เรื่องสั้น ชุด ฉากชีวิต
เรื่องของความล้มเหลว
“ เล่าเซี่ยงชุน “
ผมเคยเล่าว่า ผมเขียนหนังสือส่งไปลงในวารสารต่าง ๆ เป็นเวลานานมาแล้ว ได้ลงพิมพ์บ้างลงตะกร้าบ้าง ก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร จนวารสารที่ได้ลงพิมพ์ล้มเลิกไปบ้าง เปลี่ยนนโยบายบ้าง คงเหลือที่ติดต่อกันอยู่ไม่กี่ราย
มีอยู่รายหนึ่งเป็นวารสารที่มีชื่อเสียงมากและแพร่หลายมานานแล้ว ผมไม่กล้าเขียนเรื่องอย่างที่เคยเขียนส่งไปให้ แต่เขามีหน้าสำหรับผู้อ่าน ที่สนใจอ่านเรื่องของเขา แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เสนอไปได้ ผมก็ย่อมจะไม่ละโอกาสอันดีนี้ เป็นแน่
ผมเขียนส่งไปก็ได้ลงหลายครั้ง เช่นเรื่องที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ เรื่องที่เกี่ยวกับสลากกินแบ่ง หรือเรื่องที่เกี่ยวกับเหรียญสลึง และเรื่องที่เกี่ยวกับความมีน้ำใจ เป็นต้น
คราวนี้ผมอ่านเรื่อง ความล้มเหลว ที่ว่าเราไม่ควรท้อถอยกับความล้มเหลวในบางเรื่อง เพราะอาจจะทำให้ประสบความสำเร็จในอีกบางเรื่องก็ได้ ผมก็เกิดความคิดเกี่ยวกับความล้มเหลวของตนเองขึ้นมา จึงรีบเขียนส่งไปให้เมื่อเดือนมกราคม ปีนี้เอง เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า
ความล้มเหลว
เมื่อผมอ่านเรื่อง ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ในฉบับที่ แล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องทำนองเดียวกับชีวิตของผม
คือผมรักการอ่านและการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจจะเป็นนักเขียนหรือนักประพันธ์ให้ได้ โดยเริ่มเขียนเรื่องสั้นส่งไปลงพิมพ์ในวารสาร ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี พอถึงคราวเกณฑ์ทหารก็สมัครเข้ารับราชการ พอเป็นนายสิบ ก็เขียนหนังสือต่อไปใหม่ ผมเขียนอย่างสม่ำเสมอมาจนเกษียณอายุราชการ และเขียนต่อมาจนถึงบัดนี้ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงว่าเป็นนักเขียน ส่งไปที่ไหนก็ได้ลงพิมพ์บ้างไม่ได้ลงบ้าง เหมือนเมื่อเริ่มตันนั้นเอง
แต่ชีวิตราชการทหารของผม ก่อนเกษียณอายุ ได้รับยศพันเอก ซึ่งเป็นคนเดียวในหน่วยของผม ที่เป็นพันเอกโดยไม่ได้สำเร็จปริญญา
แล้วก็ใส่นามปากกา “เล่าเซี่ยงชุน” ที่ผมใช้อยู่เป็นประจำในการเขียนเรื่องจีน โดยมีชื่อและนามสกุลจริงกำกับไปด้วย
อีกไม่กี่วันก็ได้รับโทรศัพท์จากวาสารฉบับนี้ เป็นเสียงผู้หญิงทักถามถึงเรื่องที่ผมส่งไป บอกว่าเคยเอาเรื่องของผมลงพิมพ์หลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็ดี บก.พิจารณาแล้วคงจะลงให้ในอีก ๒-๓ ฉบับข้างหน้า แต่ขอทราบว่าจะใช้ชื่อจริงอย่างเดิมได้หรือไม่
ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าทุกเรื่องที่เขาลงพิมพ์ จะใช้ชื่อและนามสกุลของผู้เขียนทั้งสิ้น ผมก็บอกว่า มันเป็นเรื่อง ความล้มเหลว ของนักเขียนเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งเขียนหนังสือมานับสิบปีแล้ว ก็ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียง
เธอก็บอกว่าเขียนมานานแล้วหรือคะ ผมก็ว่าเขียนมานานมากจนได้พิมพ์เป็นเล่มหลายเล่มแล้ว เธอก็ว่าเรื่องอะไรบ้าง แสดงว่าเธอก็ไม่รู้จัก “เล่าเซี่ยงชุน” เหมือนกัน (ฮา)
ผมก็กลั้นหัวเราะแล้วก็บอกไปตามตรงว่า เห็นไหมคุณยังไม่รู้จักเลย ผมจึงใช้นามปากกา แทนชื่อจริง เพราะเป็นความล้มเหลวของชื่อนี้ ถ้าใช้ชื่อจริงมันก็กลับเป็นความสำเร็จซีครับ
เธอผู้นั้นก็อึ้งไป
จนกระทั่งได้รับหนังสือฉบับประจำเดือน เมษายน ๒๕๕๐ ผมจึงรีบฉีกซองออกอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวังว่าคงจะได้เห็นเรื่องของตนเอง ในหน้าแรก ๆ ของหนังสือ
ปรากฏว่าพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่พบเรื่องที่ส่งไปให้เลย
และในเดือนต่อมา เมื่อได้รับหนังสือฉบับประจำเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๐ ก็เป็นเช่นเดียวกัน คือไม่มีเรื่องของ “ เล่าเซียงชุน “ ตามเคย
นี่ไงครับ เรื่อง” ความล้มเหลว” ของ”เล่าเซี่ยงชุน”
###########
จากคุณ : เจียวต้าย - [ 25 มี.ค. 50 09:20:50 ]
วางในบล็อก
Create Date : 18 ธันวาคม 2552
ความล้มเหลว ๓๑ พ.ค.๕๘
เรื่องของความล้มเหลว
“ เล่าเซี่ยงชุน “
ผมเคยเล่าว่า ผมเขียนหนังสือส่งไปลงในวารสารต่าง ๆ เป็นเวลานานมาแล้ว ได้ลงพิมพ์บ้างลงตะกร้าบ้าง ก็ไม่ทุกข์ร้อนอะไร จนวารสารที่ได้ลงพิมพ์ล้มเลิกไปบ้าง เปลี่ยนนโยบายบ้าง คงเหลือที่ติดต่อกันอยู่ไม่กี่ราย
มีอยู่รายหนึ่งเป็นวารสารที่มีชื่อเสียงมากและแพร่หลายมานานแล้ว ผมไม่กล้าเขียนเรื่องอย่างที่เคยเขียนส่งไปให้ แต่เขามีหน้าสำหรับผู้อ่าน ที่สนใจอ่านเรื่องของเขา แล้วมีความคิดเห็นอย่างไรก็เสนอไปได้ ผมก็ย่อมจะไม่ละโอกาสอันดีนี้ เป็นแน่
ผมเขียนส่งไปก็ได้ลงหลายครั้ง เช่นเรื่องที่เกี่ยวกับความซื่อสัตย์ เรื่องที่เกี่ยวกับสลากกินแบ่ง หรือเรื่องที่เกี่ยวกับเหรียญสลึง และเรื่องที่เกี่ยวกับความมีน้ำใจ เป็นต้น
คราวนี้ผมอ่านเรื่อง ความล้มเหลว ที่ว่าเราไม่ควรท้อถอยกับความล้มเหลวในบางเรื่อง เพราะอาจจะทำให้ประสบความสำเร็จในอีกบางเรื่องก็ได้ ผมก็เกิดความคิดเกี่ยวกับความล้มเหลวของตนเองขึ้นมา จึงรีบเขียนส่งไปให้เมื่อเดือนมกราคม ปีนี้เอง เนื้อเรื่องมีอยู่ว่า
ความล้มเหลว
เมื่อผมอ่านเรื่อง ความล้มเหลวไม่ใช่เรื่องน่ากลัว ในฉบับที่ แล้ว ก็เห็นว่าเป็นเรื่องทำนองเดียวกับชีวิตของผม
คือผมรักการอ่านและการเขียนมาตั้งแต่เด็ก ตั้งใจจะเป็นนักเขียนหรือนักประพันธ์ให้ได้ โดยเริ่มเขียนเรื่องสั้นส่งไปลงพิมพ์ในวารสาร ตั้งแต่อายุ ๑๙ ปี พอถึงคราวเกณฑ์ทหารก็สมัครเข้ารับราชการ พอเป็นนายสิบ ก็เขียนหนังสือต่อไปใหม่ ผมเขียนอย่างสม่ำเสมอมาจนเกษียณอายุราชการ และเขียนต่อมาจนถึงบัดนี้ แต่ก็ไม่ได้มีชื่อเสียงว่าเป็นนักเขียน ส่งไปที่ไหนก็ได้ลงพิมพ์บ้างไม่ได้ลงบ้าง เหมือนเมื่อเริ่มตันนั้นเอง
แต่ชีวิตราชการทหารของผม ก่อนเกษียณอายุ ได้รับยศพันเอก ซึ่งเป็นคนเดียวในหน่วยของผม ที่เป็นพันเอกโดยไม่ได้สำเร็จปริญญา
แล้วก็ใส่นามปากกา “เล่าเซี่ยงชุน” ที่ผมใช้อยู่เป็นประจำในการเขียนเรื่องจีน โดยมีชื่อและนามสกุลจริงกำกับไปด้วย
อีกไม่กี่วันก็ได้รับโทรศัพท์จากวาสารฉบับนี้ เป็นเสียงผู้หญิงทักถามถึงเรื่องที่ผมส่งไป บอกว่าเคยเอาเรื่องของผมลงพิมพ์หลายครั้งแล้ว คราวนี้ก็ดี บก.พิจารณาแล้วคงจะลงให้ในอีก ๒-๓ ฉบับข้างหน้า แต่ขอทราบว่าจะใช้ชื่อจริงอย่างเดิมได้หรือไม่
ผมก็นึกขึ้นมาได้ว่าทุกเรื่องที่เขาลงพิมพ์ จะใช้ชื่อและนามสกุลของผู้เขียนทั้งสิ้น ผมก็บอกว่า มันเป็นเรื่อง ความล้มเหลว ของนักเขียนเล็ก ๆ คนหนึ่ง ซึ่งเขียนหนังสือมานับสิบปีแล้ว ก็ไม่มีใครรู้จักชื่อเสียง
เธอก็บอกว่าเขียนมานานแล้วหรือคะ ผมก็ว่าเขียนมานานมากจนได้พิมพ์เป็นเล่มหลายเล่มแล้ว เธอก็ว่าเรื่องอะไรบ้าง แสดงว่าเธอก็ไม่รู้จัก “เล่าเซี่ยงชุน” เหมือนกัน (ฮา)
ผมก็กลั้นหัวเราะแล้วก็บอกไปตามตรงว่า เห็นไหมคุณยังไม่รู้จักเลย ผมจึงใช้นามปากกา แทนชื่อจริง เพราะเป็นความล้มเหลวของชื่อนี้ ถ้าใช้ชื่อจริงมันก็กลับเป็นความสำเร็จซีครับ
เธอผู้นั้นก็อึ้งไป
จนกระทั่งได้รับหนังสือฉบับประจำเดือน เมษายน ๒๕๕๐ ผมจึงรีบฉีกซองออกอย่างรวดเร็ว ด้วยความหวังว่าคงจะได้เห็นเรื่องของตนเอง ในหน้าแรก ๆ ของหนังสือ
ปรากฏว่าพลิกไปจนถึงหน้าสุดท้าย ก็ต้องผิดหวัง เพราะไม่พบเรื่องที่ส่งไปให้เลย
และในเดือนต่อมา เมื่อได้รับหนังสือฉบับประจำเดือน พฤษภาคม ๒๕๕๐ ก็เป็นเช่นเดียวกัน คือไม่มีเรื่องของ “ เล่าเซียงชุน “ ตามเคย
นี่ไงครับ เรื่อง” ความล้มเหลว” ของ”เล่าเซี่ยงชุน”
###########
จากคุณ : เจียวต้าย - [ 25 มี.ค. 50 09:20:50 ]
วางในบล็อก
Create Date : 18 ธันวาคม 2552