ผมได้ไปอ่านกระทู้หนึ่งชื่อกระทู้ “[แชร์ประสบการณ์ ] พบจิตแพทย์เพราะโรคซึมเศร้า โรคใกล้ตัวที่หลายคนมองข้าม” ผมเข้าใจ จขกท. เลย อารมณ์ที่มันอยากฆ่าตัวตายนี่มันเป็นยังไง มีกระทู้หนึ่งมาตอบได้ดีมากครับ บอกให้ฝึกสติและคลายปมในจิตใต้สำนึก มีกระทู้หนึ่งที่บอกว่า โรคซึมเศร้า เป็นกรรมพันธุ์ สืบทอดจากรุ่นสู่รุ่น จากการเลี้ยงดูแบบกดดันและคาดหวังสูง และซึมซับรับเอาพฤติกรรมเหล่านั้น ส่งผลทำให้กลายเป็นคนเครียดง่าย มีปมมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ
กระทู้นั้นเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ผมอยากแชร์ประสบการณ์ความอารมณ์ความรู้สึกตอนที่คิดอยากฆ่าตัวตาย และผมผ่านอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาได้อย่างไร
ผมมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นคนมีปมมีบาดแผลทางใจมาตั้งแต่วัยเด็กครับ ขอไม่เล่ารายละเอียดในส่วนนี้ครับ ขอข้ามไปเล่าเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนทำร้ายจิตใจ พูดและทำไม่ดี หลอกหลวงผม ทำให้ผมเสียใจ ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา เหตุการณ์ที่เขาพูดว่าผมเกิดขึ้นตอนเช้า ตลอดทั้งวันนั้น ผมคิดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แม้ดูเหมือนว่าผมจะทำทำงานพูดคุยกับคนอื่น แต่จิตใจไม่ได้รับรู้อะไรสักเท่าไหร่ ผมหมกมุ่นครุ่นคิดแต่กับเรื่องนี้ ตกเย็น ผมกลับมาบ้าน ผมก็เอาแต่นั่งนิ่ง ๆ และคิดเรื่องที่เขาพูดเขาทำกับเรา ผมทำกิจวัตรประจำวันแบบไม่มีชีวิตชีวา อาบน้ำ กินข้าวเย็น นั่งดูทีวี แต่ก็ไม่รับรู้อะไร ไม่รับรู้เรื่องเวลา ไม่รู้ว่าคนที่บ้านพูดคุยอะไรกันทั้งที่เรานั่งอยู่กับเขา จนถึงตอนเข้านอนก่อนที่จะหลับไปก็คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แต่กับเรื่องนี้
ความรู้สึกมันรุนแรงและท่วมท้นมาก คำพูดและการกระทำของคนที่ทำร้ายความรู้สึกเรามันผุดขึ้นมาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนั้นต่อไปเรื่องนี้ แล้วก็ไปโยงไปดึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาอีก และมันก็วนลูปอยู่อย่างนี้ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เหมือนคนเดินหลงป่าที่เดินวนเวียนไปมาหาทางออกเท่าไหร่ก็ไม่เจอแล้วก็เดินวนกลับมาที่เก่า ความคิดความรู้สึกเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกเสียใจ ความคิดที่อยากจะพูดอยากทำอะไรโต้ตอบออกไปสักอย่าง เพื่อให้เขาได้รู้ตัวรู้สำนึก อยากต่อว่าอยากพูดแรงๆ ให้เขารู้ตัว ในขณะเดียวกัน ผมอยากอยากหยุดความคิดเหล่านี้ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดความคิดเหล่านี้ เหมือนคนหลงป่าที่ยิ่งเดินหาทางออกจากป่าเท่าไหร่ก็ยิ่งหลงเข้าไปในป่าลึก ความคิดมันวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เขาทำให้เราต้องเจ็บปวดเสียใจ แล้วผมก็รู้สึกแย่มากที่รู้สึกแบบนี้ ความคิดความรู้สึกในตอนนั้นของผมมันมีอิทธิพลมีอำนาจมาก ผมไม่อาจต่อสู้หรือขัดขืนมันได้เลย เรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องที่เขาทำให้เราเสียใจ ทำให้ผมโกรธนั้น มันหนักหนาสาหัสมาก ความคิดเหล่านี้ทำให้ผมสับสน สิ้นหวัง อับจนหมดหนทาง ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอะไรเลย และผมต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอด แก้ไขอะไรไม่ได้
ความคิดต่อมา คือ ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ และเราต้องอยู่ในสภาพนี้ กับความคิดความรู้สึกแบบนี้ เราทนไม่ได้ เราไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมล่ะ
อะไรที่ทำให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้
สิ่งที่ทำให้ผมหลุดพ้นจากความคิดที่รุนแรงท่วมท้นวนเวียนซ้ำซากเหล่านั้นจนคิดอยากฆ่าตัวตาย คือ การอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างแท้จริง ผมรู้สึกว่าผมกำลังต่อสู้กับความคิดความรู้สึกด้านลบ ความคิดที่ไม่ดีในหัวของตัวเองอยู่ ผมต่อต้านความคิดความรู้สึกเหล่านี้อยู่ ผมไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ ผมกำลังหลงอยู่ในความคิดเหล่านี้ การอยู่กับปัจจุบันขณะ คือ การรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตอนนี้เท่านั้น การคิดหมกมุ่นแบบนี้ แสดงว่าเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ ผมจึงบอกตัวเองให้เป็นผู้สังเกตดูความคิดที่เกิดขึ้นเหล่านั้น เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ความคิดของเรา ผมไม่ไปต่อต้านหรือตัดสินความคิดเหล่านั้นว่าดีไม่ดี หรือ ว่าชอบหรือไม่ชอบ ผมบอกตัวเองว่า จะดูความคิดเหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว และจะคอยดูว่า ผมจะคิดแบบนี้ไปนานแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งการรับรู้ทั้งหมดมาที่ความรู้สึกทางร่างกายและลมหายใจของตัวเอง ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าออกในตัวผม ผมรู้สึกถึงความอึดอัดไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก บางส่วนในร่างกายที่มันไม่ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ บริเวณท้อง แขน หน้าผากรู้สึกหนัก ๆ และตึงเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณตรงกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ใบหน้าจะรู้สึกชา ๆ เกร็ง ๆ ผมพยายามรับรู้ทั่วทั้งร่างกาย เหมือนเครื่องสแกนที่ปล่อยแสงผ่านตัวตั้งหัวจรดปลายเท้า พร้อมกับหายใจเข้าออกช้าๆ ยาว ๆแต่ความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ก็คอยผุดขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ผมแค่รับรู้มันเฉย ๆ และมุ่งการรับรู้กลับมาที่ร่างกายและลมหายใจเหมือนเดิม ผมทำแบบนี้ ตอนเย็นกลับมาจากที่ทำงาน ประมาณ 10 นาที แล้วก็ผล็อยหลับไป (ผมทำวิธีนี้ตอนนอนเพราะรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกไม่อยากทำอะไร) ตอนเข้านอนก่อนที่จะหลับไป และตื่นนอนเช้าวันถัดมาขณะที่ยังนอนอยู่บนที่นอน ความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ก็ยังผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ รวมความคิดอยากฆ่าตัวตายด้วย ผมก็มุ่งการรับรู้มาที่ร่างกายและลมหายใจเหมือนเดิม
ตอนตื่นเช้าขณะที่ยังนอนอยู่บนที่นอน (และรับรู้ร่างกายและลมหายใจไปพร้อมกัน เพื่อดึงตัวเองออกมาจากความคิดที่วนเวียนซ้ำซากด้านลบต่าง ๆ ) ระหว่างนั้นก็มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองว่า ทำไมเราต้องคิดฆ่าตัวตาย เราเองก็มีค่าไม่ใช่เหรอ การที่เขามาว่าเรา ทำร้ายจิตใจ ทำไม่ดี ทำให้เราเสียใจ มันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเราลดน้อยลงไปเลย ทำไมเราต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับเขาด้วยล่ะ ทำไมต้องให้เขามากำหนดค่าตัวเราด้วย
ผมบอกตัวเองว่า เธอมีค่านะ มีความสามารถ เธอมีประโยชน์ เธอยังทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อีกมายมาย ชีวิตของเธอมีค่ามากนะ คน ๆ นั้นไม่เห็นคุณค่าของเธอไม่เป็นไร นั้นมันเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ คุณค่าของตัวเธอ เธอเป็นคนกำหนดเอง ใครจะว่าอะไรเธอไม่สำคัญ ใครไม่เห็นคุณค่าของเธอไม่สำคัญ ขอเพียงเธอเห็นคุณค่าของตัวเธอเอง ทำอะไรสักอย่างสิ ใช้ความเก่งความสามารถของเธอที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เธอมีความสามารถอะไร เธอยากทำอะไรล่ะ
และคำตอบที่ผมได้จากการถามตัวเองว่ายังมีคุณค่าอะไร คือ การเขียนครับ ผมบอกตัวเองว่า งั้นก็เริ่มต้น เขียนถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายและวิธีที่ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้นี่แหละ
สรุปนะครับ มันอยากมากที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญสุด สำหรับคนที่คิดจะตัวตายที่จะทำให้สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ คือ การมองเห็นคุณค่าของตัวเอง มีศรัทธากับบางสิ่งบางอย่าง และเชื่อว่าตัวเองจะผ่านปัญหาไปได้ กำลังใจและการยอมรับจากคนอื่นไม่สำคัญเท่ากับกำลังใจและการยอมรับที่เรามีให้ตัวเราเอง
[แชร์ประสบการณ์ ] เมื่อผมคิดอยากฆ่าตัวตาย
กระทู้นั้นเป็นแรงบันดาลใจ ทำให้ผมอยากแชร์ประสบการณ์ความอารมณ์ความรู้สึกตอนที่คิดอยากฆ่าตัวตาย และผมผ่านอารมณ์ความรู้สึกตอนนั้นมาได้อย่างไร
ผมมีปัญหาทางด้านอารมณ์และจิตใจ เป็นคนมีปมมีบาดแผลทางใจมาตั้งแต่วัยเด็กครับ ขอไม่เล่ารายละเอียดในส่วนนี้ครับ ขอข้ามไปเล่าเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับผมเมื่อไม่นานมานี้ครับ
เรื่องมีอยู่ว่า มีคนทำร้ายจิตใจ พูดและทำไม่ดี หลอกหลวงผม ทำให้ผมเสียใจ ความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาตลอดเวลา เหตุการณ์ที่เขาพูดว่าผมเกิดขึ้นตอนเช้า ตลอดทั้งวันนั้น ผมคิดแค่เรื่องนี้เรื่องเดียว แม้ดูเหมือนว่าผมจะทำทำงานพูดคุยกับคนอื่น แต่จิตใจไม่ได้รับรู้อะไรสักเท่าไหร่ ผมหมกมุ่นครุ่นคิดแต่กับเรื่องนี้ ตกเย็น ผมกลับมาบ้าน ผมก็เอาแต่นั่งนิ่ง ๆ และคิดเรื่องที่เขาพูดเขาทำกับเรา ผมทำกิจวัตรประจำวันแบบไม่มีชีวิตชีวา อาบน้ำ กินข้าวเย็น นั่งดูทีวี แต่ก็ไม่รับรู้อะไร ไม่รับรู้เรื่องเวลา ไม่รู้ว่าคนที่บ้านพูดคุยอะไรกันทั้งที่เรานั่งอยู่กับเขา จนถึงตอนเข้านอนก่อนที่จะหลับไปก็คิดวนเวียนซ้ำไปซ้ำมาอยู่แต่กับเรื่องนี้
ความรู้สึกมันรุนแรงและท่วมท้นมาก คำพูดและการกระทำของคนที่ทำร้ายความรู้สึกเรามันผุดขึ้นมาตลอดเวลาอย่างต่อเนื่อง เรื่องนั้นต่อไปเรื่องนี้ แล้วก็ไปโยงไปดึงเรื่องโน้นเรื่องนี้เข้ามาอีก และมันก็วนลูปอยู่อย่างนี้ ซ้ำไปซ้ำมาอยู่อย่างนั้น เหมือนคนเดินหลงป่าที่เดินวนเวียนไปมาหาทางออกเท่าไหร่ก็ไม่เจอแล้วก็เดินวนกลับมาที่เก่า ความคิดความรู้สึกเหล่านี้ ซึ่งมีทั้งความรู้สึกโกรธ ความรู้สึกเสียใจ ความคิดที่อยากจะพูดอยากทำอะไรโต้ตอบออกไปสักอย่าง เพื่อให้เขาได้รู้ตัวรู้สำนึก อยากต่อว่าอยากพูดแรงๆ ให้เขารู้ตัว ในขณะเดียวกัน ผมอยากอยากหยุดความคิดเหล่านี้ ผมไม่ชอบความรู้สึกแบบนี้ แต่ก็ไม่สามารถหยุดความคิดเหล่านี้ เหมือนคนหลงป่าที่ยิ่งเดินหาทางออกจากป่าเท่าไหร่ก็ยิ่งหลงเข้าไปในป่าลึก ความคิดมันวนเวียนอยู่กับเรื่องที่เขาทำให้เราต้องเจ็บปวดเสียใจ แล้วผมก็รู้สึกแย่มากที่รู้สึกแบบนี้ ความคิดความรู้สึกในตอนนั้นของผมมันมีอิทธิพลมีอำนาจมาก ผมไม่อาจต่อสู้หรือขัดขืนมันได้เลย เรื่องราวที่เกิดขึ้น เรื่องที่เขาทำให้เราเสียใจ ทำให้ผมโกรธนั้น มันหนักหนาสาหัสมาก ความคิดเหล่านี้ทำให้ผมสับสน สิ้นหวัง อับจนหมดหนทาง ทำอะไรไม่ได้ รู้สึกว่าไม่มีทางเลือกอะไรเลย และผมต้องตกอยู่ในสภาพแบบนี้ไปตลอด แก้ไขอะไรไม่ได้
ความคิดต่อมา คือ ในเมื่อเราทำอะไรไม่ได้ แก้ปัญหาอะไรไม่ได้ และเราต้องอยู่ในสภาพนี้ กับความคิดความรู้สึกแบบนี้ เราทนไม่ได้ เราไม่อยากตกอยู่ในสภาพแบบนี้ แล้วเราจะมีชีวิตอยู่ไปทำไมล่ะ
อะไรที่ทำให้ผมผ่านพ้นช่วงเวลานั้นมาได้
สิ่งที่ทำให้ผมหลุดพ้นจากความคิดที่รุนแรงท่วมท้นวนเวียนซ้ำซากเหล่านั้นจนคิดอยากฆ่าตัวตาย คือ การอยู่กับปัจจุบันขณะอย่างแท้จริง ผมรู้สึกว่าผมกำลังต่อสู้กับความคิดความรู้สึกด้านลบ ความคิดที่ไม่ดีในหัวของตัวเองอยู่ ผมต่อต้านความคิดความรู้สึกเหล่านี้อยู่ ผมไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ ผมกำลังหลงอยู่ในความคิดเหล่านี้ การอยู่กับปัจจุบันขณะ คือ การรับรู้สิ่งที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ตอนนี้เท่านั้น การคิดหมกมุ่นแบบนี้ แสดงว่าเราไม่ได้อยู่กับปัจจุบันขณะ ผมจึงบอกตัวเองให้เป็นผู้สังเกตดูความคิดที่เกิดขึ้นเหล่านั้น เหมือนกับว่ามันไม่ใช่ความคิดของเรา ผมไม่ไปต่อต้านหรือตัดสินความคิดเหล่านั้นว่าดีไม่ดี หรือ ว่าชอบหรือไม่ชอบ ผมบอกตัวเองว่า จะดูความคิดเหล่านั้นเกิดขึ้นเพียงอย่างเดียว และจะคอยดูว่า ผมจะคิดแบบนี้ไปนานแค่ไหน ในขณะเดียวกัน ก็มุ่งการรับรู้ทั้งหมดมาที่ความรู้สึกทางร่างกายและลมหายใจของตัวเอง ผมรู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าออกในตัวผม ผมรู้สึกถึงความอึดอัดไม่สบายตัวอย่างบอกไม่ถูก บางส่วนในร่างกายที่มันไม่ผ่อนคลายเป็นธรรมชาติ บริเวณท้อง แขน หน้าผากรู้สึกหนัก ๆ และตึงเกร็ง โดยเฉพาะบริเวณตรงกลางหน้าผากระหว่างคิ้ว ใบหน้าจะรู้สึกชา ๆ เกร็ง ๆ ผมพยายามรับรู้ทั่วทั้งร่างกาย เหมือนเครื่องสแกนที่ปล่อยแสงผ่านตัวตั้งหัวจรดปลายเท้า พร้อมกับหายใจเข้าออกช้าๆ ยาว ๆแต่ความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ก็คอยผุดขึ้นมาอยู่เรื่อย ๆ ผมแค่รับรู้มันเฉย ๆ และมุ่งการรับรู้กลับมาที่ร่างกายและลมหายใจเหมือนเดิม ผมทำแบบนี้ ตอนเย็นกลับมาจากที่ทำงาน ประมาณ 10 นาที แล้วก็ผล็อยหลับไป (ผมทำวิธีนี้ตอนนอนเพราะรู้สึกไม่มีเรี่ยวแรง รู้สึกไม่อยากทำอะไร) ตอนเข้านอนก่อนที่จะหลับไป และตื่นนอนเช้าวันถัดมาขณะที่ยังนอนอยู่บนที่นอน ความคิดที่ไม่ดีต่างๆ ก็ยังผุดขึ้นมาเรื่อย ๆ รวมความคิดอยากฆ่าตัวตายด้วย ผมก็มุ่งการรับรู้มาที่ร่างกายและลมหายใจเหมือนเดิม
ตอนตื่นเช้าขณะที่ยังนอนอยู่บนที่นอน (และรับรู้ร่างกายและลมหายใจไปพร้อมกัน เพื่อดึงตัวเองออกมาจากความคิดที่วนเวียนซ้ำซากด้านลบต่าง ๆ ) ระหว่างนั้นก็มีคำถามหนึ่งเกิดขึ้นกับตัวเองว่า ทำไมเราต้องคิดฆ่าตัวตาย เราเองก็มีค่าไม่ใช่เหรอ การที่เขามาว่าเรา ทำร้ายจิตใจ ทำไม่ดี ทำให้เราเสียใจ มันไม่ได้ทำให้คุณค่าในตัวเราลดน้อยลงไปเลย ทำไมเราต้องเอาตัวเองไปผูกติดกับเขาด้วยล่ะ ทำไมต้องให้เขามากำหนดค่าตัวเราด้วย
ผมบอกตัวเองว่า เธอมีค่านะ มีความสามารถ เธอมีประโยชน์ เธอยังทำประโยชน์ให้กับคนอื่นได้อีกมายมาย ชีวิตของเธอมีค่ามากนะ คน ๆ นั้นไม่เห็นคุณค่าของเธอไม่เป็นไร นั้นมันเรื่องของเขา ไม่เกี่ยวกับเธอ คุณค่าของตัวเธอ เธอเป็นคนกำหนดเอง ใครจะว่าอะไรเธอไม่สำคัญ ใครไม่เห็นคุณค่าของเธอไม่สำคัญ ขอเพียงเธอเห็นคุณค่าของตัวเธอเอง ทำอะไรสักอย่างสิ ใช้ความเก่งความสามารถของเธอที่มีอยู่ให้เป็นประโยชน์ เธอมีความสามารถอะไร เธอยากทำอะไรล่ะ
และคำตอบที่ผมได้จากการถามตัวเองว่ายังมีคุณค่าอะไร คือ การเขียนครับ ผมบอกตัวเองว่า งั้นก็เริ่มต้น เขียนถ่ายทอดเรื่องราวความรู้สึกอยากฆ่าตัวตายและวิธีที่ผมผ่านช่วงเวลานั้นมาได้นี่แหละ
สรุปนะครับ มันอยากมากที่จะอธิบายให้คนอื่นเข้าใจถึงความรู้สึกของคนที่คิดจะฆ่าตัวตาย ผมคิดว่าสิ่งที่สำคัญสุด สำหรับคนที่คิดจะตัวตายที่จะทำให้สามารถผ่านช่วงเวลานี้ไปได้ คือ การมองเห็นคุณค่าของตัวเอง มีศรัทธากับบางสิ่งบางอย่าง และเชื่อว่าตัวเองจะผ่านปัญหาไปได้ กำลังใจและการยอมรับจากคนอื่นไม่สำคัญเท่ากับกำลังใจและการยอมรับที่เรามีให้ตัวเราเอง