นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง Outdoor life
ท่านทั้งหลายเคยรอคอยอะไรบางอย่างไหมครับ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะเป็นหลายสิ่งหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตหรือเราให้ความสำคัญกับมัน ตั้งหน้าตั้งตารอ หรือรอไปพร้อมๆกับลมหายใจ ใช้ชีวิตไปด้วยรอไปด้วย อย่างมีความหวังหรือเลวร้ายที่สุอคือรอไปอย่างนั้นแหละ รอไปวันๆ
ผมเคยรอหนังสือจำนวนนึง ไม่มากไม่มาย ไม่กี่สิบเล่ม จากวันที่ผมเริ่มรู้จักและเริ่มไขว่คว้าตามหามันมาครอบครอง ผมใช้เวลาทั้งหมด 33 ปี จากพ.ศ. 2530 และมาถึงจุดสิ้นสุดของการรอคอยเมื่อปี 2563 ผมครอบครองหนังสือทั้งหมด 89 ฉบับ
นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง Outdoor life ของลุงเพี้ยน พุ่มชะมวง หรือคุณเธียรชัย ลาภานันต์ ครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับ
หลายท่านอาจจะไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ไม่เคยอ่าน หรือเคยอ่านผ่านๆมาบ้าง หรือบางท่านก็ชอบอ่าน บางท่านอาจจะเข้าขั้นชอบอ่านมากๆหามาอ่านเรื่อยๆ ผมเองอยู่ในประเภทไหนบอกไม่ถูก แต่อ่านทุกวันตั้งแต่อายุ 10-11 ก็อ่านมาเรื่อยๆครับผม จนทุกวันนี้ก็ยังอ่าน อ่านเกือบทุกวันครับ
นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง เป็นหนังสือรายเดือน เริ่มวางแผงหรือวางตลาดตั้งแต่ปี 2524 ผมเองเกิดปี 2520 ครับ ก็เรียกว่าร่วมสมัย ได้อ่านเพราะน้าชายของผมเป็นคนซื้ออ่านแล้วก็ยกให้ผม ในยุคนั้นผมไม่เคยซื้อเอง จนหนังสือได้ปิดตัวลงไปเพราะขาดเงินทุนหมุนเวียนสาเหตุหลักๆก็มาจากลุงเพี้ยนมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นโรคหัวใจ จนในที่สุดชีวิตกลางแจ้งก็ปิดตัวลงไปในปี 2532 โดยฉบับสุดท้ายคือฉบับที่ 8/86
ลุงเพี้ยนก็กลับมาทำชีวิตกลางแจ้งภาคสองในช่วงปี 2538 ออกฉบับบที่ 8/87 และ 8/88 และ 8/89เป็นฉบับสุดท้าย คือภาคสองนี้มีเพียงสามฉบับเท่านั้น และเป็นหนังสือชีวิตกลางแจ้งสามฉบับที่ผมซื้อเองกับมือ
เรื่องเนื้อหาของหนังสือ โดยส่วนใหญ่เป็นการรวมเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกลางแจ้งคือท่องเที่ยวออกไปจากบ้านแล้วทำสิ่งต่างๆเช่นตกปลา ล่าสัตว์ ท่องเที่ยว หาของกิน ทำนองนั้น กินเหล้าด้วย และมีเรื่องเกี่ยวกับมีด ปืน ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในป่า และการอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์ต้นไม้และสัตว์
ชีวิตกลางแจ้งมักจะถูกโจมตีจากผู้คนต่างๆเรื่องการสนับสนุนให้คนฆ่าสัตว์ หรือล่าสัตว์ ก็ต้องยอมรับว่ามันมีเรื่องแบบนั้นอยู่จริง มีการล่าอยู่จริงๆ ในหนังสือชีวิตกลางแจ้ง และในที่ทั่วๆไปในสังคมก็จัดว่าเป็นข้อด้อยของหนังสือ
แต่ที่เหนือกว่านั้นไปอีก คือผมอยากเรียกว่าชีวิตกลางแจ้งเป็นจุดเล็กๆหรือแทบจะเป็นจุดเริ่มของกระแสการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า อนุรักษ์พันธุ์ปลาและสายน้ำ รวมถึงการคงสภาพแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งที่เป็นแหล่งทั่วไปและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นของหน่วยงานของรัฐ
คนที่อ่านชีวิตกลางแจ้งแล้วไปล่าสัตว์ก็มี ไปอนุรักษ์สัตว์ก็มีครับ แล้วแต่คนจะไปทำอะไร มันอยู่ที่คนมันไม่ได้อยู่ที่ของ ผมเองอ่านหนังสือชีวิตกลางแจ้งทุกวันแต่ไม่เคยล่าตัวอะไรเลย ไม่เคยฆ่าสัตว์โดยเจตนา นอกซะจากงูเห่าที่เข้ามาเพ่นพ่านในบ้าน นอกนั้นแม้แต่เห็นแมงมุมชักใยหรือทางเดินมดผมก็ยังเดินเลี่ยง บ้านผมเป็นสถานที่ที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างปรกติ ตามธรรมชาติของกันและกัน จะมีละเมิดความน่าจะเป็นของธรรมชาติก็ตรงผมให้อาหารและน้ำกับสัตว์ป่าสัตว์จรทุกประเภท ที่บ้านผมมีแหล่งน้ำและต้นไม้รวมทั้งอาหารสำหรับนกและแมลง รวมทั้งหมาจร แมวจร เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติที่แท้จริง คืออนุรักษ์ได้ทุกวันทั้งเวลาเวลาตื่น คืนกลับสู่ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์
ที่ผมโปรดปรานที่สุดในหนังสือชีวิตกลางแจ้งก็คือเรื่องมีด ในหนังสือมีเรื่องมีดให้ดูหลายอย่าง เป็นข้อมูลเล็กน้อยรวมๆกันแล้วก็เหมือนแสงสว่างนำทางในคืนอันมีดมิด ตามเรื่องราวที่ลงไว้ในหนังสือชีวิตกลางแจ้งผมทำมีดได้จริงๆ และเป็นพื้นฐานต่อมาในการทำมีดของผม คือลุงเพี้ยนหรือหนังสือชีวิตกลางแจ้งเป็นครูบาอาจารย์ของผม
นอกจากเรื่องมีดแล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่อง
จริงๆแล้วในหนังสือยังอัดแน่นไปด้วยสาระ เป็นปกิณกะธรรมเล็กๆน้อยๆสำหรับการเอาไปใช้ในชีวิต มีทั้งการทำอาหาร การทำมาหากิน เรื่องเกษตร การท่องเที่ยว ศิลปะ บทกวี และความรัก
เรื่องหรือรูปเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในหนังสือ โดยแท้แล้วคือบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่เคยมีในประเทศไทย มีรูปหายากหรือหาดูได้ยาก มีเรื่องราว มีตำนาน มีหลักฐานถึงบางสิ่งบางอย่างซึ่งเราหรือแผ่นดินนี้เคยมี ต้องยอมรับความจริงข้อนึงที่ว่าทุกวันนี้มันแทบไม่มี มันหมดไปแม้จะมีคนถ่ายรูปมันรึไม่ก็ตาม มันจะลาลับไปแม้ไม่มีหนังสือชีวิตกลางแจ้งลงตีพิมพ์เรื่องราวเหล่านั้น
หนังสือทั้งหมดมี 89 เล่ม ผมเองใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมหามาได้ จนครบ เป็นจุดมุ่งหมายเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่มหาศาลในชีวิตโทรมๆของผม
วันนี้ถ่ายรูปมาให้ดูครับผม มีพี่ๆน้องๆหลายท่านสนใจหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน ถ้าอยากหามาอ่านก็อาจจะยากซักหน่อยครับผม หนังสือเก่าและยอดพิมพ์ไม่สูงนัก ฉีกขาดเสียหายสูญสลายไปกับวันเวลา แต่ที่นี่มันยังพอมี ยังมีชีวิตเปล่งปลั่งมลังเมลืองในมุมเหงาๆ อยู่กับเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันมานาน อาจจะเป็นไม่กี่ที่บนโลกใบนี้ที่ตัวอักษรของมันยังมีชีวิตอยู่ ถ่ายทอดเรื่องราวเก่าๆสู่สายตาพร่าเลือน
นานๆผมก็จะขนหนังสือพวกนี้ออกมาผึ่งลมนิดหน่อย ตรวจดูร่องรอยแมลง เปิดเล่มที่ไม่ค่อยได้หยิบมาดูหาแรงบันดาลใจเล็กๆมองหารอยยับที่มีลายนิ้วมือเด็กอายุ 10-11 ขวบติดอยู่ เสพความหลังที่เริ่มเลือนลาง บางทีจำได้บางทีนึกไม่ออก ที่ร้ายกว่านั้นคือจำได้แต่นึกไม่ออก หรือร้ายสุดๆคือไม่เคยมีความทรงจำกับเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นเลย นี่แหละหนาวิกาลแห่งอินทรีย์
ผมได้หนังสือทั้งหมดหลังจากที่รออยู่สามสิบกว่าปี ผมรอได้ ถ้าเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในหัวใจผมรอได้เสมอถึงจะต้องรออยู่ครึ่งชีวิตหรือตลอดชีวิตก็ตาม จะได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้ได้รอ ขอเพียงให้รู้ว่ายังมีบางสิ่งที่มีความหมายกับหัวใจเก่าๆ
ผมมีหนังสือชีวิตกลางแจ้งครบทุกฉบับ ไม่ติดค้างหรือสงสัยในเรื่องใด ผมอ่านครบทุกหน้า อาจจะไม่ทุกตัวอักษรแต่ก็พยายามอ่านให้ได้มากที่สุด เสมอๆและอย่างตั้งใจ บางเล่มผมอ่านมาสามสิบกว่าปีทุกวันนี้ก็ยังอ่านอยู่ คล้ายพวกบ้าที่หลงวนเวียนอยู่กับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาที่ผ่านไปแล้ว
เรื่องราวต่างๆในชีวิตกลางแจ้งเป็นเรื่องที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมหรืออยู่นอกเหนือความรับรู้หรือให้ความสนใจจากผู้คน แต่ข้อเท็จจริงที่อยู่ในนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่จริงและใช้ได้มาตลอดถึงแม้ว่าบางเรื่องจะเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เข้ากับกาลสมัยก็ตาม มันยังมีคุณค่า คุณประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้งทางกายและทางใจ
ตอนนี้ลุงเพี้ยนตายไปแล้ว เสียชีวิตไปหลายปี แต่หนังสือชีวิตกลางแจ้งยังอยู่ อยู่ในซอกหลืบเล็กๆกับใครซักคนที่ยังคงเปิดมันและอ่านเหมือนวันเก่าๆที่เคยเป็นมา อ่านเพื่อซึมซับรสชาติบางอย่างที่ผ่านเลยไปตามวันเวลา แต่เรายังรู้สึกถึงมันได้ บางอย่างหาไม่ได้จากที่อื่น มันอยู่ในนี้เท่านั้น ในหนังสือชีวิตกลางแจ้งและในหัวใจ มันมีชิ้นส่วนซึ่งเติมเต็มช่องว่างของกันและกัน
บางส่วนของชีวิตโลดแล่นอยู่ในความทรงจำ ทรงพลังและอิ่มเอมเสมอถึงรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีทางกลับมา
นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง Outdoor life
ท่านทั้งหลายเคยรอคอยอะไรบางอย่างไหมครับ สิ่งใดสิ่งหนึ่ง หรืออาจจะเป็นหลายสิ่งหลายอย่างที่มีคุณค่าต่อชีวิตหรือเราให้ความสำคัญกับมัน ตั้งหน้าตั้งตารอ หรือรอไปพร้อมๆกับลมหายใจ ใช้ชีวิตไปด้วยรอไปด้วย อย่างมีความหวังหรือเลวร้ายที่สุอคือรอไปอย่างนั้นแหละ รอไปวันๆ
ผมเคยรอหนังสือจำนวนนึง ไม่มากไม่มาย ไม่กี่สิบเล่ม จากวันที่ผมเริ่มรู้จักและเริ่มไขว่คว้าตามหามันมาครอบครอง ผมใช้เวลาทั้งหมด 33 ปี จากพ.ศ. 2530 และมาถึงจุดสิ้นสุดของการรอคอยเมื่อปี 2563 ผมครอบครองหนังสือทั้งหมด 89 ฉบับ
นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง Outdoor life ของลุงเพี้ยน พุ่มชะมวง หรือคุณเธียรชัย ลาภานันต์ ครูบาอาจารย์ผู้ล่วงลับ
หลายท่านอาจจะไม่รู้จัก หรือรู้จักแต่ไม่เคยอ่าน หรือเคยอ่านผ่านๆมาบ้าง หรือบางท่านก็ชอบอ่าน บางท่านอาจจะเข้าขั้นชอบอ่านมากๆหามาอ่านเรื่อยๆ ผมเองอยู่ในประเภทไหนบอกไม่ถูก แต่อ่านทุกวันตั้งแต่อายุ 10-11 ก็อ่านมาเรื่อยๆครับผม จนทุกวันนี้ก็ยังอ่าน อ่านเกือบทุกวันครับ
นิตยสารชีวิตกลางแจ้ง เป็นหนังสือรายเดือน เริ่มวางแผงหรือวางตลาดตั้งแต่ปี 2524 ผมเองเกิดปี 2520 ครับ ก็เรียกว่าร่วมสมัย ได้อ่านเพราะน้าชายของผมเป็นคนซื้ออ่านแล้วก็ยกให้ผม ในยุคนั้นผมไม่เคยซื้อเอง จนหนังสือได้ปิดตัวลงไปเพราะขาดเงินทุนหมุนเวียนสาเหตุหลักๆก็มาจากลุงเพี้ยนมีปัญหาด้านสุขภาพเป็นโรคหัวใจ จนในที่สุดชีวิตกลางแจ้งก็ปิดตัวลงไปในปี 2532 โดยฉบับสุดท้ายคือฉบับที่ 8/86
ลุงเพี้ยนก็กลับมาทำชีวิตกลางแจ้งภาคสองในช่วงปี 2538 ออกฉบับบที่ 8/87 และ 8/88 และ 8/89เป็นฉบับสุดท้าย คือภาคสองนี้มีเพียงสามฉบับเท่านั้น และเป็นหนังสือชีวิตกลางแจ้งสามฉบับที่ผมซื้อเองกับมือ
เรื่องเนื้อหาของหนังสือ โดยส่วนใหญ่เป็นการรวมเรื่องเกี่ยวกับการใช้ชีวิตกลางแจ้งคือท่องเที่ยวออกไปจากบ้านแล้วทำสิ่งต่างๆเช่นตกปลา ล่าสัตว์ ท่องเที่ยว หาของกิน ทำนองนั้น กินเหล้าด้วย และมีเรื่องเกี่ยวกับมีด ปืน ข้าวของเครื่องใช้ เครื่องไม้เครื่องมือเกี่ยวกับการใช้ชีวิตในป่า และการอนุรักษ์ป่า อนุรักษ์ต้นไม้และสัตว์
ชีวิตกลางแจ้งมักจะถูกโจมตีจากผู้คนต่างๆเรื่องการสนับสนุนให้คนฆ่าสัตว์ หรือล่าสัตว์ ก็ต้องยอมรับว่ามันมีเรื่องแบบนั้นอยู่จริง มีการล่าอยู่จริงๆ ในหนังสือชีวิตกลางแจ้ง และในที่ทั่วๆไปในสังคมก็จัดว่าเป็นข้อด้อยของหนังสือ
แต่ที่เหนือกว่านั้นไปอีก คือผมอยากเรียกว่าชีวิตกลางแจ้งเป็นจุดเล็กๆหรือแทบจะเป็นจุดเริ่มของกระแสการอนุรักษ์ป่าและสัตว์ป่า อนุรักษ์พันธุ์ปลาและสายน้ำ รวมถึงการคงสภาพแหล่งท่องเที่ยวต่างๆทั้งที่เป็นแหล่งทั่วไปและแหล่งท่องเที่ยวที่เป็นของหน่วยงานของรัฐ
คนที่อ่านชีวิตกลางแจ้งแล้วไปล่าสัตว์ก็มี ไปอนุรักษ์สัตว์ก็มีครับ แล้วแต่คนจะไปทำอะไร มันอยู่ที่คนมันไม่ได้อยู่ที่ของ ผมเองอ่านหนังสือชีวิตกลางแจ้งทุกวันแต่ไม่เคยล่าตัวอะไรเลย ไม่เคยฆ่าสัตว์โดยเจตนา นอกซะจากงูเห่าที่เข้ามาเพ่นพ่านในบ้าน นอกนั้นแม้แต่เห็นแมงมุมชักใยหรือทางเดินมดผมก็ยังเดินเลี่ยง บ้านผมเป็นสถานที่ที่คนและสัตว์อยู่ร่วมกันได้อย่างปรกติ ตามธรรมชาติของกันและกัน จะมีละเมิดความน่าจะเป็นของธรรมชาติก็ตรงผมให้อาหารและน้ำกับสัตว์ป่าสัตว์จรทุกประเภท ที่บ้านผมมีแหล่งน้ำและต้นไม้รวมทั้งอาหารสำหรับนกและแมลง รวมทั้งหมาจร แมวจร เป็นการอนุรักษ์ธรรมชาติที่แท้จริง คืออนุรักษ์ได้ทุกวันทั้งเวลาเวลาตื่น คืนกลับสู่ธรรมชาติเพื่อการอนุรักษ์
ที่ผมโปรดปรานที่สุดในหนังสือชีวิตกลางแจ้งก็คือเรื่องมีด ในหนังสือมีเรื่องมีดให้ดูหลายอย่าง เป็นข้อมูลเล็กน้อยรวมๆกันแล้วก็เหมือนแสงสว่างนำทางในคืนอันมีดมิด ตามเรื่องราวที่ลงไว้ในหนังสือชีวิตกลางแจ้งผมทำมีดได้จริงๆ และเป็นพื้นฐานต่อมาในการทำมีดของผม คือลุงเพี้ยนหรือหนังสือชีวิตกลางแจ้งเป็นครูบาอาจารย์ของผม
นอกจากเรื่องมีดแล้วก็ยังมีอีกหลายเรื่อง
จริงๆแล้วในหนังสือยังอัดแน่นไปด้วยสาระ เป็นปกิณกะธรรมเล็กๆน้อยๆสำหรับการเอาไปใช้ในชีวิต มีทั้งการทำอาหาร การทำมาหากิน เรื่องเกษตร การท่องเที่ยว ศิลปะ บทกวี และความรัก
เรื่องหรือรูปเกี่ยวกับการล่าสัตว์ในหนังสือ โดยแท้แล้วคือบันทึกทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับสัตว์ป่าและพันธุ์พืชที่เคยมีในประเทศไทย มีรูปหายากหรือหาดูได้ยาก มีเรื่องราว มีตำนาน มีหลักฐานถึงบางสิ่งบางอย่างซึ่งเราหรือแผ่นดินนี้เคยมี ต้องยอมรับความจริงข้อนึงที่ว่าทุกวันนี้มันแทบไม่มี มันหมดไปแม้จะมีคนถ่ายรูปมันรึไม่ก็ตาม มันจะลาลับไปแม้ไม่มีหนังสือชีวิตกลางแจ้งลงตีพิมพ์เรื่องราวเหล่านั้น
หนังสือทั้งหมดมี 89 เล่ม ผมเองใช้เวลาหลายปีในการรวบรวมหามาได้ จนครบ เป็นจุดมุ่งหมายเล็กๆแต่ยิ่งใหญ่มหาศาลในชีวิตโทรมๆของผม
วันนี้ถ่ายรูปมาให้ดูครับผม มีพี่ๆน้องๆหลายท่านสนใจหนังสือเล่มนี้เหมือนกัน ถ้าอยากหามาอ่านก็อาจจะยากซักหน่อยครับผม หนังสือเก่าและยอดพิมพ์ไม่สูงนัก ฉีกขาดเสียหายสูญสลายไปกับวันเวลา แต่ที่นี่มันยังพอมี ยังมีชีวิตเปล่งปลั่งมลังเมลืองในมุมเหงาๆ อยู่กับเพื่อนเก่าที่คุ้นเคยกันมานาน อาจจะเป็นไม่กี่ที่บนโลกใบนี้ที่ตัวอักษรของมันยังมีชีวิตอยู่ ถ่ายทอดเรื่องราวเก่าๆสู่สายตาพร่าเลือน
นานๆผมก็จะขนหนังสือพวกนี้ออกมาผึ่งลมนิดหน่อย ตรวจดูร่องรอยแมลง เปิดเล่มที่ไม่ค่อยได้หยิบมาดูหาแรงบันดาลใจเล็กๆมองหารอยยับที่มีลายนิ้วมือเด็กอายุ 10-11 ขวบติดอยู่ เสพความหลังที่เริ่มเลือนลาง บางทีจำได้บางทีนึกไม่ออก ที่ร้ายกว่านั้นคือจำได้แต่นึกไม่ออก หรือร้ายสุดๆคือไม่เคยมีความทรงจำกับเรื่องจริงที่เคยเกิดขึ้นเลย นี่แหละหนาวิกาลแห่งอินทรีย์
ผมได้หนังสือทั้งหมดหลังจากที่รออยู่สามสิบกว่าปี ผมรอได้ ถ้าเพื่อบางสิ่งบางอย่างที่ติดอยู่ในหัวใจผมรอได้เสมอถึงจะต้องรออยู่ครึ่งชีวิตหรือตลอดชีวิตก็ตาม จะได้หรือไม่ก็ไม่เป็นไร ขอเพียงให้ได้รอ ขอเพียงให้รู้ว่ายังมีบางสิ่งที่มีความหมายกับหัวใจเก่าๆ
ผมมีหนังสือชีวิตกลางแจ้งครบทุกฉบับ ไม่ติดค้างหรือสงสัยในเรื่องใด ผมอ่านครบทุกหน้า อาจจะไม่ทุกตัวอักษรแต่ก็พยายามอ่านให้ได้มากที่สุด เสมอๆและอย่างตั้งใจ บางเล่มผมอ่านมาสามสิบกว่าปีทุกวันนี้ก็ยังอ่านอยู่ คล้ายพวกบ้าที่หลงวนเวียนอยู่กับอนิจจัง ทุกขัง อนัตตาที่ผ่านไปแล้ว
เรื่องราวต่างๆในชีวิตกลางแจ้งเป็นเรื่องที่นับวันจะสูญหายไปจากสังคมหรืออยู่นอกเหนือความรับรู้หรือให้ความสนใจจากผู้คน แต่ข้อเท็จจริงที่อยู่ในนั้นก็ยังเป็นเรื่องที่จริงและใช้ได้มาตลอดถึงแม้ว่าบางเรื่องจะเป็นข้อเท็จจริงที่ไม่เข้ากับกาลสมัยก็ตาม มันยังมีคุณค่า คุณประโยชน์ที่ใช้ได้ทั้งทางกายและทางใจ
ตอนนี้ลุงเพี้ยนตายไปแล้ว เสียชีวิตไปหลายปี แต่หนังสือชีวิตกลางแจ้งยังอยู่ อยู่ในซอกหลืบเล็กๆกับใครซักคนที่ยังคงเปิดมันและอ่านเหมือนวันเก่าๆที่เคยเป็นมา อ่านเพื่อซึมซับรสชาติบางอย่างที่ผ่านเลยไปตามวันเวลา แต่เรายังรู้สึกถึงมันได้ บางอย่างหาไม่ได้จากที่อื่น มันอยู่ในนี้เท่านั้น ในหนังสือชีวิตกลางแจ้งและในหัวใจ มันมีชิ้นส่วนซึ่งเติมเต็มช่องว่างของกันและกัน
บางส่วนของชีวิตโลดแล่นอยู่ในความทรงจำ ทรงพลังและอิ่มเอมเสมอถึงรู้อยู่แก่ใจว่ามันไม่มีทางกลับมา