(เล่าเรื่อง) 2 เดือนกว่าๆกับ 12 กิโลที่หายไป

ก่อนอื่นต้องขอสวัสดีผู้อ่านทุกท่านนะคะ
เราชื่อ 'อาย' อายุ 22 ปี สูง 157 และปัจจุบันทำงานประจำค่ะ (แน่นอนว่าต้องเข้างานเช้าและบางทีก็เลิกดึก)

เกริ่นก่อนว่าอายตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาด้วยภาวะอารมณ์ที่หลากหลาย ทั้งดีใจ ปลื้มใจ จนตอนนี้น้ำตาปริ่มขึ้นมานิดๆ (จริงๆไม่ได้เวอร์เลยฮะ)
อยากจะแบ่งปันประสบการณ์การลองผิดลองถูกของตัวเอง ที่ทำร้ายร่างกายจนบวมเป่งเป็นโอ่งราชบุรี จนมาถึงวันนี้

อายเคยใช้วิธีผิดๆในการลดความอ้วนและสัดส่วนมามากมายค่ะ ทั้งกินยาลดเฉพาะส่วนที่มีขายใน IG สมัยก่อน หรือกินยาลดความอ้วนยี่ห้อต่างๆที่พวกพริตตี้มาโฆษณาบ้าง ดารามาโฆษณาบ้าง

ผลสุดท้ายคือต้องมานั่งร้องไห้เงียบๆคนเดียว เพราะนอกจากน้ำหนักจะลดอย่างน่ากลัวแล้ว การที่มันกลับมาโยโย่ทำให้น่ากลัวยิ่งกว่าอีกค่ะ

บอกอีกนิดว่าอายอ้วนมาตั้งแต่เด็กค่ะ เรียกได้ว่าเกิดมาก็ไม่รู้จักคำว่า 'ผอม' เลย ชอบทานเบเกอรี่ น้ำหวาน นมข้นหวาน ชอบทานแป้ง พิซซ่าเอย มักกะโรนีอบชีสเอย อะไรที่ไม่อยู่ในคำนิยามของ 'อาหารคลีน' อายโปรดปรานมากเลยค่ะ

เชิญรับชมภาพค่ะ (ช่วงเด็กๆ/มัธยม)





จำได้ว่าช่วงม.ปลายตามภาพ น้ำหนักอยู่ที่ประมาณ 78-79 กิโลค่ะ
พอเข้ามหาวิทยาลัย อายก็ตั้งเป้าไว้ว่า ไม่ได้แล้วนะ เราจะอ้วนแบบนั้นไม่ได้แล้ว ก็เลยพยายามลดมาเรื่อยๆค่ะ

แต่!!

วิธีการลดของอายคืออดอาหารบ้าง สั่งซื้อยาทาง IG บ้าง ตอนนี้ก็มานั่งคิดว่าทำไม้ ทำไม เราถึงได้โง่แบบนี้หนอ
ผลคือลดจริงๆค่ะ แต่!!!!!!!


พอช่วงปี 3 มันโยโย่ขึ้นเลยคร้าบบคุณชาคริตครับ
จากหนักประมาณ 57-58 ค่อยๆพุ่งขึ้นมาเป็น 60 และไม่ลดลงอีกเลย

นี่ภาพช่วงประมาณปี 3 ค่ะ (หนักประมาณ 60 kg)


(ต่อ #2)

พอปี 3 อายได้ฝึกงานใจกลางเมืองเลยค่ะ แน่นอนว่าร้านไหนที่ว่าอร่อย น้องอายลิ้มรสมาหมดแล้ว พอฝึกงานเสร็จเลยได้น้ำหนักเพิ่มขึ้นมานอกจากประสบการณ์ดีๆค่ะ

อยู่ที่ประมาณ 70 kg


และเป็นโชคดีของอายค่ะ ที่พอฝึกงานเสร็จไปไม่กี่เดือนก็เรียนจบ และได้ทำงานที่เดิมกับที่ฝึกงานนั่นเอง
แน่นอนว่าเป็นลาภปากของน้องอายอีกแล้ว ที่จะได้กินของอร่อยๆ ขนมหวานๆ ณ ใจกลางเมือง
ทุกวัน ทุกวี่ ทั้งกลางวัน และกลางคืน
จนกระทั่ง
..

..

..
น้ำหนักพุ่งมาอยู่ที่ 77 kg ค่าาาคุณชาคริต!!!
ตอนแรกอายไม่ยอมชั่งน้ำหนักเลยค่ะ มโนว่ายังหนัก 70 kg เท่าเดิม
จนที่ทำงานมีรับสมัครแข่งขันลดความอ้วน ที่จัดโดยรุ่นพี่เป็นเหมือน event เล็กๆค่ะ (ขอขอบคุณพี่ๆมา ณ โอกาสนี้)

อายถึงได้ฤกษ์ชั่งน้ำหนักค่ะ หลังจากไม่ได้ชั่งไป 2-3 เดือน
วินาทีนั้นเหมือนโลกหมุนค่ะ เหมือนเราเป็นคนทำให้ทุกอย่างพังทลายลงกับมือที่จับช้อน และปากที่กินเข้าไป

อายเลยตั้งเป้าหมายกับตัวเองอีกครั้งค่ะ
และครั้งนี้

ยาลดความอ้วน/อาหารเสริม ไม่ได้แอ้มขาอ่อนฉันหรอกย่ะ!!

เอาล่ะค่ะท่านผู้โชมมมม!


รู้มั้ยคะว่าอะไรคือสิ่งที่ตอกย้ำหัวใจดวงน้อยๆของอายให้พังทลายลงไปอีก

รูปนี้ค่ะ



โอ้พระเจ้า อะไรทำให้ฉันเป็นได้ขนาดนี้นะพี่ชาย!!!!

สังเกตพี่ผู้ชายคนข้างๆตัวลีบเลยค่ะ เหมือนตะเกียบกับลูกชิ้นเส้นปลาแบบอวบอูมน่าหม่ำไม่มีผิด



ภาพจากงานเลี้ยงของบริษัทค่ะ ภายใต้ตีมคนในเครื่องแบบ
ตอนนั้นน่าจะหนักประมาณ 74-75 kg
กลายเป็น สก๊อยเกิน (น้ำหนักเกิน)

และภาพนี้



ต่อด้วยภาพนี้



เอาล่ะค่ะ เราเจ็บช้ำกันมามากเกินพอแล้ว!!

ถึงเวลาที่จะควบคุมอาหารและออกกำลังกายกันสักที (วิธีการเป็นอย่างไร จะเล่าต่อไปนะคะ)
ขอลงภาพช่วงออกกำลังกายและภาพตัวอย่างอาหารก่อนนะคะ









ถ้าคุณคิดว่านี่พีคแล้ว
คุณ คิด ผิด ค่ะ!!!

และนี่คือที่พีคที่สุดของที่สุดในชีวิตอายแล้ว (หวังว่าจะไม่ทำให้ผู้อ่านอวสานอาหารเย็นนะคะ)





อายไม่สามารถหาคำบรรยายให้กับภาพนี้ได้ค่ะ วันนั้นคือวันแรกที่เริ่มควบคุมทุกอย่างแบบจริงจัง ทั้งอาหารและการออกกำลังกาย

และก็เริ่มลดมาเรื่อยๆ



และเรื่อยๆ





เหนียงเริ่มหาย

และจนถึงวันนี้ ระยะเวลา 2 เดือน 15 วัน ลดไปทั้งสิ้น 12 กิโล

ปัจจุบัน 65 กิโลค่ะ (และเราจะไม่หยุด)





(ขอเซนเซอร์สะดือ เค้าเขิน)

เปรียบเทียบค่ะ







------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

เอาล่ะค่ะ หลังจากทุกท่านเห็นความเปลี่ยนแปลงจากโอ่งมาสู่อวบกันแล้ว

นี่คือวิธีการของอายค่ะ ขอแบ่งออกเป็น 3 เรื่อง ดังนะคะ

1. สำรวจตัวเอง


เชื่อว่าทั้งวัยเรียนและวัยทำงาน ต่างเสาะหาของอร่อยทานกันทั้งนั้นใช่ไหมล่ะคะ เดี๋ยวนี้ทั้งบุฟเฟ่ต์ ชาบู โปรโมชั่นอาหารเด็ดๆออกมาให้ว่อนทุกวัน ใครจะทนได้ จริงไหมคะ?

ไหนจะปาร์ตี้หลังเลิกงาน กินเลี้ยงปิดโปรเจ็คต์ กินเลี้ยงวันเกิด กินเลี้ยง ฯลฯ สรุปกินเลี้ยงแม่มทุกวันเลยค่ะ

แต่! อยากให้ทุกท่านลองสำรวจตัวเองค่ะ ว่าเป็นคนประเภทไหน

สำหรับอาย อายเป็นคนชอบทานของจุกจิก ชอบทานหวาน เติมน้ำตาลในกาแฟทีก็ 3-4 ช้อนชาพูนๆ ชอบทานเค้กมาก

น้ำตาลนี่ตัวดีเลยค่ะ แป้งอีก

สิ่งที่อายทำหลังจากตั้งเป้าหมายว่าจะลดน้ำหนักคือ 'เปลี่ยนอาหาร' ค่ะ

อายจะแบ่งสัดส่วนอาหารตัวเอง โชคดีที่อายเป็นคนไม่หิวมากในตอนเช้า ตอนเช้าเลยจะทานพวกกาแฟดำ + ไข่ต้ม 2 ฟอง หรืออาหารเบาอื่นๆ

และกลางวันจะแบ่งสัดส่วนการทานเป็น 3 ส่วนค่ะ (คิดเป็น 100 เปอร์เซ็นต์)

ข้าวกล้อง 20/ โปรตีน 30/ ผัก 50

ให้ได้ประมาณนี้ทุกวันค่ะ อายว่าเรื่องอาหาร แต่ละคนสามารถปรับใช้ได้ด้วยตนเองค่ะ สำคัญที่วัตถุดิบมากกว่า

ยกตัวอย่าง จากน้ำมันพืชทั่วไป เปลี่ยนเป็นน้ำมันมะกอก
จากหมู/อาหารทะเล เปลี่ยนเป็น อกไก่ หรือไข่

โดยตอนเช้าอายจะตื่นมาทำกับข้าวทุกวันค่ะ ยากหน่อย แต่เราต้องอดทน
ไม่มีใครตายเพราะปลี่ยนมื้ออาหารหรอกค่ะ ยิ้ม เราไม่ได้อดกินสักหน่อย

มีคนถามว่าไม่มีมื้อหลุดบ้างเลยเหรอ

มีค่ะ แต่อย่างที่บอกว่าต้องคุมตัวเองไม่ให้หลุดมาก อาจจะเป็นอาทิตย์นึงทานเค้ก 1-2 มื้อ

ถ้าหิวมากก็ทานผลไม้พวกฝรั่ง ชมพู่ หรือแอปเปิ้ลเขียวแทนค่ะ

2. การออกกำลังกาย


มีคนเคยบอกว่า 'ยิ่งออกกำลังกายมาก ยิ่งผอมเร็ว'

อายว่ามันใช้ไม่ได้ผลกับอายค่ะ

อายว่าสิ่งที่เกิดขึ้นจริงสำหรับคนที่มีน้ำหนักตัวมากคือ ยิ่งออกมาก ยิ่งเหนื่อยมาก และเมื่อเหนื่อยมาก ก็ไม่ออกแม่มเลย!!!

จงจำไว้ว่า อะไรที่ตึงไป มันไม่ดีหรอกค่ะ เราต้องปรับตัวให้สมดุลที่สุด

เอาล่ะ!!

อย่างที่เกริ่นไปตรงนู้น ว่าอายทำงานประจำแล้ว และกว่าจะฝ่ารถติดจากบ้านถึงที่ทำงาน (ที่เข้างาน 9.00) ก็ประมาณ 1 ชั่วโมงกว่าๆค่ะ
การออกกำลังในตอนเช้าที่หลายคนว่าดีมาก จึงกลายเป็นเรื่องยากพอสมควรเมื่อคำนวณแล้วต้องตื่นตั้งแต่ตี 4 กว่าๆ

คิดว่าอายจะไปออกกำลังตอนเย็นแทนใช่มั้ยคะ
ผิดค่ะ

อายก็ตื่นตี 4 มาออกตอนเช้านี่แหละค่ะ!!! แต่อายไม่ได้ตื่นมาออกกำลังทุกวันหรอกนะ
บางวันงานดึก กลับถึงบ้านช้า เมื่อคำนวณแล้วว่าตื่นเช้าไม่ทันชัว อายก็ออกตอนเย็นเลยค่ะ

เป้าหมายมีไว้พุ่งชนค่ะ ทำไหวก็ทำ ทำไม่ไหวก็หาทางปรับ เท่านั้นเองค่ะ

อายจะออกกำลังครั้งละประมาณ 40-50 นาทีค่ะ แต่ออกทุกวัน เว้นวันศุกร์วันเดียว

เริ่มจากการเวทค่ะ ที่บ้านจะมีดัมเบลลูกๆ ขนาด 2 kg

อายจะเริ่มจาก Squat เซ็ตละ 20 วิ/ 5 เซ็ต


(http://www.pretty52.com/articles/16-squat-variations-to-make-your-peach-well-peachy)

ต่อด้วยท่า plank ทำเซ็ทละ 30 วิ/5 เซ็ต


(http://www.womenshealthmag.com/files/images/0906-plank.jpg)

พอเริ่มได้เหงื่อ อายค่อยคาร์ดิโอด้วยการวิ่ง/เดินเร็วบนลู่วิ่ง ครั้งละ 25-30 นาทีค่ะ

วันแรกจะบอกว่า วิ่งได้ไม่ถึง 5 นาที รู้สึกแบบ "โอ้จอร์จ วิ่งต่อไม่ไหว รู้สึกขามันเปลี้ย ร่างกายมันไม่อยากขยับ"

วันนั้นเป็นวันเดียวที่ร้องไห้ค่ะ จำได้ว่ามีนังโอ่งนั่งบนพื้นบ้าน ปาดน้ำตาแล้วร้องเงียบๆอยู่คนเดียว แต่คิดไว้ว่า

"ถ้าเรายอมแพ้วันนี้ แล้วเมื่อไหร่จะชนะ เรายอมแพ้กับความอ้วนมาทั้งชีวิต ขอแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว ขอให้ร่างกายสู้ไปด้วยกัน"

จากนั้นก็ไม่ร้องอีกเลย และค่อยๆวิ่งได้นานจนเท่าทุกวันนี้ค่ะ ยิ้ม

3. การบริหารเวลา


อายทราบดีว่าหลายท่านเป็นพนักงานออฟฟิศ บางท่านยังอยู่ในวัยเรียน จะมีข้ออ้างต่างๆนาๆเรื่องเวลาค่ะ

แต่รู้มั้ยคะ คนเรามีเวลา 24 ชั่วโมงเท่ากัน เราไม่ได้มีปัญหาเรื่อง 'ไม่มีเวลา' ค่ะ แต่เรามีปัญหาเรื่อง 'การจัดสรรเวลา'

ตอนนี้มีสิ่งอำนวยความสะดวกมากมาย ทั้งอาหารคลีนแบบเดลิเวอรี่ ทั้งฟิตเนส

อายว่าคนเราย่อมมีตัวเลือกเสมอแหละค่ะ ขอแค่ใจเราสู้อย่างเดียวพอ เวลาไม่ได้เป็นอุปสรรคอะไรหรอกค่ะ

สำหรับอาย อย่างที่บอกว่าส่วนใหญ่ตื่นตั้งแต่ 4.30 น. ออกกำลังเสร็จก็ ตี 5 กว่าๆ พักสัก 10 นาที ทำกับข้าวเตรียมไปตอนกลางวัน เสณ็จแล้วค่อยอาบน้ำ แต่งตัว ออกจากบ้านอย่างช้าก็ 7.00 น.

สิ่งที่ได้กลับมามันยิ่งกว่าคุ้มนะคะ

มันคือสุขภาพ คือชีวิตเราทั้งชีวิต ยิ้ม

ทางเดินเส้นนี้ของอายคงไม่ได้จบแค่ตรงนี้ พอถึงเป้าหมายนี้แล้ว อายก็มีเป้าหมายใหม่ค่ะ แต่คงต้องใช้เวลาไปอีกสักพัก ไว้จะมาอัพเดทความคืบหน้านะคะ

ขอบคุณทุกท่านค่ะ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่