ชำระ ข้อกังขา เพื่อให้เกิดความเข้าใจใหม่ ให้ถูกต้องตรงกัน
ถ้าเข้าใจตรงไหนผิดไป ช่วยทักท้วงด้วยครับ
"การสืบทอดอำนาจเผด็จการเต็มรูปแบบผ่านองค์กรที่เรียกว่า "สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ" ตามร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เพื่อใช้อำนาจเผด็จการต่อไปบนกระบวนการที่ถูกอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย"
ขออนุญาติ ตอบเป็น ข้อๆ ครับ
ก่อนอื่น ต้องถามคำว่า เผด็จการเต็มรูปแบบคือ อะไร
วิกิพีเดีย ให้นิยม ระบอบเผด็จการ (อังกฤษ: Dictatorship) หมายถึง รูปแบบการปกครองแบบอัตตาธิปไตย
อัตตาธิปไตย คือ อะไร
คือ อำนาจที่มี ตน เป็น ที่ตั้ง มีตนเป็นใหญ่
ถูกผิด ดีชั่ว ถูกกำหนดโดย ตนเอง
รัฐประชาธิปไตย กำหนดให้ ห้ามบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือหุ้นบรฺิษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ
อัตตาธิปไตย บอก บกพร่องโดยสุจริต
รัฐประชาธิปไตย บอก ห้าม ต่างชาติถือหุ้นกิจการโทรคมนาคม เกิน 49%
อัตตาธิปไตย ที่มีอำนาจครอบงำสื่อ ก็ใช้จังหวะก่อนวันหยุดยาว แก้ไขกฏหมาย และ ขายหุ้นกิจการโทรคมนาคม ในวันรุ่งขึ้น
รัฐประชาธิปไตย อนุญาติให้ใช้สิทธิทางการเมือง สามารถชุมชนโดยปราศจาคอาวุธ และ ความรุนแรง
อัตตาธิปไตย สั่งเผา และ ข่มขู่ ประชาชน โดยเอาความสงบสุขของบ้านเมือง เป็นตัวประกัน
รัฐประชาธิปไตย เสนอ ทางออก โดยการ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่
อัตตาธิปไตย ไม่ยอม หาเรื่องเผา หวังฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มล้างคดีความ
อัตตาธิปไตย เรียก ข้อกฏหมาย ที่ตนเองไม่ชอบ ว่า กฏหมายผม อัตตาธิปไตยไม่ผิด
อัตตาธิปไตย บอก รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ป้องกันความเสียหายของรัฐ ว่าเป็น ฉบับเผด็จการ แต่พอมีโอกาสแก้ กลับไปแก้ 190 (ที่มีมาแล้วหลายฉบับ )เพื่อ ใช้อำนาจรัฐ ไปทำข้อตกลงกับนานาชาติ โดยไม่แจ้งสภา และไม่ต้องทำตามขั้นตอนตามกฏหมาย
อัตตาธิปไตย ถือ ว่า คุมสื่อได้ ทำให้เรื่องผิด เรื่องเสียหาย ให้เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ
อัตตาธิปไตย เอาเฒ่าแก่หน้าจีน มาตั้งโต๊ะลงนาม G to G แล้วบอกว่า ทำสัญญากับรัฐบาลจีน เพราะ ถือว่า คุมสื่อได้
อัตตาธิปไตย ขายกิจการโทรศัพท์ จะไม่ยอมจ่ายภาษี
ก็ได้แต่หวังว่าที่ยึดมา 46,000 ล้าน อัตตาธิปไตย ยังไม่ล้วงกลับไป
อัตตาธิปไตย จะ เสียบบัตรแทนกันก็ได้
เพราะอัตตาธิปไตย มีตนเอง เป็น กฏหมายสูงสุด
"1. องค์ประกอบและที่มาขององค์กรและคณะกรรมการ ล้วนมาจากฝ่ายเผด็จการทั้งสิ้นในขณะที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องในการคัดเลือกหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ "
ท่านต้องการจะเปลี่ยนตรงไหน ก็เสนอไปในวาระ 2 และ 3 ได้ครับ
ส่วนตัวผม คิดว่า ไม่น่าห่วงเพราะ บทบาท หน้าที่ กำหนดชัด
ใครจะเข้ามาทำก็ได้ แต่คนเขียนแผนปฏิรูป ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เอง จะดีที่สุด
ขาดก็แต่ อำนาจ หรือ ตะบอง ไว้กำราบ พวกนักเลือกตั้ง ที่ไม่ชอบทำตาม กติกา
ทุกตำแหน่งที่ ไม่ได้มากจากการเลือกตั้ง หรือ นักการเมืองแต่งตั้ง
เป็นเผด็จการ ทั้งหมดเลยรึเปล่าครับท่าน
ปลัดกระทรวง อธิบดี อัยการ ที่เอื้อประโยชน์ ต่อฝ่ายท่าน ก็มี เป็นฝ่ายเผด็จการด้วยรึเปล่า
ผู้ว่า รองผู้ว่า นายอำเภอ นายแพท์สาธารณสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธร ผอ.โรงพยายาบาล ให้ประชาชนเลือกตั้งเข้าไปให้หมดเลยดีไม๊
"2. องค์กรดังกล่าวมีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย โดยมีอำนาจในการเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในด้านต่างๆ ต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง....... "
"มีอำนาจเหนือเหนือ อำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย"
เอาอีกแล้ว คนไทยต้องระวัง อย่าเอาแนวคิดเผด็จการทุนสามานย์ หรือ อันตพาล มาเป็นฐานความคิด
ที่ผ่านมา เพื่อไทย พยายาม ทำให้สังคมเข้าใจว่า เสียงของประชาชน คือ เสียงสวรรค์ เข้าใจว่า บัตรเลือกตั้ง คือ การให้อำนาจอธิปไตย แก่ ผู้ได้รับเลือก โดยไม่สนใจกติกา
ควรจะเข้าใจว่า อำนาจอธิปไตยของปวงชน มีอยู่ 3 ฝ่าย คือ
ฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่หลัก คือ ออกกฏหมาย
ฝ่ายตุลาการ เอากฏหมาย ที่นิติบัญญัติ ออกมาใช้ เป็น บรรทัดฐานในการตัดสินคดีความ
และ ฝ่ายบริหาร
ท่านจะบอกว่า ประชาชน เลือกท่านมา ท่านจะใหญ่สุด มีอำนาจสูงสุดในประเทศ นั่น ไม่ใช่ประชาธิปไตย
ในสภา เขาให้ ฝ่ายค้าน หรือ คู่ตรงข้ามเป็น ฝ่ายตรวจสอบ
องค์กรตรวจสอบอื่นๆ ก็เหมือนกัน
อย่ามาอ้าง คู่ขัดแย้ง
คู่ขัดแย้งจะทำอะไรท่านไม่ได้ ถ้าท่านไม่ทำผิด
เพราะอำนาจ คู่ขัดแย้ง ถูกกำหนดชัดเจน ด้วยบทบัญญัติในกฏหมาย
คู่ขัดแย้ง จะทำอะไรท่านไม่ได้ ถ้าท่าน ยึดเส้น ที่เป็นกรอบคุ้มครองการใช้อำนาจของท่าน
ดูคดี ท่าน ถวิล เปลี่ยนสี เป็นตัวอย่าง
ไม่เข้าข่ายความผิด ที่กฏหมายระบุไว้
ไปปลดเขา คนที่ผิด ก็คือ ท่าน ที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบตามกฏหมาย
ในทางตรงกันข้าม หากท่านได้เข้ามามีอำนาจ ก็ไม่ต้องกลัวฝ่ายตรงข้ามจะกลั่นแกล้งครับ
ยึดเส้น ที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานไว้ได้ ไม่ต้องไปกลัว
"3. อำนาจขององค์กรนี้มีไปจนกว่า "การปฏิรูปประเทศจะบรรลุผล" ตามมาตรา 279 แต่ไม่เกิน 5 ปีเว้นแต่จะมีประชามติเห็นชอบให้มีต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี เท่ากับมีอำนาจครอบงำประเทศนี้ต่อไปอีกอย่างน้อยสองรัฐบาล...."
รัฐบาลจะไปกลัวอะไร แค่มี บทบาทกำกับ "ขั้นตอนการปฏิรูป ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ที่เขียนไว้ให้ทราบโดยทั่วกัน ก่อนล่วงหน้า"
นั้นหมายถึง นักการเมือง ร่วมถึงประชาชน ทราบแล้วล่วงหน้า ว่า การดำเนินการปฏิรูปแต่ละด้าน มีนโยบายอย่างไร จะต้องทำอะไรบ้าง
"4. อำนาจของสภาขับเคลื่อนฯ นี้เป็นอำนาจเผด็จการที่เด็ดขาด เจ้าของอำนาจคือตัวแทนประชาชนไม่มีสิทธิต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น .... "
ใครบอก ผมไม่มีสิทธิ์
ก็ลอง สภาปฏิรูป ไม่ทำตามหน้าที่ หรือ ทำเกินหน้าที่ ที่ระบุไว้ หรือ ไม่เป็นไปตามเป้ายุทธศาสตร์ ไม่เป็นไปตามที่ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หรือ ใช้อำนาจให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองดูซิ
ผมจะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ
"5. กระบวนการทั้งหมดคือการปล้นอำนาจของประชาชนอีกครั้ง เอาไปมอบให้กับเผด็จการที่สืบทอดอำนาจผ่านองค์กรที่ตั้งขึ้นในนามของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ทำให้ตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งคือสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายบริหาร"
ปล้นไม่ได้ครับ ไม่มีใคร ปล้นอำนาจ บริหาร ไปจากรัฐบาล ได้
ฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายค้าน ศาล สว. ไปบริหารบ้านเมือง แทนรัฐบาล ไม่ได้
อย่างเช่น ในระดับจังหวัด ฝ่ายปกครอง ไม่ได้มีบทบาท อำนาจ และ ไม่สามารถ ปล้นอำนาจบริหาร ของ นักการเมือง ท้องถิ่นได้
ฉันใด ก็ฉันนั้น
ขอย้ำว่า ถ้าท่านถือกฏหมาย ไม่มีใครกลั่นแกล้งท่านได้
และคงไม่มีใครคิดจะทำ
ที่ผ่านมา ก็เพียงเพื่อการ ปกป้องสิทธิ์ประโยชน์ ทรัพยากรของส่วนร่วม แน่นอนว่า ทรัพยากรของรัฐทั้งหมดนั่น เป็น ของผม 1 หุ้น เอามาหาร 60 ล้านคน ก็คิดเป็นมูลค่า ได้หลายตังค์อยู่ครับ
"6. ประการสำคัญสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างเครื่องมือหรือกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งต่างจากการใช้อำนาจของตัวแทนที่มาจากประชาชนที่มีกลไกทั้งการจับผิดและการตรวจสอบจนทำงานไม่ได้....."
ผมดีใจครั้ง ที่การดำเนินงานหลายอย่าง ของรัฐบาลก่อน ไม่สำเร็จ
เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทย จะมี บรรทัดฐานใหม่ เสียบบัตร แทนกันได้ ให้ สว.พิจารณาแก้ไขกฏหมาย ในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับตัวเอง ก็ได้
หรือ สส.เพื่อไทย ในสภา เกลี่ยกล่อมให้ ยอมรับ พื้นที่ทับซ้อนให้เป็นของกัมพูชา ในขณะที่ แม้นแต่ ศาลโลก ยังไม่กล้าตัดสิน ให้ กัมพูชา ไทย มาตกลงกันเอง
และมีหลายอย่างที่ เสียใจ ที่ รัฐบาลทำโดยไม่คำนึงพึงผลกระทบ
เช่น โครงการรถคันแรก กว่าล้านราย (เฉลี่ย ผ่อนเดือนละ 9,000 x 1 ล้านคัน = เม็ดเงินหายไปจากตลาด เดือนละ 9,000 ล้าน ไม่รวมค่อน้ำมัน
อีกทั้ง รัฐไม่มีมาตรการป้องกัน เช่น การประเมินศักยภาพในการจ่ายค่างวดของผู้ซื้อ ทำให้เกิดความเสียหาย มูลค่าไม่น้อย)
หรือ ระบบรับจำนำ ที่ไม่สามารถตรวจสอตัวเลข ในขณะที่ ฐานข้อมูลประชากรออนไลน์ทั่วประเทศ ส่วนท้องถิ่น ต่างใช้ระบบข้อมูลการเงินการคลัง E budget แต่ท่านไป กำหนดวิธีพิเศษพิศดาร จนไม่สามารถ ตรวจสอบได้ และ ไม่ยอม ทบทวนแก้ไข หลังจากได้รับการร้องเรียนในปีแรก ที่ มีผลขาดทุนเพียง 1 แสนล้าน ทำให้ ปี ต่อมา มีผลขาดทุน สูงถึง 5 แสนล้าน
ยังไม่นับ การใช้อำนาจ ครม.อนุมัติงบประมาณ จ้างลอบบี้ยิสตฺ์ ให้สภามะกัน ผ่านกฏหมาย ให้มาตั้งฐานทัพในไทย
นี่ขนาด ใช้การตรวจสอบ ในการพยายาม ระงับ ยับยั้ง ความเสียหายของรัฐ
นี่ขนาด คัดฝ่ายตรวจสอบมาเป็น อย่างดี คัดมาทำหน้าที่ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ รัฐบาลยังสามารถสร้างความเสียหาย ได้ขนาดนี้
สำหรับ การถ่วงดุล
อุปมา ฝ่าย บริหาร มีฝ่ายค้าน คอยถ่วงดุล
ส่วน ฝ่ายปกครอง ที่มีหน้าที่ รักษาเส้น รักษากรอบ
ซึ่งถูกถ่วง ด้วยหน้าที่ ในตัวอยู่แล้ว
กล่าวคือ หากฝ่ายปกครอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำเป็นหรือ ต้องมี ฝ่ายตรวจสอบ
หรือ หากทำผิดกฏหมาย แพ่ง หรือ อาญา กฏหมายก็ไม่ได้ให้เอกสิทธิ์ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายปกครอง
แล้วจะเอาใครมาถ่วงดุล
ใครเดือดร้อน จากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือ การละเมิดกฏหมายของฝ่ายปกครอง
เขาก็จะปกป้องสิทธิ์ของเขาเอง
กลับมา ที่ คณะกรรมการฯปฏิรูป ซึ่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ บริหาร
ไม่ได้มีอำนาจ บริหาร
คล้ายกับ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการแห่งชาติ
ที่คอยกำกับดูแล เสนอแนะหน่วยงาน ด้านการจัดการ เผยแพร่ข้อมูลราชการ
ทำไม ไม่ต้องมี การถ่วงดุล
ตอบให้ก็ได้ว่า โดนถ่วงด้วยกฏหมายอยู่แล้ว
ถ้าฝ่ายตรวจสอบ ประณีประนอม กับฝ่ายบริหาร
นั่นเท่ากับ ยอมให้ละเมิดเส้นที่ขีดไว้ป้องกันความเสียหาย หรือเปล่า
ที่ผ่านมา ในกรณี แก้ รธน. ปลดล๊อค สว.
แม้แต่ ประธานวุฒิสภา และ สมาชิกวุฒิสภา จากการเลือกตั้ง ยังดื้อตาใส แสร้งเป็นไม่รู้ว่า ตนจะร่วมพิจารณา สิทธิ์ประโยชน์ของตนเอง มิได้
ไม่หน้าเชื่อ ว่า สว. เลือกตั้ง ที่เข้ามาตรวจสอบ กลั่นกรอง จะไม่รู้กฏหมาย
แต่หน้าจะเป็น การตกอยู่ภายใต้อาณัติ เสียมากกว่า
ถึงกระนั่น ก็ไม่น่าจะทำลายศักดิ์ศรี ของ ตนเอง และ สถาบัน สว.เลือกตั้ง ได้ถึงขนาดนี้ วัยรุ่นบ้านผมบอก "เสียยี่ห้อหมด"
ผิดตั้งแต่ หลักการณ์แก้ไข ยันไปถึง เสียบบัตรแทนกัน
แล้ว สส.ยังมีหน้า มารวมหัว ก่อตัวเป็น กบฎ ไม่ยอมรับอำนาจศาล
ทั้งที่มีกฏหมาย ชี้ชัด ให้ใช้เป็นบรรทัดฐาน
แต่เพราะเชื่อว่า พวกตนคุมสื่อมวลชนได้ ทำให้ประชาชน เชื่อพวกตนได้
ทำตัวเป็นแกนนำ ในการ ล้มล้าง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
จากปัญหา ที่เป็น จุดอ่อนในข้างต้น จึงเป็นการดี ที่สุด ในการเอาฝ่ายตรงข้าม มาตรวจสอบ ถ่วงดุล พวกอัตตาธิปไตย
ถ้าท่าน กลัวว่า คณะกรรมการฯปฏิรูป จะไม่ทำหน้าที่ ตามกรอบคือ การแนะนำหน่วยงานในกรณีที่ไม่ทำตามกฏหมายปฏิรูป และ การเสนอกฏหมาย
ถ้าไม่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนปฏิรูปให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องจ้างใคร มาถ่วงดุล ให้เสียงบประมาณแผ่นดิน
ผมจะฟ้อง ประจาน ให้สังคมรับรู้ และ จะใช้อำนาจตุลาการ ถ้าจำเป็น
ชำระ คณะกรรมการ ปฏิรูป
ชำระ ข้อกังขา เพื่อให้เกิดความเข้าใจใหม่ ให้ถูกต้องตรงกัน
ถ้าเข้าใจตรงไหนผิดไป ช่วยทักท้วงด้วยครับ
"การสืบทอดอำนาจเผด็จการเต็มรูปแบบผ่านองค์กรที่เรียกว่า "สภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ" ตามร่างรัฐธรรมนูญมาตรา 279 เพื่อใช้อำนาจเผด็จการต่อไปบนกระบวนการที่ถูกอ้างว่าเป็นประชาธิปไตย"
ขออนุญาติ ตอบเป็น ข้อๆ ครับ
ก่อนอื่น ต้องถามคำว่า เผด็จการเต็มรูปแบบคือ อะไร
วิกิพีเดีย ให้นิยม ระบอบเผด็จการ (อังกฤษ: Dictatorship) หมายถึง รูปแบบการปกครองแบบอัตตาธิปไตย
อัตตาธิปไตย คือ อะไร
คือ อำนาจที่มี ตน เป็น ที่ตั้ง มีตนเป็นใหญ่
ถูกผิด ดีชั่ว ถูกกำหนดโดย ตนเอง
รัฐประชาธิปไตย กำหนดให้ ห้ามบุคคลที่ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ถือหุ้นบรฺิษัทที่เป็นคู่สัญญากับรัฐ
อัตตาธิปไตย บอก บกพร่องโดยสุจริต
รัฐประชาธิปไตย บอก ห้าม ต่างชาติถือหุ้นกิจการโทรคมนาคม เกิน 49%
อัตตาธิปไตย ที่มีอำนาจครอบงำสื่อ ก็ใช้จังหวะก่อนวันหยุดยาว แก้ไขกฏหมาย และ ขายหุ้นกิจการโทรคมนาคม ในวันรุ่งขึ้น
รัฐประชาธิปไตย อนุญาติให้ใช้สิทธิทางการเมือง สามารถชุมชนโดยปราศจาคอาวุธ และ ความรุนแรง
อัตตาธิปไตย สั่งเผา และ ข่มขู่ ประชาชน โดยเอาความสงบสุขของบ้านเมือง เป็นตัวประกัน
รัฐประชาธิปไตย เสนอ ทางออก โดยการ ยุบสภา เลือกตั้งใหม่
อัตตาธิปไตย ไม่ยอม หาเรื่องเผา หวังฉีกรัฐธรรมนูญ ล้มล้างคดีความ
อัตตาธิปไตย เรียก ข้อกฏหมาย ที่ตนเองไม่ชอบ ว่า กฏหมายผม อัตตาธิปไตยไม่ผิด
อัตตาธิปไตย บอก รัฐธรรมนูญที่เขียนไว้ป้องกันความเสียหายของรัฐ ว่าเป็น ฉบับเผด็จการ แต่พอมีโอกาสแก้ กลับไปแก้ 190 (ที่มีมาแล้วหลายฉบับ )เพื่อ ใช้อำนาจรัฐ ไปทำข้อตกลงกับนานาชาติ โดยไม่แจ้งสภา และไม่ต้องทำตามขั้นตอนตามกฏหมาย
อัตตาธิปไตย ถือ ว่า คุมสื่อได้ ทำให้เรื่องผิด เรื่องเสียหาย ให้เป็นสิ่งที่สังคมยอมรับ
อัตตาธิปไตย เอาเฒ่าแก่หน้าจีน มาตั้งโต๊ะลงนาม G to G แล้วบอกว่า ทำสัญญากับรัฐบาลจีน เพราะ ถือว่า คุมสื่อได้
อัตตาธิปไตย ขายกิจการโทรศัพท์ จะไม่ยอมจ่ายภาษี
ก็ได้แต่หวังว่าที่ยึดมา 46,000 ล้าน อัตตาธิปไตย ยังไม่ล้วงกลับไป
อัตตาธิปไตย จะ เสียบบัตรแทนกันก็ได้
เพราะอัตตาธิปไตย มีตนเอง เป็น กฏหมายสูงสุด
"1. องค์ประกอบและที่มาขององค์กรและคณะกรรมการ ล้วนมาจากฝ่ายเผด็จการทั้งสิ้นในขณะที่ประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจ ไม่มีสิทธิที่จะเข้าไปเกี่ยวข้องในการคัดเลือกหรือเปลี่ยนแปลงแก้ไขใดๆ "
ท่านต้องการจะเปลี่ยนตรงไหน ก็เสนอไปในวาระ 2 และ 3 ได้ครับ
ส่วนตัวผม คิดว่า ไม่น่าห่วงเพราะ บทบาท หน้าที่ กำหนดชัด
ใครจะเข้ามาทำก็ได้ แต่คนเขียนแผนปฏิรูป ขับเคลื่อนยุทธศาสตร์เอง จะดีที่สุด
ขาดก็แต่ อำนาจ หรือ ตะบอง ไว้กำราบ พวกนักเลือกตั้ง ที่ไม่ชอบทำตาม กติกา
ทุกตำแหน่งที่ ไม่ได้มากจากการเลือกตั้ง หรือ นักการเมืองแต่งตั้ง
เป็นเผด็จการ ทั้งหมดเลยรึเปล่าครับท่าน
ปลัดกระทรวง อธิบดี อัยการ ที่เอื้อประโยชน์ ต่อฝ่ายท่าน ก็มี เป็นฝ่ายเผด็จการด้วยรึเปล่า
ผู้ว่า รองผู้ว่า นายอำเภอ นายแพท์สาธารณสุข ผู้บังคับการตำรวจภูธร ผอ.โรงพยายาบาล ให้ประชาชนเลือกตั้งเข้าไปให้หมดเลยดีไม๊
"2. องค์กรดังกล่าวมีอำนาจเหนืออำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย โดยมีอำนาจในการเสนอแนะนโยบายและข้อเสนอในการปฏิรูปเพื่อลดความเหลื่อมล้ำและสร้างความเป็นธรรมในด้านต่างๆ ต่อรัฐสภา คณะรัฐมนตรีหรือหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง....... "
"มีอำนาจเหนือเหนือ อำนาจอธิปไตยที่เป็นของปวงชนชาวไทย"
เอาอีกแล้ว คนไทยต้องระวัง อย่าเอาแนวคิดเผด็จการทุนสามานย์ หรือ อันตพาล มาเป็นฐานความคิด
ที่ผ่านมา เพื่อไทย พยายาม ทำให้สังคมเข้าใจว่า เสียงของประชาชน คือ เสียงสวรรค์ เข้าใจว่า บัตรเลือกตั้ง คือ การให้อำนาจอธิปไตย แก่ ผู้ได้รับเลือก โดยไม่สนใจกติกา
ควรจะเข้าใจว่า อำนาจอธิปไตยของปวงชน มีอยู่ 3 ฝ่าย คือ
ฝ่ายนิติบัญญัติ ทำหน้าที่หลัก คือ ออกกฏหมาย
ฝ่ายตุลาการ เอากฏหมาย ที่นิติบัญญัติ ออกมาใช้ เป็น บรรทัดฐานในการตัดสินคดีความ
และ ฝ่ายบริหาร
ท่านจะบอกว่า ประชาชน เลือกท่านมา ท่านจะใหญ่สุด มีอำนาจสูงสุดในประเทศ นั่น ไม่ใช่ประชาธิปไตย
ในสภา เขาให้ ฝ่ายค้าน หรือ คู่ตรงข้ามเป็น ฝ่ายตรวจสอบ
องค์กรตรวจสอบอื่นๆ ก็เหมือนกัน
อย่ามาอ้าง คู่ขัดแย้ง
คู่ขัดแย้งจะทำอะไรท่านไม่ได้ ถ้าท่านไม่ทำผิด
เพราะอำนาจ คู่ขัดแย้ง ถูกกำหนดชัดเจน ด้วยบทบัญญัติในกฏหมาย
คู่ขัดแย้ง จะทำอะไรท่านไม่ได้ ถ้าท่าน ยึดเส้น ที่เป็นกรอบคุ้มครองการใช้อำนาจของท่าน
ดูคดี ท่าน ถวิล เปลี่ยนสี เป็นตัวอย่าง
ไม่เข้าข่ายความผิด ที่กฏหมายระบุไว้
ไปปลดเขา คนที่ผิด ก็คือ ท่าน ที่ใช้อำนาจโดยไม่ชอบตามกฏหมาย
ในทางตรงกันข้าม หากท่านได้เข้ามามีอำนาจ ก็ไม่ต้องกลัวฝ่ายตรงข้ามจะกลั่นแกล้งครับ
ยึดเส้น ที่เป็นตัวกำหนดมาตรฐานไว้ได้ ไม่ต้องไปกลัว
"3. อำนาจขององค์กรนี้มีไปจนกว่า "การปฏิรูปประเทศจะบรรลุผล" ตามมาตรา 279 แต่ไม่เกิน 5 ปีเว้นแต่จะมีประชามติเห็นชอบให้มีต่อไปอีกไม่เกิน 5 ปี เท่ากับมีอำนาจครอบงำประเทศนี้ต่อไปอีกอย่างน้อยสองรัฐบาล...."
รัฐบาลจะไปกลัวอะไร แค่มี บทบาทกำกับ "ขั้นตอนการปฏิรูป ให้เป็นไปตามบทบัญญัติ ที่เขียนไว้ให้ทราบโดยทั่วกัน ก่อนล่วงหน้า"
นั้นหมายถึง นักการเมือง ร่วมถึงประชาชน ทราบแล้วล่วงหน้า ว่า การดำเนินการปฏิรูปแต่ละด้าน มีนโยบายอย่างไร จะต้องทำอะไรบ้าง
"4. อำนาจของสภาขับเคลื่อนฯ นี้เป็นอำนาจเผด็จการที่เด็ดขาด เจ้าของอำนาจคือตัวแทนประชาชนไม่มีสิทธิต่อรองใดๆ ทั้งสิ้น .... "
ใครบอก ผมไม่มีสิทธิ์
ก็ลอง สภาปฏิรูป ไม่ทำตามหน้าที่ หรือ ทำเกินหน้าที่ ที่ระบุไว้ หรือ ไม่เป็นไปตามเป้ายุทธศาสตร์ ไม่เป็นไปตามที่ รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ หรือ ใช้อำนาจให้เกิดความเสียหายต่อบ้านเมืองดูซิ
ผมจะฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ
"5. กระบวนการทั้งหมดคือการปล้นอำนาจของประชาชนอีกครั้ง เอาไปมอบให้กับเผด็จการที่สืบทอดอำนาจผ่านองค์กรที่ตั้งขึ้นในนามของสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ทำให้ตัวแทนของประชาชนที่มาจากการเลือกตั้งคือสภาผู้แทนราษฎร คณะรัฐมนตรี ที่เป็นฝ่ายบริหาร"
ปล้นไม่ได้ครับ ไม่มีใคร ปล้นอำนาจ บริหาร ไปจากรัฐบาล ได้
ฝ่ายตรวจสอบ ฝ่ายค้าน ศาล สว. ไปบริหารบ้านเมือง แทนรัฐบาล ไม่ได้
อย่างเช่น ในระดับจังหวัด ฝ่ายปกครอง ไม่ได้มีบทบาท อำนาจ และ ไม่สามารถ ปล้นอำนาจบริหาร ของ นักการเมือง ท้องถิ่นได้
ฉันใด ก็ฉันนั้น
ขอย้ำว่า ถ้าท่านถือกฏหมาย ไม่มีใครกลั่นแกล้งท่านได้
และคงไม่มีใครคิดจะทำ
ที่ผ่านมา ก็เพียงเพื่อการ ปกป้องสิทธิ์ประโยชน์ ทรัพยากรของส่วนร่วม แน่นอนว่า ทรัพยากรของรัฐทั้งหมดนั่น เป็น ของผม 1 หุ้น เอามาหาร 60 ล้านคน ก็คิดเป็นมูลค่า ได้หลายตังค์อยู่ครับ
"6. ประการสำคัญสภาร่างรัฐธรรมนูญไม่ได้สร้างเครื่องมือหรือกลไกในการตรวจสอบถ่วงดุลสภาขับเคลื่อนการปฏิรูปประเทศและคณะกรรมการยุทธศาสตร์การปฏิรูปแห่งชาติ ซึ่งต่างจากการใช้อำนาจของตัวแทนที่มาจากประชาชนที่มีกลไกทั้งการจับผิดและการตรวจสอบจนทำงานไม่ได้....."
ผมดีใจครั้ง ที่การดำเนินงานหลายอย่าง ของรัฐบาลก่อน ไม่สำเร็จ
เพราะไม่เช่นนั้น ประเทศไทย จะมี บรรทัดฐานใหม่ เสียบบัตร แทนกันได้ ให้ สว.พิจารณาแก้ไขกฏหมาย ในการเพิ่มสิทธิประโยชน์ให้กับตัวเอง ก็ได้
หรือ สส.เพื่อไทย ในสภา เกลี่ยกล่อมให้ ยอมรับ พื้นที่ทับซ้อนให้เป็นของกัมพูชา ในขณะที่ แม้นแต่ ศาลโลก ยังไม่กล้าตัดสิน ให้ กัมพูชา ไทย มาตกลงกันเอง
และมีหลายอย่างที่ เสียใจ ที่ รัฐบาลทำโดยไม่คำนึงพึงผลกระทบ
เช่น โครงการรถคันแรก กว่าล้านราย (เฉลี่ย ผ่อนเดือนละ 9,000 x 1 ล้านคัน = เม็ดเงินหายไปจากตลาด เดือนละ 9,000 ล้าน ไม่รวมค่อน้ำมัน
อีกทั้ง รัฐไม่มีมาตรการป้องกัน เช่น การประเมินศักยภาพในการจ่ายค่างวดของผู้ซื้อ ทำให้เกิดความเสียหาย มูลค่าไม่น้อย)
หรือ ระบบรับจำนำ ที่ไม่สามารถตรวจสอตัวเลข ในขณะที่ ฐานข้อมูลประชากรออนไลน์ทั่วประเทศ ส่วนท้องถิ่น ต่างใช้ระบบข้อมูลการเงินการคลัง E budget แต่ท่านไป กำหนดวิธีพิเศษพิศดาร จนไม่สามารถ ตรวจสอบได้ และ ไม่ยอม ทบทวนแก้ไข หลังจากได้รับการร้องเรียนในปีแรก ที่ มีผลขาดทุนเพียง 1 แสนล้าน ทำให้ ปี ต่อมา มีผลขาดทุน สูงถึง 5 แสนล้าน
ยังไม่นับ การใช้อำนาจ ครม.อนุมัติงบประมาณ จ้างลอบบี้ยิสตฺ์ ให้สภามะกัน ผ่านกฏหมาย ให้มาตั้งฐานทัพในไทย
นี่ขนาด ใช้การตรวจสอบ ในการพยายาม ระงับ ยับยั้ง ความเสียหายของรัฐ
นี่ขนาด คัดฝ่ายตรวจสอบมาเป็น อย่างดี คัดมาทำหน้าที่ ปกป้องผลประโยชน์ชาติ รัฐบาลยังสามารถสร้างความเสียหาย ได้ขนาดนี้
สำหรับ การถ่วงดุล
อุปมา ฝ่าย บริหาร มีฝ่ายค้าน คอยถ่วงดุล
ส่วน ฝ่ายปกครอง ที่มีหน้าที่ รักษาเส้น รักษากรอบ
ซึ่งถูกถ่วง ด้วยหน้าที่ ในตัวอยู่แล้ว
กล่าวคือ หากฝ่ายปกครอง ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ จำเป็นหรือ ต้องมี ฝ่ายตรวจสอบ
หรือ หากทำผิดกฏหมาย แพ่ง หรือ อาญา กฏหมายก็ไม่ได้ให้เอกสิทธิ์ ผู้ที่ดำรงตำแหน่งฝ่ายปกครอง
แล้วจะเอาใครมาถ่วงดุล
ใครเดือดร้อน จากการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ของฝ่ายปกครอง หรือ การละเมิดกฏหมายของฝ่ายปกครอง
เขาก็จะปกป้องสิทธิ์ของเขาเอง
กลับมา ที่ คณะกรรมการฯปฏิรูป ซึ่ง ไม่ได้ทำหน้าที่ บริหาร
ไม่ได้มีอำนาจ บริหาร
คล้ายกับ คณะกรรมการข้อมูลข่าวสารราชการแห่งชาติ
ที่คอยกำกับดูแล เสนอแนะหน่วยงาน ด้านการจัดการ เผยแพร่ข้อมูลราชการ
ทำไม ไม่ต้องมี การถ่วงดุล
ตอบให้ก็ได้ว่า โดนถ่วงด้วยกฏหมายอยู่แล้ว
ถ้าฝ่ายตรวจสอบ ประณีประนอม กับฝ่ายบริหาร
นั่นเท่ากับ ยอมให้ละเมิดเส้นที่ขีดไว้ป้องกันความเสียหาย หรือเปล่า
ที่ผ่านมา ในกรณี แก้ รธน. ปลดล๊อค สว.
แม้แต่ ประธานวุฒิสภา และ สมาชิกวุฒิสภา จากการเลือกตั้ง ยังดื้อตาใส แสร้งเป็นไม่รู้ว่า ตนจะร่วมพิจารณา สิทธิ์ประโยชน์ของตนเอง มิได้
ไม่หน้าเชื่อ ว่า สว. เลือกตั้ง ที่เข้ามาตรวจสอบ กลั่นกรอง จะไม่รู้กฏหมาย
แต่หน้าจะเป็น การตกอยู่ภายใต้อาณัติ เสียมากกว่า
ถึงกระนั่น ก็ไม่น่าจะทำลายศักดิ์ศรี ของ ตนเอง และ สถาบัน สว.เลือกตั้ง ได้ถึงขนาดนี้ วัยรุ่นบ้านผมบอก "เสียยี่ห้อหมด"
ผิดตั้งแต่ หลักการณ์แก้ไข ยันไปถึง เสียบบัตรแทนกัน
แล้ว สส.ยังมีหน้า มารวมหัว ก่อตัวเป็น กบฎ ไม่ยอมรับอำนาจศาล
ทั้งที่มีกฏหมาย ชี้ชัด ให้ใช้เป็นบรรทัดฐาน
แต่เพราะเชื่อว่า พวกตนคุมสื่อมวลชนได้ ทำให้ประชาชน เชื่อพวกตนได้
ทำตัวเป็นแกนนำ ในการ ล้มล้าง บทบัญญัติในรัฐธรรมนูญ
จากปัญหา ที่เป็น จุดอ่อนในข้างต้น จึงเป็นการดี ที่สุด ในการเอาฝ่ายตรงข้าม มาตรวจสอบ ถ่วงดุล พวกอัตตาธิปไตย
ถ้าท่าน กลัวว่า คณะกรรมการฯปฏิรูป จะไม่ทำหน้าที่ ตามกรอบคือ การแนะนำหน่วยงานในกรณีที่ไม่ทำตามกฏหมายปฏิรูป และ การเสนอกฏหมาย
ถ้าไม่ทำหน้าที่ขับเคลื่อนปฏิรูปให้เกิดสิ่งต่างๆ ตามที่บัญญัติไว้ในรัฐธรรมนูญ
ไม่ต้องจ้างใคร มาถ่วงดุล ให้เสียงบประมาณแผ่นดิน
ผมจะฟ้อง ประจาน ให้สังคมรับรู้ และ จะใช้อำนาจตุลาการ ถ้าจำเป็น