สวัสดีครับ นับต่อจากนี้สักพักจะพาไปชิมอาหารที่โตเกียวกัน ทริปญี่ปุ่นนี้ ผมขอแบ่งเป็นสองเฟส หนึ่งคือการตระเวนกินในโตเกียวโดยอาศัยเรตติ้งของ tabelog กับ Michelin star เป็นส่วนประกอบในการเลือกร้านอาหารซึ่งจะอธิบายรายละเอียดต่อไป สองคือการหาร้านอาหารอร่อย เท่าที่จะมีงบประมาณเหลือในแถบคิวชู
เปิดด้วยเฟสที่หนึ่ง โตเกียวนะครับ
ขออธิบายคร่าวๆก่อนครับว่า การเลือกร้านอาหาร การจองร้านอาหารทำอย่างไร
การเลือกร้านนั้น เลือกตามเรตติ้ง ซึ่ง เว็บเรตติ้งของญี่ปุ่นก็คือ tabelog ซึ่งเค้าว่ากันว่า ได้มาตรฐาน คะแนนไม่เฟ้อ สะท้อนความเป็นจริงอยู่
ขณะที่ Michelin star ก็น่าจะพอทราบกันอยู่ว่า มีการจัดเรตติ้งตามมหานครดังทั่วโลก แบ่งเป็นหนึ่งดาว สองดาว สามดาว (จริงๆ ยังมีร้านที่ไม่ถึงหนึ่งดาว แต่ประมาณว่า แนะนำให้ไปคือ bib gourmand)
แต่ถามว่าในญี่ปุ่นนั้น นักรีวิวหลายสำนักกล่าวไว้ว่า มิเชลลินไม่ได้สะท้อนความอร่อยแท้จริง ก็ตามศรัทธาเลยครับอันนี้
ก็มีอยู่หลายร้านเหมือนกันที่อร่อย ติดแรงกิ้งต้นๆของ tabelog แต่ไม่ได้ Michelin star หรือว่า ปฏิเสธการรับดาวเสียด้วยซ้ำ
เว็บนี้ เขียนไว้ได้น่าสนใจเลยทีเดียวกับมุมมองเรื่องการจัดดาวของมิเชลลิน ลองอ่านในหัวข้อดังกล่าวดูได้ครับ
http://boutiquejapan.com/tokyo-sushi/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้นี่เป็นส่วนหนึ่งที่ตัดมา
However, the truth is that the Michelin Guide is quite controversial in Japan, and often Japanese critics and diners are at odds with what Michelin’s inspectors have opined.
So when deciding on a sushi restaurant at which to splurge, make sure to look beyond the Michelin Guide if possible. While Michelin stars are certainly symbols of quality, some of Tokyo’s best sushi shops don’t have Michelin stars (yet are extremely respected in Japan).
รีวิวนี้ เลือกตามแรงกิ้งของ tabelog เป็นหลัก ช่วงที่อ่านรีวิวร้านคือช่วงมกรา กุมภา 2558 ครับ ประกอบกับงบประมาณที่มีด้วย เลือกกินหลายๆ หมวดหมู่
ข้อดีของ tabelog คือ แสดงคะแนนในทุกหมวดหมู่ อาหาร บรรยากาศ แยกมื้อกลางวัน เย็น บอกข้อมูลร้านไว้อย่างครบถ้วน เปิดปิดเมื่อไหร่ รับบัตรเครดิตหรือไม่ โดยปกติ คะแนนมากกว่า 3.5 ก็นับว่าอร่อยใช้ได้ ถ้าเกิน 3.7-4 คือ รับประกันความอร่อยเลย
ข้อเสียคือมันเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ ก็ google translate เอาเลย แต่ก็ต้องระวังชื่อร้านเพี้ยนครับ ลองเทียบร้านแรงกิ้งต้นๆ กับเว็บนี้ได้
http://www.luxeat.com/blog/50-tokyo-restaurants-tabelog-users-3/
ขณะที่ Michelin star ข้อดีคือ อาจมองว่ามัน international และตอนนี้จับมือกับ gurunavi เว็บอาหารอีกอันหนึ่งซึ่งตั้งมาแข่งกับ tabelog มีภาษาอังกฤษให้พร้อมสรรพเลย ข้อเสียคือได้กล่าวไว้แล้วว่า อาจอร่อยไม่ได้มาตรฐานลิ้นคนญี่ปุ่น
ลิ้งค์เลือกร้าน Michelin ครับ มีคำอธิบายประกอบสั้นๆ สำหรับแต่ละร้านอยู่
http://gm.gnavi.co.jp/restaurant/
http://chowhound.chow.com/topics/827056
ลิ้งค์ไป gurunavi ครับ database กำลังขยายตัวอยู่
https://gurunavi.com/?__ngt__=TT0a9ee4c27000ac1e4a0d0bnVYoyCYm7yPPtCO1hCwmeg
จบเรื่องการเลือกร้านอาหารครับ
การจองร้านอาหารอาจเป็นเรื่องใหญ่กว่า
อาจพอทราบกันอยุ่แล้วว่า ร้านอาหารเหล่านี้ ดังเหลือเกิน อย่าง sukiyabashi jiro หรือ sushi saito ซึ่งเป็นร้านซูชิมิเชลลินสามดาวนั้น คิวเต็มล่วงหน้ากันนานมาก คำถามคือจองอย่างไร
มีสองแบบครับ
1 ร้านรับจองเองโดยตรง คือ เราสามารถโทรทางไกลไปญี่ปุ่น หรือว่า ให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นจองให้ บอกชื่อ เวลา จำนวนคน จบ เช่น ร้าน fukamachi (กินมื้อกลางวัน) เป็นร้านเทมปุระหนึ่งดาวมิเชลลิน
2 ร้านไม่รับจองเอง ต้องจองผ่านที่พัก เช่น ginza harutaka ซึ่งแยกได้สองแบบด้วยกัน คือ
2.1 จองผ่าน concierge โรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ท่านต้องพักโรงแรมห้าดาว เค้าถึงจะรับจองแบบสบายๆ แค่ request ไป
2.2 แล้วถ้าไม่พักโรงแรมห้าดาวล่ะ เช่นผมเลย พัก hostel ถามว่าทำอย่างไร
คำตอบคือ ทางโฮสเทลจะขอ cvv code หลังบัตรเครดิตของท่านเป็นตัวประกันไว้นั่นเอง ไม่มีทางเลือกครับ ร้านก็คงกลัว no show คือเค้าจะบอกเลยว่า ถ้า no show จะคิดราคาเท่าไหร่ เช่น harutaka คิด 30000 เยน, seizan คิด 18000เยน เป็นต้น
อ่อ แต่ก็ไม่ใช่ hostel ทุกที่จะมีนโยบายทำให้นะครับ (ผมพักที่ Tokyo hikari guesthouse เจ้าของใจดีมากกกกกก จองให้ผมหลายที่เลย นึกว่าผมเป็นเชฟไปเสียนั่น 555)
ถามว่าจองล่วงหน้านานเท่าไหร่
เท่าที่เจอ ทั้งตระกูลซูชิและ kaiseki เต็มล่วงหน้าเร็วมาก โดยเฉพาะสิบยี่สิบอันดับแรกของ tabelog ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ แต่ก็มีลิมิตคือ อย่างหมวดซูชิเนี่ย จองได้เร็วสุดคือ ให้จองวันแรกที่ร้านเปิดทำการในเดือนก่อนที่ท่านจะไปร้าน เช่น จะไป 1 เมษา หรือ 29 เมษาก็ตามแต่ โทรจองได้เร็วสุดคือ 1 มีนา แต่ถ้า 1 มีนา เป็นวันหยุดร้าน ก็โทร 2 มีนาแทน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงจะโทรเร็ว ตั้งแต่วันแรกที่รับจอง ก็ไม่การันตีว่าจะได้กินครับ เนื่องด้วยเหตุผลสองประการคือ
1 คนโทรเยอะมาก กระหน่ำโทร สายไม่ว่าง เกิดขึ้นแล้วกับ sushi saito ที่เพื่อนผมโทรเป็นสิบๆรอบ โทรติดปุ๊บบอกเต็มทั้งเดือนแล้ว
2 บางร้านรับจอง ณ ที่ร้านเลย คือลูกค้าเก่ากินเสร็จปุ๊บ ขอบุ๊คล่วงหน้าเลย ก็มีครับ
หรือถ้าหนักเลยคือ ไม่รับลูกค้าหน้าใหม่ จะรับแต่ลูกค้าเก่าๆ หรือ ผ่านการ introduce จากลูกค้าเก่า แบบว่าพามากินด้วย เจอบ่อยกับร้าน kaiseki แบบ traditional จ๋า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ร้านอาหารทั้งหมดไว้ในเพจนะครับ
)
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat
[CR] CR: อ้วนอย่างมีคุณภาพ ...ตระเวนกินตาม Tabelog @ Tokyo : Day1
เปิดด้วยเฟสที่หนึ่ง โตเกียวนะครับ
ขออธิบายคร่าวๆก่อนครับว่า การเลือกร้านอาหาร การจองร้านอาหารทำอย่างไร
การเลือกร้านนั้น เลือกตามเรตติ้ง ซึ่ง เว็บเรตติ้งของญี่ปุ่นก็คือ tabelog ซึ่งเค้าว่ากันว่า ได้มาตรฐาน คะแนนไม่เฟ้อ สะท้อนความเป็นจริงอยู่
ขณะที่ Michelin star ก็น่าจะพอทราบกันอยู่ว่า มีการจัดเรตติ้งตามมหานครดังทั่วโลก แบ่งเป็นหนึ่งดาว สองดาว สามดาว (จริงๆ ยังมีร้านที่ไม่ถึงหนึ่งดาว แต่ประมาณว่า แนะนำให้ไปคือ bib gourmand)
แต่ถามว่าในญี่ปุ่นนั้น นักรีวิวหลายสำนักกล่าวไว้ว่า มิเชลลินไม่ได้สะท้อนความอร่อยแท้จริง ก็ตามศรัทธาเลยครับอันนี้
ก็มีอยู่หลายร้านเหมือนกันที่อร่อย ติดแรงกิ้งต้นๆของ tabelog แต่ไม่ได้ Michelin star หรือว่า ปฏิเสธการรับดาวเสียด้วยซ้ำ
เว็บนี้ เขียนไว้ได้น่าสนใจเลยทีเดียวกับมุมมองเรื่องการจัดดาวของมิเชลลิน ลองอ่านในหัวข้อดังกล่าวดูได้ครับ
http://boutiquejapan.com/tokyo-sushi/
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
รีวิวนี้ เลือกตามแรงกิ้งของ tabelog เป็นหลัก ช่วงที่อ่านรีวิวร้านคือช่วงมกรา กุมภา 2558 ครับ ประกอบกับงบประมาณที่มีด้วย เลือกกินหลายๆ หมวดหมู่
ข้อดีของ tabelog คือ แสดงคะแนนในทุกหมวดหมู่ อาหาร บรรยากาศ แยกมื้อกลางวัน เย็น บอกข้อมูลร้านไว้อย่างครบถ้วน เปิดปิดเมื่อไหร่ รับบัตรเครดิตหรือไม่ โดยปกติ คะแนนมากกว่า 3.5 ก็นับว่าอร่อยใช้ได้ ถ้าเกิน 3.7-4 คือ รับประกันความอร่อยเลย
ข้อเสียคือมันเป็นภาษาญี่ปุ่นครับ ก็ google translate เอาเลย แต่ก็ต้องระวังชื่อร้านเพี้ยนครับ ลองเทียบร้านแรงกิ้งต้นๆ กับเว็บนี้ได้
http://www.luxeat.com/blog/50-tokyo-restaurants-tabelog-users-3/
ขณะที่ Michelin star ข้อดีคือ อาจมองว่ามัน international และตอนนี้จับมือกับ gurunavi เว็บอาหารอีกอันหนึ่งซึ่งตั้งมาแข่งกับ tabelog มีภาษาอังกฤษให้พร้อมสรรพเลย ข้อเสียคือได้กล่าวไว้แล้วว่า อาจอร่อยไม่ได้มาตรฐานลิ้นคนญี่ปุ่น
ลิ้งค์เลือกร้าน Michelin ครับ มีคำอธิบายประกอบสั้นๆ สำหรับแต่ละร้านอยู่
http://gm.gnavi.co.jp/restaurant/
http://chowhound.chow.com/topics/827056
ลิ้งค์ไป gurunavi ครับ database กำลังขยายตัวอยู่
https://gurunavi.com/?__ngt__=TT0a9ee4c27000ac1e4a0d0bnVYoyCYm7yPPtCO1hCwmeg
จบเรื่องการเลือกร้านอาหารครับ
การจองร้านอาหารอาจเป็นเรื่องใหญ่กว่า
อาจพอทราบกันอยุ่แล้วว่า ร้านอาหารเหล่านี้ ดังเหลือเกิน อย่าง sukiyabashi jiro หรือ sushi saito ซึ่งเป็นร้านซูชิมิเชลลินสามดาวนั้น คิวเต็มล่วงหน้ากันนานมาก คำถามคือจองอย่างไร
มีสองแบบครับ
1 ร้านรับจองเองโดยตรง คือ เราสามารถโทรทางไกลไปญี่ปุ่น หรือว่า ให้เพื่อนที่ญี่ปุ่นจองให้ บอกชื่อ เวลา จำนวนคน จบ เช่น ร้าน fukamachi (กินมื้อกลางวัน) เป็นร้านเทมปุระหนึ่งดาวมิเชลลิน
2 ร้านไม่รับจองเอง ต้องจองผ่านที่พัก เช่น ginza harutaka ซึ่งแยกได้สองแบบด้วยกัน คือ
2.1 จองผ่าน concierge โรงแรม ซึ่งส่วนใหญ่ท่านต้องพักโรงแรมห้าดาว เค้าถึงจะรับจองแบบสบายๆ แค่ request ไป
2.2 แล้วถ้าไม่พักโรงแรมห้าดาวล่ะ เช่นผมเลย พัก hostel ถามว่าทำอย่างไร
คำตอบคือ ทางโฮสเทลจะขอ cvv code หลังบัตรเครดิตของท่านเป็นตัวประกันไว้นั่นเอง ไม่มีทางเลือกครับ ร้านก็คงกลัว no show คือเค้าจะบอกเลยว่า ถ้า no show จะคิดราคาเท่าไหร่ เช่น harutaka คิด 30000 เยน, seizan คิด 18000เยน เป็นต้น
อ่อ แต่ก็ไม่ใช่ hostel ทุกที่จะมีนโยบายทำให้นะครับ (ผมพักที่ Tokyo hikari guesthouse เจ้าของใจดีมากกกกกก จองให้ผมหลายที่เลย นึกว่าผมเป็นเชฟไปเสียนั่น 555)
ถามว่าจองล่วงหน้านานเท่าไหร่
เท่าที่เจอ ทั้งตระกูลซูชิและ kaiseki เต็มล่วงหน้าเร็วมาก โดยเฉพาะสิบยี่สิบอันดับแรกของ tabelog ยิ่งเร็วยิ่งดีครับ แต่ก็มีลิมิตคือ อย่างหมวดซูชิเนี่ย จองได้เร็วสุดคือ ให้จองวันแรกที่ร้านเปิดทำการในเดือนก่อนที่ท่านจะไปร้าน เช่น จะไป 1 เมษา หรือ 29 เมษาก็ตามแต่ โทรจองได้เร็วสุดคือ 1 มีนา แต่ถ้า 1 มีนา เป็นวันหยุดร้าน ก็โทร 2 มีนาแทน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม ถึงจะโทรเร็ว ตั้งแต่วันแรกที่รับจอง ก็ไม่การันตีว่าจะได้กินครับ เนื่องด้วยเหตุผลสองประการคือ
1 คนโทรเยอะมาก กระหน่ำโทร สายไม่ว่าง เกิดขึ้นแล้วกับ sushi saito ที่เพื่อนผมโทรเป็นสิบๆรอบ โทรติดปุ๊บบอกเต็มทั้งเดือนแล้ว
2 บางร้านรับจอง ณ ที่ร้านเลย คือลูกค้าเก่ากินเสร็จปุ๊บ ขอบุ๊คล่วงหน้าเลย ก็มีครับ
หรือถ้าหนักเลยคือ ไม่รับลูกค้าหน้าใหม่ จะรับแต่ลูกค้าเก่าๆ หรือ ผ่านการ introduce จากลูกค้าเก่า แบบว่าพามากินด้วย เจอบ่อยกับร้าน kaiseki แบบ traditional จ๋า
----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ผมได้รวบรวมงานรีวิวกระทู้ร้านอาหารทั้งหมดไว้ในเพจนะครับ )
https://www.facebook.com/food.fit.for.fat