เกริ่นก่อนเลยนะครับ เป็นคนที่พูดให้กำลังใจคนไม่เก่งซักเท่าไหร่ เนื้อหาอาจจะออกแนวตัดพ้อ หรือไม่ก็อาจจะเน้นในเรื่องทัศนคติ วิธีคิด ในการลดความอ้วน ในการที่ทำให้มีกำลังใจ และทำให้เราฮึดซะมากกว่า ผมและเพื่อน ชื่อบาสและเจมส์ครับปัจจุบันเรียนอยู่ มหาวิทลัยปี 1 กำลังขึ้นปีสอง เอาเป็นว่าไปดูหน้าดูตาพวกผมตอนมัธยมกันก่อนดีกว่า
ภาพที่เห็นคือตอน มอหกนะครับ บาสจะออกขาวๆ ตุ้ยนุ้ยน่ารักหน่อย ผมเจมส์ก็อ้วนแว่นดำตามระเบียบ ซึ่งผม น้ำหนักในตอนนั้นประมาณ 108 กิโล และบาสน้ำหนักประมาณ 70 กิโล อะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คำถามยอดฮิต ที่พวกผมโดนถามบ่อยที่สุดคือ ทำยังไงถึงผอม ผอมได้ยังไง ? ตอบเลยครับสิ่งที่คุณจะต้องมีอย่างแรกอย่างแรกๆเลย คือสิ่งที่เรียกว่า “ ความอยากผอม ” คุณถามตัวคุณเอง ว่าคุณอยากผอมไหม คุณอยากผอมแค่ไหน ? การที่คุณจะลดน้ำหนักได้นั้นคุณจะต้องมีความอยากผอม ความที่จะอยากแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าสวยๆ หล่อๆ ตามร้านขายเสื้อผ้า ได้อย่างสบายๆ เพราะตอนที่ผม น้ำหนัก 108 ไปซื้อกางเกงที่จตุจักร เดินประมาณ 4-5 ร้านไม่มีไซต์ครับ เพราะตอนนั้นผม เอว 42 ไซต์ยักษ์มาก รู้สึกแย่ แย่แบบหดหู่เหมือนเราไม่เหมือนชาวบ้าน แย่สุดๆ ไปเล่นสงกรานต์ เพื่อนผมทุกคนโดนปะแป้ง แต่ผมกลับเป็นคนที่โดนข้ามไป อื้อหือไม่รู้จะเจ็บไปไหน เหตุผลพวกนี้เป็นเหตุผล เป็นแรงผลักดันให้ผมลดความอ้วนในส่วนนึง
อะมาว่ากันถึง อย่างที่ 2 ที่ต้องมีเลยคือ “เกลียดความอ้วน” คุณจะต้องมีความคิดที่เกลียดความอ้วน อับอายที่ตัวเองอ้วน เกลียดข้อเสียของมันรู้สึกแย่ในข้อเสียของความอ้วน ตูดใหญ่ ตัวเหม็น เดินขาเบียดสีข้างสีกันดังแถ๊ดๆ หาเสื้อผ้าใส่ยาก และอีกมากมาย เกลียดทุกสิ่ง ทำใจให้ไม่ชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับความอ้วน เกี่ยวกับสิ่งที่เราเป็น และเราอยากจะเอามันออกไป
เมื่อคุณมีสองอย่างนี้แล้ว ซึ่งผมก็มีสะสมมานาน แต่สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มลด เริ่มออกกำลังกายคือ “ไอ้บาส” อยู่ดีๆไอบาสไปทำห่าทำเหวไรมาไม่รู้น้ำหนัก
ลดไป 7 โล
ผอมมากๆ ดังภาพ
อยู่ดีๆเพื่อนสนิทน้ำหนักลด ทั้งๆที่ผมก็ยังอ้วนท้วนสมบูรณ์ มีความสุขกับการกิน เอ้ายังไงล่ะทีนี้ ฮึดสิครับเป็นแค่บาสแท้ๆ บังอาจลดน้ำหนักได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน ผมเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดความอ้วน การออกกำลังกาย การลดน้ำหนักต่างๆคือเอาจริงแล้วคือจะเอาชนะมันให้ได้ ผมวิ่งผมเล่นฟิตเนท น้ำหนักสองเดือนแรกลงไป 12 กิโลครับ น่าตกใจมากมากทั้งๆที่อาหารการกินก็ปกติแต่แค่ออกกำลังกายจริงจัง เดี๋ยวเรื่องการออกกำลังกายทำอะไรบ้างเดี๋ยวจะเสริมให้ทีหลัง อะมาพูดเลยทีนี้พอผอมลง ผอมลงแล้วยังไงอะ? เพื่อนทัก คนแถวบ้านทักผอมลงไปทำไรมา เฮ้ย กำลังใจมาสิครับเท่ห์สิครับ ลดอีกทีนี้ เริ่มเพิ่มโปรแกรมวิ่งเข้าไป และโปรแกรมคุมอาหาร เนื่องจากหลังจากลงมา 12 โลแล้ว รู้สึกว่ามันเริ่มตัน เริ่มไม่ลดแล้ว ลดยาก เล่นอะไรเท่าไหร่ก็ไม่ลด ก็ผอมลงนิดหน่อยดังภาพ
นี่คือตอนรายงานตัว เข้ามหาวิทลัยปี 1 ครับผมก็แลดูจะผอมลงนิดนิดมั้งตอนนี้น้ำหนักของผมอยู่ที่ประมาณ 95 โลจาก 108 โล แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอ้วนอยู่ดีอะแหละ หลังจากนั้น ผมและบาสก็หาเวลานัดกันไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำไปทำนู่นทำนี่กัน ลดไปด้วยกัน เป็นช่วงๆ ก็เริ่มผอมเริ่มหล่อกันดังภาพ
ภาพนี้น้ำหนักของผมน่าจะอยู่ที่ 87 บาสก็อยู่ที่ 62 แล้วครับจาก 70 อ้อลืมบอกไปว่าทำไมบาสถึงดูผอมเร็ว เพราะว่าบาสเป็นคนที่ไม่ได้อ้วนเป็นแค่คนอวบๆ และตัวเล็กอยู่แล้วเลยไม่จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนักเยอะ เหมือนลดให้เฟิร์มเฉยๆเท่านั้นเอง ซึ่งต่างจากผมเพราะผมเป็นคนตัวใหญ่กระดูกใหญ่และอ้วนมานานมากมากแล้ว จึงลดยังไงเท่าไหร่ก็ยังตัวใหญ่อยู่ดี
ต่อมาผมกับบาสก็ไม่ได้เจอกัน บาส ก็แยกไปลดน้ำหนักตามวิธีของบาส วิธีของบาสจะเน้นไปทางการคุมอาหาร แต่ของผมจะเน้นการออกกำลังกาย ซึ่งบาสจะไม่กินข้าวเย็นเลยจากที่ได้ถามมา แต่ผมกินทุกอย่างแต่ออกกำลังกาย ผมมีความคิดที่ว่าอยากกินกินได้ แต่ออกกำลังกายต้องเอาจริง ห้ามอู้ห้ามขี้เกลียด อะมาถึงเวลาเปิดเทอมของมหาวิทลัยของผมเลิกเรียนผมก็มาวิ่งสวนจิตรลดา ระยะทางประมาณ 5 กิโลทุกวันทุกวันทุกวัน วิ่งจริงจัง จริงจังมากๆช่วงนั้นเพราะว่าใกล้ถึงวัน สถาปนาโรงเรียนแล้ว เป็นวันที่ผมและเพื่อนๆ ต้องกลับไปทำกิจกรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งผมกะว่างานนี้จะทำให้เพื่อนๆตะลึงไปเลย ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายจริงจัง และแล้ววันสถาปนาโรงเรียนก็มาถึง ก็เริ่มหล่อเริ่มเข้าที่กันแล้ว
ตอนนี้น้ำหนักผมอยู่ที่ 90 กิโล บาสก็อยู่ที่ 55 กิโล หล่อตามป้าไปแล้วเหลือแต่ผมที่ยังเป็นผู้ชายตัวใหญ่อยู่ ผมก็วิ่งออกกำลังกายคุมอาหารของผมไปเรื่อยๆ คือการที่จะทำได้นั้น เราห้ามคิดว่ามันเป็นการลดน้ำหนัก เราต้องคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ คิดว่ามันเป็นเหมือนการ อาบน้ำ สระผมแปรงฟัน ที่เราต้องทำทุกวัน แล้วมันจะไม่รู้สึกว่าขี้เกียจ อีกอย่างเราต้องมีทัศนคติที่ดีก่อนว่าคนออกกำลังกาย คนเล่นกีฬา มันดูดีมันเท่ห์ ต้องมีความชอบในการอกกำลังกายให้ได้ มันจะทำให้เรามั่นใจในการออกกำลังกายและไม่อายเวลาทำกิจกรรม นู้นนี่นั่น พูดถึงอดีตดูรูปอดีตบ้าบ้าบอบอ มาเยอะแล้ว มาดูความสำเร็จ และความภาคภูมิใจของพวกผมทั้งสองคนกันดีกว่า นี่คือภาพปัจจุบันที่สุดครับ (ไม่ได้หล่อขึ้นนะ แค่ผอมลง ละก็ใช้แอปแต่งรูปเก่งขึ้น)
ปัจจุบันครับผม บาสน้ำหนัก 55 กิโลกรัม เจมส์น้ำหนัก 80 กิโลกรัม
สรุปแล้วเจมส์ลดน้ำหนักทั้งหมด 28 กิโลกรัมในระยะเวลา 6 เดือน บาสลดน้ำหนัก 15 กิโลกรัมในระยะเวลา 3 เดือน แต่บาสไม่ลดเพิ่ม เพราะว่าบาสสมส่วนแล้ว ตอนนี้เจมก็มีความคิดที่จะลดและทำหุ่นเข้าฟิตเนทเล่นกล้าม และพัฒนาตัวเองต่อไป
ครับผมสุดท้ายก็ฝากไว้เลยคนที่อยากจะผอม จริงๆ คิดง่ายๆครับ คุณชอบคนอ้วนดำไหม ? คุณรับได้ไหมที่จะต้องเป็นแฟนกับคนที่อ้วนดำขาแตกขาเบียด ถ้าคุณไม่ชอบคนอ้วน คุณก็ไม่ควรที่จะเป็นคนอ้วนครับ อยากได้แฟนหล่อๆ สวยๆ ขาวๆ หุ่นดีๆ ตัวคุณเองก็ต้องหุ่นดีก่อน เพราะว่า เค้าก็อยากได้คนที่หน้าตาดีดูดีเหมือนกันกับคุณนั่นแหละ การที่ลดความอ้วน นอกจากรูปร่างดี มีความมั่นใจแล้วอะไรแล้วมันยังทำให้เรารักการออกกำลังกายไปในตัว ทำให้เราเป็นคนที่มีสุขภาพดี แข็งแรงไม่เหนื่อยง่ายด้วยมีแต่ความมั่นใจ มีแต่สิ่งดีๆขึ้นมาในชีวิต ชีวิตตอนอ้วนกับตอนผอมมันคนละเรื่องกันเลย อยากให้คนที่จะลดความอ้วน ลองซักครั้งนึง กำลังใจไม่จำเป็นจะต้องเป็นใครหรอกไม่ต้องแอบชอบแอบรักใครทั้งนั้น กำลังใจที่ดีที่สุดคือตัวเอง อยากดูดีไหม ? อยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ แบบคนอื่นรึเปล่า ? หรืออยากเดินไปเดินมาแล้วคนเค้าด่าเค้านินทาในใจ นั่งรถเมล์เบาะคู่ ตอนอ้วนบางทีคนนั่งข้างๆยังอึดอัดเลยครับ บางครั้งผมต้องอายจนลุกยืน แต่ตอนนี้ปัญหานั้นไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องอาย มั่นใจมากขึ้นด้วยซ้ำ ลดความอ้วนแล้วไม่ได้การีนตรีว่าคุณจะหล่อเลย คุณจะสวยเลย แต่คุณจะมีชีวิต มีสุขภาพ ความมั่นใจ และบุคลิคภาพที่ดีขึ้นแน่นอน ถ้าอยากได้ตารางการออกกำลังกายเทคนิคเพิ่มเติมอะไรยังไงเดี๋ยวเจมส์จะโพสให้ทีหลังนะครับ ขอบคุณที่อ่าน ขอบคุณที่รับชมติดตามถ้าเนื้อหาออกแนวไปในทางที่ทำให้เกิดความไม่พอใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (เดี๋ยวจะลงรายละเอียดการกินการออกกำลังกายให้บ่ายๆครับผม)
[CR] ลดน้ำหนักได้ 28 กิโล เพราะเพื่อนสนิท
ภาพที่เห็นคือตอน มอหกนะครับ บาสจะออกขาวๆ ตุ้ยนุ้ยน่ารักหน่อย ผมเจมส์ก็อ้วนแว่นดำตามระเบียบ ซึ่งผม น้ำหนักในตอนนั้นประมาณ 108 กิโล และบาสน้ำหนักประมาณ 70 กิโล อะมาเข้าเรื่องกันเลยดีกว่า คำถามยอดฮิต ที่พวกผมโดนถามบ่อยที่สุดคือ ทำยังไงถึงผอม ผอมได้ยังไง ? ตอบเลยครับสิ่งที่คุณจะต้องมีอย่างแรกอย่างแรกๆเลย คือสิ่งที่เรียกว่า “ ความอยากผอม ” คุณถามตัวคุณเอง ว่าคุณอยากผอมไหม คุณอยากผอมแค่ไหน ? การที่คุณจะลดน้ำหนักได้นั้นคุณจะต้องมีความอยากผอม ความที่จะอยากแต่งตัว ใส่เสื้อผ้าสวยๆ หล่อๆ ตามร้านขายเสื้อผ้า ได้อย่างสบายๆ เพราะตอนที่ผม น้ำหนัก 108 ไปซื้อกางเกงที่จตุจักร เดินประมาณ 4-5 ร้านไม่มีไซต์ครับ เพราะตอนนั้นผม เอว 42 ไซต์ยักษ์มาก รู้สึกแย่ แย่แบบหดหู่เหมือนเราไม่เหมือนชาวบ้าน แย่สุดๆ ไปเล่นสงกรานต์ เพื่อนผมทุกคนโดนปะแป้ง แต่ผมกลับเป็นคนที่โดนข้ามไป อื้อหือไม่รู้จะเจ็บไปไหน เหตุผลพวกนี้เป็นเหตุผล เป็นแรงผลักดันให้ผมลดความอ้วนในส่วนนึง
อะมาว่ากันถึง อย่างที่ 2 ที่ต้องมีเลยคือ “เกลียดความอ้วน” คุณจะต้องมีความคิดที่เกลียดความอ้วน อับอายที่ตัวเองอ้วน เกลียดข้อเสียของมันรู้สึกแย่ในข้อเสียของความอ้วน ตูดใหญ่ ตัวเหม็น เดินขาเบียดสีข้างสีกันดังแถ๊ดๆ หาเสื้อผ้าใส่ยาก และอีกมากมาย เกลียดทุกสิ่ง ทำใจให้ไม่ชอบทุกอย่างที่เกี่ยวกับความอ้วน เกี่ยวกับสิ่งที่เราเป็น และเราอยากจะเอามันออกไป
เมื่อคุณมีสองอย่างนี้แล้ว ซึ่งผมก็มีสะสมมานาน แต่สิ่งที่ทำให้ผมเริ่มลด เริ่มออกกำลังกายคือ “ไอ้บาส” อยู่ดีๆไอบาสไปทำห่าทำเหวไรมาไม่รู้น้ำหนัก
อยู่ดีๆเพื่อนสนิทน้ำหนักลด ทั้งๆที่ผมก็ยังอ้วนท้วนสมบูรณ์ มีความสุขกับการกิน เอ้ายังไงล่ะทีนี้ ฮึดสิครับเป็นแค่บาสแท้ๆ บังอาจลดน้ำหนักได้ ผมก็ทำได้เหมือนกัน ผมเลยหาข้อมูลเกี่ยวกับการลดความอ้วน การออกกำลังกาย การลดน้ำหนักต่างๆคือเอาจริงแล้วคือจะเอาชนะมันให้ได้ ผมวิ่งผมเล่นฟิตเนท น้ำหนักสองเดือนแรกลงไป 12 กิโลครับ น่าตกใจมากมากทั้งๆที่อาหารการกินก็ปกติแต่แค่ออกกำลังกายจริงจัง เดี๋ยวเรื่องการออกกำลังกายทำอะไรบ้างเดี๋ยวจะเสริมให้ทีหลัง อะมาพูดเลยทีนี้พอผอมลง ผอมลงแล้วยังไงอะ? เพื่อนทัก คนแถวบ้านทักผอมลงไปทำไรมา เฮ้ย กำลังใจมาสิครับเท่ห์สิครับ ลดอีกทีนี้ เริ่มเพิ่มโปรแกรมวิ่งเข้าไป และโปรแกรมคุมอาหาร เนื่องจากหลังจากลงมา 12 โลแล้ว รู้สึกว่ามันเริ่มตัน เริ่มไม่ลดแล้ว ลดยาก เล่นอะไรเท่าไหร่ก็ไม่ลด ก็ผอมลงนิดหน่อยดังภาพ
นี่คือตอนรายงานตัว เข้ามหาวิทลัยปี 1 ครับผมก็แลดูจะผอมลงนิดนิดมั้งตอนนี้น้ำหนักของผมอยู่ที่ประมาณ 95 โลจาก 108 โล แต่ก็ยังรู้สึกว่าตัวเองอ้วนอยู่ดีอะแหละ หลังจากนั้น ผมและบาสก็หาเวลานัดกันไปออกกำลังกาย ไปว่ายน้ำไปทำนู่นทำนี่กัน ลดไปด้วยกัน เป็นช่วงๆ ก็เริ่มผอมเริ่มหล่อกันดังภาพ
ภาพนี้น้ำหนักของผมน่าจะอยู่ที่ 87 บาสก็อยู่ที่ 62 แล้วครับจาก 70 อ้อลืมบอกไปว่าทำไมบาสถึงดูผอมเร็ว เพราะว่าบาสเป็นคนที่ไม่ได้อ้วนเป็นแค่คนอวบๆ และตัวเล็กอยู่แล้วเลยไม่จำเป็นที่จะต้องลดน้ำหนักเยอะ เหมือนลดให้เฟิร์มเฉยๆเท่านั้นเอง ซึ่งต่างจากผมเพราะผมเป็นคนตัวใหญ่กระดูกใหญ่และอ้วนมานานมากมากแล้ว จึงลดยังไงเท่าไหร่ก็ยังตัวใหญ่อยู่ดี
ต่อมาผมกับบาสก็ไม่ได้เจอกัน บาส ก็แยกไปลดน้ำหนักตามวิธีของบาส วิธีของบาสจะเน้นไปทางการคุมอาหาร แต่ของผมจะเน้นการออกกำลังกาย ซึ่งบาสจะไม่กินข้าวเย็นเลยจากที่ได้ถามมา แต่ผมกินทุกอย่างแต่ออกกำลังกาย ผมมีความคิดที่ว่าอยากกินกินได้ แต่ออกกำลังกายต้องเอาจริง ห้ามอู้ห้ามขี้เกลียด อะมาถึงเวลาเปิดเทอมของมหาวิทลัยของผมเลิกเรียนผมก็มาวิ่งสวนจิตรลดา ระยะทางประมาณ 5 กิโลทุกวันทุกวันทุกวัน วิ่งจริงจัง จริงจังมากๆช่วงนั้นเพราะว่าใกล้ถึงวัน สถาปนาโรงเรียนแล้ว เป็นวันที่ผมและเพื่อนๆ ต้องกลับไปทำกิจกรรม สักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่โรงเรียนอีกครั้ง ซึ่งผมกะว่างานนี้จะทำให้เพื่อนๆตะลึงไปเลย ผมจึงตั้งหน้าตั้งตาออกกำลังกายจริงจัง และแล้ววันสถาปนาโรงเรียนก็มาถึง ก็เริ่มหล่อเริ่มเข้าที่กันแล้ว
ตอนนี้น้ำหนักผมอยู่ที่ 90 กิโล บาสก็อยู่ที่ 55 กิโล หล่อตามป้าไปแล้วเหลือแต่ผมที่ยังเป็นผู้ชายตัวใหญ่อยู่ ผมก็วิ่งออกกำลังกายคุมอาหารของผมไปเรื่อยๆ คือการที่จะทำได้นั้น เราห้ามคิดว่ามันเป็นการลดน้ำหนัก เราต้องคิดว่ามันเป็นหน้าที่ที่เราต้องทำ คิดว่ามันเป็นเหมือนการ อาบน้ำ สระผมแปรงฟัน ที่เราต้องทำทุกวัน แล้วมันจะไม่รู้สึกว่าขี้เกียจ อีกอย่างเราต้องมีทัศนคติที่ดีก่อนว่าคนออกกำลังกาย คนเล่นกีฬา มันดูดีมันเท่ห์ ต้องมีความชอบในการอกกำลังกายให้ได้ มันจะทำให้เรามั่นใจในการออกกำลังกายและไม่อายเวลาทำกิจกรรม นู้นนี่นั่น พูดถึงอดีตดูรูปอดีตบ้าบ้าบอบอ มาเยอะแล้ว มาดูความสำเร็จ และความภาคภูมิใจของพวกผมทั้งสองคนกันดีกว่า นี่คือภาพปัจจุบันที่สุดครับ (ไม่ได้หล่อขึ้นนะ แค่ผอมลง ละก็ใช้แอปแต่งรูปเก่งขึ้น)
ปัจจุบันครับผม บาสน้ำหนัก 55 กิโลกรัม เจมส์น้ำหนัก 80 กิโลกรัม
สรุปแล้วเจมส์ลดน้ำหนักทั้งหมด 28 กิโลกรัมในระยะเวลา 6 เดือน บาสลดน้ำหนัก 15 กิโลกรัมในระยะเวลา 3 เดือน แต่บาสไม่ลดเพิ่ม เพราะว่าบาสสมส่วนแล้ว ตอนนี้เจมก็มีความคิดที่จะลดและทำหุ่นเข้าฟิตเนทเล่นกล้าม และพัฒนาตัวเองต่อไป
ครับผมสุดท้ายก็ฝากไว้เลยคนที่อยากจะผอม จริงๆ คิดง่ายๆครับ คุณชอบคนอ้วนดำไหม ? คุณรับได้ไหมที่จะต้องเป็นแฟนกับคนที่อ้วนดำขาแตกขาเบียด ถ้าคุณไม่ชอบคนอ้วน คุณก็ไม่ควรที่จะเป็นคนอ้วนครับ อยากได้แฟนหล่อๆ สวยๆ ขาวๆ หุ่นดีๆ ตัวคุณเองก็ต้องหุ่นดีก่อน เพราะว่า เค้าก็อยากได้คนที่หน้าตาดีดูดีเหมือนกันกับคุณนั่นแหละ การที่ลดความอ้วน นอกจากรูปร่างดี มีความมั่นใจแล้วอะไรแล้วมันยังทำให้เรารักการออกกำลังกายไปในตัว ทำให้เราเป็นคนที่มีสุขภาพดี แข็งแรงไม่เหนื่อยง่ายด้วยมีแต่ความมั่นใจ มีแต่สิ่งดีๆขึ้นมาในชีวิต ชีวิตตอนอ้วนกับตอนผอมมันคนละเรื่องกันเลย อยากให้คนที่จะลดความอ้วน ลองซักครั้งนึง กำลังใจไม่จำเป็นจะต้องเป็นใครหรอกไม่ต้องแอบชอบแอบรักใครทั้งนั้น กำลังใจที่ดีที่สุดคือตัวเอง อยากดูดีไหม ? อยากใส่เสื้อผ้าสวยๆ แบบคนอื่นรึเปล่า ? หรืออยากเดินไปเดินมาแล้วคนเค้าด่าเค้านินทาในใจ นั่งรถเมล์เบาะคู่ ตอนอ้วนบางทีคนนั่งข้างๆยังอึดอัดเลยครับ บางครั้งผมต้องอายจนลุกยืน แต่ตอนนี้ปัญหานั้นไม่มีอีกแล้ว ไม่มีอะไรที่ต้องอาย มั่นใจมากขึ้นด้วยซ้ำ ลดความอ้วนแล้วไม่ได้การีนตรีว่าคุณจะหล่อเลย คุณจะสวยเลย แต่คุณจะมีชีวิต มีสุขภาพ ความมั่นใจ และบุคลิคภาพที่ดีขึ้นแน่นอน ถ้าอยากได้ตารางการออกกำลังกายเทคนิคเพิ่มเติมอะไรยังไงเดี๋ยวเจมส์จะโพสให้ทีหลังนะครับ ขอบคุณที่อ่าน ขอบคุณที่รับชมติดตามถ้าเนื้อหาออกแนวไปในทางที่ทำให้เกิดความไม่พอใจก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะครับ (เดี๋ยวจะลงรายละเอียดการกินการออกกำลังกายให้บ่ายๆครับผม)