“การลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน หรือถามที่ปรึกษาใกล้ตัวคุณ”
ผ่านมาแล้ว 1 ไตรมาสสำหรับปี 2558 ซึ่งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังไม่สู้ดีนัก สำหรับภาคครัวเรือนประชาชนก็ยังไม่กล้าใช้เงิน และถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้คนใช้เงินได้ สำหรับมือใหม่ที่เริ่มสนใจอยากหาที่เก็บเงินให้ปลอดภัยก็คงเกิดคำถามว่า “ลงทุนอะไรดี” ท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ วันนี้เอกอานนท์จึงมีข้อมูลเปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนประเภทต่างๆในปี 2556 กับปี 2557 มานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนมือใหม่ได้ตัดสินใจเลือกการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงได้ค่ะ
เงินฝากออกมทรัพย์
เมื่อเทียบกับปี 2556 แล้ว ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ได้ปรับลดลง เนื่องจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้กระตุ้นให้ประชาชนกู้เงินและใช้เงินมากขึ้น ดังนั้น การฝากเงินไว้ในธนาคารจึงไม่สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศทั้งในปี 2556 และ 2557
อัตราเงินเฟ้อ
นับว่าเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกการลงทุน เพราะหากการลงทุนนั้นๆ ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็เท่ากับขาดทุนอยู่ดี สำหรับอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยปี 2557 ลดลงจากปี 2556 เหลือ 1.89% ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ในช่วงไตรมาสแรกๆ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ผัก ปรับราคาลดลง เนื่องจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
พันธบัตรรัฐบาล
ในที่นี้เป็นผลตอบแทนเฉลี่ยของตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนแบบระยะยาวที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นตราสารที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ซึ่งสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นให้แก่ผู้ถือเมื่อครบกำหนดหรือจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ แล้วแต่จะตกลงกัน ผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทนี้จึงไม่ค่อยสูงมาก อยู่ใน 3.57% และ 3.80% ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ
อสังหาริมทรัพย์
สำหรับสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมาอาจไม่สู้ดีนัก เนื่องจากมีกระแสลบต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องของการเกิดอุปสงค์เทียม, Oversupply หรือข่าวฟองสบู่แตก โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ๆ ทำให้หลายๆ โครงการประสบกับปัญหาการทิ้งเงินดาวน์และไม่มีคนโอน บางโครงการก็ต้องชะลอการสร้าง หรือยกเลิกการก่อสร้างในบางพื้นที่ แต่การลงทุนอสังหาฯ ก็มีข้อดีอยู่คือเราสามารถเลือกลงทุนในทำเลและทรัพย์ที่มีศักยภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้ แม้ว่าทั้งตลาดจะติดลบ แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ให้ผลตอบแทนได้ดี เช่นการลงทุนแบบมีการการันตีค่าเช่าจากโครงการ
หุ้น
นับว่าเป็นปีที่มีวิกฤตและเหตุการต่างๆ มากมายในช่วงปี 2556 ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ส่งผลต่อไทยไม่น้อย ทำให้ตลาดหุ้นไทยในปี 2556 ติดลบ 6.70% พอมาปี 2557 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญคือการทำรัฐประหาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งในระยะแรกอาจพบว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง และมีความผันผวนมาก แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นไทยก็ค่อยๆปรับฐานดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในปี 2557 ตลาดหุ้นไทยทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นมาก โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งปีที่ 15.32% ใครที่เข้า-ออกถูกจังหวะเวลาก็คงทำกำไรไปได้อย่างสมใจ แต่สำหรับบางคนโดยเฉพาะมือใหม่ใจยังไม่แข็งพอก็อาจติดดอยหรือขาดทุนไปในช่วงที่ตลาดผันผวนก็มีไม่น้อยเช่นกัน สามารถดูกราฟการลงทุนในหุ้นย้อนหลังตั้งแต่ปี 2528-2556 ได้ที่
http://aekarnon.com/การลงทุนท่ามกลางมรสุม/
กองทุนหุ้นขนาดใหญ่
กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ เป็นกองทุนที่เลือกลงทุนในตราสารทุนประเภทต่างๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) เป็นต้น ของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานดี และมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กองทุนรวมหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นๆ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน จากผลตอบแทนในตารางจะเห็นว่าผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในปี 2556 และปี 2557 จะมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของหุ้น (ผลตอบแทน -3.12%และ +15.81% ตามลำดับ) เพราะกองทุนรวมหุ้นก็คือการเลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะสามารถเลือกหุ้นที่หลากหลาย จึงช่วยกระจายความเสี่ยงได้ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง และไม่สามารถวางแผนจัดการหรือดูแลพอร์ตของตัวเองได้
ข้อมูลการเปรียบเทียบนี้เป็นผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของการลงทุนประเภทต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา บางคนอาจทำผลตอบแทนได้สูงกว่านี้ หรือต่ำกว่านี้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ประสบการณ์ และความรอบรู้ด้านการลงทุนของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเลือกลงทุนอะไรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรู้จักตัวเอง รู้แผนการเงิน แผนการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่รับได้ ระยะเวลาในการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดหวัง จากนั้นจึงเลือกการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ของเราได้ สำหรับมือใหม่เริ่มลงทุนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “เสี่ยง…ไม่กลัว กลัวไม่ (กล้า) เสี่ยง” นะคะ
http://aekarnon.com/เสี่ยงไม่กลัวกลัว/
เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สุดท้ายขอให้ผู้อ่านทุกๆคนบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามแผนที่วางไว้.
ที่มา:
http://aekarnon.com/ลงทุนอะไรดี/
แนะนำมือใหม่….ลงทุนอะไรดี ในปี 2558
ผ่านมาแล้ว 1 ไตรมาสสำหรับปี 2558 ซึ่งสถานการณ์ทางเศรษฐกิจก็ยังไม่สู้ดีนัก สำหรับภาคครัวเรือนประชาชนก็ยังไม่กล้าใช้เงิน และถึงแม้ว่าจะมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายลง แต่ก็ยังไม่สามารถกระตุ้นให้คนใช้เงินได้ สำหรับมือใหม่ที่เริ่มสนใจอยากหาที่เก็บเงินให้ปลอดภัยก็คงเกิดคำถามว่า “ลงทุนอะไรดี” ท่ามกลางสถานการณ์เหล่านี้ วันนี้เอกอานนท์จึงมีข้อมูลเปรียบเทียบผลตอบแทนของการลงทุนประเภทต่างๆในปี 2556 กับปี 2557 มานำเสนอเพื่อเป็นทางเลือกให้แก่นักลงทุนมือใหม่ได้ตัดสินใจเลือกการลงทุนที่เหมาะสม และสามารถสร้างมูลค่าเพิ่มให้สูงได้ค่ะ
เงินฝากออกมทรัพย์
เมื่อเทียบกับปี 2556 แล้ว ดอกเบี้ยเงินฝากออมทรัพย์ได้ปรับลดลง เนื่องจากมีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายเพื่อให้กระตุ้นให้ประชาชนกู้เงินและใช้เงินมากขึ้น ดังนั้น การฝากเงินไว้ในธนาคารจึงไม่สามารถตอบโจทย์การลงทุนได้ เนื่องจากผลตอบแทนที่ได้รับน้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อของประเทศทั้งในปี 2556 และ 2557
อัตราเงินเฟ้อ
นับว่าเป็นปัจจัยหลักอย่างหนึ่งในการตัดสินใจเลือกการลงทุน เพราะหากการลงทุนนั้นๆ ให้ผลตอบแทนที่น้อยกว่าอัตราเงินเฟ้อ ก็เท่ากับขาดทุนอยู่ดี สำหรับอัตราเงินเฟ้อในประเทศไทยปี 2557 ลดลงจากปี 2556 เหลือ 1.89% ซึ่งต่ำกว่าที่รัฐบาลคาดการณ์ไว้ในช่วงไตรมาสแรกๆ เป็นผลมาจากราคาน้ำมันในตลาดโลกลดลงอย่างต่อเนื่อง และราคาไข่ไก่ เนื้อสุกร ไก่สด ผัก ปรับราคาลดลง เนื่องจากผลผลิตเข้าสู่ตลาดมากขึ้น
พันธบัตรรัฐบาล
ในที่นี้เป็นผลตอบแทนเฉลี่ยของตั๋วเงินคลังและพันธบัตรรัฐบาลที่มีอายุ 10 ปี ซึ่งถือว่าเป็นการลงทุนแบบระยะยาวที่มีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำ เนื่องจากเป็นตราสารที่รัฐบาลโดยกระทรวงการคลังเป็นผู้ออก ซึ่งสัญญาว่าจะจ่ายดอกเบี้ยพร้อมเงินต้นให้แก่ผู้ถือเมื่อครบกำหนดหรือจ่ายดอกเบี้ยเป็นงวดๆ แล้วแต่จะตกลงกัน ผลตอบแทนจากการลงทุนประเภทนี้จึงไม่ค่อยสูงมาก อยู่ใน 3.57% และ 3.80% ในปี 2556 และ 2557 ตามลำดับ
อสังหาริมทรัพย์
สำหรับสถานการณ์ของตลาดอสังหาริมทรัพย์ในช่วงปีที่ผ่านมาอาจไม่สู้ดีนัก เนื่องจากมีกระแสลบต่างๆมากมาย ทั้งเรื่องของการเกิดอุปสงค์เทียม, Oversupply หรือข่าวฟองสบู่แตก โดยเฉพาะในหัวเมืองใหญ่ๆ ทำให้หลายๆ โครงการประสบกับปัญหาการทิ้งเงินดาวน์และไม่มีคนโอน บางโครงการก็ต้องชะลอการสร้าง หรือยกเลิกการก่อสร้างในบางพื้นที่ แต่การลงทุนอสังหาฯ ก็มีข้อดีอยู่คือเราสามารถเลือกลงทุนในทำเลและทรัพย์ที่มีศักยภาพ สามารถสร้างผลตอบแทนที่ดีในอนาคตได้ แม้ว่าทั้งตลาดจะติดลบ แต่ก็มีบางพื้นที่ที่ให้ผลตอบแทนได้ดี เช่นการลงทุนแบบมีการการันตีค่าเช่าจากโครงการ
หุ้น
นับว่าเป็นปีที่มีวิกฤตและเหตุการต่างๆ มากมายในช่วงปี 2556 ทั้งเรื่องการเมือง เศรษฐกิจทั้งในประเทศ และต่างประเทศที่ส่งผลต่อไทยไม่น้อย ทำให้ตลาดหุ้นไทยในปี 2556 ติดลบ 6.70% พอมาปี 2557 ก็เกิดเหตุการณ์สำคัญคือการทำรัฐประหาร โดยคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 ซึ่งในระยะแรกอาจพบว่าตลาดหุ้นอยู่ในช่วงขาลง และมีความผันผวนมาก แต่หลังจากนั้นตลาดหุ้นไทยก็ค่อยๆปรับฐานดีขึ้นเรื่อยๆ ทำให้ในปี 2557 ตลาดหุ้นไทยทำผลตอบแทนได้ดีขึ้นมาก โดยมีผลตอบแทนเฉลี่ยทั้งปีที่ 15.32% ใครที่เข้า-ออกถูกจังหวะเวลาก็คงทำกำไรไปได้อย่างสมใจ แต่สำหรับบางคนโดยเฉพาะมือใหม่ใจยังไม่แข็งพอก็อาจติดดอยหรือขาดทุนไปในช่วงที่ตลาดผันผวนก็มีไม่น้อยเช่นกัน สามารถดูกราฟการลงทุนในหุ้นย้อนหลังตั้งแต่ปี 2528-2556 ได้ที่ http://aekarnon.com/การลงทุนท่ามกลางมรสุม/
กองทุนหุ้นขนาดใหญ่
กองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ เป็นกองทุนที่เลือกลงทุนในตราสารทุนประเภทต่างๆ เช่น หุ้นสามัญ หุ้นบุริมสิทธิ ใบสำคัญแสดงสิทธิ (Warrants) เป็นต้น ของบริษัทขนาดใหญ่ที่มีปัจจัยพื้นฐานดี มีความมั่นคง ผลการดำเนินงานดี และมีประวัติการจ่ายเงินปันผลสม่ำเสมอ กองทุนรวมหุ้นมีโอกาสให้ผลตอบแทนสูงกว่ากองทุนรวมประเภทอื่นๆ แต่ก็มีความเสี่ยงสูงกว่าเช่นกัน จากผลตอบแทนในตารางจะเห็นว่าผลตอบแทนของกองทุนรวมหุ้นขนาดใหญ่ทั้งในปี 2556 และปี 2557 จะมีผลตอบแทนใกล้เคียงกับผลตอบแทนของหุ้น (ผลตอบแทน -3.12%และ +15.81% ตามลำดับ) เพราะกองทุนรวมหุ้นก็คือการเลือกลงทุนในหุ้นที่อยู่ในตลาดหลักทรัพย์ แต่ความเสี่ยงน้อยกว่า เพราะสามารถเลือกหุ้นที่หลากหลาย จึงช่วยกระจายความเสี่ยงได้ การลงทุนในกองทุนรวมหุ้นจึงเหมาะกับผู้ที่สามารถรับความเสี่ยงได้ปานกลางถึงสูง และไม่สามารถวางแผนจัดการหรือดูแลพอร์ตของตัวเองได้
ข้อมูลการเปรียบเทียบนี้เป็นผลตอบแทนโดยเฉลี่ยของการลงทุนประเภทต่างๆ ในช่วงปีที่ผ่านมา บางคนอาจทำผลตอบแทนได้สูงกว่านี้ หรือต่ำกว่านี้ ขึ้นอยู่กับแผนการลงทุน ประสบการณ์ และความรอบรู้ด้านการลงทุนของแต่ละบุคคล ไม่ว่าจะเลือกลงทุนอะไรสิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือการรู้จักตัวเอง รู้แผนการเงิน แผนการลงทุน ระดับความเสี่ยงที่รับได้ ระยะเวลาในการลงทุน และผลตอบแทนที่คาดหวัง จากนั้นจึงเลือกการลงทุนที่สามารถตอบโจทย์ของเราได้ สำหรับมือใหม่เริ่มลงทุนที่ต้องการข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการลงทุนในช่วงเวลาต่างๆ สามารถอ่านเพิ่มเติมได้จากบทความเรื่อง “เสี่ยง…ไม่กลัว กลัวไม่ (กล้า) เสี่ยง” นะคะ http://aekarnon.com/เสี่ยงไม่กลัวกลัว/
เพราะทุกการลงทุนมีความเสี่ยง ผู้ลงทุนควรศึกษาข้อมูลก่อนการตัดสินใจลงทุน
สุดท้ายขอให้ผู้อ่านทุกๆคนบรรลุเป้าหมายการลงทุนตามแผนที่วางไว้.
ที่มา: http://aekarnon.com/ลงทุนอะไรดี/