ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
เตียวไก่.....นายอำเภอเชื้อโจร
ตอนที่ ๑ รวมพลคิดปล้นกังฉิน
"เล่าเซี่ยงชุน"
พี่น้องขบวนการโจรดังกล่าวนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นนายอำเภอ ของตำบลตังเกยชึงแขวงเมืองหุนเสียกุ้ย ชื่อ เตียวไก่ เป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งโอบอ้อมอารีมั่งมีทรัพย์สินมาก ผู้ใดยากจนขัดสนมาหาก็ให้เงินทองไปซื้อกิน บรรดาคนที่มีฝีมือเข้มแข็ง ก็เข้ามาสามิภักดิ์เป็นพวกพ้องด้วยทั้งสิ้น เพราะเตียวไก่นั้นยังไม่มีภรรยา ถึงเวลาก็ซักซ้อมเพลงอาวุธอยู่เป็นนิจมิได้ขาด
วันหนึ่งใกล้รุ่งเช้าเตียวไก่ยังนอนอยู่ ลุยเหง นายทหารฝ่ายเดินเท้าของเมืองหุนเสียกุ้ยกับพวกทหารมาปลุกตั้งแต่มืด บอกว่าจับโจรได้คนหนึ่งที่ศาลเจ้าใกล้แม่น้ำตังเคย จะพาตัวเข้าไปในเมือง ผ่านมาก็เลยแวะมาบอกให้ทราบและขอพักก่อนเมื่อสว่างดีแล้วก็จะลาไปต่อ เตียวไก่ก็เชื้อเชิญให้พักตามสบาย แล้วสั่งให้คนใช้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดู
เตียวไก่สงสัยว่าผู้ใดเป็นโจร จึงให้ลุยเหงนั่งอยู่คนเดียวก่อน ตนเองแอบไปดูชายที่ถูกมัดอยู่หน้าบ้าน เห็นเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่มีไฝดำที่แก้ม แต่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงถามว่า
".....เจ้านี่มาแต่ไหน เราไม่เคยเห็นหน้าเลย..."
ชายผู้นั้นบอกว่าจะมาหาคนชื่อเตียวไก่ที่เป็นนายอำเภอ เตียวไก่ถามว่ามีธุระสิ่งใด ชายผู้นั้นก็ว่าจะมาบอกลาภให้ เตียวไก่จึงคิดจะช่วยเหลือ จึงบอกว่าตนเองคือเตียวไก่ และสอนอุบายให้เอาตัวรอดไว้ ชายผู้นั้นก็ขอบคุณ
เตียวไก่กลับมากินโต๊ะเสพสุรากับลุยเหงอยู่จนสว่าง ลุยเหงก็ขอลาเดินทางต่อไป เตียวไก่ก็ออกมาส่งถึงประตูบ้าน ลุยเหงชี้ให้ดูชายที่ถูกมัดอยู่กับเสาหน้าบ้านนั้น ชายผู้นั้นก็ร้องบอกเตียวไก่ว่า
".....อาช่วยด้วย ข้าพเจ้าจากไปหลายปีแล้ว ครั้นมาหาก็จำทางไม่ได้ เดินทางหลงไปจนค่ำมืด เห็นมีศาลเจ้าก็เข้าพักอาศัยนอน พวกทหารจับตัวมามัดไว้...."
เตียวไก่ก็เดินเข้าไปใกล้ แล้วทำเป็นจำได้ จึงด่าว่าด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ แล้วบอกกับลุยเหงว่า คนนี้เป็นบุตรของพี่ชาย ได้เคยเลี้ยงไว้แต่เล็ก ๆ ครั้นมารดาตายก็เที่ยวซัดเซพเนจร ไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลาหลายปี ดีที่จำไฝที่แก้มได้ พอหันไปหาชายผู้นั้นก็ตวาดเอาว่า
"...เหตุไฉนเจ้าเที่ยวเป็นโจรให้ท่านลุยเหงจับได้.."
ชายผู้นั้นก็เถียงว่าไม่ได้เป็นโจร เพียงแต่เสพสุรามึนเมา นอนหลับอยู่ ทหารก็ไปจับเอาตัวมาเอง เตียวไก่ก็ฉวยไม้เข้าไปตีเอาหลายทีสำทับว่า
"...มาจนถึงบ้าน ยังไม่เข้ามาหา ไปเที่ยวเสพสุราจนเมา ทำเช่นนี้ชอบแต่ตีเสียให้เกือบตาย...."
ลุยเหงชักจะเชื่อจึงให้ทหารแก้มัดออก แล้วก็ขอโทษเตียวไก่ พร้อมกับขอลาไปก่อน เตียวไก่ก็ให้ชายผู้นั้นมาคำนับลุยเหง แล้วเตียวไก่ก็ให้เงินลุยเหงสิบตำลึง กับให้ทหารที่มาด้วยตามสมควร ลุยเหงก็ลาออกจากบ้านไป
เตียวไก่เอาเสื้อผ้ามาให้ชายผู้นั้นผลัดแล้วซักถามประวัติ ได้ความว่าชื่อ เล่าตง เป็นชาวเมืองโลวจิว ตั้งใจจะมาบอกลาภให้ เผอิญถูกทหารจับตัวไว้ ที่ช่วยให้รอดมาได้นี้เป็นพระคุณที่ยิ่ง แล้วเชิญให้เตียวไก่นั่งบนโต๊ะตนเองจะขอกราบไหว้สนองพระคุณ
เตียวไก่บอกว่าข้อนั้นไม่เป็นไร แต่เรื่องที่จะบอกนั้นคืออย่างไร
เล่าตงก็บอกว่า เนียสิเกียด นั้นเป็นขุนนางอยู่ ณ เมืองปักเกีย ตำบลบ้านไต้เมงฮู้ ได้จัดซื้อเพชรพลอยไว้ถึงสิบหมื่นเหรียญ จะเอาไปช่วย ชัวเกีย พ่อตาทำแซยิด ณ เมืองหลวง ปีก่อนชัวเกียทำแซยิดครั้งหนึ่งแล้ว เนียสิเกียดจัดทรัพย์สิ่งของเงินทองเป็นอันมากเอาไปช่วยชัวเกีย
ครั้นเดินทางไปมีผู้ร้ายมาแย่งชิงเอาเงินทองสิ่งของไปสิ้น จนเดี๋ยวนี้ก็ยังจับตัวโจรผู้ร้ายไม่ได้ แล้วย้ำว่า
"....มาครั้งนี้เนียสิเกียดจะให้คนคุมเพชรพลอยเข้าไปอีก ข้าพเจ้าจึงได้มาแจ้งกับท่าน คนที่จะคุมเพชรพลอยนั้นมากสักเท่าไร ข้าพเจ้าไม่กลัวเลย ช่วยกันชิงเอาให้จงได้ ด้วย เนียสิเกียดกับพ่อตาเป็นขุนนางกังฉิน เที่ยวข่มเหงกดขี่พวกราษฎรลงเอาเงินทอง จึงได้มีทรัพย์สิ่งของมาก ถ้าท่านกับข้าพเจ้าไปแย่งชิงเอามาได้ ถึงเทพยดาฟ้าและดินแจ้งความก็ไม่เป็นไร สืบไปภายหน้าโทษทัณฑ์สิ่งใดก็ไม่มีดอก ท่านจะเห็นประการใด....."
เตียวไก่ก็ว่าขอบใจหนักหนา แต่จะขอตรึกตรองดูก่อน แล้วก็ให้คนใช้พาเล่าตงไปเข้าที่พัก แต่เล่าตงเสียดายเงินที่เตียวไก่ให้ลุยเหง จึงแอบคว้ากระบี่ออกจากบ้านเตียวไก่รีบตามไปจนทัน แล้วร้องเรียกลุยเหงให้คืนเงินสิบตำลึง
ลุยเหงก็ว่าใช่เงินทองของเล่าตงที่ไหน เตียวไก่ให้จึงได้เอามา ไม่เอาตัวไปเข้าคุกเพราะเห็นแก่หน้าอา ยังจะมาทวงเอาเงินคืนอีก เล่าตงก็โกรธรำกระบี่เข้าสู้รบกับลุยเหงเป็นหลายสิบเพลงก็เอาชนะกันไม่ได้ ต่างคนว่องไวมีฝีมือสันทัดกันทั้งสองฝ่าย
เผอิญที่ตรงนั้นเป็นหน้าบ้านของ โงวหยง เพื่อนของเตียวไก่จึงออกมาห้ามปราม แต่เล่าตงก็ไม่ฟังคงสู้รบกับลุยเหงต่อไปอีกครึ่งวันก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน จนเตียวไก่รู้เรื่องตามมาถึงที่เกิดเหตุ โงวหยงแจ้งว่าได้ห้ามปรามแล้วก็ไม่ฟัง เตียวไก่ก็ด่าว่าเล่าตงเป็นอันมาก เล่าตงเห็นเตียวไก่โกรธจึงจำใจต้องหยุด ลุยเหงบอกว่า
"...หลานท่านตามมาจะเอาเงินข้าพเจ้าไม่ให้จึงได้สู้รบกัน โงวหยงมาห้ามหลานท่านก็ไม่ฟัง ข้าพเจ้าว่าท่านมาเองจึงจะให้เงิน...."
เตียวไก่โกรธมากจึงว่า
"......ลูกเช่นนี้เห็นจะเลี้ยงไม่ได้ ข้าพเจ้าจะเอาไปตีเสียให้แทบตาย ท่านอย่าถือโทษโกรธเลย เห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเถิด....."
ลุยเหงก็ไม่ว่าอะไรขอลาเดินทางต่อไป โงวหยงจึงพูดกับเตียวไก่ว่า
".....ถ้าท่านไม่มาเห็นจะเกิดความใหญ่ ซึ่งชายผู้นี้ฝีมือเข้มแข็งนัก แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ลุยเหงจะสู้ชายผู้นี้ไม่ได้ จึงออกมาห้ามไว้ ถ้าท่านมาช้าลุยเหงก็คงตาย ชายผู้นี้มาแต่ข้างไหนจึงเรียกท่านว่าอา...."
เตียวไก่ก็ตัดบทว่าเดิมตั้งใจจะให้คนไปเชิญโงวหยงมาปรึกษากัน พอดีตามเล่าตงมาพบตัว จึงขอเชิญไปที่บ้านจะได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วก็พากันกลับพร้อมด้วยเล่าตง
โงวหยงนี้เดิมไปเรียนหนังสือเป็นขุนนางที่สิวไจฝ่ายบุ๋น ครั้นอยู่มาเห็นว่าบ้านเมืองแปรปรวน จึงได้ฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ ไว้สำหรับตัว และเปิดสอนหนังสือในบ้าน วันนั้นจึงสั่งคนใช้ว่าถ้าศิษย์ที่เรียนหนังสือมา จงบอกว่าซินแสมีธุระให้มาเวลาอื่น แล้วก็ใส่กุญแจห้องเดินไปบ้านเตียวไก่
เมื่อเชิญให้โงวหยงนั่งเรียบร้อยแล้ว เตียวไก่ก็เล่าเรื่องของเล่าตงให้ฟังตั้งแต่ถูก ลุยเหงจับตัวมาจากศาลเจ้า แล้วตนเองได้ออกอุบายให้เป็นหลานจึงรอดตัวมาได้ เล่าตงนั้นตั้งใจมาหาตนเพื่อจะบอกเรื่องที่เนียสิเกียดจะขนเงินทองเพชรพลอย มีค่าถึงสิบหมื่นเหรียญ เอาไปช่วยพ่อตาที่ตังเกียเมืองหลวง ทำแซยิดในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหก จึงได้เชิญโงวหยงมาปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้
โงวหยงก็ว่า
".....การอันนี้ก็ควรที่จะคิดอ่าน แต่คนที่จะต้องใช้นั้น มากก็ไม่ได้น้อยก็ไม่ได้ ในตำบลนี้ไม่เห็นมีผู้ใด ตัวท่านกับข้าพเจ้าและเล่าตง สามคนนั้นฝีมือเข้มแข็งสักเท่าไรก็เห็นจะไม่ได้ ต้องแปดคนจึงจะทำการสำเร็จ....."
พูดแล้วก็นั่งตรึกตรองอยู่เป็นครู่ใหญ่ก็ระลึกได้ จึงบอกเตียวไก่ว่า มีพี่น้องสามคนคือ อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา และ อวนเซียวชิด อยู่บ้านเจียะเกียดชวน แขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ทั้งสามคน ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่พูดจาการสิ่งใดก็สัตย์ซื่อมั่นคง
เตียวไก่ว่าเคยได้ยินชื่อเสียงอยู่ แต่บ้านอยู่ไกลประมาณร้อยลี้เศษจะให้ใครไปเชิญมาพูดจากันได้ โงวหยงก็รับอาสาว่าจะไปเอง เตียวไก่จึงให้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงและปรึกษากันต่อไป
โงวหยงว่าหนทางจากเมืองปักเกียไปเมืองตังเกียนั้นมีหลายทาง ไม่รู้ว่าเขาจะเดินทางไหน ควรให้เล่าตงไปสืบข่าวดูให้รู้แน่ จะได้คิดการไว้คอยท่า ส่วนตนเองจะเดินทางไปหาพี่น้องแซ่อวนในค่ำนี้ เตียวไก่เห็นด้วยจึงตกลงตามที่โงวหยงว่า
โงวหยงก็ลาเตียวไก่เดินทางไปแต่คืนนั้น จนถึงกลางวันรุ่งขึ้นจึงถึงหมู่บ้านเจียะเกียดชวน สามคนพี่น้องนั้นเป็นชาวประมง มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำใกล้เคียงกับตำบลเนียซัวเปาะ เที่ยวหาปลาในแม่น้ำเลี้ยงชีวิต โงวหยงพบกับอวนเซียวยีก่อน แล้วจึงไปตามอวนเซียวเหงากับอวนเซียวชิด มาเสพสุรากินโต๊ะคุยกันที่บ้านของอวนเซียวยี
ทั้งสามคนพี่น้องในขณะนั้นกำลังขัดสนเงินทอง เพราะเล่นการพนันและทำมาหากินไม่ค่อยได้ กำลังคิดหาทางที่จะไปเข้ากลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่ยังไม่มีผู้ชักนำ โงวหยงจึงพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้มาเข้าเป็นพวกเตียวไก่ นายอำเภอตำบลตังเคยชึง ก่อน แล้วจึงได้เล่าเรื่องทรัพย์สมบัติของเนียสิเกียด ที่จะส่งไปช่วยพ่อตาให้ฟัง ทั้งสามพี่น้องก็ยินดีที่จะร่วมมือด้วย โงวหยงก็ค้างคืนที่บ้านอวนเซียวยี พอรุ่งเช้าจึงพากันเดินทางกลับมาอีกวันหนึ่ง จึงมาถึงบ้านเตียวไก่.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๑
นายอำเภอเชื้อโจร (๑) ๔ ส.ค.๕๘
เตียวไก่.....นายอำเภอเชื้อโจร
ตอนที่ ๑ รวมพลคิดปล้นกังฉิน
"เล่าเซี่ยงชุน"
พี่น้องขบวนการโจรดังกล่าวนี้ มีอยู่คนหนึ่งเป็นนายอำเภอ ของตำบลตังเกยชึงแขวงเมืองหุนเสียกุ้ย ชื่อ เตียวไก่ เป็นคนมีฝีมือเข้มแข็งโอบอ้อมอารีมั่งมีทรัพย์สินมาก ผู้ใดยากจนขัดสนมาหาก็ให้เงินทองไปซื้อกิน บรรดาคนที่มีฝีมือเข้มแข็ง ก็เข้ามาสามิภักดิ์เป็นพวกพ้องด้วยทั้งสิ้น เพราะเตียวไก่นั้นยังไม่มีภรรยา ถึงเวลาก็ซักซ้อมเพลงอาวุธอยู่เป็นนิจมิได้ขาด
วันหนึ่งใกล้รุ่งเช้าเตียวไก่ยังนอนอยู่ ลุยเหง นายทหารฝ่ายเดินเท้าของเมืองหุนเสียกุ้ยกับพวกทหารมาปลุกตั้งแต่มืด บอกว่าจับโจรได้คนหนึ่งที่ศาลเจ้าใกล้แม่น้ำตังเคย จะพาตัวเข้าไปในเมือง ผ่านมาก็เลยแวะมาบอกให้ทราบและขอพักก่อนเมื่อสว่างดีแล้วก็จะลาไปต่อ เตียวไก่ก็เชื้อเชิญให้พักตามสบาย แล้วสั่งให้คนใช้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงดู
เตียวไก่สงสัยว่าผู้ใดเป็นโจร จึงให้ลุยเหงนั่งอยู่คนเดียวก่อน ตนเองแอบไปดูชายที่ถูกมัดอยู่หน้าบ้าน เห็นเป็นคนรูปร่างสูงใหญ่มีไฝดำที่แก้ม แต่ไม่เคยรู้จักมาก่อน จึงถามว่า
".....เจ้านี่มาแต่ไหน เราไม่เคยเห็นหน้าเลย..."
ชายผู้นั้นบอกว่าจะมาหาคนชื่อเตียวไก่ที่เป็นนายอำเภอ เตียวไก่ถามว่ามีธุระสิ่งใด ชายผู้นั้นก็ว่าจะมาบอกลาภให้ เตียวไก่จึงคิดจะช่วยเหลือ จึงบอกว่าตนเองคือเตียวไก่ และสอนอุบายให้เอาตัวรอดไว้ ชายผู้นั้นก็ขอบคุณ
เตียวไก่กลับมากินโต๊ะเสพสุรากับลุยเหงอยู่จนสว่าง ลุยเหงก็ขอลาเดินทางต่อไป เตียวไก่ก็ออกมาส่งถึงประตูบ้าน ลุยเหงชี้ให้ดูชายที่ถูกมัดอยู่กับเสาหน้าบ้านนั้น ชายผู้นั้นก็ร้องบอกเตียวไก่ว่า
".....อาช่วยด้วย ข้าพเจ้าจากไปหลายปีแล้ว ครั้นมาหาก็จำทางไม่ได้ เดินทางหลงไปจนค่ำมืด เห็นมีศาลเจ้าก็เข้าพักอาศัยนอน พวกทหารจับตัวมามัดไว้...."
เตียวไก่ก็เดินเข้าไปใกล้ แล้วทำเป็นจำได้ จึงด่าว่าด้วยคำหยาบช้าต่าง ๆ แล้วบอกกับลุยเหงว่า คนนี้เป็นบุตรของพี่ชาย ได้เคยเลี้ยงไว้แต่เล็ก ๆ ครั้นมารดาตายก็เที่ยวซัดเซพเนจร ไม่ได้กลับมาบ้านเป็นเวลาหลายปี ดีที่จำไฝที่แก้มได้ พอหันไปหาชายผู้นั้นก็ตวาดเอาว่า
"...เหตุไฉนเจ้าเที่ยวเป็นโจรให้ท่านลุยเหงจับได้.."
ชายผู้นั้นก็เถียงว่าไม่ได้เป็นโจร เพียงแต่เสพสุรามึนเมา นอนหลับอยู่ ทหารก็ไปจับเอาตัวมาเอง เตียวไก่ก็ฉวยไม้เข้าไปตีเอาหลายทีสำทับว่า
"...มาจนถึงบ้าน ยังไม่เข้ามาหา ไปเที่ยวเสพสุราจนเมา ทำเช่นนี้ชอบแต่ตีเสียให้เกือบตาย...."
ลุยเหงชักจะเชื่อจึงให้ทหารแก้มัดออก แล้วก็ขอโทษเตียวไก่ พร้อมกับขอลาไปก่อน เตียวไก่ก็ให้ชายผู้นั้นมาคำนับลุยเหง แล้วเตียวไก่ก็ให้เงินลุยเหงสิบตำลึง กับให้ทหารที่มาด้วยตามสมควร ลุยเหงก็ลาออกจากบ้านไป
เตียวไก่เอาเสื้อผ้ามาให้ชายผู้นั้นผลัดแล้วซักถามประวัติ ได้ความว่าชื่อ เล่าตง เป็นชาวเมืองโลวจิว ตั้งใจจะมาบอกลาภให้ เผอิญถูกทหารจับตัวไว้ ที่ช่วยให้รอดมาได้นี้เป็นพระคุณที่ยิ่ง แล้วเชิญให้เตียวไก่นั่งบนโต๊ะตนเองจะขอกราบไหว้สนองพระคุณ
เตียวไก่บอกว่าข้อนั้นไม่เป็นไร แต่เรื่องที่จะบอกนั้นคืออย่างไร
เล่าตงก็บอกว่า เนียสิเกียด นั้นเป็นขุนนางอยู่ ณ เมืองปักเกีย ตำบลบ้านไต้เมงฮู้ ได้จัดซื้อเพชรพลอยไว้ถึงสิบหมื่นเหรียญ จะเอาไปช่วย ชัวเกีย พ่อตาทำแซยิด ณ เมืองหลวง ปีก่อนชัวเกียทำแซยิดครั้งหนึ่งแล้ว เนียสิเกียดจัดทรัพย์สิ่งของเงินทองเป็นอันมากเอาไปช่วยชัวเกีย
ครั้นเดินทางไปมีผู้ร้ายมาแย่งชิงเอาเงินทองสิ่งของไปสิ้น จนเดี๋ยวนี้ก็ยังจับตัวโจรผู้ร้ายไม่ได้ แล้วย้ำว่า
"....มาครั้งนี้เนียสิเกียดจะให้คนคุมเพชรพลอยเข้าไปอีก ข้าพเจ้าจึงได้มาแจ้งกับท่าน คนที่จะคุมเพชรพลอยนั้นมากสักเท่าไร ข้าพเจ้าไม่กลัวเลย ช่วยกันชิงเอาให้จงได้ ด้วย เนียสิเกียดกับพ่อตาเป็นขุนนางกังฉิน เที่ยวข่มเหงกดขี่พวกราษฎรลงเอาเงินทอง จึงได้มีทรัพย์สิ่งของมาก ถ้าท่านกับข้าพเจ้าไปแย่งชิงเอามาได้ ถึงเทพยดาฟ้าและดินแจ้งความก็ไม่เป็นไร สืบไปภายหน้าโทษทัณฑ์สิ่งใดก็ไม่มีดอก ท่านจะเห็นประการใด....."
เตียวไก่ก็ว่าขอบใจหนักหนา แต่จะขอตรึกตรองดูก่อน แล้วก็ให้คนใช้พาเล่าตงไปเข้าที่พัก แต่เล่าตงเสียดายเงินที่เตียวไก่ให้ลุยเหง จึงแอบคว้ากระบี่ออกจากบ้านเตียวไก่รีบตามไปจนทัน แล้วร้องเรียกลุยเหงให้คืนเงินสิบตำลึง
ลุยเหงก็ว่าใช่เงินทองของเล่าตงที่ไหน เตียวไก่ให้จึงได้เอามา ไม่เอาตัวไปเข้าคุกเพราะเห็นแก่หน้าอา ยังจะมาทวงเอาเงินคืนอีก เล่าตงก็โกรธรำกระบี่เข้าสู้รบกับลุยเหงเป็นหลายสิบเพลงก็เอาชนะกันไม่ได้ ต่างคนว่องไวมีฝีมือสันทัดกันทั้งสองฝ่าย
เผอิญที่ตรงนั้นเป็นหน้าบ้านของ โงวหยง เพื่อนของเตียวไก่จึงออกมาห้ามปราม แต่เล่าตงก็ไม่ฟังคงสู้รบกับลุยเหงต่อไปอีกครึ่งวันก็ยังไม่เพลี่ยงพล้ำแก่กัน จนเตียวไก่รู้เรื่องตามมาถึงที่เกิดเหตุ โงวหยงแจ้งว่าได้ห้ามปรามแล้วก็ไม่ฟัง เตียวไก่ก็ด่าว่าเล่าตงเป็นอันมาก เล่าตงเห็นเตียวไก่โกรธจึงจำใจต้องหยุด ลุยเหงบอกว่า
"...หลานท่านตามมาจะเอาเงินข้าพเจ้าไม่ให้จึงได้สู้รบกัน โงวหยงมาห้ามหลานท่านก็ไม่ฟัง ข้าพเจ้าว่าท่านมาเองจึงจะให้เงิน...."
เตียวไก่โกรธมากจึงว่า
"......ลูกเช่นนี้เห็นจะเลี้ยงไม่ได้ ข้าพเจ้าจะเอาไปตีเสียให้แทบตาย ท่านอย่าถือโทษโกรธเลย เห็นแก่หน้าข้าพเจ้าเถิด....."
ลุยเหงก็ไม่ว่าอะไรขอลาเดินทางต่อไป โงวหยงจึงพูดกับเตียวไก่ว่า
".....ถ้าท่านไม่มาเห็นจะเกิดความใหญ่ ซึ่งชายผู้นี้ฝีมือเข้มแข็งนัก แต่ข้าพเจ้าเห็นว่า ลุยเหงจะสู้ชายผู้นี้ไม่ได้ จึงออกมาห้ามไว้ ถ้าท่านมาช้าลุยเหงก็คงตาย ชายผู้นี้มาแต่ข้างไหนจึงเรียกท่านว่าอา...."
เตียวไก่ก็ตัดบทว่าเดิมตั้งใจจะให้คนไปเชิญโงวหยงมาปรึกษากัน พอดีตามเล่าตงมาพบตัว จึงขอเชิญไปที่บ้านจะได้เล่าเรื่องทั้งหมดให้ฟัง แล้วก็พากันกลับพร้อมด้วยเล่าตง
โงวหยงนี้เดิมไปเรียนหนังสือเป็นขุนนางที่สิวไจฝ่ายบุ๋น ครั้นอยู่มาเห็นว่าบ้านเมืองแปรปรวน จึงได้ฝึกหัดเพลงอาวุธต่าง ๆ ไว้สำหรับตัว และเปิดสอนหนังสือในบ้าน วันนั้นจึงสั่งคนใช้ว่าถ้าศิษย์ที่เรียนหนังสือมา จงบอกว่าซินแสมีธุระให้มาเวลาอื่น แล้วก็ใส่กุญแจห้องเดินไปบ้านเตียวไก่
เมื่อเชิญให้โงวหยงนั่งเรียบร้อยแล้ว เตียวไก่ก็เล่าเรื่องของเล่าตงให้ฟังตั้งแต่ถูก ลุยเหงจับตัวมาจากศาลเจ้า แล้วตนเองได้ออกอุบายให้เป็นหลานจึงรอดตัวมาได้ เล่าตงนั้นตั้งใจมาหาตนเพื่อจะบอกเรื่องที่เนียสิเกียดจะขนเงินทองเพชรพลอย มีค่าถึงสิบหมื่นเหรียญ เอาไปช่วยพ่อตาที่ตังเกียเมืองหลวง ทำแซยิดในวันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนหก จึงได้เชิญโงวหยงมาปรึกษาหารือกันในเรื่องนี้
โงวหยงก็ว่า
".....การอันนี้ก็ควรที่จะคิดอ่าน แต่คนที่จะต้องใช้นั้น มากก็ไม่ได้น้อยก็ไม่ได้ ในตำบลนี้ไม่เห็นมีผู้ใด ตัวท่านกับข้าพเจ้าและเล่าตง สามคนนั้นฝีมือเข้มแข็งสักเท่าไรก็เห็นจะไม่ได้ ต้องแปดคนจึงจะทำการสำเร็จ....."
พูดแล้วก็นั่งตรึกตรองอยู่เป็นครู่ใหญ่ก็ระลึกได้ จึงบอกเตียวไก่ว่า มีพี่น้องสามคนคือ อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา และ อวนเซียวชิด อยู่บ้านเจียะเกียดชวน แขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ทั้งสามคน ไม่ได้เรียนหนังสือ แต่พูดจาการสิ่งใดก็สัตย์ซื่อมั่นคง
เตียวไก่ว่าเคยได้ยินชื่อเสียงอยู่ แต่บ้านอยู่ไกลประมาณร้อยลี้เศษจะให้ใครไปเชิญมาพูดจากันได้ โงวหยงก็รับอาสาว่าจะไปเอง เตียวไก่จึงให้จัดโต๊ะสุราอาหารมาเลี้ยงและปรึกษากันต่อไป
โงวหยงว่าหนทางจากเมืองปักเกียไปเมืองตังเกียนั้นมีหลายทาง ไม่รู้ว่าเขาจะเดินทางไหน ควรให้เล่าตงไปสืบข่าวดูให้รู้แน่ จะได้คิดการไว้คอยท่า ส่วนตนเองจะเดินทางไปหาพี่น้องแซ่อวนในค่ำนี้ เตียวไก่เห็นด้วยจึงตกลงตามที่โงวหยงว่า
โงวหยงก็ลาเตียวไก่เดินทางไปแต่คืนนั้น จนถึงกลางวันรุ่งขึ้นจึงถึงหมู่บ้านเจียะเกียดชวน สามคนพี่น้องนั้นเป็นชาวประมง มีบ้านเรือนอยู่ริมแม่น้ำใกล้เคียงกับตำบลเนียซัวเปาะ เที่ยวหาปลาในแม่น้ำเลี้ยงชีวิต โงวหยงพบกับอวนเซียวยีก่อน แล้วจึงไปตามอวนเซียวเหงากับอวนเซียวชิด มาเสพสุรากินโต๊ะคุยกันที่บ้านของอวนเซียวยี
ทั้งสามคนพี่น้องในขณะนั้นกำลังขัดสนเงินทอง เพราะเล่นการพนันและทำมาหากินไม่ค่อยได้ กำลังคิดหาทางที่จะไปเข้ากลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่ยังไม่มีผู้ชักนำ โงวหยงจึงพูดจาเกลี้ยกล่อม ให้มาเข้าเป็นพวกเตียวไก่ นายอำเภอตำบลตังเคยชึง ก่อน แล้วจึงได้เล่าเรื่องทรัพย์สมบัติของเนียสิเกียด ที่จะส่งไปช่วยพ่อตาให้ฟัง ทั้งสามพี่น้องก็ยินดีที่จะร่วมมือด้วย โงวหยงก็ค้างคืนที่บ้านอวนเซียวยี พอรุ่งเช้าจึงพากันเดินทางกลับมาอีกวันหนึ่ง จึงมาถึงบ้านเตียวไก่.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๑