ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
กองโจรกลับใจ
ตอนที่ ๓ กังฉินแปลงสาร
"เล่าเซี่ยงชุน"
วันหนึ่งเมื่อ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ เสด็จออกว่าราชการ มีขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินเข้าเฝ้าพร้อมกัน แต่วันนั้นพวกกังฉินไม่ได้เข้าเฝ้า ก็มีม้าใช้เอาหนังสือของเจ้าเมือง ไทอันจิวมาส่งให้เจ้าพนักงานนำไปอ่านถวาย มีความว่า
ซ้องกั๋งตั้งตัวเป็นกองโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ได้ยกพวกมากระทำข่มเหงย่ำยีเมืองไทอันจิวกับเมืองขึ้น ซึ่งเป็นพระราชอาณาเขตให้ได้ความเดือดร้อนเนือง ๆ แต่พวกโจรมีกำลังมากกว่าทหารสองสามเท่า จึงขอให้ยกทัพหลวงออกไปช่วยกำจัดโดยเร็ว พระเจ้าซ้องฮุยจงปรึกษากับพวกขุนนางที่เฝ้าอยู่ ซุยเจ๋ง ขุนนางผู้ใหญ่ก็กราบทูลว่า
"...ซึ่งพระองค์คิดจะปราบปรามศัตรูเสี้ยนหนามแผ่นดิน ให้เรียบร้อยนั้นสมควรแก่ประเพณีกษัตริย์แล้ว แต่ข้าพเจ้าทราบว่าซ้องกั๋งทำธงปักไว้หน้าค่าย มีอักษรว่า ประพฤติการสุจริตโดยเที่ยงทางสวรรค์ จึงคิดว่าซ้องกั๋งยังตั้งอยู่ในความสัตย์...."
และกล่าวต่อไปว่า ซ้องกั๋งนั้นมีทหารเอกถึงร้อยแปดคนทหารเลวหลายหมื่น ทางเมืองหลวงจะยกทัพไปปราบเห็นจะเอาชนะยาก สู้เกลี้ยกล่อมให้ซ้องกั๋งสามิภักดิ์ แล้วตั้งให้เป็นแม่ทัพยกไปรับศึกที่เมืองไตเหลียง ซึ่งกำลังจะยกมาตีเมืองตังเกีย ก็จะได้ประโยชน์ถึงสองทาง
พระเจ้าซ้องฮุยจงก็ตรัสว่า
".....ถ้าซ้องกั๋งกระด้างกระเดื่องถือทิฐิไม่เข้ามา เรามิได้รับความอัปยศหรือ....."
ซุยเจ๋งก็ทูลว่า
"....ซ้องกั๋งนี้เป็นคนรักยศ อยากจะทำราชการเป็นขุนนางในตำแหน่งแต่ไม่มีช่องโอกาส ถ้ามีหนังสือรับสั่งให้หาแล้ว คงเข้ามาสนองพระคุณเป็นมั่นคง....."
พระเจ้าซ้องฮุยจงทรงเห็นชอบด้วย จึงให้เจ้าพนักงานแต่งหนังสือรับสั่งให้ ตันจองเสียน ขุนนางผู้ใหญ่ ถือไปเกลี้ยกล่อมซ้องกั๋ง แต่เมื่อ ชัวเกีย กับ กอกิว ขุนนางผู้ใหญ่พวกกังฉินได้ทราบข่าวก็ไม่พอใจ เพราะเคยมีเรื่องเจ็บแค้นกัน กับซ้องกั๋งและพี่น้องเขาเนียซัวเปาะมาแต่ก่อน จึงออกอุบายให้ เตียกันปั้น กับ หลีเหลง ซึ่งเป็นพรรคพวกของตน เดินทางไปกับตันจองเสียนด้วย เพื่อขัดขวางไม่ให้ซ้องกั๋งสามิภักดิ์
เมื่อคณะข้าหลวงที่ถือรับสั่งมาถึงเมืองจีจิว เตียซกแม้ ผู้ว่าราชการ ก็ออกมาต้อนรับ ต่างคนต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ก็สั่งคนใช้ให้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน เตียซกแม้ถามว่า ท่านทั้งสามมาด้วยกิจอันใด ตันจองเสียนบอกว่า พระเจ้าซ้องฮุยจงรับสั่งใช้ให้ถือหนังสือไปหาตัวซ้องกั๋งเข้าไปทำราชการ แล้วถามว่าเมืองจีจิวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเนียซัวเปาะ พอแลเห็นกันนั้น ซ้องกั๋งมากระทำย่ำยีเบียดเบียน อาณาประชาราษฎรบ้างหรือไม่ เตียซกแม้ก็ว่า
"....ซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อ มิได้กระทำข่มเหงผู้ใด จนชั้นแต่ใบไม้ในเมืองจีจิวก็ไม่ร่วงเพราะฝีมือของซ้องกั๋ง....."
แล้วก็จูงมือพาตันจองเสียนเดินชมบริเวณบ้าน พอลับตาผู้คนก็ถามว่าขุนนางที่ติดตามมาอีกสองคนนั้นตำแหน่งใด ตันจองเสียนก็บอกว่า เตียกันปั้นทำราชการอยู่กับชัวเกีย หลีเหลงนั้นทำราชการอยู่กับกอกิว ได้ฝากมาให้เป็นเพื่อนเดินทาง เตียซกแม้ก็วิตกว่าสองคนนั้นเป็นพวกกังฉิน คงเกิดเหตุกับซ้องกั๋งแน่
พอรุ่งเช้าเตียซกแม้ให้คนใช้ข้ามไปบอกซ้องกั๋ง ว่ามีผู้ถือหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้มาถึง ซ้องกั๋งก็ยินดีและให้ ซ้องเซ็ง น้องชาย จัดโต๊ะแต่งเครื่องบูชาตั้งไว้สองข้างทางเดิน และปูผ้าแดงตั้งแต่ท่าน้ำ ไปจนถึงศาลาต้อนรับในค่าย แล้วให้นายรองคอยรอรับอยู่ที่ท่าน้ำ กับให้ อวนเซียวชิด จัดเรือข้ามไปรับพวกข้าหลวง ทุกนายก็เตรียมกันตามคำสั่งทุกประการ เว้นแต่ โงวหยง ไม่พอใจที่จะต้อนรับ จึงบอกกับซ้องกั๋งว่า
"...ท่านคิดยินดีที่จะไปทำราชการในเมืองหลวงนั้น เห็นจะไม่สมคิด ด้วยขุนนางพวกกังฉิน ปองร้ายจะเอาชีวิตท่าน และพวกข้าพเจ้ามิได้ขาด ประการหนึ่งหนังสือนั้นก็เป็นสำนวนพวกกังฉินแต่ง คงจะว่ากล่าวขู่ข่มด้วยอำนาจต่าง ๆ ให้ได้ความอายเป็นแน่ ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าพวกเขียนหนังสือมาถึงแล้ว จับฆ่าเสียอย่าให้มันบังคับบัญชาเราได้....."
ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ซึ่งท่านพูดนั้นเป็นแต่การคาดคะเน จะด่วนทำหุนหันนั้นไม่ได้ การที่เราตั้งใจสามิภักดิ์จะเสียไป....."
โงวหยงไม่ได้โต้ตอบ แต่ก็แอบสั่งพวกที่จะไปต้อนรับข้าหลวง ให้ก่อเหตุกลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ
เมื่อขบวนของข้าหลวงข้ามฟากและเดินทางมาถึงที่ต้อนรับ ซ้องกั๋งรีบออกมาคำนับ รับหนังสือขึ้นวางไว้บนโต๊ะบูชา และเชิญข้าหลวงให้นั่งในที่อันควร แต่พวกทหารรองทั้งปวงของซ้องกั๋งนั้นไม่ยอมคำนับ ล้วนถืออาวุธครบมือคอยทีอยู่ทุกคน ซ้องกั๋งปราศรัยว่าท่านทั้งสามเดินทางมานี้มีความสุขอยู่หรือ คณะข้าหลวงก็ตอบว่า
"....เราเป็นข้าหลวงถือหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซ้องฮุยจงมา นายด่านและหัวเมืองซึ่งอยู่ในพระราชอาณาเขต ก็แต่งคนให้รับและส่งเป็นระยะกันโดยอันดับมีความสุขทุกแห่งทุกตำบล ต่อเราลงเรือที่ท่าข้ามมานี้ จึงได้ความทุกข์ลำบากเพราะพวกของตัว และซึ่งทำเช่นนี้ไม่สมกับคำ ซุยเจ๋ง เตียซกแม้ สรรเสริญไว้ อย่าพูดมากเลยจงเปิดผนึกหนังสือรับสั่งอ่านดูเถิด....."
ซ้องกั๋งก็คำนับหยิบหนังสือส่งให้ เซียวเหยียง อ่าน มีความว่า
".... พระเจ้าซ้องฮุยจงผู้ครองแผ่นดินซ้อง มาถึงซ้องกั๋งผู้เป็นโจรอยู่ ณ เขาเนียซัวเปาะให้แจ้ง ด้วยหัวเมืองทั้งปวงมีหนังสือบอกเข้าไปว่า ซ้องกั๋งคุมพรรคพวกทำข่มเหง อาณาประชาราษฎรในราชอาณาเขต ให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ ขอให้ยกกองทัพหลวงไปปราบปรามเสียให้สิ้น เสี้ยนหนามศัตรูแผ่นดิน และซึ่งหัวเมืองมีหนังสือบอกเข้าไปนั้น ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมข้าราชการสืบมาแต่ก่อน อนึ่งขุนนางผู้ใหญ่ที่ช่วยบำรุงแผ่นดินก็ได้ตระเตรียมกองทัพไว้ร้อยหมื่น ทหารเอกมีฝีมือกว่าพัน จะยกมาปราบปรามเสีย เราขอผัดทุเลาไว้เพราะว่าเมตตา จึงมีหนังสือรับสั่งให้ตันจองเสียนถือมา ถ้าซ้องกั๋งยังรักชีวิตของตัวและพวกพี่น้องอยู่แล้ว จงทำบัญชีไพร่พลพวกพ้อง และทรัพย์สินสิ่งของ เครื่องศาสตรวุธ ยื่นแก่ตั้งจองเสียนจนสิ้นเชิงและให้ซ้องกั๋ง กวาดครอบครัว อพยพเข้ามาสารภาพผิดแต่โดยดีจะยกโทษให้ ถ้ายังถือทิฐิมานะไม่กระทำตามหนังสือแล้ว จะยกกองทัพใหญ่มาปราบ ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะเสียให้ราบ ประการหนึ่งกองทัพของเรา มีอำนาจเหมือนกองเพลิง ซ้องกั๋งกับพวกเปรียบเหมือนริ้นยุง จะบินเข้ากองเพลิงนั้นไม่ควร....."
ซ้องกั๋งกับพวกพี่น้องได้ฟังแล้วก็โกรธ แต่สู้สะกดอดโทโสไว้ ส่วนลีขุยไม่ฟังเสียง กระชากเอาหนังสือจากเซียวเหยียงฉีกทิ้ง แล้วเข้าไล่ชกต่อยตันจองเสียนเป็นอลหม่าน ซ้องกั๋งกับ โลวจุนหงี ต้องเข้าไปยึดตัวลีขุย และห้ามไว้ เตียกันปั้นจึงว่า
".....ลีขุยทำบังอาจฉีกหนังสือรับสั่งเสีย แล้วตีด่าข้าหลวงเช่นนี้มีโทษต้องในพระราชกำหนดหลายสถาน ซ้องกั๋งจงเอาตัวไปจำไว้ให้มั่นคงส่งเข้าไปเมืองหลวง....."
ลีขุยได้ยินก็โกรธสบัดหลุด วิ่งมาฉุดเตียกันปั้นกับหลีเหลง ลงจากเก้าอี้แล้วว่า
"....ธรรมดาพระมหากษัตริย์ จะตรัสสิ่งใดก็เป็นมงคล ประกอบด้วยเมตตา โอบอ้อมเอาใจประชาราษฎรมิให้มีข้อเจ็บแค้น ประการหนึ่งทราบว่าผู้ใดเป็นเสี้ยนหนามในแผ่นดิน จะให้ผู้นั้นเข้าอยู่ในอำนาจ ก็แต่งคนที่มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมว่ากล่าวแต่โดยดี ไม่ยกตนข่มท่าน สรรเสริญวาสนาบารมีของตัว และให้ริบราชบาตร เหมือนหนังสือที่พวกเอ็งถือมานี้ เราจึงเห็นว่าไม่เป็นคำรับสั่ง เป็นสำนวนคนกังฉิน พวกแต่งเอาเอง กูจึงฉีกเสีย....."
หลีเหลงก็ว่า
"...เมื่อแต่งหนังสือแล้ว เอาขึ้นถวายให้ทอดพระเนตร โปรดประทับตรายี่ห้อสำหรับแผ่นดินมาเป็นสำคัญ ยังไม่เชื่ออีกหรือ...."
ลีขุยตวาดว่าอ้ายโกหก แล้วก็เอามือตบปากผู้ช่วยข้าหลวงทั้งสองล้มลง ซ้องกั๋งต้องรีบลากตัวลีขุยมา แล้วไล่ให้ออกไปจากศาลานั้น และเข้าไปพยุงเตียกันปั้นกับหลีเหลงขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วว่า
"....ลีขุยเป็นคนโทโสร้ายไม่รู้จักผิดและชอบ ท่านได้เมตตาให้อภัยแก่ข้าพเจ้า สักครั้งหนึ่งถิด....."
พวกข้าหลวงทั้งสามก็ว่า
".....จะให้เรางดโทษกระไรได้ ด้วยลีขุยทำหยาบกับพวกเรา ให้เสื่อมเสียเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดิน ดังนี้เราจะเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ....."
ซ้องกั๋งก็รับว่า
".....การที่กลับกลายเป็นไปต่าง ๆ นั้น ก็เพราะผลกรรมจะให้ข้าพเจ้าเสียสัตย์กตัญญูโดยแท้ ถ้าท่านกราบทูลขึ้นแล้วตัวข้าพเจ้าไม่พ้นผิด ถึงจะพูดจาออกตัวแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้ เหมือนกับปลาอยู่ในหนองอันเดียวกัน....."
แต่มีพวกพี่น้องอีกห้าคนคือลูตีซิม มกหอง เล่าตง บู๊สง และซือจินที่เข้าข้างลีขุยจึงว่า
"....ลีขุยทำโทษแก่พวกข้าหลวงนั้นชอบแล้ว แต่ตัวเรายังไม่ได้ลงโทษกับพวกข้าหลวง...."
ว่าแล้วต่างก็ชักอาวุธประจำมือ จะเข้าทำร้ายพวกข้าหลวง ซ้องกั๋งก็เข้าไปกั้นกางไว้ แล้วเชิญให้ขึ้นรถพาไปส่งถึงท่าน้ำ ทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ให้ดูแลไปส่งฝั่งตรงข้ามให้ดี และอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า
".....จงช่วยกราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงว่า ข้าพเจ้าตั้งใจสามิภักดิ์จะเข้าไปทำการฉลองพระเดชพระคุณโดยสุจริต มิได้คิดประทุษร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดินแต่ พวกพ้องพี่น้องของข้าพเจ้ายังกระด้างกระเดื่องอยู่ จะขอทุเลาว่ากล่าวให้ปลงใจสมัคร เข้าทำราชการด้วย ถ้าเห็นพร้อมกันแล้ว ข้าพเจ้าจะมีหนังสือบอกเข้าไปให้ทราบ...."
พวกข้าหลวงว่าอย่าอ้อนวอนเลย จงเตรียมตัวคอยรับทัพหลวงที่จะยกมาก็แล้วกัน ซ้องกั๋งก็กลับมาต่อว่าพรรคพวกทั้งหกคนที่ก่อความวุ่นวายขึ้น โงวหยงก็ออกรับแทนว่า
"....ข้าพเจ้าได้ทำนายไว้ว่า ในหนังสือคงข่มขี่หยาบช้าต่าง ๆ ท่านกับพวกพี่น้องก็ยังมีความสงสัยไม่เชื่อ ครั้นได้เห็นอำนาจข้าหลวงและหนังสือ สมเหมือนคำของข้าพเจ้า พี่น้อง ทั้งหลายจึงมีใจเจ็บแค้น เพราะรักท่าน ซึ่งท่านจะทำโทษพี่น้องของเราให้แก่เขานั้นไม่ควร....."
ซ้องกั๋งก็จนปัญญาที่จะแก้ไขเหตุได้ นอกจากสั่งให้ลิ่วล้อซ่อมแปลงพื้นที่ ขุดคูสนามเพลาะวางขวากหนามตามทำนอง เพื่อคอยรับศึกใหญ่ต่อไป.
#######
นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๒
กองโจรกลับใจ (๓) ๙ ก.ย.๕๘
กองโจรกลับใจ
ตอนที่ ๓ กังฉินแปลงสาร
"เล่าเซี่ยงชุน"
วันหนึ่งเมื่อ พระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้ เสด็จออกว่าราชการ มีขุนนางตงฉินผู้ซื่อสัตย์ต่อแผ่นดินเข้าเฝ้าพร้อมกัน แต่วันนั้นพวกกังฉินไม่ได้เข้าเฝ้า ก็มีม้าใช้เอาหนังสือของเจ้าเมือง ไทอันจิวมาส่งให้เจ้าพนักงานนำไปอ่านถวาย มีความว่า
ซ้องกั๋งตั้งตัวเป็นกองโจรอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ ได้ยกพวกมากระทำข่มเหงย่ำยีเมืองไทอันจิวกับเมืองขึ้น ซึ่งเป็นพระราชอาณาเขตให้ได้ความเดือดร้อนเนือง ๆ แต่พวกโจรมีกำลังมากกว่าทหารสองสามเท่า จึงขอให้ยกทัพหลวงออกไปช่วยกำจัดโดยเร็ว พระเจ้าซ้องฮุยจงปรึกษากับพวกขุนนางที่เฝ้าอยู่ ซุยเจ๋ง ขุนนางผู้ใหญ่ก็กราบทูลว่า
"...ซึ่งพระองค์คิดจะปราบปรามศัตรูเสี้ยนหนามแผ่นดิน ให้เรียบร้อยนั้นสมควรแก่ประเพณีกษัตริย์แล้ว แต่ข้าพเจ้าทราบว่าซ้องกั๋งทำธงปักไว้หน้าค่าย มีอักษรว่า ประพฤติการสุจริตโดยเที่ยงทางสวรรค์ จึงคิดว่าซ้องกั๋งยังตั้งอยู่ในความสัตย์...."
และกล่าวต่อไปว่า ซ้องกั๋งนั้นมีทหารเอกถึงร้อยแปดคนทหารเลวหลายหมื่น ทางเมืองหลวงจะยกทัพไปปราบเห็นจะเอาชนะยาก สู้เกลี้ยกล่อมให้ซ้องกั๋งสามิภักดิ์ แล้วตั้งให้เป็นแม่ทัพยกไปรับศึกที่เมืองไตเหลียง ซึ่งกำลังจะยกมาตีเมืองตังเกีย ก็จะได้ประโยชน์ถึงสองทาง
พระเจ้าซ้องฮุยจงก็ตรัสว่า
".....ถ้าซ้องกั๋งกระด้างกระเดื่องถือทิฐิไม่เข้ามา เรามิได้รับความอัปยศหรือ....."
ซุยเจ๋งก็ทูลว่า
"....ซ้องกั๋งนี้เป็นคนรักยศ อยากจะทำราชการเป็นขุนนางในตำแหน่งแต่ไม่มีช่องโอกาส ถ้ามีหนังสือรับสั่งให้หาแล้ว คงเข้ามาสนองพระคุณเป็นมั่นคง....."
พระเจ้าซ้องฮุยจงทรงเห็นชอบด้วย จึงให้เจ้าพนักงานแต่งหนังสือรับสั่งให้ ตันจองเสียน ขุนนางผู้ใหญ่ ถือไปเกลี้ยกล่อมซ้องกั๋ง แต่เมื่อ ชัวเกีย กับ กอกิว ขุนนางผู้ใหญ่พวกกังฉินได้ทราบข่าวก็ไม่พอใจ เพราะเคยมีเรื่องเจ็บแค้นกัน กับซ้องกั๋งและพี่น้องเขาเนียซัวเปาะมาแต่ก่อน จึงออกอุบายให้ เตียกันปั้น กับ หลีเหลง ซึ่งเป็นพรรคพวกของตน เดินทางไปกับตันจองเสียนด้วย เพื่อขัดขวางไม่ให้ซ้องกั๋งสามิภักดิ์
เมื่อคณะข้าหลวงที่ถือรับสั่งมาถึงเมืองจีจิว เตียซกแม้ ผู้ว่าราชการ ก็ออกมาต้อนรับ ต่างคนต่างคำนับกันตามธรรมเนียมแล้ว ก็สั่งคนใช้ให้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดูกัน เตียซกแม้ถามว่า ท่านทั้งสามมาด้วยกิจอันใด ตันจองเสียนบอกว่า พระเจ้าซ้องฮุยจงรับสั่งใช้ให้ถือหนังสือไปหาตัวซ้องกั๋งเข้าไปทำราชการ แล้วถามว่าเมืองจีจิวซึ่งอยู่ตรงข้ามกับเขาเนียซัวเปาะ พอแลเห็นกันนั้น ซ้องกั๋งมากระทำย่ำยีเบียดเบียน อาณาประชาราษฎรบ้างหรือไม่ เตียซกแม้ก็ว่า
"....ซ้องกั๋งเป็นคนสัตย์ซื่อ มิได้กระทำข่มเหงผู้ใด จนชั้นแต่ใบไม้ในเมืองจีจิวก็ไม่ร่วงเพราะฝีมือของซ้องกั๋ง....."
แล้วก็จูงมือพาตันจองเสียนเดินชมบริเวณบ้าน พอลับตาผู้คนก็ถามว่าขุนนางที่ติดตามมาอีกสองคนนั้นตำแหน่งใด ตันจองเสียนก็บอกว่า เตียกันปั้นทำราชการอยู่กับชัวเกีย หลีเหลงนั้นทำราชการอยู่กับกอกิว ได้ฝากมาให้เป็นเพื่อนเดินทาง เตียซกแม้ก็วิตกว่าสองคนนั้นเป็นพวกกังฉิน คงเกิดเหตุกับซ้องกั๋งแน่
พอรุ่งเช้าเตียซกแม้ให้คนใช้ข้ามไปบอกซ้องกั๋ง ว่ามีผู้ถือหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซ้องฮุยจงฮ่องเต้มาถึง ซ้องกั๋งก็ยินดีและให้ ซ้องเซ็ง น้องชาย จัดโต๊ะแต่งเครื่องบูชาตั้งไว้สองข้างทางเดิน และปูผ้าแดงตั้งแต่ท่าน้ำ ไปจนถึงศาลาต้อนรับในค่าย แล้วให้นายรองคอยรอรับอยู่ที่ท่าน้ำ กับให้ อวนเซียวชิด จัดเรือข้ามไปรับพวกข้าหลวง ทุกนายก็เตรียมกันตามคำสั่งทุกประการ เว้นแต่ โงวหยง ไม่พอใจที่จะต้อนรับ จึงบอกกับซ้องกั๋งว่า
"...ท่านคิดยินดีที่จะไปทำราชการในเมืองหลวงนั้น เห็นจะไม่สมคิด ด้วยขุนนางพวกกังฉิน ปองร้ายจะเอาชีวิตท่าน และพวกข้าพเจ้ามิได้ขาด ประการหนึ่งหนังสือนั้นก็เป็นสำนวนพวกกังฉินแต่ง คงจะว่ากล่าวขู่ข่มด้วยอำนาจต่าง ๆ ให้ได้ความอายเป็นแน่ ข้าพเจ้าคิดว่าถ้าพวกเขียนหนังสือมาถึงแล้ว จับฆ่าเสียอย่าให้มันบังคับบัญชาเราได้....."
ซ้องกั๋งก็ว่า
"....ซึ่งท่านพูดนั้นเป็นแต่การคาดคะเน จะด่วนทำหุนหันนั้นไม่ได้ การที่เราตั้งใจสามิภักดิ์จะเสียไป....."
โงวหยงไม่ได้โต้ตอบ แต่ก็แอบสั่งพวกที่จะไปต้อนรับข้าหลวง ให้ก่อเหตุกลั่นแกล้งต่าง ๆ นา ๆ
เมื่อขบวนของข้าหลวงข้ามฟากและเดินทางมาถึงที่ต้อนรับ ซ้องกั๋งรีบออกมาคำนับ รับหนังสือขึ้นวางไว้บนโต๊ะบูชา และเชิญข้าหลวงให้นั่งในที่อันควร แต่พวกทหารรองทั้งปวงของซ้องกั๋งนั้นไม่ยอมคำนับ ล้วนถืออาวุธครบมือคอยทีอยู่ทุกคน ซ้องกั๋งปราศรัยว่าท่านทั้งสามเดินทางมานี้มีความสุขอยู่หรือ คณะข้าหลวงก็ตอบว่า
"....เราเป็นข้าหลวงถือหนังสือรับสั่งของพระเจ้าซ้องฮุยจงมา นายด่านและหัวเมืองซึ่งอยู่ในพระราชอาณาเขต ก็แต่งคนให้รับและส่งเป็นระยะกันโดยอันดับมีความสุขทุกแห่งทุกตำบล ต่อเราลงเรือที่ท่าข้ามมานี้ จึงได้ความทุกข์ลำบากเพราะพวกของตัว และซึ่งทำเช่นนี้ไม่สมกับคำ ซุยเจ๋ง เตียซกแม้ สรรเสริญไว้ อย่าพูดมากเลยจงเปิดผนึกหนังสือรับสั่งอ่านดูเถิด....."
ซ้องกั๋งก็คำนับหยิบหนังสือส่งให้ เซียวเหยียง อ่าน มีความว่า
".... พระเจ้าซ้องฮุยจงผู้ครองแผ่นดินซ้อง มาถึงซ้องกั๋งผู้เป็นโจรอยู่ ณ เขาเนียซัวเปาะให้แจ้ง ด้วยหัวเมืองทั้งปวงมีหนังสือบอกเข้าไปว่า ซ้องกั๋งคุมพรรคพวกทำข่มเหง อาณาประชาราษฎรในราชอาณาเขต ให้ได้ความเดือดร้อนต่าง ๆ ขอให้ยกกองทัพหลวงไปปราบปรามเสียให้สิ้น เสี้ยนหนามศัตรูแผ่นดิน และซึ่งหัวเมืองมีหนังสือบอกเข้าไปนั้น ถูกต้องตามขนบธรรมเนียมข้าราชการสืบมาแต่ก่อน อนึ่งขุนนางผู้ใหญ่ที่ช่วยบำรุงแผ่นดินก็ได้ตระเตรียมกองทัพไว้ร้อยหมื่น ทหารเอกมีฝีมือกว่าพัน จะยกมาปราบปรามเสีย เราขอผัดทุเลาไว้เพราะว่าเมตตา จึงมีหนังสือรับสั่งให้ตันจองเสียนถือมา ถ้าซ้องกั๋งยังรักชีวิตของตัวและพวกพี่น้องอยู่แล้ว จงทำบัญชีไพร่พลพวกพ้อง และทรัพย์สินสิ่งของ เครื่องศาสตรวุธ ยื่นแก่ตั้งจองเสียนจนสิ้นเชิงและให้ซ้องกั๋ง กวาดครอบครัว อพยพเข้ามาสารภาพผิดแต่โดยดีจะยกโทษให้ ถ้ายังถือทิฐิมานะไม่กระทำตามหนังสือแล้ว จะยกกองทัพใหญ่มาปราบ ที่ตำบลเขาเนียซัวเปาะเสียให้ราบ ประการหนึ่งกองทัพของเรา มีอำนาจเหมือนกองเพลิง ซ้องกั๋งกับพวกเปรียบเหมือนริ้นยุง จะบินเข้ากองเพลิงนั้นไม่ควร....."
ซ้องกั๋งกับพวกพี่น้องได้ฟังแล้วก็โกรธ แต่สู้สะกดอดโทโสไว้ ส่วนลีขุยไม่ฟังเสียง กระชากเอาหนังสือจากเซียวเหยียงฉีกทิ้ง แล้วเข้าไล่ชกต่อยตันจองเสียนเป็นอลหม่าน ซ้องกั๋งกับ โลวจุนหงี ต้องเข้าไปยึดตัวลีขุย และห้ามไว้ เตียกันปั้นจึงว่า
".....ลีขุยทำบังอาจฉีกหนังสือรับสั่งเสีย แล้วตีด่าข้าหลวงเช่นนี้มีโทษต้องในพระราชกำหนดหลายสถาน ซ้องกั๋งจงเอาตัวไปจำไว้ให้มั่นคงส่งเข้าไปเมืองหลวง....."
ลีขุยได้ยินก็โกรธสบัดหลุด วิ่งมาฉุดเตียกันปั้นกับหลีเหลง ลงจากเก้าอี้แล้วว่า
"....ธรรมดาพระมหากษัตริย์ จะตรัสสิ่งใดก็เป็นมงคล ประกอบด้วยเมตตา โอบอ้อมเอาใจประชาราษฎรมิให้มีข้อเจ็บแค้น ประการหนึ่งทราบว่าผู้ใดเป็นเสี้ยนหนามในแผ่นดิน จะให้ผู้นั้นเข้าอยู่ในอำนาจ ก็แต่งคนที่มีสติปัญญาไปเกลี้ยกล่อมว่ากล่าวแต่โดยดี ไม่ยกตนข่มท่าน สรรเสริญวาสนาบารมีของตัว และให้ริบราชบาตร เหมือนหนังสือที่พวกเอ็งถือมานี้ เราจึงเห็นว่าไม่เป็นคำรับสั่ง เป็นสำนวนคนกังฉิน พวกแต่งเอาเอง กูจึงฉีกเสีย....."
หลีเหลงก็ว่า
"...เมื่อแต่งหนังสือแล้ว เอาขึ้นถวายให้ทอดพระเนตร โปรดประทับตรายี่ห้อสำหรับแผ่นดินมาเป็นสำคัญ ยังไม่เชื่ออีกหรือ...."
ลีขุยตวาดว่าอ้ายโกหก แล้วก็เอามือตบปากผู้ช่วยข้าหลวงทั้งสองล้มลง ซ้องกั๋งต้องรีบลากตัวลีขุยมา แล้วไล่ให้ออกไปจากศาลานั้น และเข้าไปพยุงเตียกันปั้นกับหลีเหลงขึ้นนั่งบนเก้าอี้แล้วว่า
"....ลีขุยเป็นคนโทโสร้ายไม่รู้จักผิดและชอบ ท่านได้เมตตาให้อภัยแก่ข้าพเจ้า สักครั้งหนึ่งถิด....."
พวกข้าหลวงทั้งสามก็ว่า
".....จะให้เรางดโทษกระไรได้ ด้วยลีขุยทำหยาบกับพวกเรา ให้เสื่อมเสียเกียรติยศพระเจ้าแผ่นดิน ดังนี้เราจะเข้าไปกราบทูลให้ทรงทราบ....."
ซ้องกั๋งก็รับว่า
".....การที่กลับกลายเป็นไปต่าง ๆ นั้น ก็เพราะผลกรรมจะให้ข้าพเจ้าเสียสัตย์กตัญญูโดยแท้ ถ้าท่านกราบทูลขึ้นแล้วตัวข้าพเจ้าไม่พ้นผิด ถึงจะพูดจาออกตัวแก้ไขอย่างไรก็ไม่ได้ เหมือนกับปลาอยู่ในหนองอันเดียวกัน....."
แต่มีพวกพี่น้องอีกห้าคนคือลูตีซิม มกหอง เล่าตง บู๊สง และซือจินที่เข้าข้างลีขุยจึงว่า
"....ลีขุยทำโทษแก่พวกข้าหลวงนั้นชอบแล้ว แต่ตัวเรายังไม่ได้ลงโทษกับพวกข้าหลวง...."
ว่าแล้วต่างก็ชักอาวุธประจำมือ จะเข้าทำร้ายพวกข้าหลวง ซ้องกั๋งก็เข้าไปกั้นกางไว้ แล้วเชิญให้ขึ้นรถพาไปส่งถึงท่าน้ำ ทั้งสั่งเจ้าหน้าที่ประจำเรือ ให้ดูแลไปส่งฝั่งตรงข้ามให้ดี และอ้อนวอนเป็นครั้งสุดท้ายว่า
".....จงช่วยกราบทูลพระเจ้าซ้องฮุยจงว่า ข้าพเจ้าตั้งใจสามิภักดิ์จะเข้าไปทำการฉลองพระเดชพระคุณโดยสุจริต มิได้คิดประทุษร้ายต่อพระเจ้าแผ่นดินแต่ พวกพ้องพี่น้องของข้าพเจ้ายังกระด้างกระเดื่องอยู่ จะขอทุเลาว่ากล่าวให้ปลงใจสมัคร เข้าทำราชการด้วย ถ้าเห็นพร้อมกันแล้ว ข้าพเจ้าจะมีหนังสือบอกเข้าไปให้ทราบ...."
พวกข้าหลวงว่าอย่าอ้อนวอนเลย จงเตรียมตัวคอยรับทัพหลวงที่จะยกมาก็แล้วกัน ซ้องกั๋งก็กลับมาต่อว่าพรรคพวกทั้งหกคนที่ก่อความวุ่นวายขึ้น โงวหยงก็ออกรับแทนว่า
"....ข้าพเจ้าได้ทำนายไว้ว่า ในหนังสือคงข่มขี่หยาบช้าต่าง ๆ ท่านกับพวกพี่น้องก็ยังมีความสงสัยไม่เชื่อ ครั้นได้เห็นอำนาจข้าหลวงและหนังสือ สมเหมือนคำของข้าพเจ้า พี่น้อง ทั้งหลายจึงมีใจเจ็บแค้น เพราะรักท่าน ซึ่งท่านจะทำโทษพี่น้องของเราให้แก่เขานั้นไม่ควร....."
ซ้องกั๋งก็จนปัญญาที่จะแก้ไขเหตุได้ นอกจากสั่งให้ลิ่วล้อซ่อมแปลงพื้นที่ ขุดคูสนามเพลาะวางขวากหนามตามทำนอง เพื่อคอยรับศึกใหญ่ต่อไป.
#######
นิตยสารโล่เงิน
มิถุนายน ๒๕๔๒