๒๖ ส.ค.๕๘
ชาจิน.....เชื้อพระวงศ์หลงทาง
ตอนที่ ๑ ทำดีกับคนพาล
"เล่าเซี่ยงชุน"
บรรดาพี่น้องในกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะนี้ มีความแตกต่างกันอยู่มาก ทั้งกำเนิด ความรู้ อาชีพเดิม และฐานะก่อนที่จะเข้ามาร่วมขบวนกัน ณ ที่แห่งนี้ แต่ก็คงไม่มีใครที่มีชาติตระกูลและฐานะ สูงไปกว่า ชาจิน เศรษฐีใหญ่แห่งเมืองชองจิวซึ่งมีเชื้อสายสืบทอดมาจากพระเจ้าชาซิจงฮ่องเต้
ต่อมาถึง พระเจ้าเตี้ยคังเอี๋ยนฮ่องเต้ จึงได้โปรดพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้แก่บุตรและหลานของพระเจ้าชาซิจง ให้พ้นจากโทษอาญาทั้งปวง และได้ตกทอดมาจนถึงชาจิน หรือที่ชาวบ้านเรียกว่า ชาตัวกัวหนัง
ชาจินเป็นผู้มีฝีมือเข้มแข็งใจโอบอ้อมอารี เมื่อแจ้งว่าผู้ใดมีฝีมือก็คบหาเป็นเพื่อนฝูง ชักชวนมาเป็นพวกพ้องอยู่ที่บ้านก็เป็นอันมาก ถ้าผู้ใดต้องโทษเดินทางผ่านมา ก็เอื้อเฟื้อเลี้ยงดูและให้เงินทองไปใช้สอยอยู่เสมอ
เมื่อนานมาแล้ว ได้เคยช่วยเหลือให้เงินทองแก่ เฮงหลุน ขุนนางฝ่ายบุ๋นชั้นผู้น้อย ที่สอบเลื่อนตำแหน่งไม่ได้ ก็เลยไม่รักที่จะทำราชการ จนสุดท้ายมาเป็นนายโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ
และครั้งหนึ่งครูทหารที่ตังเกียเมืองหลวงชื่อ ลิมชอง ถูกเจ้านายกังฉินกลั่นแกล้งใส่ร้ายถึงต้องโทษเนรเทศ และ ยังใช้ให้ลิ่วล้อติดตามมาฆ่าเสียอีก ชาจินก็ได้ช่วยเหลือฝากฝังให้เข้าไปอาศัยอยู่ ในกลุ่มพวกโจรเขาเนียซัวเปาะ ก็เป็นสุขสบายดี
ต่อมาได้ช่วยเหลือ ซ้องกั๋ง ขุนนางเมืองหุนเสียกุ้ยผู้มีใจเป็นแม่น้ำ หรือฝนที่ให้ความชื่นเย็นแก่ชาวบ้านชาวเมือง จนเป็นที่เลื่องลือเช่นกัน ในขณะที่ต้องหาในคดีฆ่าภรรยาตาย ให้รอดพ้นจากการถูกจำคุก จนได้ไปเป็นหัวหน้าโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะในภายหลัง
และยังได้เคยอุปการะบรรดานายโจรอีกหลายคน ก่อนที่จะเข้ามาเป็นพรรคพวกในกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ เช่น โงวหยง ลุยเหง ลีขุย จูตง เจียะย้ง และ เตียเช็ง กับ นางซึงยิเนีย สองสามีภรรยาเป็นต้น
วันหนึ่งขณะที่ชาจินพักอยู่ที่บ้านในเมืองซองจิวฮู้ สนทนาอยู่กับลีขุย นายโจรของขบวนการเขาเนียซัวเปาะคนหนึ่ง ซึ่งเป็นคนโง่เขลามีนิสัยดุร้ายเกเร ชอบก่อเรื่องวิวาทอยู่เนือง ๆ และได้มาพักอาศัยอยู่ด้วยหลายเดือนแล้ว ก็มีคนถือหนังสือมาจาก ชาฮงเสีย อาของชาจิน ซึ่งอยู่ที่เมืองกอตงจิว
ลีขุยเห็นชาจินอ่านหนังสือจบแล้วมีสีหน้าไม่ปกติ จึงถามว่ามีเรื่องราวอันใด ชาจิน เล่าว่าชาฮงเสีย มีหนังสือมาบอกว่า อินเทียนเซก พี่น้องของภรรยา กอเหลียม เจ้าเมืองกอตงจิว ใช้อำนาจจะชิงเอาบ้านเรือนของชาฮงเสีย และยังทุบตีเอาจนเจ็บป่วยมากเป็นตายเท่ากัน ขอให้ช่วยไปดูแลด้วย เพราะไม่มีบุตร
ลีขุยก็ขอติดตามไปด้วย แล้วทั้งสองก็พากันเดินทางไปโดยเร็ว
เมื่อมาถึงบ้านชาฮงเสีย ชาจินก็ให้ลีขุยกับบ่าวไพร่รออยู่ข้างนอก ตนเองเข้าไปในห้อง พอเห็นอานอนอยู่บนเตียงไม่พูดจาว่าอะไรชาจินก็ร้องไห้ ภรรยาของชาฮงเสียก็ออกมาปลอบโยน ชาจินคำนับอาสะใภ้แล้วก็ถามเรื่องราวโดยละเอียด จึงได้ความว่า
เจ้าเมืองคนใหม่ชื่อกอเหลียม เป็นพี่น้องกับ กอไทอวย ขุนนางผู้ใหญ่ฝ่ายทหารในเมืองหลวง เป็นพาลเที่ยวข่มเหงกดขี่ราษฎรอยู่เนือง ๆ กอเหลียมมีพี่น้องข้างภรรยาอีกคนหนึ่งชื่ออินเทียนเซก อายุไม่มากแต่ถืออำนาจกอเหลียม เที่ยวข่มเหงพลเมืองตามอำเภอใจอยู่ทุกวัน
พอมีคนไปบอกว่าที่หลังบ้านของชาฮงเสีย มีสวนดอกไม้อยู่กลางสระสร้างไว้อย่างสวยงาม อินเทียนเซก ก็พาบ่าวไพร่มาดูแล้วก็ชอบใจ จะไล่เจ้าของบ้านออกไป แล้วยึดเอาไว้เป็นของตนเอง
ชาฮงเสียก็ว่า
".....ที่บ้านนี้เปรียบเหมือนต้นไม้กิ่งทองใบหยก ชาวบ้านชาวเมืองก็รู้จัก ว่าเป็นเชื้อพระวงศ์พระเจ้าชาซิจง พระเจ้าเตียคังเอี๋ยนพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้ปิดไว้บนประตู คนทั้งปวงพากันเกรงทั้งสิ้น เหตุไฉนจะมาแย่งชิงเอาที่บ้านเป็นของตัว จะให้เราไปอยู่ไหนเล่า....."
อินเทียนเซกไม่ยอมฟังเสียง ตรงเข้าฉุดมือและทุบตีชาฮงเสีย จนเจ็บป่วยทั้งกายและใจ ด้วยความ แค้นเคือง อาการไข้จึงทรุดหนักลง ทั้งไม่ยอมกินยาและอาหารด้วยความเสียใจ
ชาจินจึงบอกกับอาสะใภ้ว่า
"......ท่านอย่าวิตก ข้าพเจ้าจะใช้คนไปเมืองซองจิวฮู้ เชิญอาญาสิทธิ์มาจะได้ว่ากล่าวกัน ท่านอุตส่าห์รักษาพยาบาลให้หายขึ้นเถิด....."
แล้วชาจินก็ออกจากห้องของอา เล่าเรื่องให้ลีขุยและบ่าวไพร่ฟัง ทุกประการ ลีขุยก็โกรธแค้นแทนชาจินเป็นอันมากบอกว่า
".......อินเทียนเซกบังอาจมาเที่ยวข่มเหงราษฎร ทำให้ผิดธรรมเนียมบ้านเมืองไป ขวานใหญ่ของข้าพเจ้าก็เอามาด้วย จะทดลองดูสักหน่อย อินเทียนเซกจะทนทานได้สักกี่ที...."
ชาจินห้ามว่า
"....จะทำเช่นนั้นไม่ได้ เรามีอาญาสิทธิ์จะต้องทำวุ่นวายกับเขาทำไม อย่าว่าแต่ความเท่านี้เลยถึงสำคัญยิ่งกว่านี้ก็ไม่กลัว....."
ลีขุยแย้งว่า
"....คนทุกวันนี้ถ้าเชื่อฟังถ้อยคำง่าย ๆ บ้านเมืองก็คงเรียบร้อยดี ถ้าใจของข้าพเจ้าแล้ว จะทุบเสียให้เจียนตายเสียก่อนจึงค่อยว่ากล่าว..."
ชาจินก็หัวเราะในคำพูดที่ห้าวหาญนั้น แล้วบอกว่า
".....ทุกวันนี้เจ้าแผ่นดินแต่งตั้งให้ผู้รักษาเมือง มาว่ากล่าวการงานทั้งปวง เราจะทำตามใจเหมือนอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะนั้นไม่ได้....."
ลีขุยยังเถียงต่อไปอีกว่าเมื่ออยู่ที่เมืองกังจิวก็ฆ่าฟันคนตายเสียหนักหนา เจ้าเมืองก็ทำไมไม่ได้ ชาจินตัดบทว่าอย่าวุ่นวายไปเลย จงอยู่แต่ในห้องนี้เถิดอย่าออกไปทางไหน พอดีคนใช้มาบอกว่าชาฮงเสียอาการหนักลง ชาจินจึงเข้าไปดูอาในห้อง
ชาฮงเสียเห็นชาจินเข้ามา ก็เรียกให้เข้าไปใกล้ จับมือไว้แล้วบอกว่า
"......อาจะตายครั้งนี้ก็เพราะอินเทียนเซก กระทำข่มเหง ตัวเจ้าเป็นหลานจงอุตส่าห์ อย่าให้ขายหน้าปู่และบิดาเรา จงเชิญอาญาสิทธิ์ ไปว่ากล่าวฟ้องร้องที่เมืองหลวง แก้แค้นทดแทนให้จงได้ ถึงอาตายก็จะไม่ลืมคุณของเจ้าเลย...."
พูดจบโรคก็กำเริบขึ้นขาดใจตาย ชาจินก็ร้องไห้เศร้าโศกยิ่งนัก แล้วก็จัดการศพตามประเพณี ตัวชาจินกับญาติพี่น้องก็นุ่งขาวไว้ทุกข์
หลังจากชาฮงเสียถึงแก่ความตายไปได้สองวัน อินเทียนเซกกับลิ่วล้อประมาณสามสิบคน ถืออาวุธไปล่าสัตว์แล้วกลับมา ผ่านทางบ้านของชาฮงเสีย ก็หยุดม้าร้องเรียกคนในบ้านให้ออกมาพูดจากัน
เมื่อชาจินออกมาหน้าบ้าน อินเทียนเซกเห็นชาจินนุ่งห่มขาวก็ถามว่าเป็นอะไรกับชาฮงเสีย
ชาจินบอกชื่อแซ่ให้ว่าเป็นหลาน อินเทียนเซกก็ว่า คราวก่อนสั่งไว้ว่าให้ขนทรัพย์สินสิ่งของออกไปอยู่เสียที่อื่น เหตุใดจึงไม่ทำตาม
ชาจินบอกว่าอาป่วยหนักไม่สามารถจะไปอยู่ที่อื่นได้ บัดนี้อาได้ตายไปแล้วเมื่อทำบุญครบเจ็ดวันแล้วก็จะไป
อินเทียนเซกว่าได้สัญญาไว้สามวัน นี่ก็พ้นเวลาแล้วยังไม่ไป ชอบแต่จะเอาตัวหลานชายใส่คาเฆี่ยนสักร้อยหนึ่ง
ชาจินว่า
".....เหตุใดจึงมาทำข่มเหง ข้าพเจ้าก็เชื้อวงศ์กษัตริย์ เจ้าแผ่นดินครั้งก่อนพระราชทานอาญาสิทธิ์ให้ไว้ คนทั้งปวงก็ไม่อาจข่มเหง มีความเกรงทั้งสิ้น...."
อินเทียนเซกก็ขอดูหลักฐาน ชาจินบอกว่าอยู่ที่บ้านเมืองซองจิวฮู้ไม่ได้เชิญมาด้วย แต่ได้ให้คนไปเอามาแล้ว อินเทียนเซกบอกว่าถึงมีจริงก็จะทำไม แล้วสั่งให้บ่าวไพร่จับชาจินเฆี่ยน พวกลิ่วล้อก็เข้ามากลุ้มรุมจะจับชาจินตามคำสั่ง
ลีขุยซึ่งแอบฟังความอยู่ในบ้านทนไม่ไหว ร้องตวาดออกมาด้วยเสียงอันดัง แล้วก็วิ่งเข้าไปกระชากอินเทียนเซกตกลงจากหลังม้า พวกลูกน้องวิ่งเข้ามาช่วย ก็โดนลีขุยเอามือทุบเสียล้มกลิ้งไปตาม ๆ กัน
ชาจินจะห้ามก็ไม่ทัน ลีขุยเอาเท้าถีบถูกอกอินเทียนเซกล้มลงขาดใจตายไปเสียแล้ว พวกของอินเทียนเซกก็แตกหนีไปหมดสิ้น
ชาจินมีความวิตกยิ่งนัก จึงให้ลีขุยรีบหนีกลับไปที่เขาเนียซัวเปาะเสียก่อน เมื่อมีทหารมาจับจะได้รับเอง ลีขุยก็ว่าถ้าหนีไปความก็จะตกหนักแก่ชาจิน แต่ชาจินว่ามีอาญาสิทธิ์อยู่ ถึงจะผิดก็ไม่เป็นไร
ลีขุยจึงหอบขวานสองเล่ม สะพายห่อเสื้อผ้าออกทางประตูหลัง หนีจากเมืองกอตงจิวกลับไปยังเขาเนียซัวเปาะโดยไม่รอช้า
ชาจินก็รอรับหน้ากอเหลียมเจ้าเมือง ด้วยความเชื่อที่ว่าตนเป็นฝ่ายถูก และมีหนังสือคุ้มครองตัว อยู่แต่เพียงคนเดียว.
##########
จาก นิตยสารโล่เงิน
มกราคม ๒๕๔๑