เรื่องมีอยู่ว่า เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา 29 มีนาคม 2558 ประมาณบ่ายสองกว่า
ตั้งใจว่าจะไปงานหนังสือ และได้แวะหาของกินรองท้องที่ยูเนียนมอลล์
เรากับแฟนขึ้นไปชั้นบน...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชั้นสี่ ที่มีร้านอาหารไปรวมกันอยู่เยอะๆ
เดินวนไปวนมา เห็นแต่ละร้านคนเยอะ แต่มีอยู่ร้านหนึ่งกลางลานกว้างตรงนั้น
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อขึ้นต้นด้วย I... ป้ายร้านเป็นตัวอักษรสีเหลืองบนบับเบิ้ลสีแดง มีตะเกียบ
ในร้านคือโล่งมาก โล่งสุด รอบแรกที่ผ่านทั้งร้านไม่มีคนนั่งแม้แต่คนเดียว มีแต่พนักงาน
เรากับแฟนก็คุยกันว่าจะลองไหม เพราะไม่เคยเข้าร้านนี้มาก่อน
แต่ก็วนไปดูร้านอื่นก่อน จากนั้นแฟนก็ชวนเดินดูโซนทำอาหารของร้านนี้ว่าสะอาดไหม ทำไมไม่มีลูกค้าเลย
แต่ก็ไม่เห็นอะไรมากเนื่องจากมีกำแพงก่อสูงประมาณเอว กระจกที่ไม่ค่อยใส และของอื่นๆ กั้นพอสมควร
สุดท้ายก็...เอ้า! ลองก็ลอง เพราะหิวด้วยกันทั้งคู่และถ้าเข้าร้านคนเยอะจะยิ่งเสียเวลาในการเดินงานสัปดาห์หนังสือฯ ด้วย
ตอนเข้าไปปรากฏว่ามีลูกค้านั่งอยู่หนึ่งโต๊ะ ไอ้เราก็...เออ ดี จะได้รอไม่นาน
พนักงานชายเดินเอาเมนูมาให้ดู
เรา : ชาเขียวเย็น หวานไหมคะ
พนง : หวานครับ (พอเห็นเราทำท่าคิดก็เสริมอีกหน่อย) หวานนิดดดเดียว
เรา : งั้นเอาชาเขียว ไข่หวาน เบนโตะซาบะย่างซีอิ๊ว ซูชิแซลมอน
แฟน : เอส เบนโตแซลมอนย่างซีอิ๊ว เกี๊ยวซ่า
พนง : ครับ (จดลงสมุด)
เรา : โทษค่ะ ขอเปลี่ยนเป็นเบนโตเทมปุระกุ้ง
พนง : ครับๆ (จดใหม่ เก็บเมนูไป)
ตรงนี้ขอบอกว่าพนักงานรับออร์เดอร์ ถึงจะดูเอ๋อๆ ไปนิด
บวกกับท่าทางเหมือนพนักงานร้านอาหารอีสาน...อันนี้ไม่ได้ดูถูกนะ แต่มาดให้แนวนั้นจริงๆ
แต่ก็โอเค ถามอะไรไปก็ตอบ ไม่ชักสีหน้าตอนเราเปลี่ยนเมนูแถมมั่วๆ ไปอีกนิดหน่อย
หายไปเกือบห้านาที ได้น้ำสองแก้วที่สั่ง
ปรากฏว่าชาเขียว(หวานนิดเดียว) ของพนักงาน...หวานมากกก สำหรับคนไม่กินหวานอย่างเรา
ไม่มีกลิ่นชาเลย อารมณ์เหมือนกินน้ำหวานสีชาใส่น้ำแข็ง แอบเซ็งนิดๆ แต่ก็...เอาวะ ไหนๆ ก็มาลอง รอให้ครบค่อยว่า
รออาหาร... จำไม่ได้ว่ากี่นาทีแต่ในความรู้สึกเรามันนานไปหน่อยเพราะลูกค้ามีอยู่โต๊ะเดียว แต่ไม่ซีเรียสนักเพราะรอไปคุยไป
มาถึงเมนูที่สั่งกันบ้าง
- ไข่หวานคือเมนูแรกที่มา ถ้าจำไม่ผิด หนึ่งเสิร์ฟมีหกชิ้น หวาน แข็ง เย็น เป็นไข่เชื่อมไม่ใช่ไข่หวาน สรุปกันว่า...ไม่อร่อย
- ซูชิแซลมอน หนึ่งเสิร์ฟคือสองคำ แซลมอนแห้ง กินแล้วคาวนิดๆ ข้าวแน่นมาก
อารมณ์เหมือนเอาข้าวแฉะมาบีบเป็นก้อนแล้วโปะชิ้นปลา เมนูนี้เรากินคนเดียว...ไม่อร่อย
- ทาโกะยากิ...มาไง? ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ทาโกะจริงๆ
เรากับแฟนก็งง มาไง? ถามไปถามมาปรากฏว่าเกี๊ยวซ่าหมด เลยเอาทาโกะมาเสิร์ฟแทนแบบไม่แจ้ง ไม่ถาม ดุ่ยๆ มาตั้งเลย
ตอนแรกยังคิดกันว่าเสิร์ฟผิดโต๊ะด้วยซ้ำ...เมนูนี้วางไว้แต่ยังไม่ได้ชิมเพราะเบนโตะที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี
- เบนโตะเทมปุระกุ้ง ข้าวโอเค กุ้งทอดมาสวยแป้งพอง แต่เนื้อแข็ง จืด ขิงดองสีชมพูปรี๊ดมากรสค่อนข้างเปรี้ยว...
เราชอบขิงดองนะ แต่อย่างอื่นเฉยๆ แค่พอกินได้
- เบนโตะแซลมอน ปลาไม่เล็กไม่ใหญ่ จากที่แอบเล็มของแฟนไปนิดหน่อยรสชาติก็โอเค กินได้ ข้าวเราไม่ได้ชิมแต่คิดว่าเหมือนกัน
จุดพีคคือไอ้เมนูสุดท้ายนี่ล่ะ... เพราะหลังจากกินไปได้คนละสองสามคำ ไม่เกินนั้น แฟนขยับชิ้นปลา จะตักข้าว แล้วเจอ...
ภาพอาจจะไม่ชัดมากนัก เพราะโฟกัสไม่ได้เนื่องจากกล้องห่วย+มือสั่น แต่คิดว่าคงจะเดากันออก... มันคือ แมลงสาบ
โปรดฟังอีกครั้ง... มันคือ
แมลงสาบ ที่ยังไม่ตายด้วยนะ ขางี้กระดิกแหง็กๆ ตอนแฟนเราคีบมันจากข้าวขึ้นมาวางบนชิ้นปลา
จากที่แฟนเรากินปลาอยู่...พ่นลงจานสิ จะเหลือเหรอ? (ดีที่ไม่พ่นใส่หน้าเรา) จากนั้นของขึ้นทันที
เรียกพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาหาด้วยสีหน้าโมโหมาก ถามถึงผู้จัดการร้าน แต่วันนี้ผู้จัดการไม่เข้าอยู่แต่รอง
เขาก็เข้ามายืนทำหน้าเจื่อนๆ พนักงานหญิงถอยไปตั้งหลักไกลมากเพราะแฟนเราหน้าเป็นยักษ์ไปล่ะ
พอแฟนเราถามหาพ่อครัว เขาก็ออกมา
ตอนแรกทำหน้าเหมือนไม่สนใจแต่พอเจอโวยวายมากเข้าก็ขอโทษแล้วชักสีหน้าใส่เพราะแฟนเราไม่หยุดเสียงดัง
ผู้หญิงโต๊ะข้างหลังที่เพิ่งมานั่งหันมาเหล่นิดนึง แต่ก็ไม่สนใจ... ณ จุดนี้เราแอบสยองเล็กน้อย
เป็นเรา ได้ยินอย่างนี้ไม่นั่งต่อแล้ว แต่ก็นะ ต่างคนต่างความคิด
ตัดกลับมาที่โต๊ะเรา ซึ่งตอนนี้พ่อครัวเดินกลับเข้าโซนทำอาหารไปแล้ว เหลือแต่รองผู้จัดการยืนรับหน้าอยู่คนเดียว
แฟน : แล้วนี่คุณจะรับผิดชอบยังไง
รอง : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
แฟน : ทำร้านอาหารแต่ไม่รักษาความสะอาดอย่างนี้ใช้ไม่ได้เลยนะ
รอง : ครับ ต้องขอโทษด้วย
แฟน : ผมขอถ่ายรูปนะ (หันมาบอกให้เราถ่ายรูปเก็บไว้)
รอง : เชิญเลยครับ ต้องขอโทษ เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมรับผิดชอบเองครับ
ถ่ายรูปเสร็จ เราเตรียมลุก แฟนฟึดฟัดออกไปรอหน้าร้านล่ะ
รอง : โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ (ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม)
เรา : คงไม่มาแล้วค่ะ (ในใจคือมันเฟลไปแล้ว ถึงจะไม่ได้เจอจะๆ ของตัวเองก็เถอะ)
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรากับแฟนเสียความรู้สึกกันมาก บอกได้เลยว่าไม่เข้าร้านนี้อีกแล้ว
และคุยกันเลยว่าต่อให้หิวแค่ไหน ถ้าเป็นร้านอาหารที่ไม่มีคนเข้าทั้งๆ ที่ร้านอื่นในละแวกเดียวกันคนแน่น
เรากับแฟนจะไม่เข้า ไม่มีโมเมนต์ "เฮ้ย...ลองดู เผื่อจะดี" อีกเด็ดขาด
อีกเรื่องคือไม่เข้าใจเลยว่าร้านอาหาร... ไม่เฉพาะร้านนี้นะ แต่หลายๆ ร้าน...
ทำไมไม่รักษาความสะอาดอย่างเข้มงวด (เห็นข่าวเห็นกระทู้อยู่เรื่อยๆ)
เพราะเขาคิดว่าไม่ได้กินเอง? หรือเพราะกฎหมายบ้านเรามันไม่รุนแรงเหมือนต่างประเทศ?
เราว่าเรื่องนี้มันเป็นจรรยาบรรณของร้านอาหารเหมือนกันนะ และเป็นสิ่งสำคัญด้วย
ขายอาหารแต่ไม่รักษาความสะอาด ใครจะอยากเข้า?
ถ้าคิดแค่ว่าลูกค้าคนเดียวฉันไม่แคร์ก็เอา...อีกหน่อยคงเจ๊งหรอก
สุดท้ายที่อยากบอกคือ กินอะไรนอกบ้านกันก็ระวังๆ กันด้วยนะ เผื่อจะเจอโปรตีนเสริมที่ทางร้านแถมมาให้แบบนี้
---------
ปล.1 ที่โพสเพราะต้องการเตือนให้ระวังกัน ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตร้าน
ปล.2 ใครที่คิดว่า...เฮ้ย เขาก็รับผิดชอบโดยการไม่คิดเงินแล้ว เมิงจะเอาอะไรอีก...
คุณเห็นต่างจากเรา สำหรับเราไม่ต้องจ่ายไม่ได้แปลว่าจบ
เราไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบอื่นใดจากทางร้านทั้งสิ้น เพราะถึงได้มาก็ไม่ไปกินแล้ว
แต่ที่ต้องการคือเตือน เป็นอุทาหรณ์ ทั้งกับคนกินและคนทำร้านอาหาร
ปล.3 ไม่ใช่หน้าม้า สายสืบ โทรจัน จากร้านไหนๆ ที่ต้องการโพสเพื่อสร้างกระแสใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะบวกหรือลบ
ปล.4 ใครกินข้าวอยู่ตอนที่อ่านกระทู้นี้ ขออภัย
ปล.5 ขอนอกเรื่องนิด...เพิ่งเห็นว่าพันทิปมีแท็กพรหมชาติด้วย
กินอาหารนอกบ้าน...ระวังกันด้วยนะ
ตั้งใจว่าจะไปงานหนังสือ และได้แวะหาของกินรองท้องที่ยูเนียนมอลล์
เรากับแฟนขึ้นไปชั้นบน...ถ้าจำไม่ผิดน่าจะชั้นสี่ ที่มีร้านอาหารไปรวมกันอยู่เยอะๆ
เดินวนไปวนมา เห็นแต่ละร้านคนเยอะ แต่มีอยู่ร้านหนึ่งกลางลานกว้างตรงนั้น
เป็นร้านอาหารญี่ปุ่น ชื่อขึ้นต้นด้วย I... ป้ายร้านเป็นตัวอักษรสีเหลืองบนบับเบิ้ลสีแดง มีตะเกียบ
ในร้านคือโล่งมาก โล่งสุด รอบแรกที่ผ่านทั้งร้านไม่มีคนนั่งแม้แต่คนเดียว มีแต่พนักงาน
เรากับแฟนก็คุยกันว่าจะลองไหม เพราะไม่เคยเข้าร้านนี้มาก่อน
แต่ก็วนไปดูร้านอื่นก่อน จากนั้นแฟนก็ชวนเดินดูโซนทำอาหารของร้านนี้ว่าสะอาดไหม ทำไมไม่มีลูกค้าเลย
แต่ก็ไม่เห็นอะไรมากเนื่องจากมีกำแพงก่อสูงประมาณเอว กระจกที่ไม่ค่อยใส และของอื่นๆ กั้นพอสมควร
สุดท้ายก็...เอ้า! ลองก็ลอง เพราะหิวด้วยกันทั้งคู่และถ้าเข้าร้านคนเยอะจะยิ่งเสียเวลาในการเดินงานสัปดาห์หนังสือฯ ด้วย
ตอนเข้าไปปรากฏว่ามีลูกค้านั่งอยู่หนึ่งโต๊ะ ไอ้เราก็...เออ ดี จะได้รอไม่นาน
พนักงานชายเดินเอาเมนูมาให้ดู
เรา : ชาเขียวเย็น หวานไหมคะ
พนง : หวานครับ (พอเห็นเราทำท่าคิดก็เสริมอีกหน่อย) หวานนิดดดเดียว
เรา : งั้นเอาชาเขียว ไข่หวาน เบนโตะซาบะย่างซีอิ๊ว ซูชิแซลมอน
แฟน : เอส เบนโตแซลมอนย่างซีอิ๊ว เกี๊ยวซ่า
พนง : ครับ (จดลงสมุด)
เรา : โทษค่ะ ขอเปลี่ยนเป็นเบนโตเทมปุระกุ้ง
พนง : ครับๆ (จดใหม่ เก็บเมนูไป)
ตรงนี้ขอบอกว่าพนักงานรับออร์เดอร์ ถึงจะดูเอ๋อๆ ไปนิด
บวกกับท่าทางเหมือนพนักงานร้านอาหารอีสาน...อันนี้ไม่ได้ดูถูกนะ แต่มาดให้แนวนั้นจริงๆ
แต่ก็โอเค ถามอะไรไปก็ตอบ ไม่ชักสีหน้าตอนเราเปลี่ยนเมนูแถมมั่วๆ ไปอีกนิดหน่อย
หายไปเกือบห้านาที ได้น้ำสองแก้วที่สั่ง
ปรากฏว่าชาเขียว(หวานนิดเดียว) ของพนักงาน...หวานมากกก สำหรับคนไม่กินหวานอย่างเรา
ไม่มีกลิ่นชาเลย อารมณ์เหมือนกินน้ำหวานสีชาใส่น้ำแข็ง แอบเซ็งนิดๆ แต่ก็...เอาวะ ไหนๆ ก็มาลอง รอให้ครบค่อยว่า
รออาหาร... จำไม่ได้ว่ากี่นาทีแต่ในความรู้สึกเรามันนานไปหน่อยเพราะลูกค้ามีอยู่โต๊ะเดียว แต่ไม่ซีเรียสนักเพราะรอไปคุยไป
มาถึงเมนูที่สั่งกันบ้าง
- ไข่หวานคือเมนูแรกที่มา ถ้าจำไม่ผิด หนึ่งเสิร์ฟมีหกชิ้น หวาน แข็ง เย็น เป็นไข่เชื่อมไม่ใช่ไข่หวาน สรุปกันว่า...ไม่อร่อย
- ซูชิแซลมอน หนึ่งเสิร์ฟคือสองคำ แซลมอนแห้ง กินแล้วคาวนิดๆ ข้าวแน่นมาก
อารมณ์เหมือนเอาข้าวแฉะมาบีบเป็นก้อนแล้วโปะชิ้นปลา เมนูนี้เรากินคนเดียว...ไม่อร่อย
- ทาโกะยากิ...มาไง? ไม่ได้พิมพ์ผิดนะ ทาโกะจริงๆ
เรากับแฟนก็งง มาไง? ถามไปถามมาปรากฏว่าเกี๊ยวซ่าหมด เลยเอาทาโกะมาเสิร์ฟแทนแบบไม่แจ้ง ไม่ถาม ดุ่ยๆ มาตั้งเลย
ตอนแรกยังคิดกันว่าเสิร์ฟผิดโต๊ะด้วยซ้ำ...เมนูนี้วางไว้แต่ยังไม่ได้ชิมเพราะเบนโตะที่สั่งมาเสิร์ฟพอดี
- เบนโตะเทมปุระกุ้ง ข้าวโอเค กุ้งทอดมาสวยแป้งพอง แต่เนื้อแข็ง จืด ขิงดองสีชมพูปรี๊ดมากรสค่อนข้างเปรี้ยว...
เราชอบขิงดองนะ แต่อย่างอื่นเฉยๆ แค่พอกินได้
- เบนโตะแซลมอน ปลาไม่เล็กไม่ใหญ่ จากที่แอบเล็มของแฟนไปนิดหน่อยรสชาติก็โอเค กินได้ ข้าวเราไม่ได้ชิมแต่คิดว่าเหมือนกัน
จุดพีคคือไอ้เมนูสุดท้ายนี่ล่ะ... เพราะหลังจากกินไปได้คนละสองสามคำ ไม่เกินนั้น แฟนขยับชิ้นปลา จะตักข้าว แล้วเจอ...
ภาพอาจจะไม่ชัดมากนัก เพราะโฟกัสไม่ได้เนื่องจากกล้องห่วย+มือสั่น แต่คิดว่าคงจะเดากันออก... มันคือ แมลงสาบ
โปรดฟังอีกครั้ง... มันคือ แมลงสาบ ที่ยังไม่ตายด้วยนะ ขางี้กระดิกแหง็กๆ ตอนแฟนเราคีบมันจากข้าวขึ้นมาวางบนชิ้นปลา
จากที่แฟนเรากินปลาอยู่...พ่นลงจานสิ จะเหลือเหรอ? (ดีที่ไม่พ่นใส่หน้าเรา) จากนั้นของขึ้นทันที
เรียกพนักงานหญิงคนหนึ่งที่ยืนอยู่ไม่ไกลมาหาด้วยสีหน้าโมโหมาก ถามถึงผู้จัดการร้าน แต่วันนี้ผู้จัดการไม่เข้าอยู่แต่รอง
เขาก็เข้ามายืนทำหน้าเจื่อนๆ พนักงานหญิงถอยไปตั้งหลักไกลมากเพราะแฟนเราหน้าเป็นยักษ์ไปล่ะ
พอแฟนเราถามหาพ่อครัว เขาก็ออกมา
ตอนแรกทำหน้าเหมือนไม่สนใจแต่พอเจอโวยวายมากเข้าก็ขอโทษแล้วชักสีหน้าใส่เพราะแฟนเราไม่หยุดเสียงดัง
ผู้หญิงโต๊ะข้างหลังที่เพิ่งมานั่งหันมาเหล่นิดนึง แต่ก็ไม่สนใจ... ณ จุดนี้เราแอบสยองเล็กน้อย
เป็นเรา ได้ยินอย่างนี้ไม่นั่งต่อแล้ว แต่ก็นะ ต่างคนต่างความคิด
ตัดกลับมาที่โต๊ะเรา ซึ่งตอนนี้พ่อครัวเดินกลับเข้าโซนทำอาหารไปแล้ว เหลือแต่รองผู้จัดการยืนรับหน้าอยู่คนเดียว
แฟน : แล้วนี่คุณจะรับผิดชอบยังไง
รอง : ต้องขอโทษด้วยจริงๆ ครับ
แฟน : ทำร้านอาหารแต่ไม่รักษาความสะอาดอย่างนี้ใช้ไม่ได้เลยนะ
รอง : ครับ ต้องขอโทษด้วย
แฟน : ผมขอถ่ายรูปนะ (หันมาบอกให้เราถ่ายรูปเก็บไว้)
รอง : เชิญเลยครับ ต้องขอโทษ เอาเป็นว่ามื้อนี้ผมรับผิดชอบเองครับ
ถ่ายรูปเสร็จ เราเตรียมลุก แฟนฟึดฟัดออกไปรอหน้าร้านล่ะ
รอง : โอกาสหน้าเชิญใหม่นะครับ (ด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม)
เรา : คงไม่มาแล้วค่ะ (ในใจคือมันเฟลไปแล้ว ถึงจะไม่ได้เจอจะๆ ของตัวเองก็เถอะ)
จากเหตุการณ์นี้ทำให้เรากับแฟนเสียความรู้สึกกันมาก บอกได้เลยว่าไม่เข้าร้านนี้อีกแล้ว
และคุยกันเลยว่าต่อให้หิวแค่ไหน ถ้าเป็นร้านอาหารที่ไม่มีคนเข้าทั้งๆ ที่ร้านอื่นในละแวกเดียวกันคนแน่น
เรากับแฟนจะไม่เข้า ไม่มีโมเมนต์ "เฮ้ย...ลองดู เผื่อจะดี" อีกเด็ดขาด
อีกเรื่องคือไม่เข้าใจเลยว่าร้านอาหาร... ไม่เฉพาะร้านนี้นะ แต่หลายๆ ร้าน...
ทำไมไม่รักษาความสะอาดอย่างเข้มงวด (เห็นข่าวเห็นกระทู้อยู่เรื่อยๆ)
เพราะเขาคิดว่าไม่ได้กินเอง? หรือเพราะกฎหมายบ้านเรามันไม่รุนแรงเหมือนต่างประเทศ?
เราว่าเรื่องนี้มันเป็นจรรยาบรรณของร้านอาหารเหมือนกันนะ และเป็นสิ่งสำคัญด้วย
ขายอาหารแต่ไม่รักษาความสะอาด ใครจะอยากเข้า?
ถ้าคิดแค่ว่าลูกค้าคนเดียวฉันไม่แคร์ก็เอา...อีกหน่อยคงเจ๊งหรอก
สุดท้ายที่อยากบอกคือ กินอะไรนอกบ้านกันก็ระวังๆ กันด้วยนะ เผื่อจะเจอโปรตีนเสริมที่ทางร้านแถมมาให้แบบนี้
---------
ปล.1 ที่โพสเพราะต้องการเตือนให้ระวังกัน ไม่ได้ต้องการดิสเครดิตร้าน
ปล.2 ใครที่คิดว่า...เฮ้ย เขาก็รับผิดชอบโดยการไม่คิดเงินแล้ว เมิงจะเอาอะไรอีก...
คุณเห็นต่างจากเรา สำหรับเราไม่ต้องจ่ายไม่ได้แปลว่าจบ
เราไม่ได้ต้องการความรับผิดชอบอื่นใดจากทางร้านทั้งสิ้น เพราะถึงได้มาก็ไม่ไปกินแล้ว
แต่ที่ต้องการคือเตือน เป็นอุทาหรณ์ ทั้งกับคนกินและคนทำร้านอาหาร
ปล.3 ไม่ใช่หน้าม้า สายสืบ โทรจัน จากร้านไหนๆ ที่ต้องการโพสเพื่อสร้างกระแสใดๆ ทั้งสิ้นไม่ว่าจะบวกหรือลบ
ปล.4 ใครกินข้าวอยู่ตอนที่อ่านกระทู้นี้ ขออภัย
ปล.5 ขอนอกเรื่องนิด...เพิ่งเห็นว่าพันทิปมีแท็กพรหมชาติด้วย