ขุนโจรแห่งเขาเนียซัวเปาะ
เตียวไก่.....นายอำเภอเชื้อโจร
ตอนที่ ๒ อุบายดีงานสำเร็จ
"เล่าเซียงชุน"
เมื่อ โงวหยง พาเอา อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา และ อวนเซียวชิด มาถึงตำบลตังเกยชึง เตียวไก่ก็ต้อนรับสามพี่น้องอย่างดีจัดโต๊ะเลี้ยงดูกันเป็นที่สบายใจ ทั้งสามคนเห็นเตียวไก่มีลักษณะดีสมเป็นใหญ่ พูดจาสิ่งใดก็ถูกต้องใจโอบอ้อมอารีมีความยินดีนัก ทั้งหกนายชวนกันกินโต๊ะเสพสุราเจรจากันถึงการที่คิดไว้ รู้เต็มใจทุกคนแล้ว ก็พักอยู่ด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเตียวไก่ให้จัดโต๊ะเครื่องบูชามาตั้งกลางบ้าน แล้วทั้งหกนายก็จุดธูปเทียนบูชาบวงสรวงเทพยดาฟ้าและดิน สาบานเป็นพี่น้องกัน ประกาศว่าผู้ใดไม่ซื่อตรงต่อมิตร ขอให้เป็นอันตรายต่าง ๆ อย่าให้แคล้วคมอาวุธได้
ขณะนั้นก็มีหลวงจีนองค์หนึ่งเข้ามาบอกคนใช้ว่า จะมาหาเตียวไก่ที่เป็นนายอำเภอ เตียวไก่จึงให้คนใช้ยกอาหารไปให้ฉันก็ไม่ต้องการ คนใช้เอาเข้าของไปให้หลายครั้ง หลวงจีนก็โกรธทุบตีเอาพวกคนใช้เสียงอื้ออึงไป
เตียวไก่ได้ยินก็ออกมาดูถามว่ามีเรื่องอะไรอีก ข้าวปลาเงินทองก็ให้แล้ว
หลวงจีนตอบว่า
".....ไม่อยากได้ข้าวปลาเงินทองของท่านดอก แต่เงินถึงสิบหมื่นเหรียญยังไม่เต็มใจ อยากจะพบกับเตียวไก่เท่านั้น....."
เตียวไก่ได้ฟังก็สดุดใจ จึงบอกว่าตนเองคือเตียวไก่ แล้วเชิญหลวงจีนเข้าไปข้างใน โงวหยงก็หลบเข้าไปแอบอยู่ในห้อง
เตียวไก่พาหลวงจีนไปที่โต๊ะเสพสุรา เมื่อเห็นมีคนนั่งอยู่ถึงสี่คน ก็ขอให้หาที่ลับตาคนจะได้ปรึกษากันด้วยเรื่องสำคัญ เตียวไก่ก็พาเข้าไปห้องข้างใน หลวงจีนบอกว่าตนเองชื่อ กงสุนสิน เป็นชาวเมืองกิจิว ตั้งแต่เล็กมาเรียนวิชาฝึกหัดเพลงอาวุธไว้เข้มแข็ง ได้ยินข่าวเล่าลือว่าเตียวไก่อยู่ที่ตำบลนี้มีชื่อเสียงปรากฎ จึงตั้งใจมาหมายจะเอาเพชรพลอยเป็นราคาเงินสิบหมื่นเหรียญมาคำนับ ไม่แจ้งว่าจะยินดีรับหรือไม่
พอเตียวไก่ได้ฟังก็หัวเราะว่า เห็นจะเป็นรายเนียสิเกียดเจ้าเมืองปักเกียกระมัง กงสุนสินถามว่าเหตุไฉนจึงรู้ เตียวไก่แกล้งว่าพูดเดาไปจะถูกผิดประการไม่ทราบ กงสุนสินก็ย้ำว่า
"....ของรายนี้มิใช่ตัวหาได้โดยสุจริต เที่ยวข่มเหงกดขี่ลงเอาเงินทองแก่ชาวบ้าน ให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนควรจะแย่งชิงเอามาเสีย ถ้าแม้นปล่อยไปภายหน้าจะมีความเสียหาย แต่ใจของท่านจะเป็นประการใด....."
เตียวไก่ยังไม่ทันตอบ โงวหยงก็ย่องเข้ามาข้างหลัง กอดเอาหลวงจีนเข้าไว้ แล้วว่าได้แอบฟังอยู่รู้เรื่องราวทั้งสิ้นแล้ว ช่างกล้าหาญมาปรึกษาการดังนี้ไม่กลัวผู้ใดเลย กงสุนสินก็ตกใจจนตัวสั่นหน้าซีด เตียวไก่จึงรีบบอกว่า เป็นพวกเดียวกันพูดจาหยอกเล่นดอก แล้วเตียวไก่ก็เรียกเล่าตงและสามพี่น้องแซ่อวน มาคำนับทำความรู้จักกับกงสุนสิน
คนทั้งหกจึงยกเตียวไก่ขึ้นเป็นหัวหน้า ให้โงวหยงเป็นที่สอง กงสุนสินที่สาม เล่าตงที่สี่ อวนเซียยีที่ห้า อวนเซียวเหงาที่หก อวนเซียวชิดที่เจ็ด
โงวหยงจึงกล่าวกับเตียวไก่ว่า
".....การอันนี้ก็เทพยดาดลใจ ชักนำพี่น้องทั้งหลายได้มาพบพร้อมกัน การที่คิดไว้คงจะสมปรารถนา....."
เตียวไก่กับพี่น้องเหล่านั้นก็มีความยินดียิ่ง โงวหยงก็ว่าถึงการที่จะให้เล่าตงไปสืบข่าวดูให้รู้ว่า วันไหนเขาจะออกเดินทางและไปเส้นทางใดแน่ กงสุนสินก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก ได้สืบข่าวมาแต่เมืองปักเกียเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เขาจะคุมของเหล่านั้นออกเดินทางในวันขึ้นห้าค่ำเดือนห้า ไปเมืองหลวงตามเส้นทางอึงนีกัง
เตียวไก่ก็ว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา และบอกว่าทางอึงนีกังนั้น มีพวกพ้องอยู่คนหนึ่งชื่อ แปะสิน อยู่ที่ตำบลอันลกชวน ห่างจากอึงนีกังไปทางทิศตะวันออกประมาณสิบลี้ ได้เคยอุปถัมภ์เรื่องเงินทองในยามขัดสนกันอยู่เนือง ๆ ควรจะชวนมาร่วมด้วย เป็นแปดคนตามที่โงวหยงกะเอาไว้ เล่าตงก็ว่าทางที่ไปอึงนีกังนั้นไกลมากจะไปพักที่ไหน โงวหยงก็แนะให้ไปพักที่บ้านแปะสินเสียเลย
เตียวไก่จึงถามโงวหยงว่า
"...เราครั้งนี้ชวนกันไปจะคิดแย่งชิงเอาด้วยกำลังฝีมือ หรือจะเกลี่ยกล่อมเอาแต่โดยดี....."
โงวหยงก็ว่า
"...ซึ่งอุบายที่จะเอาของนั้น ต้องคอยดูท่าทางของผู้ที่คุมสิ่งของมาก่อน ควรประการใดก็ทำตามท่วงที.."
เตียวไก่ก็ยินดีเอาเงินให้พี่น้องแซ่อวนสามสิบตำลึง แล้วให้กลับไปคอยอยู่ที่บ้าน โงวหยงก็กลับไปสอนหนังสือตามปกติ ส่วนเล่าตงกับกงสุนสินนั้นให้พักอยู่ที่บ้านของตน รอจนกว่าจะถึงกำหนดนัด จึงมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถึงวันกำหนดที่ขบวนทรัพย์สินของ เนียสิเกียด เจ้าเมืองปักเกียจัดส่งไปช่วยงานแซยิดของ ชัวเกีย บิดาของภรรยาที่เมืองหลวงออกเดินทาง โดยมี เอียจี้ เป็นผู้คุมขบวน คณะพรรคของ เตียวไก่ กับพวกอีกหกคน ก็ปลอมเป็นพ่อค้าคุมเกวียนสิบเล่ม ไปซุ่มคอยดักอยู่ในป่าชายเนินริมทาง ตำบลอึงนีกังแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ตามแผนการ และให้แปะสินปลอมเป็นคนขายสุรา ไปหลอกให้ผู้ควบคุมขบวนและลูกหาบ กินสุราปนยาพิษจนนอนหลับหมดสติ ไม่สามารถจะต่อสู้ขัดขวางได้ พวกของเตียวไก่จึงขนทรัพย์สินทั้งหมด ขึ้นเกวียนไปได้อย่างสะดวก
อุบายทั้งหมดนี้เป็นความคิดของโงวหยงซินแสกุนซือของเตียวไก่ จึงทำให้ชิงทรัพย์สิน ซึ่งมีค่าถึงสิบหมื่นเหรียญของเนียสิเกียด มาเป็นของพวกตนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลงแรงให้เหนื่อยเลย
ต่อมาเจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ ได้รับหนังสือจากเนียสิเกียดเจ้าเมืองปักเกียให้สืบจับตัวโจรผู้ร้ายกับสิ่งของที่ถูกปล้นเอาไปนั้น กลับคืนมาให้ได้ ยังไม่ทันจะได้จัดการอย่างใดก็ได้รับหนังสือจาก ชัวเกียไทซือ บิดาภรรยาของเนียสิเกียดซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวงอีกฉบับหนึ่ง
เร่งรัดให้จับตัวพวกโจรทั้งเจ็ดแปดคนนั้นให้ได้ภายในสิบวัน ไม่เช่นนั้นจะได้รับโทษ ก็ตกใจยิ่งนักเรียกตัว ฮอต๋อ ขุนนางผู้กำกับการปราบโจรมาถามว่า มีเรื่องราวปล้นทรัพย์สินกันที่ตำบลอึงนีกังนั้นรู้หรือไม่ ฮอต๋อก็ว่ารู้แล้วได้ให้ทหารไปสืบข่าวดูแล้ว ยังไม่แจ้งว่าพวกโจรเป็นใครอยู่ที่ตำบลใด
เจ้าเมืองจึงให้เอาตัวฮอต๋อไปสักหน้าไว้ก่อน แล้วสั่งให้ตามจับพวกโจรให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะต้องโทษเนรเทศ
ฮอต๋อปรึกษาพวกข้าราชการในบังคับบัญชา ก็ไม่มีใครจะสามารถสืบหาพวกโจรได้ จึงกลับมาบ้านปรับทุกข์กับภรรยา บังเอิญ ฮอเชง น้องชายที่เป็นนักเล่นเบี้ย เที่ยวเสเพลตามตำบลต่าง ๆ กลับมาบ้าน จึงได้ข่าวคราวของคนร้าย ฮอต๋อก็รีบนำตัวฮอเชงไปหาเจ้าเมือง แล้วให้ฮอเชงเล่าความที่รู้มาโดยละเอียด
ฮอเชงก็เล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ไปเล่นเบี้ยกับเพื่อนที่ตำบลอันลกชวน ได้พักอยู่ในโรงเตี๊ยมของ เฮงเซียวยี ซึ่งเป็นคนไม่รู้หนังสือ จึงจ้างให้ตนเป็นผู้จดบัญชีผู้เดินทางมาพัก พอถึงวันขึ้นสามค่ำมีคนกลุ่มหนึ่ง คุมเกวียนบรรทุกพุดทรามาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเจ็ดคน
หัวหน้านั้นจำได้ว่าคือเตียวไก่ เป็นคนมีชื่อเสียงกว้างขวาง อยู่ตำบลตังเคยชึงแขวงเมืองหุนเสียกุ้ย ขึ้นอยู่กับเมือง เจ๋จิวฮู้น้ำใจดีชอบเอื้อเฟื้อคนตกทุกข์ได้ยาก เคยออกเงินใช้หนี้ให้กับเพื่อนของฮอเชง แต่จดชื่อไว้ว่าเป็นพวกแซ่ลี้อยู่เมืองฮอจิว
พอรุ่งขึ้นอีกวันเฮงเซียวยี เจ้าของโรงเตี๊ยมเดินไปตลาด ถึงทางแยกก็พบชายผู้หนึ่งชื่อแปะสินหาบถังมา ก็ถามได้ความว่าหาบน้ำส้มสายชูจะไปขายให้ชาวบ้าน จนอีกวันหนึ่งจึงรู้ข่าวว่ามีการดักปล้นทรัพย์สิน ที่ตำบลอึงนีกัง
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๑
นายอำเภอเชื้อโจร (๒) ๕ ส.ค.๕๘
เตียวไก่.....นายอำเภอเชื้อโจร
ตอนที่ ๒ อุบายดีงานสำเร็จ
"เล่าเซียงชุน"
เมื่อ โงวหยง พาเอา อวนเซียวยี อวนเซียวเหงา และ อวนเซียวชิด มาถึงตำบลตังเกยชึง เตียวไก่ก็ต้อนรับสามพี่น้องอย่างดีจัดโต๊ะเลี้ยงดูกันเป็นที่สบายใจ ทั้งสามคนเห็นเตียวไก่มีลักษณะดีสมเป็นใหญ่ พูดจาสิ่งใดก็ถูกต้องใจโอบอ้อมอารีมีความยินดีนัก ทั้งหกนายชวนกันกินโต๊ะเสพสุราเจรจากันถึงการที่คิดไว้ รู้เต็มใจทุกคนแล้ว ก็พักอยู่ด้วยกัน
เช้าวันรุ่งขึ้นเตียวไก่ให้จัดโต๊ะเครื่องบูชามาตั้งกลางบ้าน แล้วทั้งหกนายก็จุดธูปเทียนบูชาบวงสรวงเทพยดาฟ้าและดิน สาบานเป็นพี่น้องกัน ประกาศว่าผู้ใดไม่ซื่อตรงต่อมิตร ขอให้เป็นอันตรายต่าง ๆ อย่าให้แคล้วคมอาวุธได้
ขณะนั้นก็มีหลวงจีนองค์หนึ่งเข้ามาบอกคนใช้ว่า จะมาหาเตียวไก่ที่เป็นนายอำเภอ เตียวไก่จึงให้คนใช้ยกอาหารไปให้ฉันก็ไม่ต้องการ คนใช้เอาเข้าของไปให้หลายครั้ง หลวงจีนก็โกรธทุบตีเอาพวกคนใช้เสียงอื้ออึงไป
เตียวไก่ได้ยินก็ออกมาดูถามว่ามีเรื่องอะไรอีก ข้าวปลาเงินทองก็ให้แล้ว
หลวงจีนตอบว่า
".....ไม่อยากได้ข้าวปลาเงินทองของท่านดอก แต่เงินถึงสิบหมื่นเหรียญยังไม่เต็มใจ อยากจะพบกับเตียวไก่เท่านั้น....."
เตียวไก่ได้ฟังก็สดุดใจ จึงบอกว่าตนเองคือเตียวไก่ แล้วเชิญหลวงจีนเข้าไปข้างใน โงวหยงก็หลบเข้าไปแอบอยู่ในห้อง
เตียวไก่พาหลวงจีนไปที่โต๊ะเสพสุรา เมื่อเห็นมีคนนั่งอยู่ถึงสี่คน ก็ขอให้หาที่ลับตาคนจะได้ปรึกษากันด้วยเรื่องสำคัญ เตียวไก่ก็พาเข้าไปห้องข้างใน หลวงจีนบอกว่าตนเองชื่อ กงสุนสิน เป็นชาวเมืองกิจิว ตั้งแต่เล็กมาเรียนวิชาฝึกหัดเพลงอาวุธไว้เข้มแข็ง ได้ยินข่าวเล่าลือว่าเตียวไก่อยู่ที่ตำบลนี้มีชื่อเสียงปรากฎ จึงตั้งใจมาหมายจะเอาเพชรพลอยเป็นราคาเงินสิบหมื่นเหรียญมาคำนับ ไม่แจ้งว่าจะยินดีรับหรือไม่
พอเตียวไก่ได้ฟังก็หัวเราะว่า เห็นจะเป็นรายเนียสิเกียดเจ้าเมืองปักเกียกระมัง กงสุนสินถามว่าเหตุไฉนจึงรู้ เตียวไก่แกล้งว่าพูดเดาไปจะถูกผิดประการไม่ทราบ กงสุนสินก็ย้ำว่า
"....ของรายนี้มิใช่ตัวหาได้โดยสุจริต เที่ยวข่มเหงกดขี่ลงเอาเงินทองแก่ชาวบ้าน ให้ราษฎรได้ความเดือดร้อนควรจะแย่งชิงเอามาเสีย ถ้าแม้นปล่อยไปภายหน้าจะมีความเสียหาย แต่ใจของท่านจะเป็นประการใด....."
เตียวไก่ยังไม่ทันตอบ โงวหยงก็ย่องเข้ามาข้างหลัง กอดเอาหลวงจีนเข้าไว้ แล้วว่าได้แอบฟังอยู่รู้เรื่องราวทั้งสิ้นแล้ว ช่างกล้าหาญมาปรึกษาการดังนี้ไม่กลัวผู้ใดเลย กงสุนสินก็ตกใจจนตัวสั่นหน้าซีด เตียวไก่จึงรีบบอกว่า เป็นพวกเดียวกันพูดจาหยอกเล่นดอก แล้วเตียวไก่ก็เรียกเล่าตงและสามพี่น้องแซ่อวน มาคำนับทำความรู้จักกับกงสุนสิน
คนทั้งหกจึงยกเตียวไก่ขึ้นเป็นหัวหน้า ให้โงวหยงเป็นที่สอง กงสุนสินที่สาม เล่าตงที่สี่ อวนเซียยีที่ห้า อวนเซียวเหงาที่หก อวนเซียวชิดที่เจ็ด
โงวหยงจึงกล่าวกับเตียวไก่ว่า
".....การอันนี้ก็เทพยดาดลใจ ชักนำพี่น้องทั้งหลายได้มาพบพร้อมกัน การที่คิดไว้คงจะสมปรารถนา....."
เตียวไก่กับพี่น้องเหล่านั้นก็มีความยินดียิ่ง โงวหยงก็ว่าถึงการที่จะให้เล่าตงไปสืบข่าวดูให้รู้ว่า วันไหนเขาจะออกเดินทางและไปเส้นทางใดแน่ กงสุนสินก็บอกว่าไม่ต้องไปหรอก ได้สืบข่าวมาแต่เมืองปักเกียเป็นที่แน่นอนแล้วว่า เขาจะคุมของเหล่านั้นออกเดินทางในวันขึ้นห้าค่ำเดือนห้า ไปเมืองหลวงตามเส้นทางอึงนีกัง
เตียวไก่ก็ว่าดีแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลา และบอกว่าทางอึงนีกังนั้น มีพวกพ้องอยู่คนหนึ่งชื่อ แปะสิน อยู่ที่ตำบลอันลกชวน ห่างจากอึงนีกังไปทางทิศตะวันออกประมาณสิบลี้ ได้เคยอุปถัมภ์เรื่องเงินทองในยามขัดสนกันอยู่เนือง ๆ ควรจะชวนมาร่วมด้วย เป็นแปดคนตามที่โงวหยงกะเอาไว้ เล่าตงก็ว่าทางที่ไปอึงนีกังนั้นไกลมากจะไปพักที่ไหน โงวหยงก็แนะให้ไปพักที่บ้านแปะสินเสียเลย
เตียวไก่จึงถามโงวหยงว่า
"...เราครั้งนี้ชวนกันไปจะคิดแย่งชิงเอาด้วยกำลังฝีมือ หรือจะเกลี่ยกล่อมเอาแต่โดยดี....."
โงวหยงก็ว่า
"...ซึ่งอุบายที่จะเอาของนั้น ต้องคอยดูท่าทางของผู้ที่คุมสิ่งของมาก่อน ควรประการใดก็ทำตามท่วงที.."
เตียวไก่ก็ยินดีเอาเงินให้พี่น้องแซ่อวนสามสิบตำลึง แล้วให้กลับไปคอยอยู่ที่บ้าน โงวหยงก็กลับไปสอนหนังสือตามปกติ ส่วนเล่าตงกับกงสุนสินนั้นให้พักอยู่ที่บ้านของตน รอจนกว่าจะถึงกำหนดนัด จึงมารวมกันอีกครั้งหนึ่ง
เมื่อถึงวันกำหนดที่ขบวนทรัพย์สินของ เนียสิเกียด เจ้าเมืองปักเกียจัดส่งไปช่วยงานแซยิดของ ชัวเกีย บิดาของภรรยาที่เมืองหลวงออกเดินทาง โดยมี เอียจี้ เป็นผู้คุมขบวน คณะพรรคของ เตียวไก่ กับพวกอีกหกคน ก็ปลอมเป็นพ่อค้าคุมเกวียนสิบเล่ม ไปซุ่มคอยดักอยู่ในป่าชายเนินริมทาง ตำบลอึงนีกังแขวงเมืองเจ๋จิวฮู้ ตามแผนการ และให้แปะสินปลอมเป็นคนขายสุรา ไปหลอกให้ผู้ควบคุมขบวนและลูกหาบ กินสุราปนยาพิษจนนอนหลับหมดสติ ไม่สามารถจะต่อสู้ขัดขวางได้ พวกของเตียวไก่จึงขนทรัพย์สินทั้งหมด ขึ้นเกวียนไปได้อย่างสะดวก
อุบายทั้งหมดนี้เป็นความคิดของโงวหยงซินแสกุนซือของเตียวไก่ จึงทำให้ชิงทรัพย์สิน ซึ่งมีค่าถึงสิบหมื่นเหรียญของเนียสิเกียด มาเป็นของพวกตนได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องลงแรงให้เหนื่อยเลย
ต่อมาเจ้าเมืองเจ๋จิวฮู้ ได้รับหนังสือจากเนียสิเกียดเจ้าเมืองปักเกียให้สืบจับตัวโจรผู้ร้ายกับสิ่งของที่ถูกปล้นเอาไปนั้น กลับคืนมาให้ได้ ยังไม่ทันจะได้จัดการอย่างใดก็ได้รับหนังสือจาก ชัวเกียไทซือ บิดาภรรยาของเนียสิเกียดซึ่งเป็นขุนนางผู้ใหญ่อยู่ในเมืองหลวงอีกฉบับหนึ่ง
เร่งรัดให้จับตัวพวกโจรทั้งเจ็ดแปดคนนั้นให้ได้ภายในสิบวัน ไม่เช่นนั้นจะได้รับโทษ ก็ตกใจยิ่งนักเรียกตัว ฮอต๋อ ขุนนางผู้กำกับการปราบโจรมาถามว่า มีเรื่องราวปล้นทรัพย์สินกันที่ตำบลอึงนีกังนั้นรู้หรือไม่ ฮอต๋อก็ว่ารู้แล้วได้ให้ทหารไปสืบข่าวดูแล้ว ยังไม่แจ้งว่าพวกโจรเป็นใครอยู่ที่ตำบลใด
เจ้าเมืองจึงให้เอาตัวฮอต๋อไปสักหน้าไว้ก่อน แล้วสั่งให้ตามจับพวกโจรให้ได้โดยเร็ว ไม่เช่นนั้นจะต้องโทษเนรเทศ
ฮอต๋อปรึกษาพวกข้าราชการในบังคับบัญชา ก็ไม่มีใครจะสามารถสืบหาพวกโจรได้ จึงกลับมาบ้านปรับทุกข์กับภรรยา บังเอิญ ฮอเชง น้องชายที่เป็นนักเล่นเบี้ย เที่ยวเสเพลตามตำบลต่าง ๆ กลับมาบ้าน จึงได้ข่าวคราวของคนร้าย ฮอต๋อก็รีบนำตัวฮอเชงไปหาเจ้าเมือง แล้วให้ฮอเชงเล่าความที่รู้มาโดยละเอียด
ฮอเชงก็เล่าว่าเมื่อไม่นานมานี้ไปเล่นเบี้ยกับเพื่อนที่ตำบลอันลกชวน ได้พักอยู่ในโรงเตี๊ยมของ เฮงเซียวยี ซึ่งเป็นคนไม่รู้หนังสือ จึงจ้างให้ตนเป็นผู้จดบัญชีผู้เดินทางมาพัก พอถึงวันขึ้นสามค่ำมีคนกลุ่มหนึ่ง คุมเกวียนบรรทุกพุดทรามาพักอยู่ที่โรงเตี๊ยมเจ็ดคน
หัวหน้านั้นจำได้ว่าคือเตียวไก่ เป็นคนมีชื่อเสียงกว้างขวาง อยู่ตำบลตังเคยชึงแขวงเมืองหุนเสียกุ้ย ขึ้นอยู่กับเมือง เจ๋จิวฮู้น้ำใจดีชอบเอื้อเฟื้อคนตกทุกข์ได้ยาก เคยออกเงินใช้หนี้ให้กับเพื่อนของฮอเชง แต่จดชื่อไว้ว่าเป็นพวกแซ่ลี้อยู่เมืองฮอจิว
พอรุ่งขึ้นอีกวันเฮงเซียวยี เจ้าของโรงเตี๊ยมเดินไปตลาด ถึงทางแยกก็พบชายผู้หนึ่งชื่อแปะสินหาบถังมา ก็ถามได้ความว่าหาบน้ำส้มสายชูจะไปขายให้ชาวบ้าน จนอีกวันหนึ่งจึงรู้ข่าวว่ามีการดักปล้นทรัพย์สิน ที่ตำบลอึงนีกัง
##########
นิตยสารโล่เงิน
พฤษภาคม ๒๕๔๑