สิ่งที่ผมบอกว่า เราใช้ไปเกือบหมด คือ
1 ส่งออก เราไปต่อได้ยาก เราไม่มีอะไรเหนือกว่าคู่แข่งเท่าไรแล้ว ทำได้แค่ไปเรื่อยๆ ประคองตัว
2 การบริโภคเป็นตัวช่วยที่เราใช้มาตั้งแต่ช่วง sub prime
ใช้จนมากเกินไป ใช้จนคนเป็นหนี้ ไม่ค่อยมีเงินเก็บ แถมเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายจากแต่ก่อนไปมากทีเดียว
3 การลงทุนภาคเอกชน ในด้านการบริโภค ขุนไม่ขึ้นแล้ว มันหมดไปพร้อมกับการบริโภคอะแหละ
ที่เหลืออยู่จริงๆก็กำลังซื้อระดับบน
ในขณะที่ระดับกลาง พนง.กินเงินเดือน ก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น ใครมีหนี้ ไม่มีเงินเก็บผ่อนจ่ายรายเดือนก็ลำบากก่อน
กลุ่มนี้ยังต้องลุ้นต่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจจะลามมาถึงตัวมั้ย นั้นคือการโดนไล่ออก
นี้คือปัญหาอีกอันต่อเนื่องจากระดับล่าง ถ้ามาละก็คงกระทบอีกลูกนึง ก็น่าจะเป็นปัญหาลูกสุดท้าย
4 การลงทุนภาครัฐ นี่คือตัวช่วยตัวสุดท้ายจริงๆ แต่ต้องบอกว่า ห่วยจริงๆ ช้ามาก
บอกมาเลยดีกว่าว่าจะไม่ทำปีนี้ แต่จะไปทำปีหน้า ตลาดหุ้นจะได้ลงซะที (ฮา)
ซึ่งมีผลให้การลงทุนภาคเอกชน ในด้านการลงทุนภาครัฐก็ทำได้แต่รอ เงินก็ไม่หมุนซะที
5 การท่องเที่ยว เดชะบุญเก่าของประเทศที่ยังมีด้านนี้ที่ไปได้อยู่ แต่อย่าไปหวังการท่องเที่ยวจากคนในประเทศนะ ค่อนข้างยาก
ส่วนคนในประเทศที่มีเงินจริง หยุดยาวที ก็บินไปตปท.กันซะส่วนใหญ่
เพราะงั้นหวังได้จริงๆคือนทท.ตปท.ครับ
ส่วนเรื่อง NPL ผมไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะมั้ย ที่น่ากังวลที่กลุ่มธ.ลงเยอะสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมันลามมาที่ sme
กลุ่มนี้สายป่านสั้น กระทบเร็ว กำไรของธุรกิจค่อนข้างบาง มีอะไรมากระทบมากหน่อยก็จะเซก่อน
ที่ต้องลุ้นต่อคือพวกบ.ใหญ่จะเป็นไง เรื่องล้ม ปิดบ. ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ยาก ยิ่งบ.ที่ผ่านต้มยำกุ้งมาได้ ผมว่า เค้าเก่ง ยากมากที่จะล้ม
แต่แน่นอนกำไรยังไงก็หด ขาดทุนมั้ย ไม่แน่ใจครับ
แต่ผมเชื่อว่า ด้วยสายป่าน และความสามารถ ผมว่าเค้าปรับตัวได้ครับ และน่าจะกลับมาใหญ่กว่าด้วยหลังจบปัญหา
ส่วนธ.ใหญ่ๆ ในตลาดทั้งหลาย กำไรลด แต่ไม่เจ๊งครับ ในอนาคต nim อาจจะลดลง ค่อนข้างมั่นใจว่า ธ.น่าจะมีการลดดอกกู้อีก
สุดท้ายนะครับ กลับไปที่หัวข้อกระทู้ ที่ว่าให้ทำใจ ก็หมายถึง ทำใจเถอะ มันฟื้นลำบาก
แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดเป็นวิกฤติ ฟองสบู่แตกอย่างที่กังวลกันอยู่ตอนนี้
และส่วนตัวผมก็ไม่ได้แปลกใจอะนะ ที่มันจะเป็นแบบนี้ เพราะมองมาหลายปีแล้วละครับ แหะๆ
ทำใจซะ เรื่องเศรษฐกิจ เราใช้ตัวช่วยไปเกือบหมดแล้ว
1 ส่งออก เราไปต่อได้ยาก เราไม่มีอะไรเหนือกว่าคู่แข่งเท่าไรแล้ว ทำได้แค่ไปเรื่อยๆ ประคองตัว
2 การบริโภคเป็นตัวช่วยที่เราใช้มาตั้งแต่ช่วง sub prime
ใช้จนมากเกินไป ใช้จนคนเป็นหนี้ ไม่ค่อยมีเงินเก็บ แถมเปลี่ยนพฤติกรรมการใช้จ่ายจากแต่ก่อนไปมากทีเดียว
3 การลงทุนภาคเอกชน ในด้านการบริโภค ขุนไม่ขึ้นแล้ว มันหมดไปพร้อมกับการบริโภคอะแหละ
ที่เหลืออยู่จริงๆก็กำลังซื้อระดับบน
ในขณะที่ระดับกลาง พนง.กินเงินเดือน ก็เริ่มระมัดระวังมากขึ้น ใครมีหนี้ ไม่มีเงินเก็บผ่อนจ่ายรายเดือนก็ลำบากก่อน
กลุ่มนี้ยังต้องลุ้นต่อว่า ปัญหาเศรษฐกิจจะลามมาถึงตัวมั้ย นั้นคือการโดนไล่ออก
นี้คือปัญหาอีกอันต่อเนื่องจากระดับล่าง ถ้ามาละก็คงกระทบอีกลูกนึง ก็น่าจะเป็นปัญหาลูกสุดท้าย
4 การลงทุนภาครัฐ นี่คือตัวช่วยตัวสุดท้ายจริงๆ แต่ต้องบอกว่า ห่วยจริงๆ ช้ามาก
บอกมาเลยดีกว่าว่าจะไม่ทำปีนี้ แต่จะไปทำปีหน้า ตลาดหุ้นจะได้ลงซะที (ฮา)
ซึ่งมีผลให้การลงทุนภาคเอกชน ในด้านการลงทุนภาครัฐก็ทำได้แต่รอ เงินก็ไม่หมุนซะที
5 การท่องเที่ยว เดชะบุญเก่าของประเทศที่ยังมีด้านนี้ที่ไปได้อยู่ แต่อย่าไปหวังการท่องเที่ยวจากคนในประเทศนะ ค่อนข้างยาก
ส่วนคนในประเทศที่มีเงินจริง หยุดยาวที ก็บินไปตปท.กันซะส่วนใหญ่
เพราะงั้นหวังได้จริงๆคือนทท.ตปท.ครับ
ส่วนเรื่อง NPL ผมไม่รู้ว่าจะเพิ่มขึ้นอีกเยอะมั้ย ที่น่ากังวลที่กลุ่มธ.ลงเยอะสัปดาห์ที่ผ่านมา เพราะมันลามมาที่ sme
กลุ่มนี้สายป่านสั้น กระทบเร็ว กำไรของธุรกิจค่อนข้างบาง มีอะไรมากระทบมากหน่อยก็จะเซก่อน
ที่ต้องลุ้นต่อคือพวกบ.ใหญ่จะเป็นไง เรื่องล้ม ปิดบ. ผมเชื่อว่าเป็นไปได้ยาก ยิ่งบ.ที่ผ่านต้มยำกุ้งมาได้ ผมว่า เค้าเก่ง ยากมากที่จะล้ม
แต่แน่นอนกำไรยังไงก็หด ขาดทุนมั้ย ไม่แน่ใจครับ
แต่ผมเชื่อว่า ด้วยสายป่าน และความสามารถ ผมว่าเค้าปรับตัวได้ครับ และน่าจะกลับมาใหญ่กว่าด้วยหลังจบปัญหา
ส่วนธ.ใหญ่ๆ ในตลาดทั้งหลาย กำไรลด แต่ไม่เจ๊งครับ ในอนาคต nim อาจจะลดลง ค่อนข้างมั่นใจว่า ธ.น่าจะมีการลดดอกกู้อีก
สุดท้ายนะครับ กลับไปที่หัวข้อกระทู้ ที่ว่าให้ทำใจ ก็หมายถึง ทำใจเถอะ มันฟื้นลำบาก
แต่ก็ไม่ได้แย่ขนาดเป็นวิกฤติ ฟองสบู่แตกอย่างที่กังวลกันอยู่ตอนนี้
และส่วนตัวผมก็ไม่ได้แปลกใจอะนะ ที่มันจะเป็นแบบนี้ เพราะมองมาหลายปีแล้วละครับ แหะๆ