#บทกวีเรื่อง...ศรีธนญชัย ตอนที่ 7#

ตอนอื่นๆ
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
                            
                                
ตอนที่ 7. เป็นเจ้าเมืองใต้

                                    
7.1  เป็นเจ้าเมืองใต้


ศรีธนญชัย รับราชการ งานก้าวหน้า        มากเงินตรา ยศถา บรรดาศักดิ์
เจ้าแผ่นดิน โปรดปราน เป็นยิ่งนัก            โลภคิดจัก เป็นเจ้าเมือง เรื่องเกิดมี
    ได้ปรึกษา ภรรยามี ชื่อศรีนวล            ว่าพี่ควร สร้างชื่อ ลือศักดิ์ศรี
เป็นเจ้าเมือง ทางใต้ เพิ่มบารมี            เชิดชูดี ตระกูลเรา เล่าสืบไป
    ศรีนวลเจ้า ได้ฟัง นั่งครุ่นคิด            เริ่มหนักจิต กังวล ผลนิสัย
ด้วยรู้แจ้ง สามีตน ล้นพิษภัย                คงวุ่นไป ทุกข์ทั่ว ตัวรู้ดี
    จึงเอ่ยขอ สามี ให้คิดตรอง            บอกตัวน้อง มากสุข ทุกวันนี้
รับตำแหน่ง ปัจจุบัน นั้นอยู่ดี                เป็นเจ้าเมือง เกรงพี่ เหนื่อยใจกาย
    ศรีธนญชัย ได้ฟัง ไม่ยั้งคิด            แน่วแน่จิต หมายปอง ครองทางใต้
วางแผนหวัง ตำแหน่ง แย่งตามใจ            ทางชั่วผิด มุ่งไป ไม่กังวล
    จึงวันหนึ่ง เข้าเฝ้า เจ้าอยู่หัว            แกล้งเขียนมั่ว สลับคำ ทำหวังผล
รอตรัสถาม ทอดพระเนตร สังเกตตน             ซึ่งได้ผล แผนคิด จิตต้องการ
    เจ้าศรีฯนั่น  เอ็งทำ อะไรกัน            ที่เขียนนั้น คำสลับ ให้ใครอ่าน
ศรีธนญชัย หน้าเคร่ง แสร้งรายงาน            ข้าเขียนอ่าน เท่าไร ไม่ได้ความ
    “ไปเมืองใต้ ทางกิน ศรีธนญชัยให้”        แกล้งเขียนไว้ ถ้อยคำ ย้ำไต่ถาม
ทรงช่วยเขียน เรียงใหม่ ให้ได้ความ            หลงทำตาม แผนวาง อย่างเต็มตัว
    “ให้ศรีธนญชัย ไปกิน เมืองทางใต้”        ลายพระหัตถ์ สลักไว้  ให้ทำชั่ว
นำกระดาน ให้อาลักษณ์ ดูไม่กลัว            ทำปวดหัว งุนงง เดินหลงทาง
เหตุไม่มี พระบรม ราชโองการ            ขั้นตอนงาน ธรรมเนียม เคยก้าวย่าง
มีเพียงลาย พระหัตถ์ มัดตัววาง            นำมาอ้าง ให้ปวดหัว กลัวอาญา
    จำยอมมอบ ตราประทับ แต่งตั้งไป        เป็นเจ้าเมือง ทางใต้ ครองไพร่ฟ้า
เจ้าเมืองเก่า ทางใต้ ต้องปลดลา            สงสัยว่า ตนผิดใด ได้โทษทัณฑ์
    ศรีธนญชัย ครองประชา พาเดือดร้อน        ทั้งนั่งนอน ทุกข์ทั่วไป ไม่ผ่อนผัน
ถูกจับปรับ ริบทรัพย์ ถ้วนหน้ากัน            ถึงพระกรรณ เมื่อสุดทน คนร้องเรียน
    ศรีธนญชัย ถูกเรียก กลับกรุงศรีฯ        ตรัสถามนี่ เจ้าเมืองใต้ ใครปลดเปลี่ยน
ได้คำตอบ พระองค์ ทรงสั่งเวียน            ลายมือเขียน กระดานอยู่ ดูเด่นชัด
    ก็พระองค์ แต่งตั้ง ข้านี่นา            เจ้าศรีฯว่า หน้าเฉย เอ่ยคำมัด
จึงรู้องค์ หลงกล คนเจนจัด                มันลอบกัด ทุกครั้งเผลอ เจอพิษภัย
    เออเอาเถอะ ลายมือ ตัวข้าจริง        จะขอนิ่ง ไม่เอาผิด เจ้าก็ได้
ทรงเมตตา พ้นโทษศรี ธนญชัย            พากลับวัง ลองเชาว์ใหม่ ให้วุ่นวาย


                        
………………………………………….


    ข้อคิด –  อำนาจวาสนาใครก็ปรารถนา หาทางได้มาจนลืมผิดชอบชั่วดี ครั้นได้แล้ว
ก็ไม่รู้จักใช้ให้เกิดประโยชน์แก่ตน  เป็นโอกาสส่งเสริมในการทำความดี กลับใช้โอกาสนั้นเป็น
หนทางในการทำชั่วยิ่งขึ้น  


                                
7.2 หม้อพูดได้


    กลับอยู่วัง ศรีธนญชัย ใจเบื่อนัก        มากผ่อนพัก ล้นสุข สนุกหาย
คิดแก้เซ็ง ลวงหลอก คนไกลกาย            จึงหาด้าย ผูกแมลงภู่ อยู่ปากหม้อ
    ใช้ผ้าขาว ปิดหม้อ พอสนิท            ชวนฟังคิด สงสัย เสียงใดหนอ
ร้องหวี่หวี่ ตลอดฟัง ดังอือออ                จากในหม้อ ใบงาม น่าตามดู
    ปลอมตัวเป็น ยาจก พเนจร            เดินแรมรอน ไปตำบล คนไม่รู้
เข้าแวะบ้าน หลังโต โก้เฟื่องฟู                ยายเศรษฐี นั่งอยู่ เพียงลำพัง
    ยายเอียดได้ รับเกียรติ เลือกถูกหลอก        กระซิบบอก มีหม้อดี ที่คาดหวัง
หม้อวิเศษ พูดได้ ยายลองฟัง                เสียงร้องดัง ในหม้อ ล่อสนใจ
    ยายเอียดรวย เฒ่าชะแร แก่ชรา        ทั้งสองตา ฝ้าฟาง ห่างสดใส
แต่ความโลภ ไม่ด้อย น้อยกว่าใคร            ฟังหูผึ่ง สนใจ อยากได้ครอง
    เจ้าศรีฯอ้าง โชคดี มีหม้อแสดง        ล้วนทุกแห่ง มอบทรัพย์ นับใช้คล่อง
แต่ยามนี้ ขัดสน เรื่องเงินทอง                 ทุกบ้านช่อง เกี่ยวข้าวเคร่ง เร่งทำนา
    เปิดแสดง ไม่ได้ หวังยายช่วย            โปรดอำนวย จำเป็น เอ็นดูข้า
ขายฝากหม้อ สิบบาท จะกลับมา            เร่งรีบหา เงินไถ่กลับ รับหม้อไป
    ศรีธนญชัย พูดจา หว่านล้อมหวาน        ยายสงสาร ลึกจิต คิดอยากได้
จะนำอวด ลูกหลาน ออกงานไกล            หวังรางวัล ก้อนใหญ่ กำไรดี
อย่าขายฝาก ได้ไหม ให้ขายขาด        ยายเพิ่มให้ ห้าสิบบาท กับหม้อนี้
เจ้าศรีอ้าง ไม่ขาย หวงหม้อมี                ยายเซ้าซี้ วอนขอ หม้อแลกกัน
    เจ้าศรีได้ เงินสบาย ยายนั่งปลื้ม        ไม่หลงลืม แง้มหม้อ พอเคลิ้มฝัน
นั่งเฝ้าหม้อ หวี่หวี่ก้อง ร้องทั้งวัน            เมื่อไหร่กัน  ลูกมา ตั้งตารอ
    ครั้นลูกชาย กลับมา เปิดผ้าออก         รู้ถูกหลอก  เป็นเหยื่อ เสียแล้วหนอ
แมลงภู่ ปีกลู่แกว่ง อ่อนแรงรอ                ห้อยปากหม้อ ต่างเสียที ศรีธนญชัย

                          
……………………………………



    ข้อคิด –   คนโลภย่อมเป็นเหยื่อของคนฉลาด  คนบางคนยิ่งอยู่นานวันยิ่งโลภ  ยิ่งเรียนยิ่งโง่  มีพระธรรมคำสอนซึ่งเปรียบเหมือนเพชรแท้ในมือ กลับทิ้งเสียเข้าไม่ถึง พึงพอใจในทรัพย์ของกำนัลที่เขาใช้หลอกล่อ  ซ้ำร้ายยังดูหมิ่นคิดทำลายเพชรในมือเสียอีก
                                  

7.3 วัววิเศษ

    ฝ่ายเจ้าศรีฯ  ดีใจ ได้เงินง่าย            ทุนน้ำลาย รู้โลภคน ปนนิสัย
ยังสนุก ห้าเงินเพิ่ม เติมกำไร                สิบบาทใช้ ซื้อวัว ตัวงามตา
    สี่สิบกรอก ปากวัว จูงตัวไป            บอกขายให้ เศรษฐี ที่เลือกหา
อ้างเป็นวัว วิเศษ วัวเทวดา                วันละครา ถ่ายทรัพย์ นับเรียงราย
    ถ่ายวันละ สี่สิบบาท ไม่ขาดพร่อง        เศรษฐีตรอง ฉงนจิต คิดเหตุขาย
ไม่เชื่อแต่ ถ้าจริง ยิ่งเสียดาย                 พลันวัวถ่าย เงินครบ พบตลึง
    เศรษฐีก่อน ถามเล่า เหตุเจ้าขาย        ไม่เสียดาย แน่หรือนี่ มีตัวหนึ่ง
แม้นไม่ขาย ถ่ายเงินรับ นับคำนึง            เจ้าได้พึ่ง รวยแน่ แค่ไม่นาน
    ก่อนหัวเราะ เยาะเย้ย ก็เฉยนิ่ง        คิดว่าจริง เงินเห็น เป็นหลักฐาน
เกิดความโลภ ครองใจ ในสันดาน            เหมาะถึงกาล เหล็กร้อน ต้องรีบตี
    เจ้าศรีอ้าง ทุกข์เข็ญ เล่นพนัน            ถึงเที่ยงวัน  เจ็ดสิบ ต้องใช้หนี้
ถ้าผิดนัด ต้องตาย วายชีวี                วัวถ่ายมี สี่สิบให้ ไม่ได้กาล
    เศรษฐีเห็น ทางรวย ละล่ำละลัก        แล้วเจ้าจัก ขายเท่าไร ใจฟุ้งซ่าน
ข้าขายเพียง ร้อยบาท อย่าต่อนาน            เจ้าศรีหว่าน คำปด ลดต่อรอง
    รีบนำเงิน ร้อยบาท ให้ทันใจ            จูงวัวไป แอบยิ้ม กระหยิ่มย่อง
ผูกวัวไว้ ใต้เรือนอยู่ ดูลำพอง                เหมาะทั้งสอง คู่โลภเล่ห์ เพทุบาย

                              
………………………………


    ข้อคิด –   คนโง่และคนโลภ  หลอกง่ายโดยไม่ต้องลงทุนด้วยแรงกายและทรัพย์สิน
เพียงคำพูดหวาน และบอกว่าเขาจะได้ประโยชน์อะไร มากมายเพียงใด  ก็เป็นเหยื่อแล้ว


7.4 อาหารมื้อเลิศ


    
ถึงวันหนึ่ง มีเพื่อน ซึ่งคบหา            ลองปัญญา ศรีธนญชัย ใจมุ่งหมาย
คิดวางแผน ลวงหลอก ให้อับอาย            เชื้อเชิญให้ กินข้าว ที่บ้านตน
    ศรีธนญชัย ถึงเรือน เพื่อนผู้นั้น        ดื่มเหล้ากัน ชั่วครา ข้าวปลาขน
บอกว่าเป็น มื้อวิเศษ สาบานบน            เมียของตน ปรุงล้วน ชวนลองกิน
    ศรีธนญชัย ลองลิ้ม ชิมคำหนึ่ง            สะดุ้งอึ้ง อร่อยหาย ระคายลิ้น
มากกรวดทราย เจือปน ขนให้กิน            รอได้ยิน โกรธวู่วาม ตามแผนวาง
    ศรีธนญชัย ใจเย็นฝืน กลืนอาหาร        ไม่ว่าขาน มารยาทดี มีทุกอย่าง
ลองชิมใหม่ อาหาร ที่ตั้งวาง                แน่หลุมพราง เอ่ยถาม ตามตรงไป
          เหตุไฉน อาหารกิน ล้วนดินทราย        เพื่อนหัวเราะ งอหงาย คลายสงสัย
ฉันชวนกิน อาหารวิเศษ นี่อย่างไร            ศรีธนญชัย แค้นอยู่ ไม่รู้วาย

                              
………………………………..


     ข้อคิด –   อย่าเอาชนะคน  ด้วยการข่มเหง หรือให้เขาได้รับความอับอาย เพราะจะ
                            ก่อเกิดความแค้นที่ฝังอยู่ในใจ และในที่สุดเขาจะกลับมาทำร้ายเราให้ได้รับ
                            ความอับอายยิ่งกว่า


7.5 กินข้าวกับหมู


    
ใจเย็นรอ อดทน ผ่านหนึ่งเดือน        บอกเล่าเพื่อน เลี้ยงหมู อยู่มากหลาย
เชิญเพื่อนกิน ข้าวกับหมู อิ่มสบาย            รับรองได้ อร่อยล้วน ถ้วนทุกคำ
    เพื่อนผู้นั้น ไม่ทัน เฉลียวใจ            ดุ่มเดินไป ตั้งแต่ ไม่เย็นย่ำ
ศรีธนญชัย เชิญยินดี ท่าทีทำ                พาเดินนำ ไปคอกหมู อยู่หลังเรือน
    เชิญกินข้าว กับหมู ตามชอบใจ        รางจัดไว้ รำข้าวดี มีให้เพื่อน
เศษอาหาร บูดปน มอบคนเยือน            พูดเร่งเตือน ให้ชิม ลิ้มตามชวน
    เพื่อนผู้นั้น ลืมคิด จิตตระหนก           ตักรำยก ขยอกกลืน ไม่ฝืนสวน
กว่ารู้ตัว กินหลายคำ ตามเร่งชวน            กระอักอ่วน  คราคิด ฤทธิ์หลอกคืน
    ความสัมพันธ์ ขาดสะบั้น กันวันนี้        ไม่ขอดี สิ้นกัน วันเคยชื่น
ประกาศทั่ว ชั่วนิสัย ไม่ขอคืน                แม้หลับตื่น ชาติใด ไม่ขอพบ.  

                            
……………………………………  


    ข้อคิด –   ในเวลาน้อยนิดและขับขัน  ไม่มีเวลาให้คิดพิจารณาไตร่ตรอง คำกล่าวยุยง
เร่งเร้าของคนอื่น หรือ คนไม่หวังดี อาจทำให้เราทำเรื่องผิด  เรื่องโง่ๆ ได้อย่างไม่น่าเชื่อ และคิด
ไม่ถึงว่าตัวเราจะทำได้


ขอบคุณมากๆครับ
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่