ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
กองโจรกลับใจ
ตอนที่ ๑ ไต้อ๋องคนใหม่
"เล่าเซี่ยงชุน"
หลังจากที่ ซ้องกั๋ง ได้รอดพ้นจากการถูกประหารชีวิต โทษฐานเขียนคำโคลงว่าจะเป็นกบฏที่เมืองกังจิว เพราะเพื่อนพ้องชาวเขาเนียซัวเปาะ ได้พากันมาช่วยเหลือแล้ว ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอีก จำต้องพาบิดากับน้องชาย มาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ และได้ตำแหน่งที่สองรองจาก เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ของขบวนโจรกลุ่มนี้
จากนั้นซ้องกั๋งก็ยกพลไปปราบกลุ่มโจรเขามงตงซัว ได้ตัวนายโจร ชื่อ ฮวนสุน หังชอง และ ลีกุน มาเป็นพรรคพวกเพิ่มเติมขึ้นอีกสามนาย
เมื่อกลับมาถึงสำนักเขาเนียซัวเปาะ ก็พบกับ ตวนเกงจู๊ ชาวเมืองตกจิวรูปร่างสูงใหญ่ ผมเหลืองหนวดแดง มีอาชีพลักม้าของชาวบ้านมาขายกิน ซ้องกั๋งไต่ถามก็ได้ความว่า
คืนวันหนึ่งได้ลักม้าสีขาวบริสุทธิ์ ของเจ้าเมืองไตกิมก๊กมาได้ ตั้งใจจะนำมาให้ซ้องกั๋ง เพื่อขอสมัครอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะด้วย แต่เมื่อเดินทางมาถึงเมืองเลงจิว ตำบลบ้านจินเถาฉี ก็ถูกพวกแซ่จันซึ่งมีอยู่ด้วยกันห้าคนพี่น้อง แย่งชิงเอาม้าขาวที่ชื่อ แมเง็กไชจือ ไปเสียและทุบตีขับไล่ตนมา
ซ้องกั๋งจึงให้ ไตจง ซึ่งเคยเป็นผู้คุมอยู่ที่เมืองกังจิว ไปสืบข่าวดูก็ได้ความว่า ตำบลจันเถาฉีมีบ้านเรือนประมาณสามพันเศษ นักเลงใหญ่ในตำบลนี้คือ จันหลัง มีบุตรชายห้าคน ได้ครูฝึกเพลงอาวุธสองคนคือ ซือบุนเกียง กับ โซวเตีย มีไพร่พลอยู่ประมาณเจ็ดพันเศษ ม้าขาวที่ยึดไปได้นั้นซือบุนเกียงใช้ขับขี่อยู่ ขณะนี้ได้จัดทำเกวียนเป็นกรงที่คุมขัง ตั้งใจจะยกพวกมาปราบปรามกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ และจับตัวหัวหน้าไปส่งที่เมืองหลวง
เตียวไก่จึงยกพลห้าพันมีนายโจรไปด้วยยี่สิบคน เข้าโจมตีตำบลจันเถาฉี ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะยกมา แต่พวกแซ่จันมีฝีมือเข้มแข็งมาก และใช้กลลวงให้หลวงจีนสามองค์ ทำอุบายล่อลวงเตียวไก่ ให้เข้าไปถูกล้อมอยู่ในป่า จึงถูกตีแตกพ่ายกลับมา
ตัวเตียวไก่ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ที่หน้าผากบาดเจ็บสาหัส พี่น้องพามารักษาตัวที่เขาเนียซัวเปาะ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงสั่งเสียกับซ้องกั๋งว่า
"...ตัวพี่ไม่รอดแล้ว น้องอย่าเสียใจเลย ถ้าพวกพ้องคนไหนจับตัวผู้ที่ยิงพี่มาแก้แค้นได้ ตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ มอบให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของว่ากล่าว แทนตัวพี่สืบไป.."
สั่งเสร็จอาการก็กำเริบมากขึ้น จนขาดใจตายไป พี่น้องกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ ก็ชวนกันยกซ้องกั๋งขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่ โดย ลิมชอง นายโจรชั้นผู้ใหญ่ อดีตเคยเป็นครูทหารอยู่เมืองหลวง ได้กล่าวว่า
“….เมืองหลวงนั้นไม่มีกษัตริย์วันหนึ่งก็ไม่ควร ธรรมเนียมบ้าน เมืองก็ต้องมีเจ้าของ ว่ากล่าวทุกเวลาจึงจะเรียบร้อย บัดนี้เตียวไก่ผู้เป็นไต้อ๋องก็ดับสูญเสียแล้ว การงานในตำบลเขาเนียซัวเปาะก็มาก ต้องให้มีไต้อ๋องเจ้าของตำบลว่ากล่าวจึงจะได้ ตัวท่านก็เป็นคนสัตย์สุจริต ชื่อเสียงก็ปรากฎไปทั้งแผ่นดิน ไพร่บ้านพลเมือง ก็ชวนกันสรรเสริญว่ามิได้คิดเบียดเบียนท่านผู้ใด มีแต่จะช่วยคนยากให้พ้นทุกข์ วันนี้ก็เป็นวันดีแล้วขอเชิญท่านขึ้นเป็นไต้อ๋อง เจ้าของตำบล ว่ากล่าวการงาน พวกพี่น้องทั้งหลายยอมอยู่ในบังคับท่านทั้งสิ้น...."
แต่ซ้องกั๋งไม่ยอมรับบอกว่า
".....เมื่อเตียวไก่จะดับสูญสั่งไว้ว่า ถ้าผู้ใดจับตัวซือบุนเกียง ครูของพวกแซ่จันที่ยิงเตียวไก่ได้ จะยกให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของตำบลเขาเนียซัวเปาะ ถ้อยคำอันนี้พี่น้องทั้งปวงได้ยินด้วยกันทุกคน ครั้นจะขัดขืนก็ไม่ควร บัดนี้ยังไม่ได้แก้แค้นซือบุนเกียง จะมาว่ากล่าวแทนที่อย่างไรได้....."
โงวหยง ที่ปรึกษาของกลุ่มก็ท้วงว่า ลิมชองพูดถูกแล้ว ขอเชิญให้เป็นหัวหน้าไปก่อน แล้วภายหลังจึงคิดอ่านสืบไป ซ้องกั๋งก็ตกลงรับเป็นชั่วคราว
ซ้องกั๋งก็จัดลำดับนายโจร ให้โงวหยงกับ กงสุนสิน เป็นที่ปรึกษาลำดับสองสาม ให้ ลิมชอง กับ อูเอียนเจียก เป็นลำดับสี่ห้า นอกนั้นก็เรียงลำดับกันไปจนครบคน แล้วสร้างค่าย ขึ้นใหม่เป็นหกค่าย
ค่ายใหญ่มีนายตั้งแต่ซ้องกั๋งลงมาเจ็ดคน ค่ายซ้ายขวาหน้าหลัง มีนายค่ายละเจ็ดคน ค่ายในน้ำมีนายแปดคน กับมีด่านสามด่าน ค่ายเล็กที่หลังเขาสองค่าย และมีโรงสุราสำหรับสืบข่าวคราว กับคอยรับพวกพ้องที่จะเข้ามาสมัครอีกสี่ตำบล แต่ซ้องกั๋งก็ยังไม่ได้ยกพลไปแก้แค้น พวกแซ่จัน เนื่องจากจะรอเซ่นไหว้ศพเตียวไก่ ให้ครบร้อยวันก่อน
จนกระทั่งโงวหยงทำอุบายหลอกลวง โลวจุนหงี เศรษฐีใหญ่เมืองปักเกีย มาเข้าเป็นพวกด้วย และซ้องกั๋งนับถือมาก จะยกให้เป็นไต้อ๋อง แต่โลวจุนหงีเห็นว่าตนมาทีหลัง จึงไม่ยอมรับ
ต่อมาอีกเป็นเวลานานซ้องกั๋งให้ตวนเกงจู๊ เอียหลิม และ เจียย้ง ไปจัดซื้อม้าทางทิศเหนือ ได้ม้าดีสองร้อย เมื่อคุมกลับมาถึงเขตแดนเมืองเชงจิว ก็ถูกพวกโจรประมาณสามร้อยเศษ มีนายชื่อ ยกเปาสี เข้ามาแย่งชิงเอาม้า ไปให้พวกตำบลจันเถาฉีอีก
คราวนี้ซ้องกั๋งจึงยกทัพหมื่นเจ็ดพันเศษ กับนายโจรสามสิบคนไปปราบพวกแซ่จันถึงถิ่น
ฝ่ายพวกแซ่จันนั้นตั้งค่ายไว้ห้าแห่ง ทางทิศเหนือให้ จันโถว บุตรชายคนโตกับ โซวเตียอยู่รักษา
ทิศใต้ จันมิด บุตรคนที่สองอยู่รักษา
ทิศตะวันตก จันซก บุตรคนที่สามรักษา
ทิศตะวันออก จันคุย บุตรคนที่สี่รักษา
ค่ายหลวง จันเซง บุตรคนที่ห้ากับจันหลัง ผู้บิดาอยู่ป้องกัน
โงวหยงกุนซือของซ้องกั๋ง ก็จัดกองทัพออกเป็นห้ากองเช่นกัน ให้ทหารเอกกองละห้าคนคุมพลสามพัน เข้าตีทุกค่ายพร้อมกัน เว้นค่ายหลวงซ้องกั๋งกับพี่น้องแปดนายคุมพลห้าพันเข้าตีเอง และมีพี่น้องอีกสี่คนคุมพลเป็นกองหนุน
โลวจุนหงี ขออาสาไปรบด้วย โงวหยงก็ว่าท่านเศรษฐีพึ่งจะมาใหม่ยังไม่เคยทาง จะยกกองทัพไปครั้งนี้สูง ๆ ต่ำ ๆ เดินลำบากนัก จึงให้โลวจุนหงีกับเอียนเชง คุมพลห้าร้อยไปซุ่มอยู่ใกล้ตำบลจันเถาฉี ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาณจุดขึ้นเมื่อไร ให้คุมไพร่พลเข้าช่วยดีกว่า
ผลของการรบปรากฎว่า จันโถว จันซก ถึงแก่ความตายในที่รบ ส่วนพี่น้องของซ้องกั๋งบาดเจ็บไปสองคน คือ ลีขุย ถูกเกาทัณฑ์ที่ต้นขา และฉินเหม็ง ถูกแทงต้นขาเหมือนกัน
จันหลังจึงปรึกษากับซือบุนเกียงผู้เป็นครูฝึกทหาร ทำหนังสือขอยอมอ่อนน้อมต่อซ้องกั๋ง มีใจความว่า
".....ข้าพเจ้าจันหลังเจ้าของตำบลจันเถาฉี คำนับมายัง ท่านซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ เดิมทีบุตรข้าพเจ้ามีความกำเริบมากไม่รู้จักการแย่งชิงเอาม้าของท่าน ข้าพเจ้ามิทราบ ครั้นเตียวไก่ไต้อ๋องยกกองทัพมาไพร่พลข้าพเจ้าบังอาจยิงเกาทัณฑ์ตาย โทษผิดมาก บัดนี้บุตรข้าพเจ้าตายถึงสองคน ขอท่านจงเอ็นดูได้เลิกแล้วแก่กัน เชิญยกกองทัพกลับไป ที่แย่งชิงม้านั้นจะคืนให้ จะจัดเงินทองแพรพรรณ ไปรางวัลไพร่พลของท่านด้วย อย่าได้ถือโทษพวกข้าพเจ้าเลย....."
ซ้องกั๋งก็โกรธพูดว่า
".....ฆ่าพี่เราตาย ยังจะมาว่ากล่าวให้เลิกกันนั้นไม่ยอม ปราบปรามตำบลจันเถาฉีให้ราบเสียก่อน จึงจะกลับไป....."
พูดแล้วก็ฉีกหนังสือของจันหลังทิ้งเสีย โงวหยงก็แกล้งทำเป็นห้ามปรามซ้องกั๋ง แล้วตอบหนังสือไปว่า
".....ซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะ เดิมก็ไม่มีสาเหตุสิ่งใด ต่างคนต่างอยู่รักษาตำบลของตัว บัดนี้พวกตำบลจันเถาฉีคิดการไม่ดี จึงได้มีข้อขัดเคืองกันขึ้น ถ้าแม้นจะให้เลิกแล้วเป็นไมตรีดีต่อกัน จงเอาม้าที่แย่งชิงไปสองครั้งนั้นคืนให้ กับเอาตัวยกเปาสี ที่แย่งชิงม้าส่งมาด้วย....."
จันหลังกับซือบุนเกียง คิดอยากจะยอมตกลง แต่กลัวว่าซ้องกั๋งจะพลิกแพลง จึงให้คนมาแจ้งแก่ซ้องกั๋งว่า จะยอมส่งตัวยกเปาสีให้ แต่ขอให้ส่งตัวพวกพ้องของซ้องกั๋ง มาเป็นตัวจำนำสักคนหนึ่ง
ซ้องกั๋งจึงส่งพี่น้องมาให้จันหลังถึงห้าคน และโงวหยงก็สั่งความลับเป็นอุบายให้ปฏิบัติด้วย จันหลังยินดีต้อนรับจัดที่ให้ทั้งห้าคนไปพักอยู่ที่ค่ายวัดฮวงฮัวซี จัดไพร่พลห้าร้อยคอยเฝ้าดูแลอยู่
แล้วจันหลังก็ให้จันเซงบุตรคนที่ห้า นำยก
เปาสีกับสิ่งของ และม้าที่แย่งชิงมาทั้งสองครั้งไปให้ซ้องกั๋ง เว้นแต่ม้าแมเง็กไชจือ เพราะซือบุนเกียงใช้ขับขี่อยู่ โดยแจ้งว่าซ้องกั๋งต้องถอยทัพกลับไปก่อน จึงจะคืนให้
โงวหยงก็แก้ลำด้วยการยึดตัวจันเซงไว้ แล้วเกลี้ยกล่อมยกเปาสี ให้ยอมสามิภักดิ์เป็นพวกด้วยแล้วส่งกลับไปเป็นใส้ศึก และยกกองทัพเข้าตีค่ายของพวกแซ่จันพร้อมกันอีกครั้ง
พวกเขาเนียซัวเปาะก็บุกเข้าไปช่วยตัวจำนำทั้งห้าคน ที่อยู่ในวัดฮวงฮัวซี เอาออกมาช่วยกันตีกระหนาบจากด้านใน อีกทางหนึ่ง
จันหลังตกใจนักเมื่อแจ้งว่า พวกซ้องกั๋งตีหักเข้าในค่ายหลวงของตนได้ ก็เสียใจผูกคอตายไป จันมิดค่ายตะวันตก กับจันคุยค่ายตะวันออกตายในที่รบ โซเกียครูฝึกที่สองของพวกแซ่จันถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ตาย เหลือแต่ซือบุนเกียงขับขี่ม้าดีก็เอาตัวรอด ออกจากที่รบไปได้ แต่ก็ถูก โลวจุนหงีไล่ตามไปจับมาเป็นเชลยได้ในที่สุด
ซ้องกั๋งจึงให้เอาตัวจันเซง และบุตรภรรยาญาติพี่น้องของจันหลังไปฆ่าเสียหมดทั้งตระกูล แล้วเอาตัวซือบุนเกียงกลับมาถึงเขาเนียซัวเปาะ ตัดศรีษะเซ่นไหว้เตียวไก่ ต่อหน้าที่ประชุมใหญ่
เสร็จสิ้นการปราบปรามพวกแซ่จันแล้ว ซ้องกั๋งจะยกโลวจุนหงีขึ้นเป็นไต้อ๋องหัวหน้า ใหญ่ของชุมโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่โงวหยงแย้งว่าซ้องกั๋งควรเป็นใหญ่ ให้โลวจุนหงีเป็นที่สอง
ซ้องกั๋งก็ยืนยันว่า
".....เดิมเตียวไก่ได้พูดไว้ว่า ถ้าผู้ใดจับตัวซือบุนเกียง มาแก้แค้นได้ จะยกที่ให้แก่ผู้นั้น ครั้งนี้โลวจุนหงีจับตัวซือบุนเกียงมาฆ่าฟัน ก็ต้องยกที่เจ้าของตำบลให้โลวจุนหงีว่ากล่าวต่อไป....."
โลวจุนหงีนั้นไม่ยอมรับ แม้ซ้องกั๋งพยายามอ้อนวอนเท่าไร ก็ยืนคำไม่รับ พวกพี่น้องทั้งหลายก็เห็นชอบด้วยกับโงวหยง ที่ให้ซ้องกั๋งเป็นใหญ่โลวจุนหงีเป็นที่สอง และต่างก็ว่าถ้าซ้องกั๋งไม่ยอมรับ ก็จะแยกย้ายกันไปไม่อยู่ด้วย
ซ้องกั๋งจึงขอให้เทพยดาตัดสิน โดยใช้ไม้ติ้วเสี่ยงทายให้ยกกองทัพแยกกัน ไปตีเมืองสองเมือง ซ้องกั๋งไปตีเมืองตังเพงฮู้ โลวจุนหงีไปตีเมืองตังเซียวฮู้ มีพวกพี่น้องนายรองไปด้วย ฝ่ายละยี่สิบห้านาย ใครได้ชัยชนะกลับมาถึงเขาเนียซัวเปาะก่อน ผู้นั้นได้ขึ้นเป็นใหญ่
ผลปรากฎว่าซ้องกั๋งตีได้เมืองตังเพงฮู้ก่อน โลวจุนหงีตีเมืองตังเซียวฮู้ไม่สำเร็จ ซ้องกั๋ง จึงต้องยกกองทัพ ไปช่วยโลวจุนหงีจนได้ชัยชนะ และได้ตัว เตียเชง นายทหารเอกของเมืองตังเซียวฮู้ กับนายทหารรองอีกสองนาย มาเข้าเป็นพวกด้วย
พี่น้องทั้งหลายจึงพร้อมใจกันยก ซ้องกั๋ง ขึ้นเป็นประมุขให้ปกครองเขาเนียซัวเปาะตามที่ตกลงกัน ขณะนั้นมีนายรองรวมทั้งสิ้นถึงร้อยแปดคน
ซ้องกั๋งก็ให้นิมนต์หลวงจีนมาสี่สิบเก้าองค์ ทำบุญสวดมนต์แผ่ส่วนกุศล ให้ผู้ที่ถึงแก่ความตาย ทั้งฝ่ายของตนและฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่วันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสี่ เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
จากนั้นซ้องกั๋งก็ปกครองผู้คนพลเมืองของตน ด้วยความยุติธรรมต่อมา อีกเป็นเวลานาน จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงตังเกียเมืองหลวง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๒
วางเมื่อ ๒๕ เม.ย.๕๖ เวลา ๒๐.๒๐
:ซ้องกั๋ง...ขุนโจรกลับใจ (๑)
กองโจรกลับใจ
ตอนที่ ๑ ไต้อ๋องคนใหม่
"เล่าเซี่ยงชุน"
หลังจากที่ ซ้องกั๋ง ได้รอดพ้นจากการถูกประหารชีวิต โทษฐานเขียนคำโคลงว่าจะเป็นกบฏที่เมืองกังจิว เพราะเพื่อนพ้องชาวเขาเนียซัวเปาะ ได้พากันมาช่วยเหลือแล้ว ก็ไม่รู้จะไปอยู่ที่ไหนอีก จำต้องพาบิดากับน้องชาย มาตั้งหลักปักฐานอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะ และได้ตำแหน่งที่สองรองจาก เตียวไก่ หัวหน้าใหญ่ของขบวนโจรกลุ่มนี้
จากนั้นซ้องกั๋งก็ยกพลไปปราบกลุ่มโจรเขามงตงซัว ได้ตัวนายโจร ชื่อ ฮวนสุน หังชอง และ ลีกุน มาเป็นพรรคพวกเพิ่มเติมขึ้นอีกสามนาย
เมื่อกลับมาถึงสำนักเขาเนียซัวเปาะ ก็พบกับ ตวนเกงจู๊ ชาวเมืองตกจิวรูปร่างสูงใหญ่ ผมเหลืองหนวดแดง มีอาชีพลักม้าของชาวบ้านมาขายกิน ซ้องกั๋งไต่ถามก็ได้ความว่า
คืนวันหนึ่งได้ลักม้าสีขาวบริสุทธิ์ ของเจ้าเมืองไตกิมก๊กมาได้ ตั้งใจจะนำมาให้ซ้องกั๋ง เพื่อขอสมัครอยู่ที่เขาเนียซัวเปาะด้วย แต่เมื่อเดินทางมาถึงเมืองเลงจิว ตำบลบ้านจินเถาฉี ก็ถูกพวกแซ่จันซึ่งมีอยู่ด้วยกันห้าคนพี่น้อง แย่งชิงเอาม้าขาวที่ชื่อ แมเง็กไชจือ ไปเสียและทุบตีขับไล่ตนมา
ซ้องกั๋งจึงให้ ไตจง ซึ่งเคยเป็นผู้คุมอยู่ที่เมืองกังจิว ไปสืบข่าวดูก็ได้ความว่า ตำบลจันเถาฉีมีบ้านเรือนประมาณสามพันเศษ นักเลงใหญ่ในตำบลนี้คือ จันหลัง มีบุตรชายห้าคน ได้ครูฝึกเพลงอาวุธสองคนคือ ซือบุนเกียง กับ โซวเตีย มีไพร่พลอยู่ประมาณเจ็ดพันเศษ ม้าขาวที่ยึดไปได้นั้นซือบุนเกียงใช้ขับขี่อยู่ ขณะนี้ได้จัดทำเกวียนเป็นกรงที่คุมขัง ตั้งใจจะยกพวกมาปราบปรามกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ และจับตัวหัวหน้าไปส่งที่เมืองหลวง
เตียวไก่จึงยกพลห้าพันมีนายโจรไปด้วยยี่สิบคน เข้าโจมตีตำบลจันเถาฉี ก่อนที่ฝ่ายนั้นจะยกมา แต่พวกแซ่จันมีฝีมือเข้มแข็งมาก และใช้กลลวงให้หลวงจีนสามองค์ ทำอุบายล่อลวงเตียวไก่ ให้เข้าไปถูกล้อมอยู่ในป่า จึงถูกตีแตกพ่ายกลับมา
ตัวเตียวไก่ถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ที่หน้าผากบาดเจ็บสาหัส พี่น้องพามารักษาตัวที่เขาเนียซัวเปาะ แต่อาการไม่ดีขึ้น จึงสั่งเสียกับซ้องกั๋งว่า
"...ตัวพี่ไม่รอดแล้ว น้องอย่าเสียใจเลย ถ้าพวกพ้องคนไหนจับตัวผู้ที่ยิงพี่มาแก้แค้นได้ ตำบลเขาเนียซัวเปาะนี้ มอบให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของว่ากล่าว แทนตัวพี่สืบไป.."
สั่งเสร็จอาการก็กำเริบมากขึ้น จนขาดใจตายไป พี่น้องกลุ่มโจรเขาเนียซัวเปาะ ก็ชวนกันยกซ้องกั๋งขึ้นเป็นหัวหน้าใหญ่ โดย ลิมชอง นายโจรชั้นผู้ใหญ่ อดีตเคยเป็นครูทหารอยู่เมืองหลวง ได้กล่าวว่า
“….เมืองหลวงนั้นไม่มีกษัตริย์วันหนึ่งก็ไม่ควร ธรรมเนียมบ้าน เมืองก็ต้องมีเจ้าของ ว่ากล่าวทุกเวลาจึงจะเรียบร้อย บัดนี้เตียวไก่ผู้เป็นไต้อ๋องก็ดับสูญเสียแล้ว การงานในตำบลเขาเนียซัวเปาะก็มาก ต้องให้มีไต้อ๋องเจ้าของตำบลว่ากล่าวจึงจะได้ ตัวท่านก็เป็นคนสัตย์สุจริต ชื่อเสียงก็ปรากฎไปทั้งแผ่นดิน ไพร่บ้านพลเมือง ก็ชวนกันสรรเสริญว่ามิได้คิดเบียดเบียนท่านผู้ใด มีแต่จะช่วยคนยากให้พ้นทุกข์ วันนี้ก็เป็นวันดีแล้วขอเชิญท่านขึ้นเป็นไต้อ๋อง เจ้าของตำบล ว่ากล่าวการงาน พวกพี่น้องทั้งหลายยอมอยู่ในบังคับท่านทั้งสิ้น...."
แต่ซ้องกั๋งไม่ยอมรับบอกว่า
".....เมื่อเตียวไก่จะดับสูญสั่งไว้ว่า ถ้าผู้ใดจับตัวซือบุนเกียง ครูของพวกแซ่จันที่ยิงเตียวไก่ได้ จะยกให้ผู้นั้นเป็นเจ้าของตำบลเขาเนียซัวเปาะ ถ้อยคำอันนี้พี่น้องทั้งปวงได้ยินด้วยกันทุกคน ครั้นจะขัดขืนก็ไม่ควร บัดนี้ยังไม่ได้แก้แค้นซือบุนเกียง จะมาว่ากล่าวแทนที่อย่างไรได้....."
โงวหยง ที่ปรึกษาของกลุ่มก็ท้วงว่า ลิมชองพูดถูกแล้ว ขอเชิญให้เป็นหัวหน้าไปก่อน แล้วภายหลังจึงคิดอ่านสืบไป ซ้องกั๋งก็ตกลงรับเป็นชั่วคราว
ซ้องกั๋งก็จัดลำดับนายโจร ให้โงวหยงกับ กงสุนสิน เป็นที่ปรึกษาลำดับสองสาม ให้ ลิมชอง กับ อูเอียนเจียก เป็นลำดับสี่ห้า นอกนั้นก็เรียงลำดับกันไปจนครบคน แล้วสร้างค่าย ขึ้นใหม่เป็นหกค่าย
ค่ายใหญ่มีนายตั้งแต่ซ้องกั๋งลงมาเจ็ดคน ค่ายซ้ายขวาหน้าหลัง มีนายค่ายละเจ็ดคน ค่ายในน้ำมีนายแปดคน กับมีด่านสามด่าน ค่ายเล็กที่หลังเขาสองค่าย และมีโรงสุราสำหรับสืบข่าวคราว กับคอยรับพวกพ้องที่จะเข้ามาสมัครอีกสี่ตำบล แต่ซ้องกั๋งก็ยังไม่ได้ยกพลไปแก้แค้น พวกแซ่จัน เนื่องจากจะรอเซ่นไหว้ศพเตียวไก่ ให้ครบร้อยวันก่อน
จนกระทั่งโงวหยงทำอุบายหลอกลวง โลวจุนหงี เศรษฐีใหญ่เมืองปักเกีย มาเข้าเป็นพวกด้วย และซ้องกั๋งนับถือมาก จะยกให้เป็นไต้อ๋อง แต่โลวจุนหงีเห็นว่าตนมาทีหลัง จึงไม่ยอมรับ
ต่อมาอีกเป็นเวลานานซ้องกั๋งให้ตวนเกงจู๊ เอียหลิม และ เจียย้ง ไปจัดซื้อม้าทางทิศเหนือ ได้ม้าดีสองร้อย เมื่อคุมกลับมาถึงเขตแดนเมืองเชงจิว ก็ถูกพวกโจรประมาณสามร้อยเศษ มีนายชื่อ ยกเปาสี เข้ามาแย่งชิงเอาม้า ไปให้พวกตำบลจันเถาฉีอีก
คราวนี้ซ้องกั๋งจึงยกทัพหมื่นเจ็ดพันเศษ กับนายโจรสามสิบคนไปปราบพวกแซ่จันถึงถิ่น
ฝ่ายพวกแซ่จันนั้นตั้งค่ายไว้ห้าแห่ง ทางทิศเหนือให้ จันโถว บุตรชายคนโตกับ โซวเตียอยู่รักษา
ทิศใต้ จันมิด บุตรคนที่สองอยู่รักษา
ทิศตะวันตก จันซก บุตรคนที่สามรักษา
ทิศตะวันออก จันคุย บุตรคนที่สี่รักษา
ค่ายหลวง จันเซง บุตรคนที่ห้ากับจันหลัง ผู้บิดาอยู่ป้องกัน
โงวหยงกุนซือของซ้องกั๋ง ก็จัดกองทัพออกเป็นห้ากองเช่นกัน ให้ทหารเอกกองละห้าคนคุมพลสามพัน เข้าตีทุกค่ายพร้อมกัน เว้นค่ายหลวงซ้องกั๋งกับพี่น้องแปดนายคุมพลห้าพันเข้าตีเอง และมีพี่น้องอีกสี่คนคุมพลเป็นกองหนุน
โลวจุนหงี ขออาสาไปรบด้วย โงวหยงก็ว่าท่านเศรษฐีพึ่งจะมาใหม่ยังไม่เคยทาง จะยกกองทัพไปครั้งนี้สูง ๆ ต่ำ ๆ เดินลำบากนัก จึงให้โลวจุนหงีกับเอียนเชง คุมพลห้าร้อยไปซุ่มอยู่ใกล้ตำบลจันเถาฉี ถ้าได้ยินเสียงประทัดสัญญาณจุดขึ้นเมื่อไร ให้คุมไพร่พลเข้าช่วยดีกว่า
ผลของการรบปรากฎว่า จันโถว จันซก ถึงแก่ความตายในที่รบ ส่วนพี่น้องของซ้องกั๋งบาดเจ็บไปสองคน คือ ลีขุย ถูกเกาทัณฑ์ที่ต้นขา และฉินเหม็ง ถูกแทงต้นขาเหมือนกัน
จันหลังจึงปรึกษากับซือบุนเกียงผู้เป็นครูฝึกทหาร ทำหนังสือขอยอมอ่อนน้อมต่อซ้องกั๋ง มีใจความว่า
".....ข้าพเจ้าจันหลังเจ้าของตำบลจันเถาฉี คำนับมายัง ท่านซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ เดิมทีบุตรข้าพเจ้ามีความกำเริบมากไม่รู้จักการแย่งชิงเอาม้าของท่าน ข้าพเจ้ามิทราบ ครั้นเตียวไก่ไต้อ๋องยกกองทัพมาไพร่พลข้าพเจ้าบังอาจยิงเกาทัณฑ์ตาย โทษผิดมาก บัดนี้บุตรข้าพเจ้าตายถึงสองคน ขอท่านจงเอ็นดูได้เลิกแล้วแก่กัน เชิญยกกองทัพกลับไป ที่แย่งชิงม้านั้นจะคืนให้ จะจัดเงินทองแพรพรรณ ไปรางวัลไพร่พลของท่านด้วย อย่าได้ถือโทษพวกข้าพเจ้าเลย....."
ซ้องกั๋งก็โกรธพูดว่า
".....ฆ่าพี่เราตาย ยังจะมาว่ากล่าวให้เลิกกันนั้นไม่ยอม ปราบปรามตำบลจันเถาฉีให้ราบเสียก่อน จึงจะกลับไป....."
พูดแล้วก็ฉีกหนังสือของจันหลังทิ้งเสีย โงวหยงก็แกล้งทำเป็นห้ามปรามซ้องกั๋ง แล้วตอบหนังสือไปว่า
".....ซ้องกั๋งผู้เป็นใหญ่ในตำบลเขาเนียซัวเปาะ เดิมก็ไม่มีสาเหตุสิ่งใด ต่างคนต่างอยู่รักษาตำบลของตัว บัดนี้พวกตำบลจันเถาฉีคิดการไม่ดี จึงได้มีข้อขัดเคืองกันขึ้น ถ้าแม้นจะให้เลิกแล้วเป็นไมตรีดีต่อกัน จงเอาม้าที่แย่งชิงไปสองครั้งนั้นคืนให้ กับเอาตัวยกเปาสี ที่แย่งชิงม้าส่งมาด้วย....."
จันหลังกับซือบุนเกียง คิดอยากจะยอมตกลง แต่กลัวว่าซ้องกั๋งจะพลิกแพลง จึงให้คนมาแจ้งแก่ซ้องกั๋งว่า จะยอมส่งตัวยกเปาสีให้ แต่ขอให้ส่งตัวพวกพ้องของซ้องกั๋ง มาเป็นตัวจำนำสักคนหนึ่ง
ซ้องกั๋งจึงส่งพี่น้องมาให้จันหลังถึงห้าคน และโงวหยงก็สั่งความลับเป็นอุบายให้ปฏิบัติด้วย จันหลังยินดีต้อนรับจัดที่ให้ทั้งห้าคนไปพักอยู่ที่ค่ายวัดฮวงฮัวซี จัดไพร่พลห้าร้อยคอยเฝ้าดูแลอยู่
แล้วจันหลังก็ให้จันเซงบุตรคนที่ห้า นำยก
เปาสีกับสิ่งของ และม้าที่แย่งชิงมาทั้งสองครั้งไปให้ซ้องกั๋ง เว้นแต่ม้าแมเง็กไชจือ เพราะซือบุนเกียงใช้ขับขี่อยู่ โดยแจ้งว่าซ้องกั๋งต้องถอยทัพกลับไปก่อน จึงจะคืนให้
โงวหยงก็แก้ลำด้วยการยึดตัวจันเซงไว้ แล้วเกลี้ยกล่อมยกเปาสี ให้ยอมสามิภักดิ์เป็นพวกด้วยแล้วส่งกลับไปเป็นใส้ศึก และยกกองทัพเข้าตีค่ายของพวกแซ่จันพร้อมกันอีกครั้ง
พวกเขาเนียซัวเปาะก็บุกเข้าไปช่วยตัวจำนำทั้งห้าคน ที่อยู่ในวัดฮวงฮัวซี เอาออกมาช่วยกันตีกระหนาบจากด้านใน อีกทางหนึ่ง
จันหลังตกใจนักเมื่อแจ้งว่า พวกซ้องกั๋งตีหักเข้าในค่ายหลวงของตนได้ ก็เสียใจผูกคอตายไป จันมิดค่ายตะวันตก กับจันคุยค่ายตะวันออกตายในที่รบ โซเกียครูฝึกที่สองของพวกแซ่จันถูกยิงด้วยเกาทัณฑ์ตาย เหลือแต่ซือบุนเกียงขับขี่ม้าดีก็เอาตัวรอด ออกจากที่รบไปได้ แต่ก็ถูก โลวจุนหงีไล่ตามไปจับมาเป็นเชลยได้ในที่สุด
ซ้องกั๋งจึงให้เอาตัวจันเซง และบุตรภรรยาญาติพี่น้องของจันหลังไปฆ่าเสียหมดทั้งตระกูล แล้วเอาตัวซือบุนเกียงกลับมาถึงเขาเนียซัวเปาะ ตัดศรีษะเซ่นไหว้เตียวไก่ ต่อหน้าที่ประชุมใหญ่
เสร็จสิ้นการปราบปรามพวกแซ่จันแล้ว ซ้องกั๋งจะยกโลวจุนหงีขึ้นเป็นไต้อ๋องหัวหน้า ใหญ่ของชุมโจรเขาเนียซัวเปาะ แต่โงวหยงแย้งว่าซ้องกั๋งควรเป็นใหญ่ ให้โลวจุนหงีเป็นที่สอง
ซ้องกั๋งก็ยืนยันว่า
".....เดิมเตียวไก่ได้พูดไว้ว่า ถ้าผู้ใดจับตัวซือบุนเกียง มาแก้แค้นได้ จะยกที่ให้แก่ผู้นั้น ครั้งนี้โลวจุนหงีจับตัวซือบุนเกียงมาฆ่าฟัน ก็ต้องยกที่เจ้าของตำบลให้โลวจุนหงีว่ากล่าวต่อไป....."
โลวจุนหงีนั้นไม่ยอมรับ แม้ซ้องกั๋งพยายามอ้อนวอนเท่าไร ก็ยืนคำไม่รับ พวกพี่น้องทั้งหลายก็เห็นชอบด้วยกับโงวหยง ที่ให้ซ้องกั๋งเป็นใหญ่โลวจุนหงีเป็นที่สอง และต่างก็ว่าถ้าซ้องกั๋งไม่ยอมรับ ก็จะแยกย้ายกันไปไม่อยู่ด้วย
ซ้องกั๋งจึงขอให้เทพยดาตัดสิน โดยใช้ไม้ติ้วเสี่ยงทายให้ยกกองทัพแยกกัน ไปตีเมืองสองเมือง ซ้องกั๋งไปตีเมืองตังเพงฮู้ โลวจุนหงีไปตีเมืองตังเซียวฮู้ มีพวกพี่น้องนายรองไปด้วย ฝ่ายละยี่สิบห้านาย ใครได้ชัยชนะกลับมาถึงเขาเนียซัวเปาะก่อน ผู้นั้นได้ขึ้นเป็นใหญ่
ผลปรากฎว่าซ้องกั๋งตีได้เมืองตังเพงฮู้ก่อน โลวจุนหงีตีเมืองตังเซียวฮู้ไม่สำเร็จ ซ้องกั๋ง จึงต้องยกกองทัพ ไปช่วยโลวจุนหงีจนได้ชัยชนะ และได้ตัว เตียเชง นายทหารเอกของเมืองตังเซียวฮู้ กับนายทหารรองอีกสองนาย มาเข้าเป็นพวกด้วย
พี่น้องทั้งหลายจึงพร้อมใจกันยก ซ้องกั๋ง ขึ้นเป็นประมุขให้ปกครองเขาเนียซัวเปาะตามที่ตกลงกัน ขณะนั้นมีนายรองรวมทั้งสิ้นถึงร้อยแปดคน
ซ้องกั๋งก็ให้นิมนต์หลวงจีนมาสี่สิบเก้าองค์ ทำบุญสวดมนต์แผ่ส่วนกุศล ให้ผู้ที่ถึงแก่ความตาย ทั้งฝ่ายของตนและฝ่ายตรงข้าม ตั้งแต่วันขึ้นสิบห้าค่ำเดือนสี่ เป็นเวลาเจ็ดวันเจ็ดคืน
จากนั้นซ้องกั๋งก็ปกครองผู้คนพลเมืองของตน ด้วยความยุติธรรมต่อมา อีกเป็นเวลานาน จนมีชื่อเสียงโด่งดังไปถึงตังเกียเมืองหลวง.
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๒
วางเมื่อ ๒๕ เม.ย.๕๖ เวลา ๒๐.๒๐